Categories
เบเกอรี่

คัพเค้กวานิลลา เค้กขนาดมินิที่คนทุกเพศทุกวัยหลงรัก

เค้กจัดเป็นขนมหวานประเภทเบเกอรี่ชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากชาติตะวันตก แต่คนไทยนั้นก็หลงรักกันทั้งประเทศ เค้กแบ่งย่อยออกได้มากมายหลายประเภท หลายขนาด ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนรับประทาน มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ 3 ปอนด์ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก มาจนถึงขนาดเล็กจิ๋วน่ารักแบบคัพเค้ก

เป็นไซส์จิ๋วเล็ก แต่กลับเป็นเค้กไซส์ที่คนนิยมรับประทานกันมากเลยทีเดียว เหตุผลเพราะรับประทานง่าย สะดวก ขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับเป็นขนมของว่างเลี้ยงแขกในงานสำคัญโอกาสพิเศษต่าง ๆ อาทิปีใหม่ วันเกิด งานปาร์ตี้ รวมไปจนถึงงานประชุม งานสัมมนา งานพบปะสมาคม งานเลี้ยงรุ่น เลี้ยงแขกในงานขาวดำ เป็นต้น

จริง ๆ แล้วคนไทยนิยมรับประทานขนมเบเกอรี่ไม่แพ้ขนมไทยเลย และเบเกอรี่ทุกชนิดนั้นค่อนข้างถูกปากคนไทยเลยก็ว่าได้ ธุรกิจการทำเบเกอรี่จึงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้พอสมควร และคัพเค้กก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของขนมเบเกอรี่ที่น่าสนใจ สามารถเพิ่มไอเดียนำไปต่อยอดสร้างเป็นอาชีพ สร้างรายได้ เว็บไซต์ mykitchencook รวบรวมวิธีการทำขนมคัพเค้กวานิลลาไว้ตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ คนที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถศึกษา และฝึกทำได้เลย

วัตถุดิบในการทำคัพเค้กวานิลลา

  • แป้งเค้ก 90 กรัม
  • แป้งสาลี 30 กรัม
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง ( เบอร์ 2 )
  • เนยสดแท้แบบละลาย 60 กรัม
  • สารเสริมเอสพี 2 ช้อนชา
  • นมจืด 65 กรัม
  • น้ำตาลทรายเกล็ดละเอียด 150 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • กลิ่นนมเนย 2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • วัตถุดิบของครีมแต่งหน้าคัพเค้ก
  • วิปปิ้งครีม 180 กรัม
  • น้ำตาลทรายป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอน วิธีการทำคัพเค้กวานิลลา

  1. ทำการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาวทั้ง 4 ฟอง
  2. ใส่น้ำตาลทรายเกล็ดเล็กลงไปผสมกับส่วนของไข่แดง จากนั้นใช้เครื่องตีแป้งแบบมือใส่ตัวตีแบบตะกร้อ ปรับระดับความแรงที่เบอร์ 2 ใช้เวลาตีประมาณ 3- 5 นาที ตีจนน้ำตาลละลาย และส่วนผสมของไข่แดงเข้ากับน้ำตาล
  3. จากนั้นร่อนแป้งเค้ก แป้งสาลี ผงฟู เกลือป่น ลงไปในส่วนผสมของไข่แดง และน้ำตาลทรายที่ตีเข้ากันแล้ว
ขอบคุณภาพจาก pixabay
  1. ใส่ sp ลงไปเพื่อเพิ่มความนุ่มของเนื้อขนมคัพเค้ก
  2. ใส่กลิ่นวานิลลา และกลิ่นนมเนยลงไป จากนั้นแบ่งไข่ขาวส่วนหนึ่งลงไป ใช้เครื่องตี ปรับระดับความแรงเบอร์ 2 ค่อย ๆ ตีจนส่วนผสมเข้ากัน
  3. ใส่ส่วนของไข่ขาว นมจืดที่เหลือทั้งหมดลงไป แล้วใช้เครื่องตีจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
  4. พักส่วนผสทั้งหมดไว้เฉย ๆ ประมาณ 10 นาที แล้วจึงตักใส่ถุงบีบ ใช้อุปกรณ์ปากบีบครีมแบบ 8 แฉก
  5. เตรียมจัดวางถ้วยคัพเค้กกระดาษแบบสำเร็จรูป(อาจจะเป็นถ้วยคัพเค้กการ์ตูนตามชอบก็ได้ จำนวน 12 – 13 ถ้วย จากนั้นบีบส่วนผสมทั้งหมดลงไปในถ้วยคัพเค้กประมาณ 3/4 ของคัพ เผื่อพื้นที่สำหรับเนื้อเค้กฟูขึ้นมา
  6. วอร์มเตาอบทิ้งไว้ 10 -15 นาที จากนั้นใส่ถาดคัพเค้กเข้าไปอบ โดยใช้ไฟอบที่ความร้อน 170 องศาเซลเซียส เปิดทั้งไฟบน ไฟล่าง ใช้เวลาอบ 20 -30 นาที ไม่เปิดพัดลมในตู้อบ เพราะจะทำให้พัดเนื้อเค้กเสียรูปทรง
  7. เมื่ออบได้ที่แล้วเอาคัพเค้กออกมาพักไว้นอกตู้อบ
ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอนการทำครีมสำหรับแต่งหน้าคัพเค้กวานิลลา

  • ผสมวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลทรายป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นใช้เครื่องตี ตีจนวิปปิ้งครีมตั้งยอด และน้ำตาลละลาย
  • ตักวิปปิ้งครีมใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบ 8 แฉก จากนั้นบีบวิปปิ้งครีมแต่งหน้าคัพเค้กเพิ่มความสวยงามได้เลย
ขอบคุณภาพจาก unsplash

เคล็ดลับในการทำคัพเค้กวานิลลาให้นุ่มอร่อย

ก่อนใส่แป้งเค้ก กับแป้งสาลีต้องใช้ตะแกรงร่อนทุกครั้งเพราะเป็นการเพิ่มช่องอากาศให้แป้ง ทำให้เนื้อเค้กนุ่มละมุน

น้ำตาลที่ใช้ผสมวิปปิ้งครีม ควรเลือกใช้น้ำตาลป่น และน้ำตาลไอซิ่งเท่านั้น เพราะจะทำให้น้ำตาลละลายง่าย ไม่เป็นเม็ด ๆ

ไอเดียนำความรู้ข้อมูลการทำคัพเค้กวานิลลาไปต่อยอด

  • สามารถต่อยอดสร้างเป็นอาชีพได้ โดยเริ่มจากทำขายในละแวกใกล้บ้าน
  • เมื่อฝึกจนมีประสบการณ์ดีแล้ว เพิ่มไอเดียสร้างสรรค์ อาทิทำเป็นคัพเค้กผลไม้ คัพเค้กการ์ตูน ต่อยอดทำคอร์สออนไลน์ขายให้กับคนที่สนใจอยากเรียน
  • ติดต่อวางขายคัพเค้กร้านกาแฟ ร้านเครื่องดื่ม ธุรกิจจัดเลี้ยงต่าง ๆ
Categories
ขนมไทย

ขนมไทย ขนมเข่งอัญชันไส้เค็มเหนียวนุ่มหนึบอร่อย

ขนมเข่งเป็นขนมไทยชนิดหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมานาน รสชาติของเนื้อขนมจะเป็นแป้งหนึบหอมอร่อยมาก ข้างในจะเป็นไส้ถั่วมีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยผสมความเค็มโดยรวมแล้วเมื่อรับประทานพร้อมกันทั้งไส้ทั้งแป้งจะกลมกล่อมอร่อยมาก หาซื้อรับประทานยากพอสมควร ส่วนใหญ่จะหาซื้อได้ที่ตลาดเช้า หรือตลาดนัด เป็นขนมที่คนไทยชอบรับประทานกันพอสมควร

ขนมไทยชนิดนี้นิยมใช้เป็นขนมมงคลในการเป็นของไหว้บรรพบุรุษของคนจีน ในเทศกาลตรุษจีนโดยขนมเข่งนั้นมีหลายรูปแบบมากทั้งแบบเป็นกระทง และแบบใช้ใบตองพันมิดชิด ไม่เพียงเท่านั้นเราจะเห็นว่าขนมเข่งนั้นสามารถทำได้หลายแบบ

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ทั้งแบบเนื้อแป้งเป็นสีขาวใส แบบเนื้อแป้งเป็นสีน้ำตาลเข้ม แบบเนื้อแป้งเป็นสีเทา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน สีของเนื้อแป้งขนมเข่งที่แตกต่างกันมาจากการใช้น้ำตาลคนละประเภท นอกจากสีที่แตกต่างกันแล้ว รสชาติก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เว็บไซต์ mykitchencook ได้รวมขั้นตอนของการทำขนมเข่งแบบแนวฟิวชั่น เป็นเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อย และมีสีสัน สำหรับคนที่สนใจเตรียมตัวลงมือทำไปพร้อมกันเลย

วัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ เคล็ดลับ ไอเดียในการต่อยอดการทำเมนูขนมไทย ขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

วัตถุดิบในการทำเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

  1. แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง (ขนมไทยชนิดนี้ขาดไม่ได้)
  2. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลมะพร้าว 65 กรัม
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
  6. น้ำตาลทรายเกล็ดเล็ก 50 กรัม
  7. ดอกอัญชัน 20 ใบ(เพิ่มสีสัน ความสวยงามให้เมนูของหวานไทยโบราณ)
ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบสำหรับทำไส้เค็ม

  1. ถั่วเขียวชนิดลอกเปลือกออกแล้ว 1 1/2 ถ้วยตวง
  2. หอมแดงซอย 1/2 ถ้วยตวง
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  4. เม็ดพริกไทยดำตำละเอียด 1ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

  1. เริ่มจากการคั้นน้ำอัญชัน โดยคั้นแบบเข้มข้นที่สุดเพราะต้องการให้สีของขนมไทยชนิดนี้มีเนื้อเป้งขนมเข่งมีความเข้มของสีอัญชัน ใส่น้ำสะอาดเล็กน้อยผสมกับดอกอัญชันจนได้น้ำดอกอัญชันเข้มข้น
  2. ตั้งหม้อบนไฟระดับเบาใส่น้ำเปล่า น้ำดอกอัญชันคั้น น้ำตาลทราย น้ำตาลมะพร้าว เกลือป่น
  3. ร่อนแป้งข้าวเหนียว และแป้งข้าวเจ้าลงในส่วนผสมที่ตั้งไฟ
  4. จากนั้นค่อย ๆ เคี่ยวส่วนผสมทุกอย่างจนละลาย ถ้าแป้งมีสีอัญชันยังไม่เข้มให้เติมน้ำคั้นดอกอัญชันลงไปจนกว่าจะมีสีเข้มสวยงาม เมื่อเริ่มเดือดให้ยกลงจากเตา นำมาตั้งพักไว้
  5. จากนั้นนำส่วนผสที่ได้มากรองด้วยผ้าขาวบาง 1 ครั้งเพื่อเพิ่มความละเอียดของเนื้อแป้ง
  6. มาถึงขั้นตอนของการกวนไส้เมนูของหวานไทยโบราณ ขนมเข่ง เริ่มจากการแช่ถั่วเขียวแบบลอกเปลือกในน้ำสะอาดไว้ 1 คืน
  7. จากนั้นนำมาต้มจนสุก กรองน้ำออก แล้วน้ำถั่วเขียวปั่นจนละเอียด นำมาตั้งพักไว้
  8. ตั้งกระทะ ปรับระดับไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป ตามด้วยหอมแดงซอย พริกไทยดำตำละเอียด เกลือป่น น้ำตาลทราย และถั่วเขียวปั่นผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ผัดอีกสักพักแล้วยกลงพักให้เย็น
  9. เมื่อส่วนผสมของไส้เย็นแล้วให้ปั้นใส้เค็มเป็นวงกลมตามขนาดที่พอใจ
  10. เตรียมกระทงใบตองวางไว้บนซึ้งนึ่ง (สามารถใช้วิธีการห่อขนมด้วยการพันใบตองก็ได้) แล้วทาน้ำมันพืชในกระทงเพื่อป้องกันแป้งติดก้นใบตอง จากนั้นเทแป้งขนมเข่งลงไป 3/4 ถ้วย แล้วนำไส้เค็มหยอดลงไปตรงกลาง จากนั้นนำขนมเข่งไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 30 -40 นาที
ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับในการทำขนมเข่งอัญชันให้อร่อยน่ารับประทาน

  1. ถ้าต้องการให้สีอัญชันสวยงามเข้ม ห้ามใส่น้ำตาลทรายแดงเด็ดขาดจะทำให้สีของอัญชันไม่สวย
  2. การทำไส้เค็ม ต้องแช่ถั่วเขียวในน้ำอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เพราะถ้าไม่แช่ถั่วเขียวจะเนื้อสัมผัสแข็งไม่ละมุน

ไอเดียต่อยอดจากการทำเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

  1. สามารถพัฒนาฝึกฝน และทำขายสร้างรายได้เสริมได้
  2. พัฒนาสูตรฝึกทำขนมไทยชนิดอื่น และทำเป็นหลักสุตรสอนออนไลน์
  3. เมื่อฝึกจนชำนาญแล้ว พัฒนาสูตรเปิดคอร์สสอนทำขนมสอนแบบตัวต่อตัวจับมือทำ
Categories
อาหารญี่ปุ่น อาหารนานาชาติ

อาหารญี่ปุ่น ซูชิมากิ เสน่ห์ความอร่อยที่คนทั่วโลก ยกนิ้วให้

อาหารญี่ปุ่นนั้นโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ชาติตะวันตกเองก็ยังหลงใหลในอาหารญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่รสชาติความมีเอกลักษณ์ในอาหารเท่านั้น ขั้นตอนวิธีการทำนั้นพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนของการเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงขั้นตอนในการรับประทาน ทุกขั้นตอนนั้นร่วมเต็มไปด้วยศาสตร์ และศิลป์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นนั้นเป็นอาหารที่มีมูลค่าในสายตาของคนทั่วโลก

อาหารญี่ปุ่นนั้นมีเมนูยอดนิยมหลายเมนู แต่เมนูที่โด่งดังมาก คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยนั้นรู้จักเป็นอย่างดีนั่นก็คือเมนูซูชินั้นเอง ไม่เพียงแต่รู้จักเท่านั้น คนไทยยังชื่นชอบ และนิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่น เมนูซูชิกันอย่างมาก เว็บไซต์ mykitchencook จึงรวบรวมข้อมูลการทำซูชิมากิตั้งแต่เริ่มต้น และขั้นตอนในการทำซูชิเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ และต่อยอดทำเป็นอาชีพ

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบในการทำเมนูซูชิมากิ

  1. ข้าวญี่ปุ่น 3 ถ้วย
  2. น้ำสะอาด 300 มล.
  3. น้ำส้มสายชูที่ทำมาจากข้าวหมัก 6 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  5. แตงกวาญี่ปุ่นน 1 ลูก
  6. สาหร่ายแผ่นใหญ่ 2 แผ่น
  7. ผงดาชิ 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมิริน 2 ช้อนโต๊ะ
  9. โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
  10. แครอทหั่นแนวยาว 1/2 ลูก
  11. ไข่หวานสำเร็จรูป 1 แท่ง
  12. เห็ดหอมแห้ง 1 ถ้วยตวง
  13. ซอสมายองเนส 1 ถ้วยตวง

ขั้นตอนการทำเมนูอาหารญี่ปุ่นซูชิมากิ

  1. ขั้นตอนแรกในการทำเมนูอาหารญี่ปุ่น ซูชิมากิ เริ่มต้นโดยการนำข้าวญี่ปุ่นมาล้างทำความสะอาด 3 – 4 ครั้ง จากนั้นแช่ข้าวญี่ปุ่นไว้น้ำสะอาด 30 นาที
  2. เมื่อนำข้าวญี่ปุ่นแช่น้ำครบ 30 นาทีแล้วให้รินน้ำออก แล้วทำการเปลี่ยนน้ำใหม่ จากนั้นใช้วิธีการหุงข้าวบนเตาโดยใช้ไฟระดับกลางเป็นเวลา 30 นาที เมื่อข้าวญี่ปุ่นได้ที่แล้วให้ปรับระดับไฟแรงขึ้น จากนั้นให้ปิดไฟ และปิดฝาหม้อข้าวญี่ปุ่นเพื่อให้ความร้อนระอุกระจายทั่วทั้งหม้อข้าว
  3. วิธีการทำน้ำปรุงข้าว ข้าวที่ใช้ในการทำซูชิรสชาติจะไม่กลมกล่อมถ้าไม่ใส่น้ำปรุง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก กรทำน้ำปรุงนั้นก็ไม่ซับซ้อน สามารถทำง่าย ๆ โดยการใส่น้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาลทราย จากนั้นผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ทิ้งไว้จนเย็น เมื่อข้าวญี่ปุ่นเย็นให้นำมาคลุกกับข้าวญี่ปุ่นโดยค่อยเทใส่ข้าวทีละน้อย เมื่อผสมเสร็จวางข้าวพักไว้ในภาชนะ
ขอบคุณภาพจาก pixabay
  1. จากนั้นเพิ่มอรรถรสให้กับส่วนผสมของเมนูอาหารญี่ปุ่น<ซูชิมากิโดยการต้มน้ำซุปดาชิ โดยการใส่น้ำสะอาดลงไปในหม้อ เปิดไฟระดับกลาง จากนั้นรอให้น้ำเดือด ใส่ผงดาชิ น้ำมิริน และโชยุลงไป จากนั้นนำแคอทลงไปต้มจนสุก
  2. ยังไม่ต้องปิดไฟ ทำการผัดเห็ดหอมต่อ โดยการเทน้ำซุปดาชิที่เหลือออกเล็กน้อย เพิ่มโชยุ น้ำมิรินลงไป น้ำเห็ดหอมลงไปผัดจนเหนียวข้น จากนั้นยกลงพักไว้ให้เย็น
  3. เมื่อเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้ทำการปั้นซูชิมากิได้เลย โดยเริ่มจากการเตรียมเสื่อไม้ไผ่ปั้นซูชิ ให้นำถุงพลาสติกมาคลุมไม้ไผ่ไว้ป้องกันเศษอาหารติดที่ซี่ของไม้ และวิธีนี้ทำให้อายุของการใช้งานเสื่อไม้ไผ่ได้นาน
  4. จากนั้นเริ่มต้นการห่ออาหารญี่ปุ่น ซูชิมากิโดยการวางสาหร่ายแผ่นใหญ่ ตามด้วยข้าวญี่ปุ่น แตงกวา แครอท ไข่หวาน ผัดเห็ดหอม ราดด้วยมายองเนส วางเรียงกันให้สวยงามจากนั้นทำการม้วนให้แน่น แล้วใช้มีดที่มีความคมตัดให้มีความสวยงาม

เคล็ดลับการทำซูชิมากิให้อร่อยน่ารับประทาน

จะว่าไปแล้วเมนูซูชิมากินั้นค่อนข้างต้องใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดหรือเรียกว่าเป็นหัวใจในการทำซูวิมากิเลยก็ว่าได้นั้นก็คือการหุงข้าวญี่ปุ่น เพราะถ้าไม่มีเคล็ดลับในการหุงข้าวญี่ปุ่น ข้าวก็จะไม่พอดี แฉะไปบ้าง ร่วนไปบ้าง เมื่อนำมาปั้นเป็นซูชิก็จะได้รูปทรงไม่ดี

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ไอเดียในการต่อยอดจากการเรียนรูการทำซูชิมากิ

เมื่อฝึกฝนจนเก่งแล้ว สามารถเปิดร้านเมนูอาหารญี่ปุ่นซูชิเป็นของตัวเอง หรือเริ่มต้นจำหน่ายจากช่องทางออนไลน์ก่อนได้เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน สามารถสร้างรายได้เสริมได้เพราะคนไทยนิยมรับประทานซูชิกันมาก

ใส่ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาต่อยอดคิดรูปแบบซูชิในแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าจากนั้นก็สามารถเปิดสอนการทำซูชิออนไลน์ให้กับคนที่สนใจเรียนได้ วิธีนี้สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง และยั่งยืน

Categories
อาหารไทย

ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูอาหารไทย รสชาติถูกใจคนทั่วโลก

ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูแซ่บรสชาติเผ็ดร้อนด้วยเครื่องสมุนไพรหลายชนิด สามารถรับประทานต้มยำกุ้งน้ำข้นเป็นแบบกับข้าวกินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะรับประทานเป็นอาหารทานเล่นก็ได้ รสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านถูกใจไทย และคนทั่วโลกมาก

ต้มยำกุ้งน้ำข้นจัดว่าเป็นเมนู อาหารทะเลประเภทซุปชนิดหนึ่ง เมื่อซดน้ำต้มยำกุ้งจะช่วยทำให้โล่งคอ ในประเทศไทยสามารถหาซื้อรับประทานต้มยำกุ้งได้เกือบทุกร้านอาหารทั่วไป เพราะเป็นเมนูยอดฮิตเป็นเมนูยอดนิยมที่คนรับประทานกันในชีวิตประจำวัน

โดยเฉพาะประเทศไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะเล กุ้งแชบ๊วยที่นำมาทำต้มยำนั้นก็มีความหวานสดอร่อยแบบธรรมชาติ บวกกับเครื่องสมุนไพรฤทธิ์ร้อนหลากหลายชนิดนั้น ทำให้รสชาติออกมาแซบลงตัวกลมกล่อม ความอร่อยนั้นเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก

หลายคนที่ไม่เคยทำต้มยำกุ้งน้ำข้นจะคิดว่าเป็นเมนูที่ทำยาก แท้ที่จริงแล้วเมนูนี้เป็นเมนูที่ทำง่าย หาวัตถุดิบง่าย อีกทั้งใช้เวลาในการทำไม่นาน เว็บไซต์ mykitchencook ได้ทำการรวบรวมข้อมูล และวัตถุดิบขั้นตอนในการทำไว้แล้วสำหรับคนที่สนใจในการทำเมนูชื่อดังนี้

วัตถุดิบ วิธีทำ เคล็ดลับ ไอเดียต่อยอดจากความรู้การทำเมนู อาหารไทยต้มยำกุ้งน้ำข้น

  1. กุ้งแชบ๊วย 8 ตัว ควรเลือกกุ้งที่มีความสดใหม่
  2. น้ำพริกเผาสำหรับทำเมนู อาหารต้มยำโดยเฉพาะ 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย
  4. เห็ดฟาง 1/2 ถ้วย
  5. ใบมะกรูด 15 ใบ
  6. ข่าหั่นเป็นชิ้น 1/2 ถ้วย
  7. ตะไคร้หั้นเฉียง 4 ต้น
  8. หอมแดงหั่น 5 หัว
  9. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  10. มะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
  11. นมข้นจืด 8 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำสะอาด 500 มล.
  13. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  14. ผักชีฝรั่ง 3 ต้น
  15. ซุปก้อนรสหมู 1/2 ก้อน (สามารถใช้รสชาติอื่นได้)
  16. พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด(สามารถเพิ่มลดปริมาณพริกได้ตามความชอบ)
  17. พริกจินดา 10 เม็ด (สามารถเพิ่มลดปริมาณพริกได้ตามความชอบ)

ขั้นตอนในการทำเมนู อาหารต้มยำกุ้งน้ำข้น

  1. ทำการลอกเปลือกกุ้งออกบริเวณลำตัว เว้นส่วนหัว และส่วนหางกุ้งเอาไว้ การปอกแบบนี้เหมาะที่สุดสำหรับนำมาทำเมนูอาหารทะเลจากนั้นนำกุ้งไปล้างน้ำจนสะอาด แล้วนำมาพักไว้
  2. จากนั้นใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟให้น้ำเดือด ใส่ซุปก้อน ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด หัวหอมแดง เกลือป่น พริกจินดาทุบ พริกขี้หนูทุบ
  3. เมื่อน้ำซุปเริ่มเดือดให้ใส่น้ำพริกเผาสูตรสำหรับทำต้มยำลงไปคนให้เข้ากัน ใส่นมข้นจืด ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
  4. ใส่เห็ดนางฟ้า เห็ดฟางลงไป (ใครมีเห็ดชนิดไหนสามารถใส่รวมลงไปได้เลย)
  5. ใส่กุ้งแชบ๊วยลงไป จากนั้นใส่ผักชีฝรั่ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ขั้นตอนนี้ไม่ใช้เวลานาน เพราะถ้าตั้งไฟนานจะทำให้กุ้งนั้นเนื้อแข็งกระด้าง
  6. จากนั้นฉีกใบมะกรูดสดลงก้นชาม และใส่น้ำมะนาวเตรียมไว้ แล้วเทใส่เมนู อาหารต้มยำน้ำข้นใส่ จากนั้นคนให้ส่วนผสมเข้ากัน (เหตุผลที่ไม่ปรุงรสมะนาวขณะอยู่บนเตานั้นก็เพราะจะทำให้เกิดรสชาติขมได้) เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำเมนูระดับโลกต้มยำกุ้งน้ำข้น

เคล็ดลับในการทำเมนู อาหารต้มยำกุ้งน้ำข้นให้ออกมารสชาติอร่อยสมเป็นเมนูระดับโลก

  1. การแกะกุ้ง ควรลอกแค่เปลือกส่วนกลางลำตัวเท่านั้น ไม่ต้องเอาหัวออกเพราะต้มยำกุ้งน้ำข้นนั้นต้องการรสชาตินัวของส่วนหัวมันกุ้งด้วย
  2. ถ้าใครสามารถหากะทิสดได้ ใส่ลงในเมนูอาหารทะเลต้มยำกุ้งน้ำข้นจะทำให้รสชาติอร่อยหอมมัน
  3. การปรุงรสเปรี้ยวนั้น ห้ามทำกาบีบมะนาวขณะที่ที่ตั้งต้มยำกุ้งบนเตาเด็ดขาดจะทำให้รสชาตินั้นเปลี่ยนกลายเป็นรสเฝื่อน และขมได้

ไอเดียต่อยอดจากการศึกษาเมนูต้มยำกุ้งน้ำข้น

เมื่อฝึกทำจนอร่อย มีรสชาติที่โดดเด่นเฉพาะตัว สามารถเปิดร้านขายเมนู อาหารอาหารทะเล อาหารไทยได้

เมื่อชำนาญแล้ว ปรับสูตรให้เป็นสูตรเฉพาะของเราเอง แล้วทำเป็นหลักสูตรสอนเป็นคอร์สออนไลน์

แตกไลน์พัฒนาสูตร และเรียนรู้การทำอาหารไทยเมนูใกล้เคียงกัน เพื่อต่อยอดความรู้ และสามารถเปิดสอนให้กับคนไทย และคนต่างชาติที่สนใจเรียนทำอาหารไทย อาชีพนี้สร้างรายได้อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว

เมื่อทำเก่งแล้วพัฒนาสร้างสรรค์ทำเมนูอาหารทะเลอื่น ๆ ถ่ายคลิปวิดิโอลงสื่อโซเชี่ยลประชาสัมพันธ์อาหารไทย เพื่อต่อยอดให้คนรู้จัก เพิ่มช่องทางหารายได้ในอนาคตได้

Categories
ขนมไทย

ข้าวเหนียวมูนมะม่วง ขนมไทยที่ฮอตที่สุดในช่วงหน้าร้อน

ช่วงหน้าร้อนนี้ นอกจากไฮศครีมแล้วข้าวเหนียวมูนมะม่วงก็เป็นอีกเมนูขนมหวานที่คนนิยมรับประทานเพื่อดับร้อนกันมาก เพราะความหวานเย็นฉ่ำของมะม่วงสุกรับประทานคู่กับข้าวเหนียวมูนหวานหอม ทำให้รู้สึกสดชื่นท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดเลยทีเดียว

ข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วงนั้นเป็นของหวานที่คนทุกเพศทุกวัยชอบรับประทาน สามารถหาซื้อรับประทานได้ทั่วไป ยิ่งข้าวเหนียวมูนที่เม็ดสวยรสชาติหวานหอมกำลังดีบวกกับมะม่วงหวานเย็นชื่นใจ เป็นความอร่อยที่ลงตัว

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิดูเหมือนจะเป็นเมนูขนมไทยที่ทำง่าย แต่แท้ที่จริงแล้วทำง่ายก็จริง แต่เรื่องที่ยากคือจะมูนข้าวเหนียวอย่างไรให้อร่อย เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจการเรียนการทำขนม และเพื่อนำไปต่อยอดสร้างอาชีพ เว็บไซต์ mykitchencook ได้รวบรวมวิธีการทำและเคล็ดลับในการมูนข้าวเหนียวน้ำกะทิมะม่วงให้อร่อยละมุน

วัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ เคล็ดลับ ไอเดียต่อยอดเมนูขนมไทย ข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วง

วัตถุดิบในการทำเมนูขนมไทยข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วง

  1. มะม่วงสุก
  2. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 900 กรัม
  3. สารส้ม 1 ก้อน (สำหรับล้างข้าวเหนียวเพื่อให้ข้าวเหนียวมีเม็ดสวยงาม)
  4. ใบเตย 1 กำ
  5. กะทิ 750 กรัม
  6. น้ำตาลทรายขาว 350 กรัม
  7. เกลือ 3 ช้อนชา

วัตถุดิบสำหรับทำน้ำกะทิราดหน้า

  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำตาลทราย 65 กรัม
  3. เกลือ 1 ช้อนชา
  4. กะทิ 350 กรัม
  5. ใบเตย 1 กำ (เพิ่มความหอม)
ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วง

  1. เมนูขนมไทย ข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วง ใช้ข้าวเหนียวเขียวงู และล้างด้วยสารส้ม โดยถูสารส้มให้สัมผัสกับเนื้อข้าวเหนียว วิธีนี้จะช่วยให้ข้าวเหนียวเม็ดสวยเรียงตัว
  2. เมื่อล้างข้าวเหนียวเสร็จ ให้แช่ข้าวเหนียวข้ามคืน หรืออ่างน้อย 5 ชั่วโมง
  3. จากนั้นนำข้าวเหนียวมาล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง ใช้วิธีการนึ่งข้าวเหนียวแบบใช้หวดนึ่งข้าวเหนียว โดยใส่น้ำไว้ในหม้อนึ่งครึ่งหม้อ จากนั้นนึ่งข้าวเหนียว 15 นาทีโดยไฟระดับกลาง
  4. เมื่อนึ่งข้าวเหนียวครบ 15 นาทีแล้ว ให้ฝัดข้าวเหนียวกลับด้าน จากด้านบนลงล่าง จากนั้นปิดฝาหวด แล้วนึ่งข้าวเหนียวต่ออีก 15 นาที
  5. ทำน้ำกะทิมูนข้าวเหนียวของว่างไทยง่ายๆโดยใส่กะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย และใบเตยเพิ่มความหอม 1 กำผสมให้เข้ากัน จากนั้นน้ำไปตั้งไฟค่อย ๆ เคี่ยวให้เริ่มมีความร้อนแต่ไม่ต้องให้เดือด ยกลงพักให้หายร้อนจัด
  6. นำข้าวเหนียวที่ยังมีความร้อนอยู่มาผสมกับน้ำกะทิมูนข้าวเหนียวที่ยังมีความร้อนอยู่ ใช้ไม้พายคลุกเคล้าให้น้ำกะทิซึมเข้าข้าวเหนียว ใช้เวลาคน 20 นาที จากนั้นปิดฝาพักไว้ 10 นาที
  7. เมื่อพักข้าวเหนียวครบ 10 นาทีแล้ว ให้ใช้ไม้พายคนข้าวเหนียวอีกครั้งให้ทั่ว จากนั้นพักข้าวเหนียว ปิดฝาไว้อีก 10 นาที เป็นอันเสร็จขั้นตอนการมูนขนมไทยข้าวเหนียวน้ำกะทิ
  8. มาถึงการทำน้ำกะทิราดหน้าข้าวเหนียวมูน เริ่มจากการผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น จากนั้นนำมาละลายนน้ำกะทิ แล้วนำไปตั้งไฟในระดับอ่อนไม่ถึงขั้นเดือดจัด จากนั้นยกลงจากเตาพักไว้
  9. ทำการปอกมะม่วง ก่อนที่จะใส่มะม่วงบนข้าวเหนียว ให้ใช้น้ำสะอาดแช่เกลือราดบนผิวมะม่วง
  10. เสิร์ฟข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิ พร้อมมะม่วงสุกหั่น แล้วราดน้ำกะทิ เพียงแค่นี้ก็ได้รับประทานขนมหวานแสนอร่อยฉ่ำใจ
ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับในการทำเมนูข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วง

  1. ในการปรุงรสชาติน้ำกะทิสำหรับเมนูของว่างไทยง่ายๆมูนข้าวเหนียวควรเน้นรสเค็มกว่าปกติเล็กน้อย เพราะเมื่อนำน้ำกะทิมามูนกับข้าวเหนียวนึ่งนั้นจะทำให้ได้ข้าวเหนียวมูนที่รสชาติพอดี
  2. ใช้สารส้มในการล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงูเพื่อให้เม็ดข้าวเหนียวสวยงาม เรียงตัวน่ารับประทาน
  3. ใส่ใบเตยลงในขั้นตอนการเคี่ยวน้ำกะทิมูนข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มความหอมละมุนให้กับน้ำกะทิ
  4. ผสมเกลือป่นลงในน้ำสะอาดจนละลาย จากนั้นนำมาราดบนผิวมะม่วงที่ปอกแล้วจะทำให้มะม่วงไม่ดำคล้ำ
  5. การปอกมะม่วงควรปอกจากซ้ายไปขวาแล้วตลบเปลือกขึ้นจึงค่อยย้ายฝั่งไปปอกอีกด้านหนึ่ง การปอกวิธีนี้จะทำให้มะม่วงไม่ช้ำ

ไอเดียต่อยอดการนำความรู้เมนูข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วง

  1. เมื่อฝึกทำเก่งแล้วสามารถทำข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิมะม่วงสูตรเด็ดจำหน่ายสร้างรายได้
  2. พัฒนาสูตรขึ้นมา ทำหลักสูตรการสอนทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
Categories
เบเกอรี่

บราวนี่ช็อกโกแลตเข้มหนึบ สาวกช็อกโกแลตห้ามพลาด

บราวนี่เป็นขนมที่จัดว่าคนไทยให้ความนิยมรับประทานกันมากโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น บราวนี่มีส่วนผสมหลักเป็นช็อกโกแลต ใช้วัตถุดิบในการทำเพียงไม่มีอย่าง สามารถทำได้เพียงไม่กี่ขั้นตอน เป็นขนมที่มีรสชาติเข้มข้นเน้นรสชาติของช็อกโกแลต หวานกำลังดี

เป็นขนมที่สามารถรับประทานได้ทุกโอกาส และสามารถให้เป็นของขวัญวันสำคัญ เป็นของที่ระลึก และสามารถหาซื้อได้ง่ายมากโดยเฉพาะในโลกของออนไลน์ เพราะมีคนทำบราวนี่ขายกันเยอะมาก เรียกว่าบางคนทำขายกันแบบจริงจังเลยก็มี

บราวนี่นั้นมีมากมายหลายสูตร และลักษณะของเนื้อแป้งบราวนี่นั้นก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็จะใส่ปริมาณวัตถุดิบที่ต่างกัน วิธีการทำต่างกัน อาทิ บราวนี่แบบเนื้อแป้งแห้งสำหรับคนที่ชอบเนื้อแป้งบราวนี่แบบแห้งร่วนไม่ชอบหนึบ การทำก็จะใส่เป้งสาลีเยอะ ช็อกโกแลตไม่เยอะ จะเน้นรสชาติของแป้ง และวัตถุดิบอื่นมากกว่า

ขอบคุณภาพจาก unsplash

บราวนี่แบบเนื้อหนึบเหนียว เนื้อบราวนี่ไม่แห้งร่วน แต่ก็ไม่ถึงกับเนื้อฉ่ำ วัตถุดิบที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มความหนึบนุ่มได้แก้น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันมะพร้าว และเพิ่มปริมาณของช็อกโกแลตเพื่อให้เข้าถึงสัมผัสของช็อกโกแลตมากขึ้น และดูเหมือนว่ากระแสของความนิยมการรับประทานบราวนี่เนื้อหนึบหน้าฟิล์มนั้นมาแรงมาก ทางเว็บไซต์ mykitchencook จึงรวบรวมการทำเมนูบราวนี่เนื้อหนึบหน้าฟิล์มมาให้คนที่สนใจ ศึกษาเรียนรู้การทำ และนำไปพัฒนาต่อยอดสร้างงาน สร้างอาชีพ รวมถึงทำให้คนที่เรารักรับประทานได้

วัตถุดิบ วิธีขั้นตอน เคล็ดลับในการทำบราวนี่เนื้อหนึบหน้าฟิล์ม

  • ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์ 1 )
  • น้ำตาลทรายเนื้อละเอียด 125 กรัม
  • แป้งสาลี 80 กรัม
  • ช็อกโกแลตสำเร็จรูปคอมพาวด์ 50 กรัม
  • ช็อกโกแลตแบบ 70 % 40 กรัม
  • น้ำมันรำข้าว / น้ำมันมะพร้าวแบบทำอาหาร 70 กรัม
  • ผงโกโก้ 40 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา

ขั้นตอน วิธีการทำขนมบราวนี่เนื้อหนึบหน้าฟิล์ม

  1. ใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลทรายละเอียดลงในภาชนะ จากนั้นใช้อุปกรณ์ตีไข่ค่อย ๆ ตีจนส่วนผสมเข้ากัน ขั้นตอนนี้สำคัญกับการทำขนมบราวนี่มาก
  2. ใช้กะละมังใบใหญ่ตั้งน้ำร้อน แล้วนำภาชนะที่ผสมไข่น้ำตาลเสร็จแล้วลงไปอังความร้อนจากน้ำร้อนในขณะเดียวกันก็คนให้น้ำตาลละลาย เมื่อน้ำตาลละลายก็นำมาตั้งพักไว้
  3. ใส่ช็อกโกแลตคอมพาวด์ ช็อกโกแลต 70 % และนำมันรำข้าวลงในภาชนะเดียวกัน จากนั้นนำไปอังความร้อนจากภาชนะที่ใส่น้ำร้อนไว้ คนจนช็อกโกแลตละลายเหลว
  4. จากนั้นร่อนแป้งสาลี ผงฟู กับผงโกโก้ด้วยตะแกรงลงไปจนหมด แล้วก็คนส่วนผสมทุกอย่างให้เป็นเนื้อเดียวกัน ยกลงจากเตามาพักไว้จนหายร้อน
  5. เมื่อส่วนของช็อกโกแลตหายร้อนแล้ว ให้ทำการเทลงไปรวมกับส่วนของไข่และน้ำตาลที่ผสมไว้แล้ว จากนั้นผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน จะมีลักษณะข้นเหนียวหนืด
ขอบคุณภาพจากpixabay
  1. เตรียมถาดขาดเล็ก 1 ใบ โดยทำการรองกระดาษไขแล้วทานั้นที่กระดาษไขให้มีความมันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เนื้อบราวนี่ติดก้นถาด
  2. เทส่วนผสมของแป้งบราวนี่ทั้งหมดลงไปในถาดแล้วเขย่าถาดเล็กน้อยให้ส่วนผสมเสมอเท่ากัน
  3. ก่อนอบต้องวอร์มไฟตู้อบก่อน 10 – 15 นาที จากนั้นใส่ถาดบราวนี่เข้าไปอบใช้ไฟ 170 องศาเซลเซียส อบนาน 30 นาที
  4. เมื่ออบครบ 30 นาทีใช้ไม่จิ้มลงไปในเนื้อบราวนี่ ถ้าไม่มีเศษแป้งติดขึ้นมาแสดงว่าเนื้อบราวนี่ข้างในสุกได้ที่แล้ว แต่ถ้าใช้ไม้จิ้มแล้วเนื้อแป้งข้างในติดไม้มา ต้องอบต่ออีก 10 – 15 นาที จึงจะสุก
  5. จากนั้นเมื่อสุกนำมาตั้งพักไว้ให้หายร้อนจัด
  6. สำหรับการทำบราวนี่ขายใช้มีดสำหรับตัดขนมตัดขนมเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสในมุมเท่ากัน ในขั้นตอนนี้ถ้าใช้มีดไม่คม บราวนี่จะเป็นขุยไม่เรียบสวย
  7. เสิร์ฟบราวนี่เนื้อหนึบหน้าฟิล์มรับประทานคู่กับชาอุ่นสักแก้วอร่อยเข้ากันมาก
ขอบคุณภาพจากpixabay

เคล็ดลับในการทำขนมบราวนี่ให้หนึบดังใจ และมีหน้าฟิล์มสวยไม่แตก

ใส่น้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันมะพร้าว รวมถึงเพิ่มปริมาณช็อกโกแลตแบบ70% เข้าไปในส่วนผสมจะทำให้เนื้อบราวนี่ไม่แห้งร่วน หนึบหนับ และมีรสชาติเข้มข้นช็อกโกแลต

หน้าฟิล์มของบราวนี่จะสวยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนของการผสมไข่ไก่กับน้ำตาล ถ้าน้ำตาลละลายได้หมดในเวลาอันรวดเร็วจะทำให้หน้าฟิล์มที่ได้สวยเนียนแตกแห้ง

ไอเดียนำความรู้วิธีการทำบราวนี่เนื้อหนึบหน้าฟิล์มพัฒนาต่อยอด ฝึกทำบราวนี่จนชำนาญ เพิ่มความคิดสร้างสรรค์สามารถทำบราวนี่ขายสร้างรายได้พัฒนาสูตรหลาย ๆ แบบเปิดหลักสูตรสอนออนไลน์

Categories
อาหารนานาชาติ

เมนูอาหารซุปกิมจิ เมนูยอดฮิตที่สาวกเกาหลีพลาดไม่ได้

อาหารเกาหลีนั้น เป็นอาหารประจำชาติของประเทศเกาหลี เมื่อเรานึกถึงประเทศเกาหลี เมนูภาพจำที่ผุดขึ้นมาโดยที่เราไม่ต้องคิดเลยนั่นก็คือเมนูผักดองกิมจิ เป็นการถนอมอาหารรูปแบบหนึ่งของอาหารเกาหลี สามารถเก็บกิมจินี้ไว้รับประทานได้นานแรมเดือน
อีกทั้งยังสามารถนำผัดกิมจินี้ไปทำเมนูอาหารต่าง ๆ ได้มากมายหลายสิบเมนู และเมนูที่คนนิยมนำกิมจิไปทำมากเมนูหนึ่งเลยนั่นก็คือเมนูซุปกิมจิ เว็บไซต์ mykitchencook ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่วิธีการดองผักกิมจิ ไปจนถึงขั้นตอนการทำซุปกิมจิ เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจเรียนรู้ในการทำอาหารเกาหลี

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบ และขั้นตอนในการทำผักดองกิมจิเมนู อาหารแบบเกาหลีต้นตำรับ

วัตถุดิบสำหรับการดองผักกิมจิ

ผักกิมจินั้นเมื่อดองเสร็จเรียบร้อย 3 – 4 วันก็จะสามารถนำไปทำเป็นเมนูอาหารซุปกิมจิได้

  1. ผักกาดขาว 1 หัว
  2. เกลือป่น 2 – 3ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำสะอาด 300 มล.
  4. แป้งข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  6. หัวหอมใหญ่ 3/4 ถ้วยตวง
  7. กระเทียมกลีบใหญ่ 3/4 ถ้วยตวง
  8. แครอทหั่น 1/2 หัว
  9. หัวไชเท้าหั่น 1 หัว
  10. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  11. ต้นหอมหั่นยาว 1 ถ้วยตวง
  12. พริกเกาหลีป่น 1.5 ถ้วยตวง
  13. ขิงหั่น 1ช้อนโต๊ะ
  14. เนื้อปลาหมึกสดสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง (สามารถใช้กุ้งฝอยแทนได้) เมื่อนำกิมจิไปทำเมนูอาหารต้มจะให้รสชาติของความเป็นทะเล อาหารทะเล

ขั้นตอนในการดองผักกิมจิ

  1. ล้างทำความสะอาดผักกาดขาวให้สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรก ฝุ่น (เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากของเมนูอาหารชนิดนี้)
  2. ใช้มีดหั่นโคนออกเล็กน้อยอย่าให้ใบผักกาดขาวหลุดจากขั้ว
  3. ใช้มีดผ่าตรงเฉพาะส่วนโคนให้เป็นแนวทะแยกมุม 2 แฉก แล้วค่อย ๆ ฉีกผักกาดขาวออกตามแนวมีด เพราะจะทำให้เครื่องต่าง ๆ ที่ใช้ในการดองซึมเข้าเนื้อผักง่ายกว่าการใช้มีดตัด
  4. จากนั้นนำเกลือป่นมาทาทุกส่วนของผักกาดขาว จากนั้นทำการพลิกบนพลิกล่างทุก 40 นาที เป็นเวลา 4 ครั้ง จากนั้นนำมาล้างน้ำสะอาด 3 – 4 ครั้งเพื่อเอาความเค็มออกให้ได้สัก 70 เปอร์เซ็น ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ถ้าผักมีความเค็มมากเมื่อนำกิมจิไปทำเมนูอาหารต้ม ซุปกิมจิจะรสชาติขมไม่อร่อย)
  5. วีธีการทำน้ำดองผัก น้ำภาชนะตั้งไฟเปิดไฟอ่อน ใส่แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย จนส่วนผสมทุกอย่างละลายเข้ากัน ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบางหรือตะแกรงอีก 1 ครั้ง
  6. จากนั้นน้ำปลาหมึกสดมาบดรวมกับหัวหอมใหญ่ซอย ขิงหั่น กระเทียม บดจนละเอียด
  7. จากนั้นนำน้ำแป้งข้าวเหนียวที่กรองเสร็จแล้ว มาผสมกับส่วนผสมของวัตถุดิบที่นำมาบด คลุกเคล้าให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันตั้งพักไว้
  8. ใส่ผักกาดขาวที่ล้างเอาความเค็มออกเเล้วมาใส่ในน้ำดองที่เตรียมไว้ ใส่แครอท หัวไชเท้า หอมใหญ่หั่นลงไป เติมสีสัน เพิ่มความเผ็ดให้เมนูอาหารนี้ด้วยการใส่พริกเกาหลี ตามด้วยน้ำปลา
  9. ใช้ช้อน หรือใส่ถุงมือคลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นตกใส่กล่อง นำไปแช่ไว้ในตู้เย็น ก่อนที่จะนำผักดองมาทำซุปกิมจิ ต้องดองอย่างน้อย 3 – 4 วัน
ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบ การทำเมนูซุปกิมจิ

  1. น้ำ และเนื้อกิมจิ 400 กรัม
  2. น้ำซุปกระดูกหมู 400 กรัม
  3. กระดูกหมู 4 ชิ้น
  4. เต้าหู้ขาวหั่น 1 แผ่น
  5. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
  6. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือป่น 2 ช้อนชา
  8. ต้นหอมหั่น 1 ถ้วยตวง
  9. หอมใหญ่หั่น 2 หัว
  10. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  11. ต้นหอมแต่งหน้า

ขั้นตอนการทำซุปกิมจิ

  1. ซุปกิมจิ เป็นเมนูที่นำผักดองกิมจิมาทำเป็นเมนูอาหารต้ม ตั้งกระทะ ใช้ระดับไฟปานกลาง จากนั้นใสน้ำซุปกระดูกหมู กระดูกหมู น้ำเนื้อกิมจิ ซีอิ้วขาว เกลือป่น หอมใหญ่หั่น ต้นหอมหั่น ตั้งไฟจนเดือด จากนั้นใส่เต้าหู้ขาวลงไป
  2. ใส่เป็นไข่ที่ต้มสุกแล้วก็ได้ หรือจะตอกไข่ดิบใส่เลยก็ได้ แม้แต่ใส่ตอนหลังจากยกหม้อลงจากเตาแล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน แล้วแต่ความชอบ
  3. จากนั้นโรยหน้าซุปกิมจิด้วยผักชี
ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับในการทำซุปกิมจิให้อร่อยน่ารับประทาน

หัวใจของการทำซุปกิมจิให้น่ารับประทานนั้น อยู่ที่ขั้นตอนของการดองผักกิมจิ การดองผักนั้นไม่ควรดองให้มีรสชาติเค็มจนเกินไป ดังนั้นในขั้นตอนของการล้างน้ำเกลือจากผักกาดขาวออก จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องล้างน้ำเกลือออกจนเกือบไม่เหลือความเค็มของผักกาดขาวเลย
เมื่อล้างน้ำเป็นครั้งที่ 3 ควรชิมผักกาดให้มีความเค็มติดปลายลิ้นนิดหน่อย ถ้าชิมแล้วยังมีความเค็มให้ล้างน้ำจนกว่าจะเหลือความเค็มแค่ปลายลิ้นเท่านั้น

Categories
อาหารไทย

เมนูอาหาข้าวมันไก่ สารอาหารครบ จบภายในจานเดียว

ในยุคที่มีแต่ความเร่งรีบอาหารที่คนนิยมรับประทานก็จะเป็นอาหารจานเดียว เพราะอร่อย รับประทานง่าย ราคาประหยัด อีกทั้งยังอยู่ท้องได้นานหลายชั่วโมง นอกจากอาหารตามสั่งแล้ว เมนูอาหารข้าวมันไก่ก็เป็นเมนูอาหารที่หลายคนนิยมรับประทานกันมาก
สามารถรับประทานได้ทุกมื้อ ทั้งเช้า เที่ยง เย็น อุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วน ทั้งโปรตีนจากเนื้อไก่ คาร์โบไฮเดรตจากแป้ง วิตามินจากแตงกวา อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของสมุนไพรขิง รากผักชี พริกสดในน้ำจิ้มอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก pixabay
ขอบคุณภาพจาก pixabay

ข้าวมันไก่สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย ผู้ใหญ่สามารถรับประทานกับน้ำจิ้มรสชาติเผ็ดร้อนได้ ส่วนเด็กสามารถรับประทานข้าวมันไก่กับซอสหวาน ร่วมกับการซดน้ำซุปไก่ เรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารที่ตอบโจทย์คนทุกวัย เว็บไซต์ mykitchencook จึงรวบรวมข้อมูลการทำข้าวมันไก่ไว้อย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจเรื่องเมนูข้าวมันไก่ และสำหรับคนที่กำลังมองหาอาชีพเสริม อาชีพใหม่สร้างรายได้

วัตถุดิบ ขั้นตอน เคล็ดลับ ไอเดียต่อยอดเมนูข้าวมันไก่

  1. ไก่ 1 ตัว (ใช้ทุกส่วนของไก่ )
  2. น้ำส้มสายชูสำหรับล้างความคาวของไก่
  3. เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับล้างความคาวของไก่ เมนูอาหารที่ถ้าไก่คาวจะหมดความอร่อยในทันที)
  4. น้ำ 3 ลิตรสำหรับต้มน้ำซุปไก่
  5. รากผักชี 6 ราก
  6. ขิงหั่น 2 แง่ง
  7. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ผักชี 1 กำ
  9. แตงกวาหั่น 2 – 3 ผล
  10. หัวไชเท้าหั่น 1 ผล
  11. ข้าวหอมมะลิ 2 ถ้วยใหญ่
  12. น้ำมันพืช
  13. หัวหอมแดงทุบ 2 หัว
ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบของน้ำจิ้มเมนูข้าวมันไก่

  1. กระเทียมไทย 1 ช้อนโต๊ะ
  2. ขิงหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
  3. รากผักชี 2 ราก
  4. พริกขี้หนูซอย 3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเผ็ดน้อยสามารถลดปริมาณพริกลงได้)
  5. เต้าเจี้ยว 5 ช้อนชา
  6. น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย 1 / 2
  8. เกลือป่น 2 ช้อนชา
  9. น้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
  10. ซีอิ้วดำ 3 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบเครื่องเคียง

  1. ขิงหั่นชิ้นเล็ก
  2. พริกขี้หนูซอย

ขั้นตอนการทำเมนูข้าวมันไก่

  1. ขั้นตอนแรกเริ่มจากการต้มน้ำซุป โดยใส่น้ำลงในหม้อ เกลือป่น รากผักชีทุบ เปิดไฟเบา
  2. นำไก่เป็นตัวมาสับแยกชิ้นส่วน แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดที่ผสมเกลือ และน้ำส้มสายชู หลายครั้งจนไม่มีกลิ่นคาว (ไก่ 1 ตัวกินกันได้ทั้งครอบครัว เมนูอาหารง่ายๆประหยัด)
  3. ไม่ต้องรอให้น้ำเดือด ให้ใส่ทุกส่วนของไก่ลงไป ยกเว้นส่วนของหนังไก่ จากนั้นเคี่ยวน้ำซุปไปเรื่อย ๆ ด้วยไฟเบาประมาณ 2 ชั่วโมง
  4. จากนั้นตักเนื้อไก่ขึ้นมาพักไว้ แล้วหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ เหลือแต่ส่วนของซี่โครงไก่ไว้ในหม้อน้ำซุป แล้วเพิ่มหัวไชเท้าลงไปในหม้อน้ำซุป
  5. นำน้ำสะอาด ผสมเกลือป่น และน้ำมันพืชแล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำไปทาบนเนื้อไก่เพื่อให้ไก่เนื้อฉ่ำไม่แห้งแม้ต้องวางไว้หลายชั่วโมง (เมนูอาหารนี้จะอร่อยได้ต้องมีเทคนิค)
  6. จากนั้นมาถึงขั้นตอนการหุงข้าวมันไก่ โดยเริ่มจากการตั้งกระทะให้ร้อน เปิดไฟเบา จากนั้นใส่หนังไก่ลงไปเจียว พร้อมกับขิงหั่น หอม กระเทียม รากผักชีจนหอม
  7. จากนั้นใส่ข้าวหอมมะลิที่ยังเป็นข้าวสารอยู่ลงไปผัด ผัดในระดับหนึ่งไม่ถึงกับสุก
  8. ตักข้าวหอมมะลิที่ผัดกับหนังไก่ใส่ลงในหม้อหุงข้าว แล้วตักน้ำซุปไก่ใส่ลงไปเหมือนเราหุงข้าวปกติ จากนั้นก็ตั้งหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเพื่อหุงข้าวมันไก่รอจนสุก
  9. วิธีการเสิร์ฟ ตักข้าวมันไก่ใส่จาน ตามด้วยเนื้อไก่ พร้อมเครื่องเคียงพริกสด แตงกวาหั่น ขิงหั่น และน้ำซุป แต่งหน้าเพิ่มความงามด้วยผักชีโรยหน้า

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่

  1. ใส่ขิง รากผักชี กระเทียมลงไปตำในครกให้ละเอียด จากนั้นใส่พริกสดลงไปตำ ตามด้วยเต้าเจี้ยว เกลือป่นน้ำต้มสุก
  2. ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู น้ำตาลมะพร้าว และน้ำตาลทราย ชิมรสชาติตามชอบ
ขอบคุณภาพจาก pixabay
ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับในการทำข้าวมันไก่ให้อร่อยน่ากิน

  1. ในขั้นตอนการต้มไก่ไม่ต้องรอให้น้ำเดือด จะได้เนื้อไก่ที่นุ่ม
  2. ผสมน้ำมันพืช น้ำสะอาด เกลือป่นเข้าด้วยกัน แล้วทาลงบนหนังไก่จะทำให้หนังไก่เนื้อชุ่มไม่แห้งเซ็ง

ไอเดียการต่อยอดจากการทำเมนูข้าวมันไก่

เมื่อฝึกทำจนชำนาญสามารถเปิดร้านขายข้าวมันไก่ เป็นเมนูอาหารง่ายๆประหยัด ลงทุนน้อยแต่สร้างรายได้อย่างงามเลยทีเดียว สร้างสรรค์สูตรที่มีรสชาติน้ำจิมโดดเด่น สามารถทำคอร์สสอนออนไลน์จำหน่ายได้

สล็อตเว็บตรง แตกง่าย