Categories
อาหารไทย

เมนูอาหารไทยที่ไม่เคยตกยุค ขนมจีนน้ำยากะทิปลา

หากจะกล่าวถึงเมนูอาหารไทยที่อร่อยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้วนั้นมีมากมายหลายอย่าง อาทิต้มยำกุ้ง ผัดไทย น้ำพริก ส้มตำ แกงเขียวหวาน แกงต่าง ๆ แต่เมนูอาหารไทยที่ทั้งโด่งดัง และทั้งเป็นที่นิยมของคนไทยส่วนใหญ่ สามารถรับประทานได้แทบทุกวันนั้นได้แก่เมนูขนมจีน 

เมนูขนมจีนนั้นก็สามารถดัดแปลงรับประทานกับแกงทุกชนิดได้ โดยเฉพาะรับประทานคู่กับน้ำยากะทิปลานั้นจะเข้ากันอย่างมาก เพราะประเทศไทยมีทั้งปลาทะเลที่สด และเป็นดินแดนของมะพร้าวที่อร่อยที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีเครื่องสมุนไพรไทยครบครัน ทำให้เมนูขนมจีนน้ำยากะทิปลานั้นมีรสชาติอร่อยกลมกล่อมถูกปากถูกใจคนไทยอย่างมากเลยทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เมนูอาหารไทย เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำเมนูน้ำยากะทิปลา 

1.ปลาทู 10 ตัว ( เมนูอาหารน้ำยากะทิปลานี้ สามารถใช้ปลาอะไรก็ได้)

2.หัวกะทิ 800 มิลลิกรัม 

3.ข่าซอย 200 กรัม

4.พริกแดงแห้ง 1 ถ้วยตวง (เมนูอาหารไทยนี้สามารถใช้ได้ทั้งพริกแห้ง และพริกขี้หนูสด)

5.ตะไคร้หั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง

6.ขมิ้นหั่น 1 แว่น 

7.กระเทียม 3 หัว

8.หอมแดง 5 หัว 

9.ผิวมะกรูด 2 ชิ้น 

10.ข่า 3 แว่น 

11.กระชายขาว 400 กรัม 

12.กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ 

13.น้ำสะอาด 1000 มิลลิกรัม 

14.น้ำปลา 3 ช้อนชา 

15.ผงปรุงรส 3 ช้อนชา 

16.น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ 

17.เกลือป่น 4 ข้อนชา 

18.พริกขี้หนูสด 30 เม็ด 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน วิธีการทำน้ำยากะทิปลา 

1.เมนูอาหารไทยน้ำยากะทิปลา มีขั้นตอนทำง่าย ไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มจากการโขลกเครื่องแกงเผ็ด ใส่พริกแห้ง พริกขี้หนูสด เกลือป่น ผิวมะกรูด ขมิ้น หัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ จากนั้นโขลกจนละเอียด ใส่กะปิลงไ โขลกอีกครั้งจนส่วนผสมเข้ากัน (ขั้นตอนนี้หากใครไม่สะดวกโชลกเครื่องแกงเองสามารถซื้อเครื่องแกงสำเร็จรูปได้ เมนูที่ยากก็จะกลายเป็น เมนูอาหารง่ายๆ หากอยากได้ความอร่อย ความหอมต้องตำเองสด ๆ ใหม่ ๆ)

2.มาถึงขั้นตอนการต้มปลาทู เริ่มจากใส่น้ำสะอาด พริกแห้ง หอมแดง กระชายขาว ลงหม้อต้ม เปิดไฟระดับกลางรอจนน้ำเดือด จากนั้นใส่ปลาทูลงไป ต้มต่ออีก นาที จากนั้นยกลงมาพักจนเย็นจากนั่นตักเครื่องแกง แกะเอาแต่เนื้อปลา น้ำมาโขลกหรือปั่นให้ละเอียด 

3.มาถึงส่วนของขั้นตอนการผัดเครื่องแกง โดยการผัดกะทิกับเครื่องแกงเผ็ดที่เตรียมไว้จนมีกลิ่นหอม จากนั้นเนื้อปลาทู และเครื่องสมุนไพร พริกแห้ง หอมแดง กระชาย ที่ปั่นเรียบร้อยแล้วลงไปในส่วนผสมของเครื่องแกงกะทิ หากกะทิมีความข้นจนเกินไป ให้ใส่น้ำต้มปลาลงไป 

4.ปิดท้ายด้วยการปรุงรสน้ำยากะทิปลาด้วยน้ำตาลมะพร้าว ซีอิ้วขาว น้ำปลา ผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำยากะทิปลารับประทานคู่ขนมจีน พร้อมผักแกล้ม ไข่ต้ม รับรองได้ว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

Categories
เบเกอรี่

คุ้กกี้กรอบมัน อาหารว่างเคี้ยวเพลิน สาวกสายหวานห้ามพลาด

คุ้กกี้จัดได้ว่าเป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากชาติตะวันตกชนิดหนึ่ง มีรสชาติอร่อย ยิ่งเคี้ยวยิ่งมัน มีส่วนผสมหลักเป็นแป้ง เนย น้ำตาล ช็อกโกแลต และวัตถุดิบต่าง ๆ อีกมากมาย อีกทั้งขนมคุ้กกี้นั้นยังเป็นขนมที่มีทั้งแบบซอร์ฟ และแบบชนิดแข็ง

เรียกได้ว่าใครชอบรับประทานแบบเคี้ยวเพลินก็สามารถเลือกรับประทานแบบแข็งได้ ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งเพลิน และสำหรับใครที่ชอบรับประทานคุ้กกี้แบบซอฟต์ช็อกโกแลตเยิ้ม หรือเนื้อแป้งเยิ้ม ๆ ก็ต้องรับประทานคุ้กกี้แบบซอฟต์ได้เลย สามารถรับประทานเป็นอาหารรองท้องมื้อเช้า รับประทานกับนมก็อร่อย หรือใครจะรับประทานเป็นอาหารว่างคู่กับเครื่องดื่มชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ก็เข้ากันทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

คุ้กกี้รวมมิตรถั่ว เตรียมวัตถุดิบในการทำง่าย ๆ หาซื้อไม่ยาก 

1.แป้งสาลีอเนกปประสงค์ 300 กรัม 

2.นมผง 50 – 70 กรัม (เลือกใช้แบรนด์ไหนก็ได้) 

3.น้ำตาลทราย 40 กรัม 

4.ไอซิ่ง 20 กรัม (ช่วยเพิ่มความกรอบให้คุกกี้)

5.เกลือป่น 1 ช้อนชา 

6.ผงฟู 1 ช้อนชา 

7.เนยสดจืด 250 กรัม (ปริมาณเท่ากับสูตรคุ้กกี้เนยสด

8.ไข่ไก่ 1 ฟอง (เบอร์ใหญ่) 

9.อัลมอลด์ 3 ช้อนโต๊ะ 

10.เม็ดมะม่วงหิมะพานต์ 1 ช้อนโต๊ะ 

11.ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน และวิธีการทำคุ้กกี้รวมมิตรถั่ว 

1.ขั้นตอนแรกในการทคุ้กกี้รวมมิตรถั่ว เริ่มจากการที่นำถั่วทั้งสามชนิด ถั่วอัลมอลด์ ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมะพานต์ มาคั่วในไฟอ่อนจนกรอบ จากนั้นนำมาทุบพอหยาบ ไม่ทุบละเอียด 

2.ผสมวัตถุดิบส่วนผสมที่เป็นของแข็ง แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู เกลือป่น น้ำตาลทราย ไอซิ่ง จากนั้นทำการร่อนด้วยตะแกรง 1 รอบ 

3.ใส่เนยจืดที่ยังคงมีความเย็นผสมลงไป ตามด้วยนมผง จากนั้นตั้งค่าเครื่องตีแป้งความแรงระดับ 1 ใช้เวลาตีประมาณ 3 – 5 นาที ระหว่างนั้นทยอยใส่ไข่ไก่ลงไป 

4.เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันได้พอดี ไม่แข็ง และไม่เหลวจนเกินไป ให้นำถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมะพานต์ ถั่วอัลมอลด์ที่ตำหยาบแล้วลงไปผสม 

5.จากนั้นมาถึงขั้นตอนของการเตรียมอบ เตรียมกระดาษไขวางรองถาดอบไว้ จากนั้นใช้มาการีนทาทับเพื่อป้องกันคุ้กกี้ติดถาด จากนั้นวอร์มเตาอบทั้งไว้ 10 – 15 นาที (วิธีการอบจะคล้ายกับ วิธีทำซอฟต์คุ้กกี้)

  1. เริ่มตักเนื้อแป้งคุ้กกี้วงลงบนถาด โดยใช้ช้อนกรวยตักให้เป็นก้อน เว้นระยะห่างระหว่างก้อนพอสมควร ในการอบใช้ไฟบนล่าง ไม่เปิดพัดลม อบด้วยอุณหภูมิ 150 – 160 องศาสเซลเซียส ใช้เวลาอบ 20 นาที 

7.เมื่ออบเสร็จตักใส่ในจาน รับประทานคู่กับชา กาแฟ และเครื่องดื่มได้ทุกชนิด หรือหากต้องการเก็บไว้รับประทานในวันหลัง สามารถพักให้เย็นแล้วเก็บใส่โหลแก้วที่มีฝาปิดมิดชิด จะสามารถเก็บคุ้กกี้รวมมิตรถั่วไว้รับประทานได้นานหลายเดือนเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก unsplash

Categories
เบเกอรี่

เบเกอรี่แสนอร่อยง่าย ๆ ทำเองที่บ้าน ใช้เพียงหม้ออบลมร้อน

คนไทยส่วนใหญ่ชอบรับประทานขนมประเภทเบเกอรี่อย่างมาก รับประทานกันทุกเพศทุกวัย และส่วนใหญ่นิยมซื้อรับประทาน เพราะหาซื้อง่าย และมีความเชื่อว่าเบเกอรี่นั้นทำยาก หาซื้อวัตถุดิบยาก มีหลายอย่าง หลายขั้นตอน ใช้เวลาในการทำหลายชั่วโมง และต้องมีอุปกรณ์การทำที่ราคาแพง อย่างเช่นเครื่องผสมแป้ง เครื่องนวดแป้ง และโดยเฉพาะเครื่องอบเบเกอรี่ 

แต่แท้ที่จริงแล้วการทำขนมจำพวกเบเกอรี่นั้นมีความยืดหยุ่นอย่างมาก เราสามารถที่จะทำเบเกอรี่อร่อย ๆ กินเองได้ไม่ยากเลยเพียงแค่ดัดแปลง ปรับอุปกรณ์ครัวที่มีอยู่แล้วในบ้านมาทำ อาทิเช่นการใช้หม้ออบลมร้อนมาใช้ในการอบเค้กแทนการใช้ตู้อบราคาแพง เพียงเท่านี้ก็จะได้เค้กหอมอร่อยไม่แพ้การอบเค้กด้วยตู้อบเลย 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

เบเกอรี่แสนอร่อย ใช้วัตถุดิบไม่กี่อย่าง ทำเค้กลูกเกดหม้ออบลมร้อนง่าย ๆ 

1.แป้งเค้ก 30 มิลกรัม (ช่วยทำให้เบเกอรี่คัพเค้กมีเนื้อสัมผัสละมุนขึ้น)

2.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 50 กรัม 

3.ไข่ไก่ 2 ฟอง 

4.น้ำตาลทราย 50 กรัม 

5.ผงฟู 1/2 ช้อนชา 

6.เกลือป่น 1 ช้อนชา

7.เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา

8.เนยสดละลาย 30 มิลลิกรัม 

9.SP สารเสริมคุณภาพแป้ง 1 ช้อนชา 

10.สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา 

11.นมจืด 20 มิลลิลิตร 

12.ลูกเกด (เป็นวัตถุดิบ เบเกอรี่ยอดนิยม เพราะมีรสชาติอร่อย สีสันสวยงาม) 

13.มาการีน 10 กรัม (สำหรับทารองแป้งเค้ก)

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ขั้นตอน และวิธีการทำเบเกอรี่คัพเค้ก ลูกเกดหม้ออบลมร้อนง่าย ๆ

1.ผสมส่วนผสมที่เป็นของแห้งของเบเกอรี่เข้าด้วยกัน ได้แก่ แป้งเค้ก แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย เบกกิ้งโซดา ผงฟู เกลือป่น จากนั้นใช้ตะแกรงตาถี่ร่อน 2 รอบ เพื่อเพิ่มช่องอากาศให้กับแป้ง ทำให้เนื้อเค้กมีความนุ่มฟู

2.เมื่อทำการรร่อนส่วนที่เป็นของแห้งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทำการผสมส่วนที่เป็นของเหลวลงไปในส่วนผสมที่ร่อนแล้ว อาทิ SP สารเสริมคุณภาพแป้ง ไข่ไก่ เนยเหลว สารสกัดวานิลลา นมสด 

3.นำส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องผสมแป้ง ใช้หัวตะกร้อในการผสมแป้ง ปรับระดับความแรงของเครื่องที่ระดับ 2 ทำการตีส่วนผสมเป็นเวลา 5 – 10 นาที หรือเมื่อส่วนผสมของแป้งเค้กผสมเข้ากันดีแล้ว 

4.เตรียมถาดใส่เค้กสำหรับใส่ส่วนผสมของเค้ก โดยการทามาการีนบนกระดาษไขวางรองก้นถาดเค้กเค้ก แล้วเทส่วนของแป้งเค้กที่ปริมาณ 3/4 ของถาด โรยหน้าเค้กด้วยลูกเกดให้ทั่วถาด

5.เตรียมหม้ออบลมร้อนด้วยการใส่น้ำไว้ด้านล่างเพื่อให้เนื้อคัพเค้กไม้แห้ง จากนั้นนำคัพเค้กลงไปอบในหม้ออบลมร้อน ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 – 40 นาที เพียงเท่านี้ก็ได้คัพเค้กลูกเกด เบเกอรี่หม้ออบลมร้อนโดยไม่ต้องง้อตู้อบแล้ว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
เบเกอรี่

เบเกอรี่ทำเองง่าย ๆ แม้ไม่มีไมโครเวฟ

หากจะกล่าวถึงขนมที่คนไทยชื่นชอบรับประทาน นอกจากขนมแบบไทย ๆ แล้ว เบเกอรี่ก็เป็นขนมอีกชนิดที่คนไทยชอบรับประทานกันมาก รับประทานกันทุกเพศทุกวัย รับประทานได้ทุกวัน ทุกเวลาอีกด้วย เรียกได้ว่าขนมเบเกอรี่ไม่ใช่ขนมประจำชาติไทย แค่สามารถครองใจคนไทยได้ไม่น้อยทีเดียว 

โดยส่วนใหญ่ขนมเบเกอรี่ อาทิเค้ก ขนมปัง โดนัท พาย และขนมชนิดอื่น ๆ สามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ ได้ทั้งสถานที่ร้านขนม ร้านนำทั่วไป อีกทั้งในห้างสรรพสินค้าก็มีขนมเบเกอรี่มากมาย 

แต่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 นี้เชื่อว่าหลายคนอาจจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน นึกอยากจะรับประทานขนมเบเกอรี่ก็ไม่อยากออกไปซื้อนอกบ้าน ทางเว็บไซต์มีวิธีการทำเบเกอรี่ด้วยไมโครเวฟง่าย ๆ ที่น่าสนใจมาฝากท่านผู้อ่าน ไม่ต้องลงทุนซื้อเตาอบกันให้สินเปลือง จะมัวัตถุดิบอะไรบ้าง ทำยากง่ายแค่ไหนไปดูกันเลย 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เบเกอรี่ เตรียมวัตถุดิบทำเค้กช็อกโกแลตง่าย ๆ ใช้เพียงไมโครเวฟ 

1.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม 

2.แป้งเค้ก 50 กรัม (การใช้แป้งผสมจะทำให้ เบเกอรี่ มีรสสัมผัสนุ่มขึ้น) 

3.น้ำตาลทรายเกล็ดละเอียด 75 กรัม ชอบหวานเพิ่มได้อีก 10 -20 กรัม) 

4.ผงฟู 1 ช้อนชา 

5.กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา 

6.ไข่ไก่ 1 ฟอง (เบอร์ 2) 

7.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา 

8.SP 1 ช้อนชา 

9.เนยสดเหลว 15 กรัม 

10.ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ (แบบเข้ม) 

11.นมจืด 2 ช้อนโต๊ะ 

12.เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา 

13.น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ( เพื่อเพิ่มความนุ่มของ เบเกอรี่ไมโครเวฟ

14.น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหาร 1 ช้อนชา (ช่วยให้ฟูนุ่ม)

15.วิปครีม (ชนิดแดรี่) 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน และวิธีการทำเมนุเค้กช็อกโกแลตไมโครเวฟ 

1.ผสมแป้งอเนกประสงค์ แป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา น้ำตาลทราย เกลือป่น ผงโกโก้ ลงในภาชนะ 

2.ทำเมนูเบเกอรี่ไมโครเวฟนั้น ระดับความฟูหรือประสิทธิภาพความฟูจะน้อยกว่าการอบด้วยเตาอบสำหรับอบเค้กโดยพาะ ดังนั้นจึงควรใช้ตะแกรงร่อนแป้งอเนกประสงค์ และแป้งเค้ก ร่วมกับส่วนผสมที่เป็นผงทั้งหมดเพื่อเพิ่มความฟูของเนื้อเค้ก 

3.ผสมส่วนที่เป็นของเหลวลงไปได้แก่ ไข่ไก่ เนยสดเหลว SP กลิ่นวานิลลา นมจืด น้ำมันมะพร้าว ตามด้วยน้ำมะนาว จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องสำหรับผสมอาหาร เลือกวัสดุตีเป็นแบบตะกร้อ ปรับความแรงระดับ 2 ใช้เวลาในการตี 10 -15 นาที จนส่วนผสมทุกอย่างผสมเข้ากัน 

4.เตรียมชามที่มีลักษณ์สี่เหลี่ยม ก้อนไม่ลึกจนเกินไป ปูกระดาษไขลงบนถาด เทส่วนผสมของเนื้อเค้กช็อกโกแลตลงไป เกลี่ยให้เนื้อแป้งเท่ากันทั้งภาชนะ จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ เปิดระดับไฟประมาณ 800 – 900 วัตต์ นานประมาณ 5 -10 นาที นำออกมาตักพักให้หายร้อนด้านนอก 

5.ขั้นตอนสุดท้ายตีวิปครีมด้วยตะกร้อมือจนวิปครีมตั้งยอด จากนั้นแต่งหน้าเค้กไมโครเวฟตามชอบ เพียงเท่านี้ก็ได้รับประทานเค้กช็อกโกแลตที่ใช้เพียงไมโครเวฟโดยไม่ต้องง้อตู้อบกันแล้ว เรียกได้ว่าเป็น เบเกอรี่ประยุกต์ของใช้ในบ้านที่มีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกันเลยทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
อาหารนานาชาติ

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าพริกไทยดำ เส้นเหนียวนุ่ม รสเผ็ดร้อนลงตัว

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าถือว่าเป็นอาหารชาติตะวันตกเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว มีรสชาติที่เน้นเป็นวัตถุดิบวิปครีม หอมใหญ่ เบคอน รสชาติออกเปรี้ยว และหอมมัน การเพิ่มพริกไทยดำในเมนูสปาเก็ตตี้คาโบนาร่านี้ เป็นการผสมผสานการทำสปาเก็ตตี้สไตล์ตะวันตกผสมกับวัตถุดิบเครื่องเทศรสชาติเผ็ดร้อนอย่างพริกไทยดำ ทำให้ได้ชาติของสปาเก็ตตี้หลายสไตล์ 

เมื่อรับประทานเข้าไปให้ความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่เลี่ยนจนเกินไป สำหรับเมนูนี้เป้นเมนูที่ไม่ใช่เฉพาะชาติตะวันตกนิยมกันเท่านั้น แต่เป็นเมนูที่เรียกได้ว่าเป็นเมนูระดับโลก รวมถึงชาติไทยก็ถือได้ว่ามีความนิยมชมชอบเมนูสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าพอสมควรเลยทีเดียว และเมื่อใส่พริกไทยดำเข้าไปทำให้พบว่าเครื่องเทศต่าง ๆ ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน สามารถที่จะนำมาผสมผสานกับเมนูนี้ได้อย่างลงตัวทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

สปาเก็ตตี้สไตล์ผสมผสาน เตรียมวัตถุดิบง่าย ๆ ทำคาโบนาร่าพริกไทยดำ

1.เส้นสปาเก็ตตี้เส้นเล็ก 100 – 150 กรัม (สำหรับสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าพริกไทยดำประมาณ 1 กำมือ) 

2.เบคอนหั่น 1/2 ถ้วยตวง

3.วิปครีม 1 ถ้วยตวง

4.เกลือป่น 2 ช้อนชา 

5.พริกไทยดำป่น 3 ช้อนชา 

6.ไข่ไก่ 1 ฟอง 

7.หอมหัวใหญ่หั่น 1 หัว 

8.ชีส 100 กรัม 

9.ใบพาร์สลีย์ (ใส่นิดหน่อย) 

10.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับใส่ตอนต้อมเส้น กับตอนแช่เส้น) 

11.น้ำสะอาด 1 ลิตร (สำหรับลวกเส้นสปาเก็ตตี้)

12.น้ำสะอาด 1 ลิตร (สำหรับแช่เส้นสปาเก็ตตี้หลักลวกเสร็จ) 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน และวิธีการทำ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าพริกไทยดำ

1.ขั้นตอนแรกของการทำสปาเก็ตตี้คือการลวดเส้น ตั้งน้ำสะอาดไฟปานกลาง ใส่เกลือป่น ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ เมื่อน้ำเดือดใส่เส้นลงไปลวก จับเวลา 9 นาที จะได้เส้นที่ไม่นิ่มจนเกินไป หากอยากได้เส้นนิ่มควรลวกเส้น 10 นาที ระหว่างนั้นให้เตรียมน้ำเย็นใส่กะละมัง ใส่น้ำมันพืชในน้ำเย็นอีกหนึ่งครั้งเพื่อความเหนียวนุ่มของเส้น 

2.เมื่อครบเวลา ให้ตักเส้นขึ้นด้วยตะแกรง ลงมาแช่ในน้ำเย็น ประมาณ 15 นาที จากนั้นพักเส้นสปาเก็ตตี้จนสะเด็ดน้ำ

3.มาถึงขั้นตอนการผัด เริ่มจากการตั้งกระทะ ไฟปานกลาง ใส่เบคอนหั่นลงไปผัดจนหอม ตามด้วยวิปครีมผัดจนน้ำข้น ใส่หอมใหญ่หั่น ใส่พริกไทยดำ เมื่อเริ่มมีกลิ่นหอมให้เติมชีสลงไปผัด ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน 

4.เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน น้ำข้นกำลังดี ปรับไฟแรงจากนั้นใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปผัด ตามด้วยใส่ไข่ไก่ลงไป ขั้นตอนนี้ต้องรีบผัด เมื่อไข่สุกตักขึ้นจากเตา เสิร์ฟใส่จาน แต่งหน้าด้วยใบพาร์สลีย์เพิ่มความสวยงาม เพียงเท่านี้วิธีทำคาโบนาร่าก็เสร็จเรียบร้อยด้วยวิธีง่ายๆ 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
อาหารนานาชาติ

สปาเก็ตตี้ เส้นเหนียวนุ่ม ทำเมนูอะไรก็อร่อย

เส้นสปาเก็ตตี้เป็นเส้นประเภทหนึ่งที่มีความเหนียมนุ่ม หรือเรียกอีกชื่อคือเส้นพาสต้า เป็นเส้นที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี คนไทยนั้นนิยมรับประทานเส้นสปาเก็ตตี้กันมากพอสมควร ส่วนใหญ่เราจะคุ้นชินกับเส้นสปาเก็ตตี้ที่เป็นเส้นเล็กยาว 

เพราะเป็นเส้นที่คล้ายเส้นก๊วยเตี๋ยวประเทศไทย นอกเหนือจากเส้นสปาเก็ตตี้ที่เป็นเส้นลักษณะเล้กยาวแล้ว ยังมีเส้นลักษณะอื่น ๆ อีกหลายแบบให้เลือก ทั้งเป็นเส้นลักษณะจีบโบว์ เส้นหนา เส้นเกลียว เส้นใหญ่ 

และอีกมากมายหลายรูปร่าง มีความเหนียวนุ่ม รสชาติมันอร่อย ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นเมนูผัดต่าง ๆ สามารถนำมาประยุกต์ผัดในรูปแบบต่างๆ ได้ตามเดีย 

สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดขี้เมาทะเล วัตถุดิบไม่กี่อย่างก็อร่อยนัวร์ถึงเครื่อง 

1.สปาเก็ตตี้เส้นดำ 1 กำมือ 

2.น้ำสะอาด 1000 มิลลิลิตร (สำหรับลวกเส้นสปาเก็ตตี้

3.น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ 

4.กระเทียมไทย 10 กลีบ 

5.ปลาหมึก 2 ตัว (หั่นชิ้นพอดี) 

6.กุ้งขาว 2 ตัว 

7.พริกขี้หนู 5 เม็ด 

8.พริกจินดา 5 เม็ด 

9.พริกไทยดำ 5 เม็ด 

10.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ 

11.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

12.ผงปรุงรส 1 ช้อนชา 

13.น้ำปลา 3 ช้อนชา

14.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา 

15.เม็ดชวงเจีย(พริกเสฉวน) 3 ช้อนชา 

16.ใบโหระพา 1 ถ้วยตวง 

17.ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ 

18.พริกไทยขาว 1 ช้อนชา 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ขั้นตอน และวิธีการทำสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดขี้เมาทะเล

1.ขั้นตอนแรกของการทำเมนูสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดขี้เมาทะเลคือการต้มเส้นสปาเก็ตตี้ดำ ไม่ว่าเส้นสปาเก็ตตี้จะเป็นรูปทรงใด เส้นเล็ก เส้นเกลียว เส้นใหญ่ ก็จะใช้วิธีการต้มเส้นแบบเดียวกัน โดยเริ่มจากการใส่น้ำสะอาดลงในหม้อ ตั้งไฟระดับกลางค่อนไปทางแรง ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนชา เกลือป่นลงในน้ำต้มเส้น 

2.ระหว่างรอน้ำเดือด ให้เตรียมภาชนะใบใหญ่ใส่น้ำเย็น ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะรอไว้แช่เส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกเสร็จ 

3.จากนั้นเมื่อน้ำเดือดให้ใส่เส้นลงไปแล้วจับเวลา 9 นาที ให้ตักเส้นขึ้นมาใส่ลงในภาชนะที่เตรียมน้ำใส่ไว้ หากอยากให้เส้นนิ่มกว่านี้ให้จับเวลา 10 นาที เพราะอย่าลืมว่าเส้นสปาเก็ตตี้นี้จะต้องนำไปผัดอีกหนึ่งครั้ง การลวกเส้นหากมากกว่า 10 นาทีคาดว่าเส้นจะนิ่มเกินไป 

3.มาถึงขั้นตอนการผัด ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ใส่กระเทียม ใส่พริกขี้หนู พริกจินดา พริกไทยดำ พริกเสฉวน ผัดจนหอม ใส่เนื้อกุ้ง ปลาหมึกลงไปผัดพอสะดุ้งไฟ 

4.จากนั้นใส่เส้นสปาเก็ตตี้ดำลงไปผัด ใส่ซอสมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย ผงปรุงรส ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ใส่ใบโหระพาตบท้าย เป็นอันเสร็จขั้นตอนเมนูสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดขี้เมาทะเล

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
อาหารไทย

อาหารตามสั่ง เพียงแค่สั่งก็อิ่มท้อง อาหารยอดฮิตของคนไทย

ในยุคปัจจุบันเป็นยุคที่คนมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเร่งรีบ เวลาทุกวินาทีมีค่า จะเห็นได้ว่าคนสมัยนี้ไม่นิยมการทำอาหารรับประทานเอง จะนิยมใช้บริการฝากท้องกับร้านอาหารนอกบ้านมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกับข้าว และโดยเฉพาะร้านอาหารตามสั่ง จะได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัยอย่างมาก 

โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ร้านอาหารตามสั่งจะเป็นตัวช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อวัตถุดิบ และเสียเวลาทำอาหารเอง ได้รับประทานอาหารปรุงสุกตามที่สั่ง อีกทั้งราคาก็ไม่แพง เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารยอดฮิต ช่วยชีวิตคนไทยอย่างมากเลยทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

อาหารตามสั่ง วัตถุดิบเมนูผัดกระเพราหมูสันในสับ รสชาติเผ็ดร้อน ราดหน้าไข่ดาว 

1.น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ สำหรับทอดไข่ดาว และผัดกระเพรามนูอาหารตามสั่ง

2.เนื้อหมูสันในสับ 1/2 ถ้วยตวง 

3.กระเทียมไทย 5 กลีบ

4.ใบกระเพรา 1 ถ้วยตวง (หัวใจของเมนูอาหารตามสั่งเมนูกระเพราหมูสับ)

5.พริกไทยดำ 5 เม้ด 

6.พริกแดงแห้ง 10 เม็ด

7.พริกจินดาสด 5 เม็ด 

8.น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ 

9.ผงปรุงรส 1 ช้อนชา 

10.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา 

11.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา

12.ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา 

13.น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ 

14.ไข่ไก่ 1 ใบ (เบอร์ 0) 

ขั้นตอนและวิธีทำ เมนูกระเพราะหมูสันในสับ ไข่ดาว 

1.สำหรับเมนู อาหารตามสั่ง กระเพราไข่ดาวนั้น เริ่มต้นง่ายๆ ไม่เปลืองภาชนะ ทำการทอดไข่ดาว ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ เปิดไฟระดับกลาง จากนั้นตอกไข่ไก่ใส่ในถ้วย แล้วเมื่อน้ำมันร้อนจึงหยอดไข่ดาวลงไป เพิ่มระดับไฟให้แรงขั้น ตักน้ำมันที่ร้อนหยอดใส่หน้าไข่ ไม่ต้องพลิกไข่ไปมา จากนั้นตักขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

2.ตำกระเทียมไทย พริกไทยดำ พริกแห้งให้ละเอียด จากนั้นใส่พริกจินดาลงไปตำพอหยาบ ทำการผัดกระเพราหมูสันในสับต่อ โดยการตักน้ำมันที่ทอดไข่ออก ให้เหลือในกระทะนิดหน่อย ใส่พริกกระเทียมลงไปผัด 

3.ผัดพริกกระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่หมูสันในสับลงไปผัด (ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานเพราะหมูจะแข็ง) ตามด้วยการใส่น้ำสะอาดลงไปนิดหน่อยเพื่อไม่ให้แห้งจนเกินไป 

4.ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำปลา น้ำตาลทราย ผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ จากนั้นเร่งไฟให้สูงขึ้นใส่ใบกระเพราลงไปผัดนิดหน่อย เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำเมนูอาหารตามสั่ง รับประทานเป็นเมนูอาหารเช้าคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ แกล้มด้วยไข่ดาวกรอบกำลังดี และหากต้องการอร่อยขั้นสุด เพิ่มความจัดจ้านด้วยการเติมน้ำปลาพริกจี้ด ๆ รับรองได้ว่าเป็นเมนูที่ให้ทั้งความอิ่มท้อง และถูกปากอย่างแน่นอน 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
อาหารไทย

อาหารเช้าอิ่มท้อง อร่อยง่าย ๆ สไตล์คนไทย

ขอบคุณภาพจาก unsplash

หากกล่าวถึงเมนูอาหารเช้าของคนไทยนั้นมีมากมายหลายแบบ เพราะคนไทยนั้นสามารถรับประทานอาหารได้ทุกรูปแบบ แม้แต่มื้อเช้าก็สามารถที่จะรับประทานอาหารเมนูหนักได้อย่างไม่มีปัญหาเลย อาทิเมนูข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ข้าวราดแกง ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เป็นต้น

แต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ชอบรับประทานอาหารเช้าแบบเบาสบายท้อง อาทิ น้ำเต้าหู้ นมจืด ขนมปังปิ้ง ผลไม้ เมนูข้าวต้มต่าง ๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าสำหับคนไทยแล้วไม่มีคำนิยามตายตัวในเรื่องของอาหารเช้า เน้นที่สะดวก รวดเร็ว ลความต้องการส่วนบุคคลเป็นหลัก 

อาหารเช้าเมนูข้าวต้มหมูทรงเครื่อง เบาสบายท้อง 

สำหรับเมนูอาหารเช้า รับประทานแล้วไม่อึดอัดท้อง เบาสบายท้อง เมนูข้าวต้มหมูทรงเครื่องนั้นเป็นเมนูโปรดของใครหลายคนเลยทีเดียว เป็นเมนูอาหารเช้าไทย ที่สามารถทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน และยังใช้วัตถุดิบในการทำเพียงไม่กี่อย่าง โดยเริ่มต้นการเตรียมวัตถุดิบ เพียงข้าวสาร เนื้อหมูสับ น้ำมันพืช กระเทียม ผงปรุงรส ซีอิ้วขาว โชยุ น้ำปลา น้ำตาลทรายเล็กน้อย พริกไทยขาว ผักชีซอย ต้นหอมซอย และน้ำสะอาด ในส่วนของเครื่องปรุงรสนั้นได้แก่ น้ำส้มสายชู พริกป่น น้ำปลา และน้ำตาลทราย 

เริ่มจากการใส่น้ำสะอาด ข้าวสารต้มทิ้งไว้จนข้าวสุกได้ที่ ถ้าน้ำน้อยให้เพิ่มน้ำได้ จากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการผัดเครื่อง โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ใส่กระเทียมสับ หมูสับลงไปผัด ปรุงรสด้วยโชยุ น้ำปลา ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส และตามด้วยน้ำตาลทราย จากนั้นผัดจนหอม 

สำหรับการเสิร์ฟข้าวตต้มหมูทรงเครื่องนั้น ให้เสิร์ฟโดยการตักข้าวต้มร้อน ๆ ใส่ชาม จากนั้นคักเครื่องหมูสับที่ผัดไว้ เติมพริกไทย เพิ่มความหอม และสีสันความสวยงามด้วยต้นหอยซอย ผักชีซอย และปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสตามใจชอบได้เลย 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

เติมพลังก่อนทำงานด้วยเมนูข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวนึ่ง 

สำหรับอาหารเช้านั้นใครหลายคนอาจจะชอบรับประทานอาหารแบบเบาท้อง ย่อยง่าย แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ชอบรับประทานอาหารเช้าแบบจัดหนัก มื้อหนัก บางคนก็นิยมซื้อรับประทานเพราะสะดวก แต่ในยุคของโรคโควิด 19 ระบาด หลายคนก็ลงมือทำอาหารรับประทานเองเป็นอาหารเช้าง่าย ๆ ทำเอง เพราะช่วยประหยัด และสะอาดปลอดภัยอย่างแน่นอน เมนูยอดฮิตที่คนนิยมทำกันได้แก่ หมูปิ้ง ข้าวเหนียวนึ่ง โดยเมนูนี้ทำง่ายมาก เพียงแค่หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น หมักด้วยโชยุ ซีอิ้ว ซอสปรุงรส พริกไทย ซีอิ้วดำ จากนั้นน้ำมาปิ้งในเตาอบลมร้อนประมาณ 15 นาที หรือใครสามารถปิ้งเตาถ่านนั้นเยี่ยมยอดมาก และทำการนึ่งข้าวเหนียวในซึ้ง หรือไม่มีซึ้ง ก็สามารถนึงข้าวเหนียวในหม้อหุงข้าวโหมดนึ่งข้าวเหนียวได้เลย เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูอาหารเช้าทำง่ายสไตล์คนไทยไว้รับประทานแล้ว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay