Categories
อาหารญี่ปุ่น

โอเด้ง ซดร้อน ๆ ครบรส ทั้งอร่อยและสารอาหาร

โอเด้ง

โอเด้ง เป็นอีกหนึ่งอาหารสัญชาติญี่ปุ่นที่เราคงได้ยินชื่อนี้กันมานาน หลายคนเคยรับประทาน อาหารนานาชาติ เมนูนี้ตามร้านอาหารกันมาบ้างแล้วนะคะ โดยเฉพาะในข่วงฤดูฝนหรือหนาว แม้เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ในประเทศไทย ทว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราซดน้ำซุปร้อน ๆ แล้วเคี้ยวไปพร้อมกับเส้นนุ่ม ๆ ของเมนูนี้ รับประกันความฟินอีกทั้งอุ่นและอร่อยไปพร้อม ๆ กันค่ะ

โอเด้ง วัตถุดิบ ส่วนผสม

โอเด้ง

หลายคนนึกอยากกินอาหารเมนูนี้จนเกิดคำถาม โอเด้งซื้อที่ไหน จนต้องถามเพื่อนหรืออ่านรีวิวร้านดังตามย่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะในกรุงเทพมหานครหรือตามสถานที่อื่น ๆ เมื่อได้มาซึ่งข้อมูล ก็คงเข้าไปใช้บริการซื้อกินเมนูนี้ค่ะ ทว่า มีอีกหลายคนเช่นเดียวกัน ที่อยากลองทำอาหารเมนูนี้ วันนี้ เรามีวิธีทำโอเด้ง มาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ

ส่วนผสม สำหรับ 4 ที่

  • น้ำซุป
  • น้ำดาชิ 5 ชต
  • โชยุ 3 ชต
  • สาเก, มิริน อย่างละ 2 ชต
  • น้ำเปล่า 500 ml
  • หัวไชเท้า 1 หัว
  • แครอท 1 หัว
  • ต้นหอมญี่ปุ่น 1 ต้น
  • ไข่ต้มสุก 4 ฟอง
  • น้ำมันพืช
  • เต้าหู้เส้นอบแห้ง 
  • ไก่ห่อสาหร่าย 12 ชิ้น หรือคามชอบ
  • เต้าหู้ปลา 12 ชิ้น หรือตามชอบ
  • ลูกชิ้นปลาทอด 16 ลูก หรือตามชอบ
  • สาหร่ายชุปแป้งทอด 1 ซอง


โอเด้งอุปกรณ์ต่าง ๆ

โอเด้ง

สูตรโอเด้ง ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็ตาม เรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนั่นก็คือ อุปกรณ์

  • หม้อหุงข้าว สำหรับใส่ส่วนผสมทั้งหมด
  • มีด สำหรับหั่นผัก

โอเด้งวิธีทำ

การทำให้อร่อยนั้น สูตรรวมถึงวิธีทำนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรให้คุณค่า และเมื่อทำออกมาแล้ว ต้องเหนือกว่าโอเด้งสำเร็จรูป ค่ะ แล้วเราถึงจะได้อรรถรสในการกิน วันนี้ ไรเตอร์ได้รวบรวม แนวทางในการทำอาหารเมนูร้อนชามนี้ ให้เพื่อน ๆ ได้นำกลับมาปรับใช้ตามความเหมาะสม

ขั้นตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของการทำโอเด้ง นั่นก็คือ ให้นำวัตถุดิบประเภทผักดังที่ลิสต์เอาไว้ ไปล้างน้ำเปล่าให้สะอาดดีเสียก่อน จากนั้น ถึงนำผักดังกล่าวมาหั่น เริ่มจาก ปอกผิวหัวไชเท้า แล้วนำมาหั่นเป็นท่อน ๆ แล้วใช้มีดปลายแหลมแทงตรงกลางทำสัญลักษณ์ เป็นรูปกากบาท ในที่นี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งแครอท ให้ทำวิธีเดียวกับหัวไชเท้า จากนั้น ใส่ลงในหม้อหุงข้าว โดยไม่ลืมนำต้นหอมมาหั่นเฉียง แล้วใส่ลงในหม้อหุงข้าว ไปพร้อมกับไข่ต้มสุกปอกเปลือกแล้ว ในกรณีไม่ใช้หม้อหุงข้าว สามารถใช้หม้อต้มแสตนเลสยี่ห้อใดก็ได้หรือภาชนะอื่น ๆ ที่มีในครัวเรือน นำมาปรับใช้ได้เลย 

ขั้นตอนที่ 2 ภายหลังเตรียมส่วนผสมในส่วนผักรวมถึงไข่ไก่ต้มสุกจนพร้อม ขั้นตอนการทำ โอเด้ง ขั้นตอนนี้ ให้ใส่มิริน สาเก น้ำดาชิ โชยุ ปรุงตามสัดส่วนที่ให้ไป ตามด้วยน้ำเปล่า 500 มล หรือดูตามความเหมาะสม ถ้าเป็นหม้อหุงข้าว อย่าเติมน้ำเกินระดับขีด water จากนั้นปิดฝาหม้อให้สนิท กดปุ่ม Congee/soup ในขั้นตอนนี้ หม้อหุงข้าวจะเริ่มทำงาน

ขั้นตอนที่ 3 ทำโอเด้งในส่วนของการเพิ่มสีสันให้กับโอเด้ง ให้นำเครื่องเคียงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นปลา ไก่ห่อสาหร่าย เต้าหู้ปลา เอาไปชุบแป้งทอด รอกระทั่งหม้อดีด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 50 นาที ให้นำเต้าหูเส้นทอด ใส่ลงในหม้อ ปิดฝา กดปุ่มทำงานแล้วรออีก 40 นาที ครบกำหนดแล้วเปิดฝา ใช้ทัพพีตักไข่ใส่ชาม แล้วนำเครื่องเคียงที่ทอดแล้วทั้งหมดลงในหม้อ ปิดฝาอีกครั้ง กดปุ่มต้มต่อไปอีก 20 นาที ก็สามารถตักขึ้นมารับประทานได้เลย อย่าลืมโรยต้นหอมด้วยนะคะเพื่อหน้าตาที่ดูน่ากินมากขึ้น

โอเด้ง

โอเด้ง จะเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารญี่ปุ่น ที่จะครองใจคนชอบกินน้ำซุปจากผักที่มาพร้อมเครื่องเคียงแสนอร่อยไปอีกแสนนาน นอกจากน้ำซุปร้อน ๆ เรายังได้คุณค่าทางสารอาหารจากผักอีกมากมายซึ่งเต็มไปด้วยสิตะมินและเกลือแร่ อีกทั้ง ยังได้สารอาหารประเภทโปรตีน จากไข่ไก่ เต้าหู้ ลูกชิ้นปลา เส้นเต้าหู้ และ อื่น ๆ ค่ะ เรียกได้ครบในเรื่องของคุณค่าและอร่อยจริง ๆ ค่ะ

Categories
เบเกอรี่

เค้กไข่ไต้หวัน นุ่ม ละลายในปาก สูตรเด็ดต้องลอง

เค้กที่เห็นในรูป ลักษณะเป็นเค้กฟู ๆ เนื้อนุ่ม ๆ ที่ใครกิน ต่างเป็นต้องรู้ว่าคือ เค้กไข่ไต้หวัน และยังต้องติดใจ เรียกได้ว่า คอเบเกอรี่ ทั้งหลายล้วนรู้จักขนมอบชนิดนี้กันเป็นอย่างดีว่าอร่อยเพียงใด อันเกิดมาจาก กระแสตอบรับที่ดีจนมีการนำวิธีทำขนมดังกล่าวข้างต้น ลงในสื่อหลักอย่างยูทู้ป ให้เราได้ลองประลองฝึกทำกัน ซึ่งไรเตอร์เองก็ไม่รอช้า รีบไปสรรหาสูตรรวมถึงวิธีทำมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองอบมากินกันเองภายในครอบครัวค่ะ

เค้กไข่ไต้หวัน ส่วนผสม/วัตถุดิบ

เค้กไข่ไต้หวัน

ความที่เค้กชนิดนี้ ไม่ได้มีรสหวานจัด ดังนั้น ถึงเป็นที่นิยมนำมากินกับชาหรือกาแฟในช่วงเบรค เป็นอีกหนึ่ง ของหวาน ที่คนส่วนใหญ่เริ่มทำ เพื่อนำมาวางจำหน่ายให้ลูกค้าได้ซื้อหา นำมากินค่ะ แต่สำหรับคนที่อยากทำกินเอง เรามีวิธีทำเค้กง่ายๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำดูค่ะ ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ก็ทำได้แล้ว

ส่วนผสม ไข่แดง

  • ไข่แดง เบอร์ 2 จำนวน 7 ฟอง
  • แป้งเค้ก 150 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • นมข้นจืด 145 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 100 กรัม

ส่วนผสม ไข่ขาว

  • ไข่ขาว เบอร์ 2 จำนวน 7 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ หรือน้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 100-120 กรัม เราสามารถไปเพิ่มหรือลดน้ำตาลลงมาได้ค่ะ
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา

อุปกรณ์

เค้กไข่ไต้หวัน

การเตรียมความพร้อมก่อนลงมือทำ สำหรับเมนูเบเกอรี่มือใหม่ ทั้งหลาย อุปกรณ์จำเป็นที่จะนำมาใช้ทำนั้น มีเพียงไม่กี่อย่างค่ะ

  • เครื่องปั่นพร้อมหัวตีตะกร้อ
  • เตาอบ
  • อุปกรณ์เกี่ยวกับชั่ง ตวง วัด เช่น ช้อนตวง ถ้วยตวง บีกเกอร์ ตะแกรงร่อนแป้ง 
  • แม่พิมพ์
  • กระดาษไข
  • กระดาษทิชชู

วิธีทำ

เค้กไข่ไต้หวัน

ใครที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยขอสูตรทำเค้กไข่ไต้หวัน แสนอร่อยให้กับตัวเองรวมถึงบุคคลอื่น ๆ ที่เราอยากมอบเค้กด้วยหัวใจ รับประกัน สูตรนี้ไม่ผิดหวัง ดีต่อใจ แน่นอนค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 เค้กไข่ไต้หวันแสนอร่อย ให้เริ่มจาก การนำไข่แดงกับไข่ขาวมาแยกออกจากกัน จากนั้น นำแป้งเค้กกับเกลือป่นมาร่อนให้ได้ประมาณ 2 ครั้ง ทั้งนี้เป็นไปเพื่อทำให้เนื้อเค้กละเอียดและฟูขึ้นมาได้ค่ะ พักไว้ ระหว่างนั้น ตวงส่วนผสมที่เป็นของเหลว ได้แก่   นมข้นจืด น้ำมันพืช น้ำตาลทรายและไข่ แยกไว้  ในส่วนของน้ำมันพืช ให้นำไปอุ่นในกะทะ จากนั้น ให้ใส่ส่วนผสมแป้งลงในน้ำมันพืชที่เตรียมไว้แล้วตะล่อมคนให้เข้ากัน ตามด้วยนมข้นจืด เป็นไปเพื่อรสชาติที่กลมกล่อมอีกทั้งยังมีความหอมขึ้นมาอีกด้วยค่ะแล้วใส่ไข่แดง วานิลลา คนให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จในขั้นตอนแรก

ขั้นตอนที่ 2 เค้กไข่ไต้หวัน มาถึงขั้นตอนการทำในส่วนของส่วนผสมไข่ขาวโดยมีวิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน ดังนี้ นำไข่ขาวมาตี ใช้ความแรงที่เบอร์ 3 เพื่อตีให้เนื้อไข่เป็นฟองหยาบก่อน ตามด้วยครีมออฟทาร์ทา เพื่อทำให้เนื้อเค้กขึ้นฟู จากนั่นค่อยไปเพิ่มความเร็ว ตีให้เข้ากันแล้วใส่แป้งข้าวโพดลงไป 

จากนั้นให้ทยอยแบ่งน้ำตาลออกเป็น 3 ครั้ง ให้ค่อย ๆ ใส่กระทั่งน้ำตาลทรายหมดจนไข่ขาวตั้งยอด แบ่งไข่ขาวหรือเมอแลงออกเป็น 3 ส่วน นำมาใส่ในส่วนผสมของแป้งและไข่แดงที่เราเตรียมไว้ก่อนหน้าได้เลยค่ะ ค่อย ๆ ตะล่อมคนเบา ๆ กระทั่งไข่ขาวหมด พักไว้

ขั้นตอนที่ 3 ในการทำเค้กไข่ไต้หวัน ขั้นตอนสุดท้ายให้เทส่วนผสมทั้งหมดลงในแม่พิมพ์ จากนั้น นำแม่พิมพ์ดังกล่าวมาวางในถาดรองน้ำ และไม่ลืมวางทิชชูแผ่นหนารองก้นแม่พิมพ์ ในส่วนของอุณหภูมิ ใช้อุณหภูมิในการอบประมาณ 160-180 องศาเซลเซียส เวลาที่เหมาะสมเมื่อ ต้องการจะอบ ใช้ประมาณ 40 นาที ตั้งค่าเป็นไฟบนไฟล่าง แล้วปิดพัดลม พอครบตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็ให้นำเค้กออกมาจากเตาอบได้เลย พักให้เย็น แล้วตัดเป็นชิ้น ๆ นำมารับประทาน กินคู่กับชากาแฟได้ค่ะ

เค้กไข่ไต้หวัน เมนูขนมอบแสนอร่อย ที่ใครก็อยากกินไปจนถึงจะลองทำด้วยตัวเองซึ่งทางไรเตอร์ก็ได้ให้สูตรวิธีทำเค้กง่ายๆ ให้กับผู้ที่สนใจได้ลองนำสูตรดังกล่าวไปปรับใช้ดูนะคะ

เค้กไข่ไต้หวัน
Categories
อาหารไทย

แกงเผ็ดไก่ น้ำพริกแกงสูตรเด็ด แกงไทยรสแซ่บ

แกงเผ็ด หรือจะเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า แกงแดง Red Curry เป็นแกงไทยที่มีสีสันน่ารับประทาน และยังมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน สูตรเด็ดอยู่ที่น้ำแกง ที่มีความเข้มข้น รสชาติเผ็ดจ้าน คุณสามารถใส่เนื้อสัตว์หรือผักตามใจชอบ หรือจะใส่เต้าหู้ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ในสูตรที่เราจะพามาทำกันในวันนี้คือสูตรที่ใช้เนื้อไก่ และส่วนผักใช้เป็นหน่อไม้แทน ผสมเครื่องแกงและกะทิเข้าด้วยกัน ซึ่งรับรองว่าจะได้ความเข้มข้นของน้ำแกงและความหอมมันของกะทิอย่างแน่นอน ความแซ่บและเข้มข้นของน้ำพริกแกงจะซึมเข้าไปในทุก ๆ อณูของเนื้อไก่ ทานเข้าไปรับรองว่าอร่อยจนหยดสุดท้ายแน่นอน ถือเป็นเมนูคู่บ้านคู่ครัวหลาย ๆ ครอบครัวเลยก็ว่าได้ หากนึกอะไรไม่ออกสามารถทำ แกงเผ็ดไก่ ทานกันได้ทั้งครอบครัว

แกงเผ็ดไก่

วัตถุดิบและวิธีการทำเมนูแกงเผ็ดไก่

1.เนื้อไก่ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ หรืออาจจะใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ ก็ได้ตามชอบ ในปริมาณ 142 กรัม

2.น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ

3.กะทิ ¼ ถ้วย

4.น้ำซุปหรืออาจใช้น้ำเปล่าแทนก็ได้ ½ ถ้วยตวง

5.หน่อไม้ หั่นไว้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ยาว ๆ ½ ถ้วย 

6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 

7.น้ำตาลทราย 3-4 ช้อนชา 

8.ใบมะกรูด 3-4 ใบ

9.ใบโหระพา ¼ ถ้วย

10.พริกเบลหรือจะเป็นพริกชี้ฟ้าสีแดงและสีเขียว หั่นเป็นเฉียง ๆ ไว้ 1/3 ถ้วย

11.น้ำมันพืช ใช้เพียงเล็กน้อยเพื่อไว้สำหรับผัด

ส่วนผสม น้ำพริกแกงเผ็ด 

1.พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้าและพริกหยวก ใช้ประมาณ 113 กรัม

2.ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ 

3.เม็ดพริกไทยขาว 10 เม็ด 

4.รากผักชีและก้านผักขีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ 

5.ตะไคร้ปั่นละเอียด 2 ต้น

6.ข่าปั่นละเอียด 2 ช้อนชา 

7.กะปิ 2 ช้อนชา

8.เกลือทะเล 2 ช้อนชา

9.หอมแดงสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

10.กระเทียมสับ ¼ ถ้วย

11.ผิวมะกรูดสับละเอียด 2 ช้อนชา 

วิธีการทำน้ำพริกแกง 

1.ตัดขั้วพริกทั้ง 3 ชนิดออก กรีดฝักเพื่อเอาเม็ดออก จากนั้นให้ตัดพริกเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปแช่น้ำไว้จนเริ่มนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

2.ใส่เม็ดพริกไทยขาวและลูกผักชีลงไปโขลกในครกให้ละเอียด ตามด้วยตะไคร้ ข่า รากผักชี หอมแดง กระเทียม กะปิ ผิวมะกรูด เกลือทะเลและพริกที่นำไปแช่น้ำเอาไว้แล้วจนนุ่ม นำมาตำรวมกันให้ละเอียดประมาณ 5 นาที 

3.นำส่วนผสมที่ตำรวมกันแล้ว นำไปปั่นให้ละเอียด

4.จากนั้นก็สามารถนำไปใช้ได้เลย หรือจะเก็บไว้แช่ในตู้เย็นก็ได้

วิธีทำแกงเผ็ดไก่

1.ตั้งกระทะขึ้น เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย เปิดไฟกลางพอให้กระทะร้อน ใส่น้ำพริกแกงที่ได้ทำเอาไว้แล้ว ใส่ลงไปในกระทะ ผัดให้หอม จากนั้นให้ใส่กะทิ ผัดไปเรื่อย ๆ ให้เข้ากัน 

2.ใส่เนื้อไก่ลงไปผัด เติมน้ำซุปลงไป ค่อย ๆ คนผสมให้เข้ากัน 

3.รอจนแกงเริ่มเดือดจึงค่อย ๆ ลดไฟลง ปล่อยทิ้งไว้สักพักประมาณ 10 นาที จากนั้นน้ำแกงจะเริ่มซึมเข้าไปในเนื้อไก่และเนื้อไก่ก็จะเปื่อยเล็กน้อย 

4.พอครบ 10 นาที เนื้อไก่และแกงก็จะได้ที่พอดี ให้ใส่ใบมะกรูดลงไป จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล

5.เติมกะทิลงไป คนให้เข้ากันดี จากนั้นชิมรสชาติและปรุงต่อได้ตามใจได้เลย 

6.ใส่หน่อไม้ลงไปและคนให้เข้ากันอีกรอบ ใส่พริกลงไปอีกรอบ รอจนแกงเดือดอีกครั้ง ให้ใส่ใบโหระพาลงไป คนเล็กน้อย จากนั้นปิดไฟและยกหม้อลง เสร็จแล้วตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ แกงเผ็ดไก่ ได้เลย

แกงเผ็ดไก่

แกงเผ็ดไก่ แกงกะทิ ไทย รสชาติเผ็ดแซ่บ

แกงไทยมีหลายเมนูด้วยกันที่เป็นที่นิยมและมีรสชาติอร่อย หนึ่งในนั้นคือ แกงเผ็ดไก่ เมนูนี้เป็นแกงที่มีจุดเด่นที่รสชาติ ความเผ็ดของพริกแกงเข้ากันได้ดีกับเนื้อไก่หรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ และยังมีกะทิที่เป็นตัวลดความเผ็ดของพริกแกงได้ดี รสชาติของเมนูแกงเผ็ดไก่จึงออกมาอร่อยลงตัวสุด ๆ และความอร่อยก็ยังอยู่ตรงที่น้ำพริกแกง นอกจากจะนำมาใส่ในเมนูนี้แล้วยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน เพื่อนำไปใส่ในเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วย เมนูแกงซดน้ำ ที่สามารถทำทานได้ทุกวัน

แกงเผ็ดไก่
Categories
อาหารไทย

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน รสชาติเข้มข้น ซดน้ำร้อน ๆ

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน แกงรสชาติเข้มข้น แบบที่ไม่ใส่กะทิและปลาร้า แต่อย่างไรก็รสชาติอร่อยถึงใจอย่างแน่นอน วัตถุดิบก็หาไม่ยากและไม่เยอะ ส่วนวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลย ใครที่ขื่นชอบแกงรสเผ็ดแซ่บ จะต้องชอบเมนูนี้อย่างแน่นอน คนกินเผ็ดไม่มีผิดหวัง รสชาติแซ่บ ๆ ของน้ำแกงป่า ที่อร่อยถึงใจ บวกกับความอร่อยของซี่โครงหมูอ่อน  สายกินซี่โครงหมูถูกใจอีกเป็นเด้งที่สอง ในส่วนของหมูนั้นก็มีหลายส่วนที่แม่ครัวพ่อครัวได้นำมาทำเป็นเมนูอาหารแต่ละเมนู บางคนอาจจะไม่ชอบทานเนื้อหมูส่วนที่ติดมัน เพราะทานเข้าไปแล้วเลี่ยน เช่นจำพวก หมูสามชั้นทอดหรือย่าง หมูกรอบ ถึงแม้จะเป็นเมนูโปรดใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบ และหันมาสนใจส่วนอื่น ๆ ชองหมูกัน อีกส่วนที่อร่อย และนิยมนำมาทำเป็นอาหารนั่นก็คือซี่โครง ซี่โครงเป็นเนื้อติดกระดูกที่ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อน้อย แต่ก็เป้นเนื้อส่วนที่มีความอร่อย เนื้อไม่เหนียวเคี้ยวง่าย มีความติดมันเล็กน้อยไม่มาก ยิ่งนำไปทอดหรือแกงป่าแซ่บ ๆ ยิ่งอร่อย

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน

วัตถุดิบและวิธีการทำเมนู แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน

  1. ซี่โครงหมูอ่อน 500 กรัม
  2. คนอร์หมูซุปก้อน 2 ก้อน 
  3. ถั่วฝักยาว 50 กรัม 
  4. มะเขือเปราะ 200 กรัม 
  5. มะเขือพวง 50 กรัม 
  6. ใบมะกรูด 5 กรัม 
  7. กระชาย 20 กรัม 
  8. น้ำ 1 ลิตร
  9. พริกขี้หนูแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  10. พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ
  11. พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ 
  12. ตะไคร้ 3 ช้อนโต๊ะ 
  13. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ 
  14. ข่า 1 ช้อนโต๊ะ
  15. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ 
  16. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา 
  17. เกลือ 1 ช้อนชา 

วิธีการทำเมนู แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน 

  1. เริ่มต้นด้วยการทำพริกแกง โดยการใส่ เกลือ ผิวมะกรูด ตะไคร้ กะปิ พริกขี้หนูแห้ง พริกขี้หนูสวน ข่า พริกไทยขาว ลงไปโขลกรวมกันให้ละเอียดดี เสร็จแล้วตักออกจากครกและพักไว้
  2. ตั้งหม้อขึ้น และเทน้ำสะอาดลงไป รอจนน้ำเดือด สักพักให้ใส่คนอร์ซุปก้อนหมูลงไป
  3. เติมน้ำพริกแกงป่าลงไป รอให้น้ำพริกที่ผสมกับน้ำซุปเดือดและละลายดี จากนั้นให้ใส่ซี่โครงหมูที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เอาไว้ลงไปในหม้อ 
  4. ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาวลงไปต้มในหม้อ ให้สุกพอประมาณ ไม่จำเป็นต้องสุกมากนัก จากนั้นให้ใส่กระชายและใบมะกรูดลงไป ใช้ทัพพีคนให้เข้ากัน
  5. ปรุงรสชาติตามชอบ ด้วยน้ำปลา และเครื่องปรุงอื่น ๆ ชิมรสชาติที่ชอบ คนให้เข้ากันดีจากนั้นก็ปิดไฟได้เลย 
  6. ตักเสิร์ฟใจถ้วยหรือจานพร้อมเสิร์ฟเมนูแกงป่าซี่โครงหมูอ่อน ได้เลย
แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อนอาหารภาคกลาง สุดแซ่บ

อาหารเมนูแซ่บ ๆ นั้นไม่ได้มีอยู่แค่ทางภาคอิสานเท่านั้น ภาคกลางก็มีเมนู แกงแซ่บ อยู่เยอะเช่นเดียวกันแกงป่าซี่โครงหมูอ่อน เป็นเมนูที่ไม่ใส่ปลาร้า แต่รสชาติเข้มข้นในแบบที่เป็นแกงป่า เนื้อหมูในส่วนของซี่โครงหมูนั้นมีรสชาติที่ดีและอร่อย ถึงแม้ว่าเนื้อตรงส่วนนั้นจะน้อยเพราะเป็นเนื้อติดกระดูก แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนของซี่โครงหมูนั้นอร่อยจริง ๆ นอกจากจะอร่อยด้วยตัวของมันเองแล้ว กระดูกของซี่โครงหมูยังทำให้น้ำซุปอร่อยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หลายคนจึงชอบนำกระดูกหรือซี่โครงหมูนำไปต้มใส่น้ำ เพื่อทำเป็นน้ำซุป และเมนูอื่น ๆ เช่นข้าวต้ม แกงจืด และแกงอื่น ๆ ที่เน้นความอร่อยของน้ำซุป 

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อนเป็นเมนูที่มีจุดขายตรงน้ำซุปหรือน้ำแกงที่แซ่บนั่นเอง ด้วยความที่มีเครื่องพริกแกงมากมายที่ให้ความแซ่บ เช่น พริก ข่า ตะไคร้ นำมาตำรวมันยิ่งเพิ่มความแซ่บเข้าไปอีก ตามแบบฉบับของแกงป่าที่แท้จริง และจุดขายอีกอย่างหนึ่งก็อยู่ที่ซี่โครงหมูนั่นเอง ซึ่งก็มีทั้งส่วนที่เป็นซี่โครงกระดูกข้างลำตัวและซี่โครงอ่อน ซึ่งในเมนูนี้เราได้นำซี่โครงอ่อนมาทำนั่นเอง เพราะส่วนนี้เขาอร่อยและเคี้ยวง่าย นำมาทำเป็นต้มแซ่บหรือแกงป่าแบบนี้อร่อยอย่าบอกใคร เมนูอาหารไทยที่ทานได้ทั้งครอบครัว ทำทานได้ทุกวัน

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน
Categories
ขนมไทย

สังขยาไข่ กลิ่นหอม เนื้อเนียนนุ่มละลายลิ้น

สังขยาไข่

สังขยาไข่ แค่เพียงได้เอ่ยนาม ใครก็อยากกิน ด้วยรสชาติของขนมหวานไทย แสนอร่อย หวานละมุนลิ้นจากตัวสังขยาผสมนำ้กะทิและน้ำตาลโตนด เวลากัดกินแต่ละคำ ความรู้สึกนั้น ฟินเสียเหลือเกินแล้วไหนจะข้าวเหนียวนึ่งกะทิ กัดกินไปพร้อมกัน ความลงตัวนั้นเกินคำบรรยาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสารพัดประโยชน์จากไข่ไก่และไข่เป็ด ที่ขึ้นชื่อว่า มีโปรตีนสูง เพียงเท่านี้ เราก็จะได้รับทั้งความอร่อยและประโยชน์แล้วค่ะ

ในส่วนของที่มาเมนูสังขยานั้น ในภาษามลายูเรียกว่า “กายา” เป็นขนมที่อยู่คู่วิถีชีวิตชาวไทยมาช้านานแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเลยก็ว่าได้ แต่เดิมเป็นขนมโปรตุเกส เพียงแค่เรามาดัดแปลงให้เข้ากับจริตของคนไทยรวมถึงวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น นิยมนำมากินคู่กับฟักทอง ข้าวเหนียวนึ่ง ซึ่งแต่เดิมมีเพียงแค่ข้าวเหนียวนึ่งสีขาวเท่านั้น ทว่าวิวัฒนาการในการทำขนมที่มีแต่พัฒนาขึ้น ทำให้มีการปรับสูตร นำสีจากพืชสมุนไพรในบ้านมาผสม เพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารไปจนถึงรูปลักษณ์ขนมที่ดูน่ากินมากขึ้นค่ะ

สังขยาไข่ วัตถุดิบ

สังขยาไข่

ขนมอร่อย วัตถุดิบต้องพร้อม สำหรับเมนูสังขยาในวันนี้ที่เรากำลังเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ลองหัดทำกันนั้น จะเป็น ขนมสังขยาไข่ ที่ในส่วนของวัตถุดิบที่จะหามาใช้ทำขนมนั้น เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ในครัวเรือน หรือจะซื้อตามตลาดนัดใกล้บ้านก็ยังสะดวกค่ะ ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าว ใช้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่ได้ความอร่อยฟิน ๆ กลับมา แล้วแบบนี้ใครล่ะจะอดใจไหว ไม่ลองหัดทำ เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า วัตถุดิบที่เราต้องเตรียมหาซื้อมา มีอะไรกันบ้าง ?

ส่วนประกอบ

ไข่เป็ด 4 ฟอง

ไข่ไก่ 1 ฟอง

น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ

หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร

น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลโตนด แท้ 100 กรัม 

เทคนิค : แนะนำให้ลองชิมดูทุกครั้งเวลาผสมนะคะนั่นหมายความว่าปริมาณในการนำน้ำตาลมาใช้ อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นตามความชอบได้อีก ทั้งนี้เพราะ น้ำตาลในแต่ละท้องที่นั้น ค่อนข้างมีความแตกต่างในเรื่องของความหวานกันค่ะ

ใบเตยหอมประมาณ  2-3 ใบ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

สังขยาไข่

ความพร้อมของอุปกรณ์เป็นเรื่องสำคัญ ของกินจะอร่อยหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่สูตรและวิธีทำเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากยังหมายรวมถึงอุปกรณ์จำเป็นในการทำสังขยาไข่ ค่ะ ซึ่งต้องพร้อมและเตรียมเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น

  1. ลังถึง
  2. ชามผสม
  3. กระชอน
  4. ผ้าขาวบาง

วิธีทำสังขยาไข่

ภายหลังเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์จนพร้อม ก็มาถึง วิธีทําสังขยาไข่  กันค่ะ ซึ่งขั้นตอนการทำนั้น อาจทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกประหลาดใจกันได้นะคะว่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย รู้แบบนี้ หัดทำเสียตั้งแต่ตอนแรกแล้วค่ะ

ขั้นตอนที่ 1  สังขยาไข่ สูตรนี้ มีวิธีทำอันแสนง่าย เริ่มต้น ให้นำไข่เป็ดและไข่ไก่ตอกใส่ชามผสมทั้งฟอง ตามด้วย หัวกะทิ น้ำเปล่า น้ำตาลโตนด โดยเรามีสูตรสังขยาไข่ สูตรเด็ดเพื่อนำมาใช้เพิ่มกลิ่นหอมดับกลิ่นคาวในไข่เป็ดให้กับผู้ที่สนใจทำนั่นก็คือ ให้นำใบเตยขยำไปพร้อมกับส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันดี เมื่อเสร็จในขั้นตอนนี้ ให้นำส่วนผสมดังกล่าว มากรองด้วยผ้าขาวบาง หรือจะเปลี่ยนเป็นกระชอนสำหรับกรองส่วนผสมดังกล่าวก็ได้ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อทำให้เนื้อสังขยาดูเนียนและน่ากินค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 เตรียมความพร้อมให้กับการทำสังขยาไข่ โดยเทน้ำเปล่าลงไปในลังถึง รอกระทั่งน้ำร้อนจัด ให้เอาสังขยาลงไปนึ่งโดยมีเทคนิคดังนี้

ถ้าต้องการให้เนื้อดูฟู ใช้ไฟแรง

ถ้าต้องการให้เนื้อดูเนียนละเอียด ให้ใช้ไฟอ่อน ทำการนึ่งค่ะ

ในกรณีใช้ไฟกลาง ใช้เวลานึ่งเพียงไม่นาน แค่ 15-20 นาทีเท่านั้นค่ะ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น อยู่ที่ขนาดของภาชนะที่เราเทส่วนผสมสังขยาลงไปนึ่งอีกด้วยค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทำสังขยาไข่ เสียทีนะคะ นั่นก็คือ ภายหลังจัดการนำส่วนผสมของสังขยาไปนึ่งจนสุกแล้ว รอให้เย็นลงสักพักแล้วค่อยยกลงจากเตา เตรียมข้าวเหนียวมูลเอาไว้ให้พร้อม จะเป็นข้าวเหนียว 3 สีก็ได้ เช่น สีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากดอกอัญชัน และสีเหลืองจากขมิ้น ให้พร้อม ตักสังขยาขึ้นมาจากชามผสมกินคู่กับข้าวเหนียว รับประกันได้เลยว่า เป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานไทย แสนอร่อย เคียงคู่ครัวไทยไปอีกแสนนานกันเลยทีเดียวค่า

สังขยาไข่

สังขยาไข่ เมนูขนมไทย ขึ้นชื่อแสนง่าย กินคู่กับข้าวเหนียวมูลนึ่ง อร่อยล้ำจนหยุดไม่ได้ ใครอยากกิน ทำกินเองได้เลยค่ะเพราะเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ในส่วนของประโยชน์ ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่ทำมาจากไข่เป็ดและไข่ไก่ จึงเต็มไปด้วย โปรตีนจากไข่ พลังงานจากกะทิสดนึ่ง ใครกินเป็นต้องติดใจ อร่อยและดีต่อสุขภาพจนลืมไม่ลงกันเลยทีเดียวค่า

Categories
อาหารไทย

ผัดไทย เมนูเส้นแสนอร่อย ได้ลิ้มลอง ติดใจกันทุกคน

ผัดไทย

ผัดไทย อีกหนึ่งเมนูอาหารภาคกลาง เป็นที่นิยมมาช้านาน ว่ากันว่า ความอร่อยนั้น ดังไกลไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ไม่แพ้เมนู ”ต้มยำกุ้ง” ของเรากันเลยทีเดียวนะคะ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง จีน อืนเดียหรือชาวแดนอาทิตย์อุทัยต่างชื่นชอบอาหารเมนูนี้ ที่มีลักษณะเป็นเส้นนุ่ม ๆ คลุกเคล้าเข้ากันดีกับซอสมะขามและเครื่องปรุงอื่น ๆ แสนอร่อยที่มีครบทุกรสชาติใน 1 จานเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ เปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดกำลังดี เรียกได้ว่า อร่อยนัว จนไม่อาจหยุดรับประทานได้เลย อีกทั้ง ราคายังไม่แพง มีหลายรูปแบบ และยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วแบบนี้ ใครล่ะจะอดใจไหว ต้องสั่งมากินแล้วค่ะ

วัตถุดิบ ส่วนผสมในการทำ ผัดไทย

ผัดไทย

ใครที่กำลังคิดอยากจะลองทำกินด้วยตัวเอง วันนี้ เราขออาสารีวิว วิธีทำผัดไทย มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองฝึกทำ ซึ่งวัตถุดิบนั้น หาง่าย มีในครัวเรือนอยู่แล้ว ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบเพียงไม่นานก็สามารถทำได้เลย ใครจะไปรู้ ทำจนคล่องและอร่อย อาจจะเป็นแม่ครัวขึ้นชื่อในเมนูนี้ไปเลยนะคะ 

ส่วนผสม

  • กุ้งสด ประมาณ 3-5 ตัว หรือตามชอบ
  • ​ ​​​เต้าหู้เหลือง หั่นเป็นรูปเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ
  • ​​ไชโป๊ สับให้ละเอียดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​​ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหรือในบางรายอาจใช้เส้นจันแทนก็ได้ ซึ่งอร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก
  • ​​​ถั่วงอกดิบ
  • ​​ใบกุยช่าย
  • ​​ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ​​​น้ำมันพืช 
  • ​​ถั่วลิสงคั่วบด ให้ใส่ตามชอบ
  • ​​ผักสด เช่น หัวปลี แตงกวา ถั่วงอก

ส่วนผสมซอสผัดไทย

  • น้ำตาลปี๊บประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​น้ำมะขามเปียกประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​​น้ำปลาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​พริกป่นประมาณ 1 ช้อนชา 

อุปกรณ์ต้องเตรียม มีอะไรบ้าง เมื่อจะทำผัดไทย

ผัดไทย

จะทำผัดไทย ให้อร่อยทั้งที เราต้องมีตัวช่วยค่ะ ซึ่งตัวช่วยที่ว่าหมายถึงอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมไว้ ได้แก่ กะทะ ตะหลิว ครกและสากกะเบือ (ใช้ในการตำถั่วลิสงให้พอแหลก)

สูตรลับ ขั้นตอนการทำผัดไทยให้อร่อย

เป็นอีกหนึ่งเมนูเส้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวหรือขนมจีนกันเลยทีเดียวนะคะ ใครเห็นเจ้าเมนูเส้นที่มาพร้อมหัวปลีสด ๆ ถั่วงอก และกลิ่นหอม ๆ ของซอสที่นำมาผัดและคลุกไปด้วยกัน เพียงเท่านี้ ก็ให้ความรู้สึกแสนอร่อยแล้วค่ะ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการกินเมนูเส้นจานนี้ วันนี้เรามี สูตรผัดไทย มาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ เรามาดูไปพร้อม ๆ กัน ทำอย่างไรบ้าง ?

ขั้นตอนที่ 1 ขอเริ่มที่วิธีทำซอสผัดไทย กันก่อนนะคะ ให้นำน้ำมะขามเปียก น้ำปลา พริกป่น น้ำตาลปี๊บ มาผสมให้เข้ากัน โดยการนำไปตั้งไฟ รอจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี ปิดไฟ เทลงในภาชนะ พักไว้ให้เย็น

ขั้นตอนที่ 2 มาถึงขั้นตอนการทำผัดไทย กุ้งสด เริ่มจาก นำกุ้งสดไปผัดในกะทะ ผัดกระทั่งตัวกุ้งเริ่มสุก แล้วนำไปพักไว้ในภาชนะ จากนั้น ให้มาเตรียมในส่วนเครื่องผัดไทย โดยการนำเต้าหู้หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ผัดจนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตามด้วยหัวไชเท้า ผัดจนกระทั่งดูเข้ากันดี แล้วเทซอสผัดไทย ลงในกะทะ ผัดส่วนผสมไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้หั่นและหัวไชเท้า เคล้าให้เข้ากันกระทั่งเดือด

ขั้นตอนที่ 3 นำเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เราแช่น้ำไว้แล้วลงไปในกะทะ ผัดให้เข้ากัน จากนั้น เขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวไปไว้ข้างกะทะ ตามด้วย ตอกไข่ไก่ลงไปในกะทะ ยีไข่กระทั่งพอสุก นำไปคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ตามด้วยกุ้งที่เราได้ผัดเตรียมไว้แล้ว จากนั้น ตักผัดไทย ดังกล่าวที่เราคลุกเคล้าจนสุกเข้ากันดี ตักใส่จาน เวลาจะรับประทาน ให้กินคู่กับผักสดที่เราเตรียมไว้ได้เลย เช่น ถั่วงอกสด หัวปลี แตงกวาฝาน ผักกุยช่าย เพียงเท่านี้ เราก็จะได้เมนูผัดไทยกุ้งสด มารับประทานแล้วค่ะ

ผัดไทย

ผัดไทย จะเป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารไทย แสนอร่อยที่ใครก็สามารถทำกินเองได้ เหตุผล นั่นเป็นเพราะ วัตถุดิบในการนำมาใช้ทำอาหารเมนูนี้ เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาในครัวเรือนได้เลย ใช้เวลาเพียงไม่นาน เราก็สามารถอิ่มอร่อยด้วยมือเราได้ หรือ ถ้าใครทำเมนูอาหารจานนี้จนคล่อง สามารถนำมาใช้ต่อยอด เปิดร้านขายได้เลยค่ะ