Categories
อาหารไทย

เปลี่ยนเมนูตามใจปาก เป็นเมนู อาหารลดน้ำหนัก รูปร่างสวยแบบไม่ต้องอดอาหาร

ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินอย่างมาก ประชากรในประเทศนั้นเข้าถึงแหล่งอาหารที่หลากหลาย มีให้รับประทานกันทั้งปี จนในปัจจุบันประชากรไทยมีหลายคนประสบปัญหาน้ำหนักเกิน ภาวะความอ้วนทั้งหญิง และชาย

สำหรับในเรื่องของการลดน้ำหนักตัวแบบยั่งยืนนั้นไม่มีทางลัดอย่างแน่นอน มีทางเดียวเท่านั้นที่สามารถที่จะหุ่นดีแบบยั่งยืนคือการรับประทานอาหารในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนน้ำหนักเกิน ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้เป็นเมนู อาหารลดน้ำหนัก ไปในตัว กินแล้วไม่อ้วน ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ตามความต้องการของร่างกาย

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ปรับวัตถุดิบสาเหตุอ้วนในเมนูอาหารเดิม ให้เป็นเมนู อาหารลดน้ำหนัก

อาหารที่หลายคนชอบรับประทานนั้น เมื่อสังเหตุวิเคราะห์แล้วพบว่าแต่ละเมนูนั้นล้วนมีรสชาติหวาน มัน ครบสูตร เต็มไปด้วยวัตถุดิบแป้ง และน้ำตาล เราสามารถรับประทานเมนูเดิมได้แบบไม่อ้วน โดยปรับให้เป็นเมนู อาหารลดน้ำหนัก เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ เรียกได้ว่าเป็น อาหารลดน้ำหนักแบบบบ้าน ๆ ที่เราสามารถดัดแปลงได้เองง่าย ๆ

อาทิ เมนูผัดกระเพราหมูสามชั้นกับไข่ดาว เพียงแค่ปรับวัตถุดิบโดยการใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืช หรือน้ำมันปาล์ม เปลี่ยนจากเนื้อหมูสามชั้น เป็นเนื้อหมูส่วนที่ไขมันน้อย หรือเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อื่นอาทิอกไก่ ใช้ผลิตภัณฑ์หญ้าหวานแทนน้ำตาลทรายฟอกขาว เกลือปรุงรสอาหารแทนซอสต่าง ๆ หรือลดปริมาณซอสต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด ใส่ใบกระเพราะ เพิ่มผักลงในกระเพราเพื่อเพิ่มสารอาหาร สำหรับส่วนของไข่ดาว ให้ทอดไข่ดาวในกระทะเทฟล่อน โดยที่ไม่ต้องใส่น้ำมัน หรือจะทอดในหม้อทอดไร้น้ำมันก็ได้

เพียงเท่านี้เราก็สามารถรับประทานเมนูอาหารแบบเดิมที่ชอบได้โดยสามารถ ควบคุมอาหาร ลดพุง ไม่อ้วนเพราะปรับเปลี่ยนวัตถุดิบที่เป็นสาเหตุของความอ้วนแล้ว สามารถรับประทานอาหารอย่างสบายใจแบบไม่ต้องอด และยังเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ ได้หุ่นดีแบบระยะยาวยั่งยืนอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับหุ่นสวยพร้อมกับความสุขในการรับประทานอาหารที่ชอบ

  1. รับประทานอาหารที่ชอบได้เหมือนเดิมทุกเมนู เพียงแค่รู้จักปรับวัตถุดิบให้เป็นเมนู อาหารลดน้ำหนัก ตัดวัตถุดิบสาเหตุอ้วนไม่ใส่แป้ง น้ำตาล เครื่องปรุงรสจัด
  2. ทำเมนูจัด ตารางอาหารลดน้ำหนัก อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การลดน้ำหนักทำได้อย่างต่อเนื่องยั่งยืน โดยอาหารลดน้ำหนักมื้อเย็น นั้นจะมีปริมาณน้อยกว่ามื้ออื่น และเน้นวัตถุดิบผักมากเป็นพิเศษ
  3. สามารถรับประทานอาหารได้ทุกครั้งเมื่อรู้สึกหิวระหว่างวัน โดยเลือกรับประทานผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลที่น้อยมาก อาทิฝรั่ง แอปเปิ้ล เป็นต้น
  4. เพิ่มการรับประทานน้ำสะอาดในแต่ละวันให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอจะทำให้ไม่รับประทานอาหารมากจนเกินไป

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
อาหารนานาชาติ

พิซซ่า เมนูอาหารอาหารว่างรับประทานง่าย ทำขายกำไรงาม

พิซซ่า อาหารว่างรับประทานง่าย ส่วนประกอบหลักทำจากแป้งพิซซ่า แป้งสาลี มีหลากหลายรูปแบบทั้งแบบแผ่นหนา แผ่นบาง ขอบชีส ขอบไส้กรอก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาเลี่ยน คนไทยให้ความนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างในวันหยุดพักผ่อน อาหารรับประทานเล่น หรือเป็นเมนูที่เป็นกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์กันในครอบครัว

สำหรับใครที่ต้องการรับประทานแบบรวดเร็วสะดวกสามารถสั่งซื้อง่าย เพราะพิซซ่าแทบทุกแบรนด์มีบริการสั่งซื้อทางช่องทางออนไลน์ และสำหรับใครที่อยากทำ พิซซ่า รับประทานเองสไตล์โฮมเมด ก็สามารถทำเองได้ง่ายเพียงแค่มีเตาอบเท่านั้น

ขอบคุณภาพจาก unsplash

วัตถุดิบสำหรับทำเมนู พิซซ่า แป้งบางหน้าชีส สไตล์โฮมเมด

ส่วนของแป้ง พิซซ่า (ส่วนผสมนี้ทำแผ่นใหญ่ได้ 2 ถาด ถ้าแผ่นเล็กได้ 3 – 4 ถาด )

  1. แป้งพิซซ่า 250 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 10 กรัม
  3. ยีสต์แห้ง 9 กรัม
  4. เนยสดเหลว 25 มล. (เมนูพิซซ่า นี้สามารถใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืชธรรมดาแทนได้)
  5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  6. น้ำต้มสุก (น้ำอุ่น ) 130 มล.

ส่วนของหน้าพิซซ่า (ถ้าต้องการทำ พิซซ่าพัฟ จะต้องเพิ่มส่วนผสมทุกอย่างเป็นสองเท่า)

  1. น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  2. ผงสมุนไพรออริกาโน่ 1 ช้อนโต๊ะ(เพิ่มความหอม)
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  4. พริกไทยดำป่นละเอียด 1/2 ช้อนชา
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
  6. เนื้อมะเขือเทศเข้มข้นแบบกระป๋อง 2 ช้อนโต๊ะ
  7. มะเขือเทศสดผลใหญ่ 1 ผล

ส่วนประกอบโรยหน้า

ชีสยืดขูด ( ชีสมอสซาเรลล่าชีส ) ใช้ประมาณ 500 – 600 กรัม

ถ้าต้องการรสเพิ่มรสชาติของชีสให้ผสมชีสชนิดอื่นลงไปด้วย จะให้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัวยิ่งขึ้น

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ขั้นตอนวิธีการทำ เมนู พิซซ่า แป้งบางหน้าชีส สไตล์โฮมเมด

  1. ใส่แป้ง พิซซ่า เกลือป่น ชีสต์แห้ง เนยสดเหลว น้ำตาลทราย น้ำต้มสุกลงเครื่องนวดแป้ง ตั้งเวลานวดประมาณ 15 นาที (นวดไม่ถึงขั้นขึ้นฟิล์มเหมือนการนวดแป้งขนมปัง)
  2. เมื่อนวดแป้ง พิซซ่าได้ตามต้องการแล้ว นำแป้งพิซซ่ามาพักประมาณ 1.30 ชั่วโมง
  3. ระหว่างที่รอการพักแป้งให้ทำใส่ส่วนผสมมะเขือเทศสด น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทยดำป่น ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด จากนั้นใส่เนื้อมะเขือเทศเข้มข้นลงไปปั่นพอประมาณ เทใส่ภาชนะพักไว้
  4. นำส่วนผสมทท่ปั่นเสร็จตั้งไฟ เปิดไฟระดับกลาง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ เมื่อเริ่มร้อนให้บี้ผงออริกาโน่ใส่ลงไป เคี่ยวต่อสักพัก ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายเป็นอย่างสุดท้าย จากนั้นยกลงพักไว้จนเย็น
  5. เมื่อพักแป้งพิซซ่าครบ 1.30 ชั่วโมง แป้งพิซซ่าที่ได้จะมีน้ำหนักประมาณ 500 กรัม ถ้าอยากได้ถาดใหญ่แบ่งเป็นก้อนละ 180 – 190 กรัม
  6. นวดแป้งพิซซ่าให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใช้ไม้รีดแป้งรีดแป้งพิซซ่าจนเป็นแผ่นบาง (ขั้นตอนนี้ต้องเตรียมแป้งสาลีไว้โรย)
  7. จากนั้นทาซอสบนแผ่นพิซซ่าจนทั่ว โรยด้วยมอสซาเรลล่าซีสขูดตามชอบ
  8. การอบพิซซ่าถ้ามีเหล็กอบพิซซ่าโยเฉพาะจะดีมาก แต่ถ้าไม่มีให้ใช้วิธีการคว่ำถาดลง แล้วใช้พิซซ่าวางบนถาด โดยการเคลื่อนย้ายพิซซ่าจากแผ่นรองพิซซ่าทรงกลมวางลงบนถาดด้านในตู้อบ
  9. ขั้นตอนการอบ การตั้งอุณหภูมิ(เป็นขั้นตอนปราบเซียนเรียกได้ว่าเป็นขั้นตอน เทคนิคการทำแป้งพิซซ่าให้อร่อย)ในการอบ 230 -250 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบ 3 – 5 นาทีเท่านั้น เปิดทั้งไฟบน ไฟล่าง พัดลม เพื่อให้พิซซ่าสุกรอบทิศทาง เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนู อาหารนานาชาติ พิซซ่าโฮมเมด แป้งบาง ชีสยืดแสนอร่อยไว้รับประทานแล้วค่ะ

ขอบคุณภาพจาก unsplash

Categories
อาหารนานาชาติ

กาแฟ เครื่องดื่มทรงอิทธิพลต่อคนทั่วโลก

เครื่องดื่ม กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีใครไม่รู้จัก คนทั่วโลกต่างนิยมชมชอบการดื่มกาแฟ เริ่มดื่มกันตั้งแต่วัยรุ่นจนไปกระทั่งถึงวัยสูงอายุ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องที่ทรงอิทธิพลอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถ้าดื่มในปริมาณที่พอดีจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

กาแฟนั้นมีมากมายหลายรูปแบบแล้วแต่ความชอบในแต่ละบุคคล ทั้งแบบเอสเปรสโซ่สำหรับคนที่ชอบรสชาติเพียว ๆ ของกาแฟ ต่างชาติจะนิยมแบบเป็นช็อตเล็ก คนไทยจะดื่มแบบใส่น้ำแข็ง จะไม่ดื่มเข้มเหมือนชาติตะวันตก

ส่วนคนที่ชอบแนวครีม หวาน หอม มันก็จะดื่มแบบคาปูชิโน่ ลาเต้ ส่วนใครที่ชอบแนวฮาร์ดคอก็ต้องเป็นกาแฟ สด และกาแฟดำ และไม่ว่าจะเป็นกาแฟประเภทไหน เมื่อดื่มเข้าไปแล้วก็ช่วยให้ร่างกายสดชื่น และให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบ ส่วนผสมสำหรับชง กาแฟ ร้อนสไตล์โบราณ

  1. น้ำสะอาด 500 มล. (สำหรับต้มผง กาแฟ)
  2. ผงกาแฟโบราณ 1 ถ้วยตวง
  3. นมข้นหวาน 25 มล.
  4. นมข้นจืด 25 มล.
  5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

ขอบคุณภาพจาก unsplash

วิธีทำ ขั้นตอนการชงกาแฟร้อนสไตล์โบราณ

  1. ใส่น้ำสะอาดลงในหม้อ ต่อด้วยการใส่ผง กาแฟ โบราณลงไปต้ม เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเดือด ให้ใช้ช้อนคนสักพัก แล้วยกลงจากเตา
  2. เตรียมผ้าขาวบางที่สะอาด แล้วเทน้ำ กาแฟ ลงเพื่อให้กรองผ่านผ้าขาวบาง
  3. มาถึงขั้นตอนการชงกาแฟโบราณ โดยเริ่มจากการใส่นมข้นหวาน ตามด้วยนมข้นจืด น้ำตาลทราย จากนั้นจึงใส่น้ำกาแฟที่กรองแล้ว 110 มล. คนให้เข้ากัน เพียงเท่านนี้ก็ได้เครื่องดื่ม กาแฟร้อน ดื่มร้อน ๆ จะได้อรรถรสอย่างมาก (ถ้าอยากดื่มเป็นเมนู กาแฟเย็น ก็สามารถทำได้ ให้เติมน้ำแข็งลงไป ใส่น้ำตาลทรายเพิ่ม)

วัตถุดิบ ส่วนผสมเมนู กาแฟ เอสเปรสโซ่ส้มซ่า (เอสเปรสโซ่ฟิวชั่น)

  1. กาแฟ ดำ 4 ช้อนชา
  2. น้ำสะอาด 250 มล.
  3. มะนาว 3 ผล (สามารถใช้ส้มแทนได้ หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวได้)
  4. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  5. น้ำแข็งคุณภาพดี (ละลายช้า)
  6. โซดา 60 มล.

ขั้นตอนการทำเมนู กาแฟ เอสเปรสโซ่ส้มซ่า (เอสเปรสโซ่ฟิวชั่น)

  1. เริ่มจากขั้นตอนของการชง กาแฟ โดยการเทน้ำร้อนใส่ใน กาแฟชนิด กาแฟดำยี่ห้ออะไรก็ได้จากนั้นใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
  2. คั้นน้ำมะนาว (อย่าลืมเอาเมล็ดออก)พร้อมผสมเกลือป่นลงไปคนให้เข้ากัน
  3. ขั้นตอนในการเสิร์ฟให้สวยงามให้เห็นชั้นแยกของกาแฟกับน้ำมะนาวอย่างชัดเจน เริ่มจากการใส่น้ำกาแฟลงไปก่อนใสแก้ว จากนั้นจึงใส่น้ำแข็งตามลงไปทีหลังจนเต็มแก้ว เทส่วนของน้ำมะนาว สุดท้ายเพิ่มความซ่าสุด ๆ ด้วยการใส่โซดาลงไป

สูตรกาแฟ เอสเปรสโซ่ส้มซ่า ดื่มแล้วให้ความรู้สึกตื่นตัวสดชื่นอย่างมาก สำหรับคนธาตุอ่อนต้องเริ่มดื่มในปริมาณที่น้อยก่อน เครื่องดื่มนี้เหมาะสมมากกับคนที่ท้องผูกจะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดีมาก

ขอบคุณภาพจาก unsplash

Categories
อาหารนานาชาติ

สารพัด เมนูไข่ เมนูอาหารอร่อย รับประทานง่ายของคนทั่วโลก

เมนูไข่ ถือได้ว่าเป็นอาหารที่มีความเป็นสากลอย่างมาก คนทั่วโลกนิยมรับประทานไข่ และใช้ไข่เป็นส่วนประกอบทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน ไข่นั้นเป็นอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารโปรตีนสูงมาก รับประทานแล้วอยู่ท้อง ให้พลังงานสูง มีรสชาติอร่อย สามารถดัดแปลงสร้างสรรค์เป็นอาหารร้อยพันเมนู

และเนื่องด้วยทุกประเทศในโลกนี้ล้วนแล้วแต่รับประทานไข่ ความหลากหลายความวาร์ไรตี้ของไข่จึงเกิดขึ้น เพราะแต่ละชนชาตินั้นมีวิธีการรับประทานอาหารต่างกัน มีวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ทุกวันนี้เราได้เห็นไข่ในรูปแบบอาหารที่ทำให้เราต้องทึ่งกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลี เป็นประเทศที่นำเอาศิลปะมาใช้ในการทำ เมนูไข่ อย่างสวยงาม

ขอบคุณภาพจาก pixabay

การรับประทาน เมนูไข่ สไตล์ไทย ๆ

คนไทยเรารับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก โดยจะนิยมรับประทานข้าวกับแกง ผัด น้ำพริก และกับข้าวต่าง ๆ ได้ทั้ง 3 มื้อคือเช้า เที่ยง เย็น การรับประทาน เมนูไข่ แบบอาหารคาวนั้นสำหรับคนไทยนั้น จะไม่นิยมรับประทานไข่แบบเปล่า ๆ และในเรื่องของการ สร้างสรรค์เมนูไข่ ประเทศไทยยังไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่จะนิยมการรับประทานไข่เป็นอาหารข้างเคียง เน้นในเรื่องรสชาติอร่อยมากกว่า อาทิ รับประทานไข่ดาวกับข้าวกระเพราหมู ไข่ดาวกับข้าวผัด ไข่ดาวกับผัดพริกแกง ไข่เจียวกับน้ำพริกกะปิ ไข่ต้มกับน้ำพริกปลาร้า ไข่ต้มกับขนมจีน เป็นต้น หรือนำมาทำเป็นกับข้าวอาทิ ไข่พะโล้ ยำไข่ดาว ไข่ยัดไส้ ไข่ลูกเขย เป็นต้น

ในส่วนของอาหารหวานนั้นบอกได้เลยว่าไข่เป็นพระเอกเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าคนไทยนิยมการรับประทานขนมหวานที่มีส่วนผสมของไข่มาก อาทิ บัวลอยไข่หวาน สังขยาไข่ สังขยาฟักทอง ขนมทองหยิบ ทองหยอด ทองเอก ฝอยทอง เม็ดขนุน เป็นต้น เรียกได้ว่าเมนูไข่นั้นมีแต่ เมนูไข่แซ่บ ๆ ทุกเมนูทั้งคาวหวาน แทรกซึมเข้าไปทุกรูปแบบอาหารของคนไทยเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก pixabay

การรับประทาน เมนูไข่ ของคนต่างประเทศ

สำหรับในคนต่างประเทศนั้นก็มีความนิยมรับประทานไข่เช่นเดียวกับคนไทย ทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน ในบางประเทศที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานอาหารมังสวิรัติอาจจะมีความนิยมรับประทานไข่น้อยลงมานิดหน่อย ในส่วนของประเทศแถบตะวันตก ทั้งแถบยุโรป และแถบสแกนดิเนเวียนั้นไข่มีราคาไม่แพงเพราะเป็นกลุ่มอาหารที่จัดอยู่ในอาหารหลักที่คนนิยมรับประทาน จะนิยมรับประทาน เมนูไข่ เป็นออมเเล็ตในตอนเช้า หรือเป็นเมนูไข่ดาวกับฮอตดอก แฮม เบคอน ส่วนในขนมนั้นแทบทุกเมนูของขนมเบเกอรี่มีไข่เป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ อาทิ ขนมปัง โดนัท เค้ก แพนเค้ก เป็นต้น

ในส่วนของประเทศแถบทวีปเอเชียนั้น ประเทศเกาหลีจะโด่งดังในเรื่อง เมนูไข่เกาหลี และญี่ปุ่นที่โด่นเด่นในเรื่องการทำอาหารเมนูไข่เป็นอย่างมาก เป็นเมนูที่สร้างสรรค์วาร์ไรตี้ รสชาติที่พิถีพิถันในการปรุงรส ทั้งศิลปะในการทำ แฝงขั้นตอนการทำมากมาย อีกทั้งรูปร่างหน้าตาหน้ารับประทานนั้นสวยงามน่ารับประทานอย่างมาก และยังมี เมนูไข่ลดน้ำหนัก อีกด้วย เรียกได้ว่าในเรื่องของความสมบูรณ์แบบเมนูไข่นั้นต้องยกให้สองประเทศนี้เลยค่ะ

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
ขนมไทย

น้ำเต้าหู้ เมนูอาหารเช้า รับประทานง่าย ประโยชน์มหาศาล

น้ำเต้าหู้ จัดได้ว่าเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการมหาศาล วัตถุดิบหลักของน้ำเต้าหู้นั้นคือถั่วเหลืองซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชนิดที่ร่างกายต้องการ สำหรับคนที่รับประทานอาหารประเภทมังสวิรัติสามารถดื่มน้ำเต้าหู้เพื่อเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายได้ น้ำเต้าหู้นั้นถ้าจะรับประทานแบบได้ประโยชน์เต็ม ๆ ดีต่อสุขภาพจะต้องไม่ใส่น้ำตาล เพราะการรับประทานหวานนั้นในระยะยาวจะส่งผลไม่ดีนักต่อสุขภาพ 

สำหรับในประเทศไทยนั้นสามารถหาซื้อน้ำเต้าหู้รับประทานได้ไม่ยาก แต่จะต้องหาซื้อรับประทานในช่วงเช้า หรือช่วงเย็นจะมีขายมากมายโดยเฉพาะตลาดนัด และจะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายที่สุดถ้าได้ทำ น้ำเต้าหู้ รับประทานเองสด ๆ ด้วยตัวเอง เพราะใช้วัตถุดิบไม่มาก ขั้นตอนการทำง่ายมาก ๆ 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบ ส่วนผสมการทำเมนู น้ำเต้าหู้

1.เม็ดถั่วเหลืองซีก 200 กรัม

2.น้ำสะอาด 2000 มล.

3.น้ำตาลทราย (สำหรับคนที่ชอบน้ำเต้าหู้รสหวานสามารถใส่ได้)

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน วิธีการทำ พร้อมเคล็ดลับทำเมนู น้ำเต้าหู้

  1. ขั้นตอนแรกเริ่มจากการล้างถั่วเหลืองซีกให้สะอาด แล้วนำมาแช่น้ำทิ้งไว้ 10 ชั่วโมง (แช่ข้ามคืน)
  2. แช่ถั่วเหลืองครบตามระยะเวลาแล้ว ให้นำถั่วเหลืองมาล้างอีก 3 รอบจนสะอาดอีกครั้ง
  3. ใส่ถั่วเหลืองลงนึ่งในซึ้งนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 40 – 50 นาที (นึ่งจนถั่วเหลืองนิ่ม) นึ่งได้ที่ตักลงมาพัก 
  4. นำถั่วเหลืองนึ่งที่พักเย็นแล้วให้นำมาปั่นในเครื่องปั่น โดยทยอยแบ่งปั่นทีละน้อย พร้อมใส่น้ำเพื่อป้องกันความฝืดขณะปั่น (น้ำทั้งหมดที่ใช้ในการผสมปั่นถั่วเหลืองใช้ 1,500 มล. จากปริมาณน้ำที่เตรียมไว้ 2,000 มล.
  5. ปั่นถั่วเหลืองจนละเอียดเนียนแล้ว ให้นำมากรองลงผ้าขาวบาง(วิธีการกรองนี้เป็นวิธีทำแบบ สูตรน้ำเต้าหู้โบราณ (ผ้าขาวบางก่อนนำมาใช้ต้องทำความสะอาดด้วยการต้มฆ่าเชื้อก่อน ถ้าเป็นผ้าใหม่ให้นำไปซักด้วยน้ำอุ่นก่อน)
  6. เมื่อกรองถั่วเหลืองจนเสร็จแล้ว ให้เทน้ำสะอาดที่เหลือ 500 มล.ลงไปในกากถั่วเหลืองที่คั้นเสร็จแล้ว ทำการคั้นอีก 1 รอบ จะได้น้ำเต้าหู้ที่เข้มข้นมาก 
  7. นำน้ำถั่วเหลืองที่ได้ตั้งไฟ โดยใช้ไฟกลาง ใช้ข้อนคนไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่คนจะไหม้ เมื่อเดือดให้ยกออกจากเตามาพักไว้ ในขั้นตอนนี้สามารถใส่น้ำตาลลงได้ถ้าชอบรับประทานหวาน

สูตรนี้สามารถรับประทานแบบจืด ๆ ได้เลยเพราะโปตีนใน น้ำเต้าหู้ ประโยชน์ ต่อสุขภาพมากมาย แต่ถ้าใครชอบหวานสามารถใส่น้ำผึ้งหรือน้ำตาลลงไปได้ เพิ่มอรรถรสสัมผัสการเคี้ยวโดยการใส่ท้อปปิ้งเครื่องเคียงต่าง ๆ อาทิเมล็ดแมงลัก ถั่วเขียวซึกนึ่ง ลูกเดือย วุ้นใส งาดำ 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับการทำน้ำเต้าหู้ให้อร่อยเข้มข้น อยากดื่ม น้ำเต้าหู้ แบบได้รสชาติเข้ม ๆ และสารอาหารโปรตีนแบบเต็มมี วิธีการทำน้ำเต้าหู้ แบบ เข้มข้น คือจะต้องไม่ใส่น้ำจนเยอะเกินไป โดยให้เน้นใส่น้ำในขั้นตอนของการปั่นถั่วเหลืองจะดีที่สุด 

และเมล็ดถั่วเหลืองซีกนั้นจะต้องเป็นถั่วเหลืองแบบใหม่ได้มาตรฐานไม่ขึ้นรา มอดไม่กิน สำหรับคนที่อยากสุขภาพดีการทำน้ำเต้าหู้รับประทานเองนั้นจะทำให้เราได้น้ำเต้าหู้คุณภาพดีตามความต้องการมากที่สุด เมื่อทำเสร็จแล้วถ้าดื่มไม่หมดสามารถเก็บใส่ขวดเป็นน้ำเต้าหู้ขวดไว้ในตู้เย็นไว้ดื่มวันหลังได้ค่ะ 

Categories
อาหารไทย

เครื่องดื่มสมุนไพร ไทย เครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสดชื่นดับกระหาย และดีต่อสุขภาพ

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เครื่องดื่มชนิดหนึ่งเมื่อในอดีตไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร มีเพียงกลุ่มวัยผู้ใหญ่ที่รักสุขภาพเท่านั้นที่จะนิยมดื่มกันนั่นก็คือ เครื่องดื่มสมุนไพร ไทยนั่นเอง แต่ในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างน่าดีใจ อาจจะเป็นเพราะปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบการนำเสนอของ เครื่องดื่มสมุนไพร ให้มีความน่าสนใจขึ้นมีลูกเล่นมากขึ้น พัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูสวยงามน่าซื้อ น่าดื่ม

และรสชาติที่สามารถดื่มง่ายไม่ขมเหมือนในอดีตทำให้ง่ายต่อการรับประทาน สามารถรับประทานได้ทุกกลุ่มอายุแม้กระทั่งเด็ก ๆ ก็สามารถรับประทานได้ อีกทั้งปัจจุบันคนไทยนั้นหันมาใส่ใจในการเลือกรับประทานอาหารการกินมากขึ้น เพราะอยากที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย

เครื่องดื่มสมุนไพรไทย ยอดฮิตช่วงโรคระบาด

ในช่วงที่มีการเกิดโรคระบาดที่ผ่านมาเกิดปรากฎการณ์สมุนไพรฟีเวอร์ ผู้คนสนใจดื่มน้ำสมุนไพรกันมากได้แก่เครื่องดื่มขิง ฟ้าทะลายโจร และกระชายขาวเพราะมีกระแสข่าวออกมาในโลกออนไลน์ว่ากินสมุนไพรกินไว้ก็ดี ดีกว่าไม่กินอะไรเลย

ทั้งนี้สมุนไพรทุกอย่างก็มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่แล้วถ้ากินในปริมาณที่ถูกต้อง โดยรสชาติของสมุนไพรเหล่านี้โดยธรรมชาติจะมีรสขม รับประทานยากอยู่แล้ว คนมากมายใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์นำสมุนไพรมาปั่นเป็น เครื่องดื่มสมุนไพร ใส่น้ำแข็ง ใส่น้ำผึ้ง ใส่มะนาว ปรุงรสชาติให้ดื่มง่ายขึ้นมีทั้งแบบใส่เป็น น้ำสมุนไพรขวด ทั้งแบบใส่แก้ว

และมีพ่อค้าหัวใส่เปิดร้านน้ำปั่นสมุนไพรโดยเฉพาะกระชายขาวปั่นน้ำผึ้ง บางร้านก็มีทำขายเป็น น้ำสมุนไพร 5 ชนิด 10 ชนิด ปั่นรวมกันตามความต้องการของลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่ไม่สามารถทำรับประทานเองได้ ซึ่งเป็นไอเดียที่ดีทีเดียวในช่วงเศรษฐกิจแย่ และยุคโรคระบาดเช่นนี้

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ต่อยอด เครื่องดื่มสมุนไพร ไทยสร้างรายได้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ

เครื่องดื่มสมุนไพร ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มสมุนไพรจีน หรือเครื่องดื่มสมุนไพรไทยล้วนแล้วแต่มีคุณค่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายทั้งนั้นถ้าดื่มในปริมาณที่พอดีไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ซึ่งในปัจจุบันเครื่องดื่มสมุนไพรเหล่านี้สามารถนำมาสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำถ้ามีความคิดสร้างสรรค์ใส่ไอเดีย รู้ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรออกมาอย่างมีคุณภาพ เพราะปัจจุบันวงการธุรกิจเครื่องดื่มสมุนไพรนั้นเริ่มมีการแข่งขันแล้ว มีเครื่องดื่มสมุนไพรออกมาให้ลูกค้าเลือกมากมายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่า น้ำสมุนไพร วัยรุ่น น้ำสมุนไพรสำหรับผุ้หญิง น้ำสมุนไพรสำหรับผู้ใหญ่มากมายหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นการต่อยอดสร้างรายได้จากน้ำสมุนไพรนั้นจะต้องพัฒนาปรับตัว

ใส่ไอเดียให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และใช้ช่องทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์นำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพร รับรองได้ว่าน้ำสมุนไพรนั้นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างแน่นอนสร้างรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำแบบไม่รู้ตัวกันเลยค่ะ

ขอบคุณภาพจาก unsplash

Categories
อาหารไทย

เมนู ผัดกะเพรา ไข่ดาวกรอบยางมะตูม เมนูช่วยชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายเรื่องอาหารอย่างมาก และคนไทยก็สามารถรับประทานอาหารแบบไม่กฎเกณฑ์อะไรตายตัว สามารถรับประทานได้ 24 ชั่วโมง เเต่ถึงกระนั้นอาหารที่คนไทยนิยมรับประทานบ่อย ๆ จะมีเพียงไม่กี่เมนู หนึ่งในนั้นได้แก่เมนู ผัดกะเพรา ไข่ดาว เป็นเมนูที่เรียกได้ว่านึกอะไรไม่ออกให้นึกถึงเมนูผัดกะเพราไข่ดาว ไม่ว่าจะเป็นกะเพราหมู กะเพราไก่ กะเพราทะเล กะเพราะไข่เยี่ยวม้า กะเพราลูกชิ้น

เมนู ผัดกะเพรา เป็นเมนูที่หารับประทานง่ายมาก รับประทานที่ร้านก็สะดวกและอร่อย แต่ถ้าอยากรับประทานร้อน ๆ ผัดเองก็สามารถทำรับประทานเองได้ง่าย ๆ

ขอบคุณภาพจาก unsplash

วัตถุดิบ ส่วนผสมในการทำเมนูผัดกะเพราหมูสับ ไข่ดาวยางมะตูม

  1. คอหมูสันนอกสับละเอียด 500 กรัม (เนื้อหมูส่วนนี้เป็นส่วนที่นุ่ม)
  2. ใบกะเพรา 1 ถ้วย (ขาดไม่ได้สำหรับเมนู ผัดกะเพรา)
  3. พริกแดงจินดา 25 เม็ด
  4. พริกแดงแห้ง 10 เม็ด
  5. กระเทียมไทย 20 กลีบ
  6. น้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซอสหอย 1/2ช้อนโต๊ะ
  9. 9ำตาล3 ช้อนชา
  10. ซีอิ้วดำ 2 ช้อนชา
  11. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนชา
  12. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
  13. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  14. ไข่เบอร์ใหญ่ 1 ฟอง ( ทำสำหรับเสิร์ฟข้าว ผัดกะเพรา 1 จาน)
  15. น้ำมันพืชใหม่ 1 ถ้วยตวง

ขั้นตอน วิธีการทำ ผัดกะเพรา หมูสับ และไข่ดาวยางมะตูม

  1. ขั้นตอนแรกเป็นขั้นตอนของการเตรียมวัตถุดิบเครื่องแกง ผัดกะเพรา โดยการตำพริกแห้งให้ละเอียด จากนั้นใส่กระเทียม และพริกแดงจินดาสดลงไปตำพอหยาบ
  2. สับหมูสันนอกให้ละเอียด ระดับความระเอียดของหมูนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว
  3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช เปิดไฟปานกลาง จากนั้นนำเครื่องแกงผัดกะเพราลงไปผัดจนมีกลิ่นหอม
  4. ใส่หมูสับลงไปผัด โดยปรับระดับความแรงของไฟขึ้น ขั้นตอนนี้ผัดด้วยความเร็ว เติมน้ำสะอาดลงไปเพื่อไม่ให้ผัดแห้งจนเกินไป
  5. ปรุงรสด้วย เครื่องปรุงผัดกะเพรา ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ ผงปรุงรส ซอสหอย น้ำตาล ผัดให้เข้ากัน
  6. ใส่ใบกะเพราะลงไปผัดแค่พอสลบ ไม่ผัดนานจนใบกะเพราเหี่ยว จากนั้นยกลงจากเตา ตักใสจาน (สูตรนี้จะไม่ใส่ถั่วฝักยาว หอมใหญ่ ข้าวโพดอ่อน แครอท เพราะเป็นผัดกะเพราสูตรโบราณ )

ขอบคุณภาพจาก pixabay

  1. มาถึงขั้นตอนการทอดไข่ดาวยางมะตูม ขั้นตอนแรกตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ปรับไฟปานกลาง รอให้น้ำมันร้อนจัด
  2. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย จากนั้นเทไข่จากถ้วยลงกระทะทอด
  3. ใช้ช้อนตักน้ำมันร้อนราดบนไข่ด้านบน
  4. เมื่อไข่ขาวด้านนอกมีความกรอบตามต้องการแล้วเป็นอันใช้ได้ ให้ยกลงจากเตา ( การทอดไข่วิธีนี้จะไว้ไม่พลิกไข่กลับด้าน เพราจะทำให้ไข่แดงสุกเกินไปไม่เป็นยางมะตูม แค่นี้ก็ทำให้ ผัดกะเพราหมูสับให้อร่อย ขึ้นมาได้เป็นกอง

สำหรับเมนูผัดกะเพราะนี้ถ้ารับประทานไม่หมด ในยุคที่ต้องประหยัดเช่นนี้ สามารถดัดแปลงเป็น ข้าวผัดกะเพราหมูสับ ได้ โดยสามารถใส่ผัก ใส่ลูกชิ้น ใส่เนื้อสัตว์ ปรุงรสเพิ่ม

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
อาหารนานาชาติ

ชานมไข่มุก เครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทยที่กระแสไม่เคยตกเลย

ชานมไข่มุก เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตมีต้นกำเนิดมาจากสัญชาติไต้หวัน ความอร่อยนั้นเดินทางมาไกลเข้าประเทศไทยมาสักระยะหนึ่งแล้ว เป็นเครื่องดื่มที่คนไทยให้ความนิยมในการรับประทานอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยรุ่น ส่วนผสมของเครื่องดื่ม ชานมไข่มุก ชนิดนี้จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนส่วนแรกคือส่วนของน้ำชา ซึ่งมีมากมายหลายรสชาติหลายแบบให้เลือก

อีกหนึ่งส่วนเป็นเม็ดไข่มุก เมื่อดื่มคู่กับชานมรสชาติที่ชอบแล้วจะได้อรรถรสความหวานชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง หลายคนที่ได้ดื่มชาไข่มุกนั้นนอกจะติดใจรสชาติของชาแล้ว สามารถทำรับประทานเองได้ง่าย ๆ ประหยัดอีกทั้งยังได้รับประทานเม็ดไข่มุกแบบสดใหม่อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นอาชีพได้อีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก unsplash

วัตถุดิบ ส่วนผสมสำหรับทำเม็ดไข่มุก สำหรับใส่ในเครื่องดื่ม ชานมไข่มุก

1.น้ำสะอาดประมาณ 2,000 – 3,000 มล (สำหรับต้มเม็ดไข่มุก ที่ใส่ใน ชานมไข่มุก)

2.น้ำตาลทรายแดง( น้ำตาลอ้อย) 140 กรัม

3.น้ำสะอาดสำหรับทำน้ำเชื่อมเคลือบเม็ดไข่มุก 400 มล.

4.เม็ดไข่มุกสำเร็จรูป 350 กรัม (ต้องเลือก วัตถุดิบชานมไข่มุก ถ้าเลือกไม่ดีเม็ดไข่มุกจะไม่อร่อย ) ปัจจุบันเครื่องดื่ม ชานมไข่มุกแฟรนไชส์ บางที่นั้นจะใช้เม็ดไข่มุกที่สั่งตรงจากต่างประเทศ

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ขั้นตอน วิธีการทำ เม็ดไข่มุกสำหรับใส่ใน ชานมไข่มุก แสนอร่อย

1.นำน้ำสะอาดใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ เมื่อน้ำเดือดใส่เม็ดไข่มุกลงไป โดยให้ใช้ทัพพีคนเม็ดไข่มุกตลาดเวลา จับเวลาการคน 10 นาที (ขั้นตอนนี้สำคัญมากถ้าไม่คนเม็ดไข่มุกจะเป็นไตไม่อร่อย ทำให้ ชานมไข่มุก ไม่อร่อยไปด้วย)

2.จากนั้นให้ปรับไฟอยู่ระดับปานกลาง ปิดฝาหม้อ แล้วคนเป็นระยะ ๆ จับเวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นตักเม็ดไข่มุกขึ้นมาบี้ดูถ้าไม่เป็นไตถือว่าได้ที่ สามารถปิดไฟได้

  1. ใช้ตะแกรงตักเม็ดไข่มุกออกจากน้ำร้อนใส่ในน้ำเย็นที่เตรียมไว้ แล้วใช้มือขย้ำให้เมือกไข่มุกออก ( ขั้นตอนนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ขั้นตอนนี้ทำการล้าง 3 ครั้ง
  2. ใช้ตะแกรงกรองไข่มุกให้สะเด็ดน้ำแล้วนำมาตั้งพักไว้
  3. มาถึงขั้นตอนการเคี่ยวส่วนของน้ำเชื่อมสำหรับเคลือบเม็ดไข่มุก เริ่มจากการตั้งน้ำร้อน เปิดไฟระดับเบา รอจนน้ำร้อนจัดค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายแดงลงไป จากนั้นใช้ช้อนคนจนส่วนผสมละลายเข้ากัน
  4. เสร็จแล้วนำมาตั้งพักไว้ให้หายร้อน น้ำไปผสมกับเม็ดไข่มุกที่ทำเสร็จแล้ว ใช้ช้อนผสมให้เม็ดไข่มุกเข้ากับน้ำเชื่อม เพียงเท่านี้เม็ดไข่มุกก็น่ารับประทานสวยงามแวววาว สำหรับ ร้านชานมไข่มุก 24 ชม. นั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเม็ดไข่มุกแห้งไม่ฉ่ำวาวอีกต่อไป

เมื่อต้มเม็ดไข่มุกได้ชำนาญ และเก่งแล้วก็สามารถที่จะออกสู่สนามจริง โดยการศึกษาตลาดและเริ่มต้นโดยการขายที่ราคาไม่แพง โดยเปิดร้าน ชานมไข่มุก 19 บาท ก่อน และจึงพัฒนาฝีมือขายในราคาที่สูงต่อไป

ขอบคุณภาพจาก pixabay