Categories
เบเกอรี่

เปิดความอร่อย สูตร คุกกี้ บ ราว นี่ รสชาติเข้มข้น กรอบนอก นุ่มใน หวานกำลังดี

คุกกี้ บ ราว นี่

อีกหนึ่งเมนูขนมหวานแสนอร่อยโดนใจที่อยากแนะนำ นั่นก็คือ สูตร คุกกี้ บ ราว นี่ รูปร่างกลม หรือสี่เหลี่ยม สีน้ำตาล มีกลิ่นหอมของวานิลลา รสชาติหวาน ตัดกับรสขมของซ็อคโกแลตเข้ากันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เนื้อแป้งยังมีความกรอบนอก และนุ่มในโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สำหรับขนมชนิดนี้สามารถหาทานได้ตามร้านขายขนมทั่วไป และร้านคาเฟ่ใกล้บบ้านที่มักจะมีบราวนี่วางขายคู่กับเครื่องดื่มมากมายให้เลือกทานอย่างจุใจ และแน่นอนว่าบราวนี่เป็นขนมหวานสุดคลาสสิกที่คนทั่วไปชอบทานเป็นประจำ

คุกกี้ บ ราว นี่

สำหรับเชฟมือใหม่อยากลองทำขนมไว้ทำขาย แต่ไม่รู้จะทำขนมหวานเมนูไหนดี วันนี้เรามีขนมสูตรพิเศษที่คนทั่วไปนิยมทานมากที่สุดในร้านคาเฟ่ นั่นก็คือ คุกกี้ บราว นี่ ขนมสายซ็อคโกแลต เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม กรอบนอก รสชาติหวานอร่อย หอมกลิ่นช็อคโกแลตเข้มข้น เรียกได้ว่า ใครได้ลองทานบราวนี่ต้องติดใจทุกคน ส่วนวิธีทำขนม คุกกี้ บ ราว นี่ ก็ง่าย แสนง่าย รับรองว่าทำขายได้กำไร แถมลูกค้าแน่นร้านทุกวันแน่นอน 

สูตร คุกกี้ บ ราว นี่ สุดคลาสสิก เนื้อแป้งเข้มข้น ทำง่าย มือใหม่ก็ทำได้ 

ขนมคุกกี้ บ ราว นี่ มีความโดดเด่นด้วยหน้านอกกรุบกรอบ เนื้อในนุ่มนิ่ม รสชาติหวาน หอมกลิ่นซ็อคโกแลตเข้มข้นอร่อยกำลังดี นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว สีของบ ราว นี่ คุกกี้มีสีน้ำตาลเข้มข้นยิ่งความน่ารับประทานของขนมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบคุกกี้บราวนี่โกโก้เข้มข้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำขนมสูตรคุกกี้ บ ราว นี่ กรอบนอก นุ่ม ใน รสชาติโดดเด่น จากต้นตำรับ และอัดแน่นไปด้วยซ็อคโกแลตแบบจัดหนักจัดเต็ม พร้อมแชร์เคล็ดลับการทำแป้งให้กรอบ นุ่ม เหมือนซื้อทานที่ร้าน 

คุกกี้ บ ราว นี่

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  2. ดาร์กซ็อกโกแลต 90 กรัม
  3. เนยจืด 30 กรัม
  4. น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
  5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  6. ผงโกโก้ 10 กรัม
  7. ดาร์กซ็อกโกแลตชิพ 90 กรัม
  8. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  9. ผงฟู 1 กรัม
  10. เกลือ ½ ช้อนชา

ขนม คุกกี้บราวนี่ มีส่วนผสมค่อนข้างเยอะ แต่วัตถุดิบที่เหลือสามารเก็บไว้ทำคุกกี้ได้อีกในครั้งต่อไป โดยวันนี้เราจะพาทำสูตร คุกกี้ บ ราว นี่อย่างง่าย ไม่ยุ่งยาก หากใครยังเป็นมือใหม่สามารถทำตามวิธีทำขนมคุกกี้ สูตรบราวนี่ ได้ดังนี้

คุกกี้ บ ราว นี่
  • ในขั้นตอนแรก ให้เตรียมซ็อกโกแลตสำหรับทำขนม เริ่มจากนำดาร์กซ็อกโกแลต และเนยวจืดที่เตรียมใส่ในภาชนะ จากนั้นนำไปละลาย โดยนำไปวางไว้บนหม้อน้ำร้อน
  • ต่อมาให้ไข่ไก่ตอกใส่ภาชนะ ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายแดง ตามด้วยกลิ่นวานิลลา จากนั้นตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ ควรตีส่วนผสมไปเรื่อยๆ ประมาฯ 3-4 นาที เพื่อให้นน้ำตาลละลาย
  • น้ำดาร์กซ็อกโกแลตที่ลายแล้วมาใส่ในภาชนะที่มีส่วนผสมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำแป้งอเนกประสงค์ ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือมาร่อนที่แล้วใส่ลงไป หลังจากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี
  • ใส่ดาร็กซ็อกโกแลตชีพลง คนจนกว่าจะส่วนผสมจะเป็นเดียวกัน หลังจากนั้นตักใส่ถาดอบขนมให้เป็นรูปร่างทรงกลมเท่าๆ กัน โดยให้ขนมแต่ละชิ้นห่างกัน 1 เซนติเมตร จากนั้นกดแป้งให้แบนเล็กน้อย
  • นำถาดขนมเข้าอบที่อุณภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที นำออกมาพักไว้ให้เย็น เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมคุกกี้ สูตรซ็อคโกแลต ที่น่าตาน่ารับประทานสุดๆ 
คุกกี้ บ ราว นี่

ขนม คุกกี้ บราวนี่ มีหลากรูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทรงกลม ดังนั้นหากใครที่ไม่ชอบทรงกลมสามารถเทขนมลงในถาดอบขนม โดยนำกระดาษไขลองก้นถาด จากนั้นเทคุกกี้ลงไป และเกลี่ยหน้าขนมให้เรียบ จากนำเข้าอบได้เลย เพียงเท่านี้เราก็จะได้ขนมคุกกี้บราวนี่ หน้าฟิล์ม รสชาติหวาน กรอบนอก นุ่มใน แล้ว วิธีสังเกตขนมสุกหรือยัง ให้นำไม้จิ้มฟันจิ้มขนม หากไม่มีแป้งขนมติดไม้จิ้มฟันแสดงว่าขนมคุกกี้สุกดีแล้ว 

แชร์สูตรลับ ขนมคุกกี้ สูตรบราวนี่ เมนูเบเกอรี่ แสนอร่อย

คุกกี้ บ ราว นี่

คุกกี้บราวนี่คือขนมหวานที่เรียกว่าเป็นเมนูเบเกอรี่ยอดนิยมสุดคลาสสิกที่คนชอบทาน เพราะรสชาติหวาน ตัดขม แถมยังกลิ่นหอมของวานิลลา ผสมกับกลิ่นซ็อกโกแลตเข้ากันสุดๆ สำหรับเคล็บลับทำเบเกอรี่ง่ายให้อร่อยง่ายนิดเดียว โดยขั้นตอนการละลายซ็อกโกแลตต้องหมั่นคนสม่ำเสมอ หลังจากที่ซ็อกโกแลตละลายแล้วจะมีลักษณะมันวาว และสิ่งสำคัญต้องพยายามสังเกตไม่ให้ซ็อกโกแลตกลับมาเซตตัว เพราะจะทำให้ขนมคุกกี้ไม่เป็นหน้าฟิล์มนั่นเอง ดังนั้นควรวางภาชนะที่ละลายซ็อกโกแลตบนหม้อน้ำอุ่นตลอดเวลาจนกว่าจะนำไปผสมกับแป้งทำขนม เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมคุกกี้ สูตรบราวนี่หน้าฟิล์ม เหมือนสูตรต้นตำรับ

คุกกี้ บ ราว นี่

คุกกี้ บ ราว นี่สูตรหน้าฟิล์ม เนื้อแป้งซ็อกโกแลตเข้มข้น กรอบนอก นุ่มใน รสชาติหวานละมุน ตามฉบับต้นตำรับ ดังนั้นถ้าอยากทำขนมทานเองที่บ้าน หรือทำให้เพื่อนทานต้องลองทำคุกกี้ สูตรบราวนี่เบเกอรี่ทำเองง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เบเกอรี่โฮมเมด แต่รับรองว่าอร่อยเมมือนสูตรดั้งเดิมแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขอแนะนำเมนูหาทานยาก ขนม หยก มณี นุ่มหนึบหนับ หอมอร่อย

ขนม หยก มณี

ขนม หยก มณี เป็นขนมหวานของไทยยอดฮิตในสมัยอดีต แต่ในปัจจุบันค่อนข้างหาทานได้ยาก สำหรับขนมชนิดนี้ทำมาจากสาคูต้มรวมกับน้ำเชื่อม โดยสีเขียวของขนมมาจากสีของใบเตย จึงทำให้ขนมมีความคล้ายกับสีหินที่มีสีเขียวสดใส จึงเรียก ขนมชนิดนี้ว่า หยกมณี เมื่อรับประทานขนมแล้วจะให้ความรู้สึกเหนียวนุ่ม และหอมกลิ่นใบเตย ที่มาพร้อมกับความกรุบกรอบของเนื้อมะพร้าวได้อย่างลงตัว ปัจจุบันของชนิดนี้มีหลากหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็น สีชมพู เหลือง ม่วง เป็นต้น 

ขนม หยก มณี

ขนมหยกมณี เมนูขนมมงคลของไทย ซึ่งในสมัยก่อนจะทำขนมชนิดนี้ในงานมงคลต่างๆ ไม่ว่าเป็นงานบวช งานแต่ง เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้อยู่เย็นเป็นสุข สำหรับใครที่อยากลองทำขนมชนิดนี้ไว้ทานในช่วงในหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำสูตร ขนม หยก มณีชาววัง รสชาติหอมกลิ่นใบเตยแบบดั้งเดิม เนื้อนุ่มนิ่ม ก้อนกลม เคี้ยวเพลินไม่มีเบื่อ 

วิธีทำ ขนม หยก มณี เมนูขนมหวานมงคล แสนอร่อย ทำทานได้ง่ายๆ 

ขนม หยกมณี เป็นหนึ่งในขนมมงคลที่มีรสชาติหวานอร่อยกลมกล่อม และขนาดพอดีคำทานง่าย แถมยังอิ่มท้อง สำหรับขนมชนิดนี้มีการปรับปรุงสูตรให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หยกมณีอัญชัน มีสีน้ำเงิน ที่ได้จากดอกอัญชัน ส่วนสูตรขนมหยกมณี มีสีเขียวของน้ำใบเตย และสุดท้ายสูตรหยกมณีสามสี คือ สีน้ำเงิน สีแดง และสีขาว เป็นต้น เรียกว่าเป็นขนมที่มีหลากหลายสูตร แถมขนมหยกมณี ความหมายเป็นมงคล ซึ่งสีของขนมมีลักษณะคล้ายหยกหินสีเขียวสดใส โดยมีความเชื่อว่าขนม ไทยมงคลที่นำพาความเจริญ ร่ำรวยมาสู่ผู้รับประทานอีกด้วย ในส่วนวิธีการทำขนมไทยชนิดนี้ง่ายมากๆ โดยเริ่มจากเตรียมวัตถุ และส่วนผสมดังนี้

  1. แป้งสาคูล 1 ½ ถ้วย
  2. น้ำใบเตย 150 มิลลิลิตร
  3. น้ำมะพร้าว 500 มิลลิลิตร
  4. เนื้อมะพร้าว 100 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. เกลือ ½ ช้อนชา

ในการทำขนม หยก มณีให้อร่อย ในส่วนแป้งสาคู แนะนำให้ใช้เม็ดสาคูแท้ ที่ทำจากแป้งต้นสาคู เพราะแป้งจะมีความหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีทำขนม โบราณสูตรขนมหยก ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 

ขนม หยก มณี
  1. ขั้นตอนแรกให้นำ เม็ดสาคูมาล้างน้ำให้สะอาด เพื่อเอาผงแป้งออกจากเม็ดสาคู จากนั้นใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 
  2. ต่อมาใส่น้ำมะพร้าวลงไปในหม้อต้ม นำไปตั้งไฟปานกลาง รอให้น้ำมะพร้าวเดือดใส่เม็ดสาคูลงไป จากนั้นคนเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดสาคูติดก้นหม้อ เพราะจะทำให้เม็ดสาคูไหม้ก่อนสุกได้
  3. คนอย่างสม่ำเสมอจนกว่าน้ำจะแห้ง จากนั้นใส่น้ำใบเตยปั่นลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกันจนกว่าเม็ดสาคูลจะสุก โดยวิธีสังเกตว่าสาคูสุกหรือยัง ให้ดูจากความใส และมีจุดสีขาวด้านใน เรียกว่า ตากบ แสดงว่าเม็ดสาคูสุกเรียบร้อย 
  4. ใส่น้ำตาลทรายคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟ พร้อมยกออกจากเตา และนำมาเทใส่ถาดที่เตรียมไว้ รอให้เย็น เมื่อขนมสาคูเย็นแล้วใช้ช้อนตักเป็นก้อนเล็กๆ 
  5. ทำการขูดมะพร้าวเป็นเส้นเล็กๆ นำไปนึ่งใช้ไฟปานกลาง ประมาณ 5-7 นาที นำขนมสาคูที่ตักเป็นก้อนเล็กมาคลุกเคล้ากับมะพร้าวขูดที่นึ่งไว้ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

ถ้าอยากให้ ขนมหยกมณี น่าทานมากยิ่งขึ้น แนะนำให้นำใบตองมาทำกระทง จากนั้นนำขนมที่ทำเสร็จมาใส่ในกระทงที่เตรียมไว้ และโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด พร้อมทานได้เลย สำหรับขนมไทย โบราณที่ทำเองจะมีรสชาติหวานละมุน และเนื้อเหนียวหนึบของเม็ดสาคู เคี้ยวเพลินสุดๆ นอกจากนี้ถ้าใครไม่ชอบเม็ดสาคูสุกมากเกินไป แนะนำสาคูแบบตากบ คือ เม็ดสาคูจะมีสีขาวด้านใน และด้านนอกจะมีความใส และเติมน้ำตาลได้เลย 

เผยสูตรขนม หวาน ไทย หยกมณี สามสี หวาน หอม ชวนทาน

ขนม หยก มณี

มาต่อกันที่วิธีทำขนมหยกมณีสามสี หนึ่งในขนมหวานหมกมณีที่มีการปรับปรุงสูตรให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น สำหรับขั้นตอนขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดสามารถทำตามที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย แต่จะเพิ่มสีสันของขนมมากขึ้น โดยสีที่ใช้ทำหยกมณีสามสีเป็นสีจากธรรมชาติ ได้แก่ สีเขียวใบเตย สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน และสีเหลืองจากข้าวโพดหวาน จากนั้นนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้มีปั่นให้ละเอียดกรองเอาน้ำใส่ในถ้วย ต่อมาต้มสาคูให้สุกใส่สีธรรมชาติที่เตรียมไว้ ทำทั้งหมดสามสี ตามด้วยน้ำตาล คนให้เข้ากันเสร็จแล้วนำไปพักไว้ให้เย็น และใช้ช้อนตักขนมให้ก้อนเล็กๆ นำไปคลุกเคล้ากับมะพร้าวขูด จัดใส่จานให้สวยงาม

ขนม หยก มณี

สำหรับ ขนม หยกมณีสามสี เป็นสูตรขนม ไทย ง่ายๆ ที่มีส่วนเพียงน้อยนิด และที่สำคัญยังเป็นขนมไทย ทำเองที่มีรสชาติหอมอร่อยละมุนสุดๆ แถมไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลา อีกทั้งขนมชนิดนี้ยังหาซื้อได้ยากอีกด้วย หากใครกำลังมองสูตร ขนม ไทยแบบขนมไทยชาววังสามารถลองทำเมนูขนมหวาน หยกมณีที่นำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าทำได้แน่นอน พร้อมทั้งยังสามารถทำขายสร้างเป็นอาชีพให้ตัวเองได้อีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

สูตร สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า รสชาติไม่เลี่ยน อร่อยกลมกล่อม ทำเอง ง่ายนิดเดียว

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า ถือว่าเป็นอาหารพาสตาชนิดหนึ่ง ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งรสชาติของเมนูอาหารอย่างสปาเก็ตตี้ซอสคาโบนาร่าสูตรโบราณจะมีความเข้มข้น อร่อยกลมกล่อม และยังเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงสงครามโลกอีกด้วย และต่อมาได้รับการเผยแพร่เมนูสปาเก็ตตี้ครีมซอสคาโบนาร่าไปทั่วโลกเรียกได้ว่าเมนูอาหารอิตาเลี่ยนชนิดนี้ได้รับความนิยมตั้งอดีตจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

สปาเก็ตตี้ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หลายคนชอบทาน และอยากลองทำเองที่บ้าน แต่ไม่รู้จะทำสูตรไหนดี ขอแนะนำ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า สูตรอิตาเลี่ยนแท้ๆ รสชาติกลมกล่อม หอมชีสเข้มข้น อร่อยเหมือนทานที่ร้านเลยทีเดียว และข้อดีของการทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าด้วยตัวเอง คือ ประหยัดเวลาในการเดินทางไปนั่งทานที่ร้าน และ ยังได้ทานอาหารอร่อยๆ กับครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย 

ขั้นตอนการทำ สปาเก็ตตี้คา โบนาร่า อย่าง่าย มือใหม่ทำได้แน่นอน 

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

มีหลายคนชอบทานอาหารอิตาเลี่ยนอย่างมาก เพราะรสชาติมีกลมกล่อม ทานง่าย และยังสามารถทานได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เรียกได้ว่า เป็นอาหารที่สามารถทานได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมนูสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าซอสเข้มข้น หอมกลิ่นชีสเข้มข้นสุดๆ สำหรับใครที่ไม่ชอบทานสปาเก็ตตี้ซอสครีมคาโบนาร่า วันนี้เรามีสูตรสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ไม่ใส่ครีม ไม่เลี่ยน รสชาติ มัน เค็มเล็กน้อย อร่อยอย่างลงตัว โดยสูตรที่เราจะพาทำเป็นสูตรใส่นมแทนวิปครีม ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะได้รสชาติไม่เหมือนที่ใส่วิปครีม เพราะเรามีเคล็ดลับในการทำเมนูนี้ให้ออกมาเหมือนซื้อทานที่ร้านระดับพรีเมียม ว่าแล้วไปดูกันเลย

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. เส้นสปาเก็ตตี้ 200 กรัม
  2. แฮม หรือเบคอน 200 กรัม
  3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  4. นมสด 150 กรัม
  5. หอมหัวใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  6. แป้งมัน 1 ช้อนชา
  7. เกลือ ½ ช้อนชา
  8. น้ำมันมะกอก ½ ช้อนชา
  9. พริกไทย ½ ช้อนชา
  10. ออริกาโน่ 1 ช้อนชา

สปาเก็ตตี้ คาโบ นาร่า เมนูยอดฮิตอร่อยไม่มีเบื่อ สำหรับการทำเมนูสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า วัตถุดิบ และส่วนผสมที่แชร์ข้างต้น เป็น สูตรสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าไม่ใส่วิปครีม เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบวิปครีม แต่อยากทานสปาเก็ตตี้ และวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้ทำสปาเก็ตตี้สามารถเก็บไว้ทำอาหารในรอบต่อไปได้อีกด้วย เรียกได้ว่าอยากทานวันไหนก็สามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องหาซื้อวัตถุดิบให้เสียเวลา สำหรับวิธีทำสปาเก็ตตี้ซอสคาโบนาร่าสามารถทำตามได้ง่ายๆ 

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
  1. เตรียมหม้อใส่น้ำสะอาด ตั้งไฟปานกลางรอให้น้ำเดือดใส่น้ำมันมะกอก และเกลือเล็กน้อย ตามด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ เมื่อเส้นจมน้ำต้มต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นตักเส้นแช่ในน้ำเย็นประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ลดอุณหภูมิไม่ให้เส้นเละเกินไป จากนั้นตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 
  2. ต่อมาทำการตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยหอมหัวใหญ่สับละเอียดเจียวจนกว่าจะมีกลิ่นหอม ใส่แฮม หรือเบคอนลงไปผัดให้กรอบ และเข้ากันดี เมื่อส่วนผสมทั้งหมดมีกลิ่นหอม ใส่นมข้นจืด พริกไทย และเกลือลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน รอให้นมเดือด ใส่ออริกาโน่ เส้นสปาเก็ตตี้ที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และตามด้วยส่วนผสมสุดท้ายนั่นก็คือ ไข่แดง คนไข่แดงเร็วๆ เพื่อให้ไข่ติดเส้นสปาเก็ตตี้จนเป็นเนื้อเดียวกัน 
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

หลังจากที่ทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าไม่ใส่วิปครีม เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำการจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย สำหรับมือใหม่ฝึกทําสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ง่ายๆ ด้วยตัวเองสามารถทำตามสูตรที่แชร์ข้างต้นได้เลย รับรองว่ารสชาติอร่อยกลมกล่อมละมุนละไมสุดๆ แน่นอน อีกทั้งการทำอาหารทานเองยังสามารถปรุงรสชาติได้ตามใจชอบอีกด้วย แถมยังใส่วัถตุดิบได้แบบไม่อั้นแบบจัดหนักจัดเต็ม เรียกได้ว่านอกจากรสชาติอร่อยแล้วอิ่มท้องสุดๆ 

แชร์สูตรยอดฮิต สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า ทำขาย สร้างกำไร สร้างรายได้ 

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าเป็นเมนูอาหารอิตาเลี่ยนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ และยังเป็นเมนูที่หาทานได้ง่ายตามร้านอาหารอิตาเลี่ยนทั่วไป สำหรับใครที่อยสกลองทำคาโบนาร่า สูตรดั้งเดิมไว้ขายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง วันนี้เรามีสูตรสปาเก็ตตี้ซอสครีมคาโบนาร่าชีสเข้มข้นมาให้ได้ติดตาม สำหรับส่วนผสม และวัตถุจะเหมือนกับสูตรสปาเก็ตตี้ซอสคาโบนาร่าไม่ใส่วิครีม โดยเราจะใส่พาเมซานชีส 50 กรัม แทนนมสด ซึ่งขั้นตอนต่างสามารถทำตามที่เราแชร์ข้างต้นได้เลย หลังจากที่ทำเสร็จแล้วก็จะได้สปาเก็ตตี้ครีมซอสคาโบนาร่าที่เข้มข้น รสชาติ หวาน มัน เค็ม ตามสูตรโบราณ จากอิตาลี 

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า

เกร็ดความรู้ในการทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าให้อร่อย เริ่มจากขั้นตอนการต้มเส้นควรเช็คเส้นด้วยว่าสุกดีหรือยัง โดยการหักเส้น และดูด้านในของเส้น หากมีสีเหลืองเนียนแสดงว่าเส้นสุกเรียบร้อย ส่วนขั้นตอนใส่ไข่แดง ควรคนเร็วๆ และปิดไฟ เพื่อไม่ให้ไข่แดงสุกเกินไป เพียงแค่นี้ก็จะได้เมนูสปาเก็ตตี้ครีมซอสคาโบนาร่าสุดแสนอร่อยทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

สายคลีนไม่ควรพลาด! สูตร คุกกี้ ธัญพืช กรอบอร่อย อัดแน่นด้วยประโยชน์มากมาย 

คุกกี้ ธัญพืช

ปัจจุบันเทรนสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยทำงานอย่างมาก เนื่องจากทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ส่งผลให้หลายคนเริ่มรู้สึกว่าสุขภาพของตัวเองเริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนทำให้ร่างกายเจ็บป่วย และโรครุมเร้ามากมาย และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้คนเริ่มออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายมีสุภาพที่ดี แต่อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้สุขภาพดี นั่นก็คือ การรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารคลีน และขนมคลีน สำหรับใครที่กำลังมาหาขนมคลีนทานมื้อย่อยๆ ขอแนะนำ คุกกี้ ธัญพืช ขนมที่มีการรวมเอาธัญพืชหลากหลายชนิดมาทำเป็นคุกกี้ กรอบอร่อย และยังมีประโยชน์มากที่คาดไม่ถึง

คุกกี้ ธัญพืช

สายคลีมต้องไม่พลาด กับเมนูสุดฮิต คุกกี้ธัญพืช ขนมทานเล่น รสชาติหวาน หอมกลิ่นธัญพืชนานาชนิด เนื้อกรอบอร่อยเคี้ยวเพลิน และทานแล้วไม่อ้วน ได้รับประโยชน์เต็มๆ แถมยังอิ่มท้องอีกด้วย เรียกได้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทานแล้วได้ทั้งสุขภาพ และหุ่นดีอีกด้วย สำหรับขนมคุกกี้ สูตรธัญพืชมีขายทั่วในร้านคาเฟ่ หรือร้านขายเบเกอรี่ทั่วไป แต่ราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นวันนี้เราจะพาสายคลีนมาลองทำขนม คุกกี้ธัญพืช สูตรไร้แป้ง ไร้น้ำตาล ไว้ทานระหว่างวันแบบจุใจไปเลย

เปิดเมนูเพื่อสุขภาพ คุกกี้ ธัญพืช สูตรไร้แป้ง ไร้น้ำตาล ไม่อ้วน แถมดีต่อสุขภาพ 

คุกกี้ ธัญพืช

เมนูเพื่อสุขภาพมีหลากหลายเมนูให้เราได้เลือกทานมากมาย ไม่ว่าเป็น อาหาร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แต่มีหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำคุกกี้ธัญพืช ขนมเพื่อสุภาพ ทานแล้วได้ประโยชน์ดีต่อสุขภาพ และไม่อ้วนอีกด้วย สำหรับใครกำลังลดน้ำหนักแต่อยากขนมต้องลองทาน คุกกี้ธัญพืช ไร้แป้ง ไร้น้ำมัน กรอบ หวานธรรมชาติ ไร้น้ำตาล ทานยังก็ไม่อ้วน และที่สำคัญยังเป็นเมนูขนมคลีนที่สามารทำทานได้ด้วย โดยสูตร คุกกี้ ธัญพืชจะเน้นเพื่อสาพ ไม่มีแป้ง และน้ำตาล ส่วนขั้นตอนการทำขนมคุกกี้ธัญพืชนั้นไม่ยุ่งยาก มือใหม่สายคลีนทำได้ แต่ก่อนที่ลงทำเมนูคุกกี้ ธัญพืช ไร้ แป้ง ไร้ น้ำตาล ต้องเตรียมส่วนผสมกันก่อน

คุกกี้ ธัญพืช
  1. มะม่วงหิมพานต์อบแห้ง 25 กรัม
  2. อัลมอนด์ไลด์ 25 กรัม
  3. เมล็ดทานตะวัน 25 กรัม
  4. ลูกเกด 25 กรัม
  5. งาดำ 20 กรัม
  6. งาขาว 20 กรัม
  7. เมล็ดฟักทอง 20 กรัม
  8. น้ำผึ้ง 5 ช้อนโต๊ะ
  9. ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 2 ฟอง

สำหรับส่วนผสมของ คุกกี้ ธัญพืชรวมมิตร หากบ้านไหนไม่มีธัญพืชที่กล่าวมาข้างต้นสามารถเปลี่ยนวัตถุดิบได้ เพราะการทำคุกกี้คลีนทำทานเองจะเน้นวัตถุดิบที่มีอยู่ในครัว และสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าใกล้บ้าน เมื่อเตรียมวัตถุดิบครบแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธี ทํา คุกกี้ ธัญพืช ไร้ แป้งไร้น้ำมัน ใช้ความหวานจากธรรมชาติไม่อ้วน 

คุกกี้ ธัญพืช
  1. นำอัลมอนด์ไลด์ มะม่วงหิมพานต์อบแห้ง เมล็ดทานตะวัน ลูกเกด งำดำ งาขาว เมล็ดฟักทอง ใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตามด้วยเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกรอบ ใส่น้ำผึ้งลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกรอบ
  2. หลังจากนั้นใส่ไข่ขาว โดยค่อยเททีละนิด เพื่อให้ไข่ขาวสามารถซึมเข้าธัญพืชได้ดี ต่อให้เตรียมพิมพ์ใส่ขนมวางบนถาดอบขนม จากนั้นตักธัญพืชใส่ในพิมพ์ ทำการกดขนมให้แน่น โดยขนมแต่ละชิ้นให้มีความห่างกันชิ้นละ 1 เซนติเมตร
  3. ต่อมาเป็นการอบขนม โดยก่อนที่จะอบต้องทำการวอมตู้ก่อน 5 นาที จากนั้นนำถาดขนมเข้าอบที่อุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียส เปิดไฟบน- ล่าง เป็นเวลา 15 นาที เมื่ออบเสร็จแล้วนำออกมาพักไว้ให้เย็น จากนั้นจัดใส่จาน ให้สวยงาม
คุกกี้ ธัญพืช

คุกกี้ธัญพืชรวมมิตร ที่อบเสร็จแล้วจะมีเหลืองสวยงาม เนื้อขนมมีความกรุบกรอบ รสชาติหวานหอมน้ำผึ้งละมุนละไมอร่อยโดนใจ สำหรับวิธีการเก็บคุกกี้ให้นำขวดโหลมาทำความสะอาด จากนั้นบรรจุคุกกี้ลงไปพร้อมปิดฝาให้แน่น ขนมคุกกี้ธัญพืชสามารถพกพาไปทานในที่ทำงานได้ และอิ่มท้องนานอักด้วย หากใครที่ไม่ชอบขนมคุกกี้ สูตรธัญพืช ขอแนะนำ คุกกี้ธัญพืชข้าวโอ๊ต เพียงใช้แค่ข้าวโอ๊ตผสมกับไข่ขาว ตามด้วยสารให้ความหวาน และเกลือเล็กน้อย นำเข้าอบ เสร็จแล้วจะคุกกี้ข้าวโอ๊ตสีเหลืองน่าทาน

ขนม คุกกี้ธัญพืชคลีน หอมอร่อย สุขภาพดี มีประโยชน์

คุกกี้ ธัญพืช

สำใครที่ไม่ชอบขนมที่มีแป้งเยอะ แนะนำคุกกี้ ธัญพืชเป็นหนึ่งในขนมคลีนสูตร คุกกี้ธัญพืชไร้แป้ง และไม่มีน้ำตาล ทานแล้วไม่อ้วน และสุขภาพดี และร่างกายแข็งแรง จึงทำให้ขนมสูตรนี้สามารถทานได้ทุกวัย และยังสามารถทานในระหว่างวันสำหรับคนที่ไม่มีเวลาทานข้าวอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็น เบเกอรี่คลีนที่รสชาติอร่อย ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล และยังมีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะในธัญพืชมีกรดไขมันจำเป็นกลุ่มโอเมก้า 3 ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบำรุงระบบประสาท ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และ ช่วยลดโรคหลอดเลือดตีบ ได้อีกด้วย แถมเบเกอรี่ยอดนิยมอย่าง ขนมคุกกี้ สูตรธัญพืชยังมีปริมาณแคลน้อย เพียงประมาณ 80 แคลลอรี่ต่อชิ้น รับรองว่าทานแล้วไม่อ้วนแน่นอน 

คุกกี้ ธัญพืช

คุกกี้ธัญพืช ถือว่าเป็นเมนูคลีนยอดนิยมที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย และยังสามารถทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังมีวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ มือใหม่ก็ทำได้ แถมขนมคุกกี้ สูตรธัญพืชรวมมิตรเป็นเบเกอรี่ทำเองได้ที่บ้าน และยังใช้เวลาทำเพียงน้อยนิด คนมีเวลาน้อยก็ทำได้สามารทำเบเกอรี่โฮมเมดแสนอร่อยได้ แถมคุกกี้ สูตรธัญพืชยังสามารถไว้ได้นานอีกด้วยนะ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

เผยสูตรชาววัง วุ้น กะทิ ใบ เตย เนื้อขนมกรุบกรอบ หอมชื่นใจ ไม่เหม็นเขียว

วุ้น กะทิ ใบ เตย

วุ้น กะทิ ใบ เตย คือขนมชาววังที่ยอดนิยมรับประทานกันมากที่สุด และสามารรับประทานได้ทุกช่วงโอกาส ที่สำคัญเป็นขนมราคาไม่แพงสามารถหาซื้อได้ตามตลาดนัดทั่วไป สำหรับจุดเด่นของเมนูขนมหวานชนิดนี้คือ ขนมมีลักษณะเป็นวุ้นสีเขียวสดใส เนื้อเด้งกรุบกรอบ และมีขาวของกะทิราดอีกชั้น ส่วนรสชาติมีความหวานเย็นๆ หอมกลิ่นใบเตยละมุนละไม จึงทำให้ขนมมีความน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น 

วุ้น กะทิ ใบ เตย

สำหรับใครกำลังมองหาขนมหวานไทยๆ ทานในช่วงสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ ขอแนะนำ วุ้นกะทิ ใบเตย ขนมหวาน เนื้อกรุบกรอบ หวานฉ่ำๆ หอมกลิ่นใบเตยชื่นใจสุดๆ เคี้ยวเพลินทุกคำ และที่สำคัญยังเป็นเมนูขนมหวานของไทยที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังเป็นเมนูขนมที่ถูกยกให้เป็นขนมยอดนิยมสามารถทานได้ทั้งครอบครัว หากใครชอบทำขนมชาววัง วันนี้เรามีสูตรขนมวุ้น กะทิ ใบ เตยโบราณ รสชาติหวาน ไม่เหม็นเขียวมาให้ได้ทำตาม 

วิธีทำ วุ้น กะทิ ใบ เตย สลับสี หอมกลิ่นใบเตย เคี้ยวเพลิน

วุ้น กะทิ ใบ เตย

มาเอาใจสายวุ้นกะทิกันบ้าง เมนูที่ทานทุกวันไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะ วุ้นกะทิใบเตย ที่มีรสชาติหวานหอมจนทานคำเดียวคงไม่พอ ที่สำคัญเนื้อสัมผัสของขนมมีความเด้งกรุบกรอบทานได้อย่างเพลิดเพลิน สำหรับวุ้นกะทิ สูตรใบเตยมีลักษณะแยกเป็นสองชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นสีขาวของกะทิสด และชั้นที่สองจะเป็นสีเขียวของน้ำใบเตยจึงทำให้ขนมหวานชนิดนี้มีรสชาติสองรสที่เข้ากันสุดๆ ในส่วนของวิธี ทํา วุ้น กะทิ ใบ เตยที่หลายคนคิดว่าทำยากเกินไป แท้จริงแล้วทำไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งสูตรวุ้นกะทิ ใบเตย เป็นสูตรที่มีส่วนผสมเพียงน้อยนิด แถมยังมีหลายสูตรให้เลือกทำอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น วุ้นกะทิใบเตยดอกไม้ และวุ้นกะทิโบราณยอดนิยม เป็นต้น 

วัตถุ และส่วนผสมของวุ้นน้ำใบเตย

  1. ใบเตย 10 ใบ
  2. ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  4. น้ำสะอาด 2 ถ้วย
วุ้น กะทิ ใบ เตย

ส่วนผสม และวัตถุดิบของวุ้นกะทิ

  1. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  2. ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. น้ำสะอาด 250 กรัม

หลังจากที่เตรียมส่วนผสม และวัตถุดิยของสูตรวุ้นกะทิ ใบ เตย เรียร้อยแล้ว ต่อมาเราจะมาดูขั้นตอนการทำขนม ไทย วุ้นกะทิ สูตรใบเตยกัน โดยวิธีทำวุ้นกะทิจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกจะเป็นการทำวุ้นใบเตย และส่วนที่สองจะเป็นการทำวุ้นกะทิ สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำขนมไทยอย่างวุ้นกะทิ น้ำใบเตยสูตรขนม โบราณสามารถทำตามได้ดังนี้

ขั้นตอน: การทำวุ้นใบเตย

วุ้น กะทิ ใบ เตย
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรก นำใบเตยมาล้างน้ำให้สะอาด และทำการหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นใส่ในโถปั่น ใส่น้ำเล็กน้อยปั่นให้ใบเตยละเอียด เสร็จแล้วนำไปกรองเอาแต่น้ำใบเตยใส่ในภาชนะ 
  2. นำน้ำใบเตยใส่หม้อ และนำไปตั้งไฟอ่อนๆ ใส่ผงวุ้นลงไปคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และคนเรื่อยๆ จนกว่าวุ้นจะละลายหมด จากนั้นใส่น้ำตาลลงไป คนเรื่อยๆ จนกว่าน้ำตาลจะละลาย
  3. เมื่อน้ำตาลละลายแล้ว นำมาเทใส่พิมพ์ หรือถาดที่เตรียมไว้ จากนั้นช้อนฟองอากาศออก เพื่อให้ได้วุ้นที่มีผิวเนียนเรียบ นำมาพักไว้ให้วุ้นเซตตัว

ขั้นตอน: การทำวุ้นกะทิ

วุ้น กะทิ ใบ เตย
  1. นำน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในหม้อ และใส่น้ำทิลงไป จากนั้นนำไปตั้งเตา เปิดไฟปานอ่อนๆ ตามด้วยผงวุ้น คนส่วนผสมคนเข้ากัน และคนจนกว่าผงวุ้นจะละลาย เมื่อวุ้นละลายแล้ว ให้ใส่เกลือ และน้ำตาล คนส่วนผสมให้จนกว่าน้ำตาลจะละลายหมด 
  2. ในระหว่างที่คนน้ำตาลให้ละลาย ถ้ามีฟองอากาศให้ช้อนอากาศออกด้วย เมื่อทุกอย่างละลายเข้ากันดีแล้ว นำไปเทใส่พิมพ์วุ้นใบเตยที่เทไว้ก่อนหน้านี้ ทำการเกลี่ยผิวหน้าวุ้นให้เรียบ เพื่อความสวยงาม จากนั้นรอให้วุ้นเซตตัว
  3. นำวุ้นกะทิที่ได้มาตัดเป็นชิ้นสีเหลื่อม จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

หากต้องการทำ วุ้นกะทิ ใบเตย สูตรขนมไทย โบราณเป็นรูปดอกไม้ ให้หาพิมพ์รูปดอกไม้ จากนั้นเทวุ้นใบเตย และวุ้นกะทิลงไป รอให้วุ้นเซตตัว จากนั้นแกะออกจากพิมพ์ก็จะได้วุ้นรูปดอกไม้ที่สวยงามน่ารับประทาน และเคล็ดลับความอร่อยของขนม หวาน ไทย อย่างวุ้นกะทิสูตรใบเตยที่ทำเร็จแล้วควรนำไปแช่ในตู้เย็น เพื่อให้ขนมมีรสชาติหวาน เย็นชื่นใจ เคี้ยวฟินทุกคำ

แชร์เคล็ดลับน่ารู้ ขนม ไทย ทำ ง่าย วุ้นกะทิสูตรใบเตย ให้อร่อย ตามฉบับชาววัง

วุ้น กะทิ ใบ เตย

อีกหนึ่งเคล็บลับในการทำเมนูวุ้นกะทิใบเตยโบราณให้อร่อย ในขั้นตอนการต้มวุ้น ควรต้มวุ้นให้ละลายดีก่อน โดยวิธีสังเกตง่ายๆ คือ ถ้ายังมีเม็ดวุ้นเล็กๆ เกาะอยู่ที่ไม้พาย หรือทัพพี แสดงว่าวุ้นยังไม่ละลาย ให้คนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทัพพีที่คนจะไม่มีเม็ดเล็กเกาะ และอีกหนึ่งเคล็บลับทำวุ้นขนม ไทย ง่ายๆ คือ ไม่ควรใส่น้ำตาลก่อนผงวุ้น เพราะทำให้วุ้นละลายไม่ดีนั่นเอง

วุ้น กะทิ ใบ เตย

วุ้น กะทิ ใบ เตย เป็นขนมหวานชาววังที่นิยมทำทานกันในครอบครัว และขนมหวานของไทยที่ขายดีมากๆ อีกทั้งราคาไม่แพง สำหรับใครที่ชอบขนมไทย ทำเองไม่อยากซื้อทาน และอยากลองทำสูตร ขนม ไทยง่ายๆ ขอแนะนำ เมนูวุ้นกะทิ สูตรใบเตย รับรองว่าทำง่าย และขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แถมยังสามารถทำทานได้แบบเต็มอิ่มอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตร คุกกี้ เนย สด หอมกลิ่นเนยสด รสชาติหวาน กรอบ ส่งตรงจากเดนมาร์ก 

คุกกี้ เนย สด

คุกกี้ เนย สด หรือ เดนิช บิสกิต หนึ่งในขนมยอดนิยมตลอดกาล โดยมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเดนมาร์ก สำหรับคุกกี้จะมีส่วนประหลักเป็น แป้ง น้ำตาล และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เนยสด เท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีพัฒนาปรับปรุงสูตรขนมให้มีกลิ่นที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นวานิลลา ซ็อกโกแลต เป็นต้น ขนมคุกกี้มีความโดดเด่นในเรื่องความเรียบง่ายแบบคลาสสิก คือขนมมีลักษณะเรียบไม่มีการตกแต่ง หรือทำให้มีสีสันเหมือนขนมชนิดอื่น แต่มีความหลากหลายในเรื่องของรูปทรง เช่น ทรงกลม วงรี วงแหวน และสี่เหลี่ยม หรือบางครั้งเราเห็นขนมคุกกี้ในรูปทรงคล้ายเพรทเซล รวมไปถึงรูปทรงเกลียว 

คุกกี้ เนย สด

มาเอาใจสายคุกกี้กับบ้าง กับขนม คุกกี้เนยสด เป็นขนมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะรสชาติของขนมมีความหวานนุ่มนวล ส่วนเนื้อขนมมีความกรุบกรอบ ตัดกับกลิ่นเนยสดเข้ากันที่สุด อีกทั้งขนมคุกกี้ยังเป็นขนมที่ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านมากี่ทศวรรษรสชาติยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่า ขนมคุกกี้ที่มีความคลาสสิกสุดๆ สำหรับวิธีทำที่หลายคิดว่าทำง่าย แต่แท้จริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งรสชาติของขนมคุกกี้ เนย สดยังมาความอร่อยเหมือนส่งตรงจากต้นตำรับเลยทีเดียว

วิธีทำขนมสุดคลาสสิก คุกกี้ เนย สด เนื้อกรุบกรอบ อบอวลด้วยเนยสด หวานละมุน

หากใครเป็นชอบทำขนม และกำลังหาเมนูขนมหวานไว้ทำทานในช่วงวันหยุด ต้องไม่พลาดกับคุกกี้เนยสด ขนมที่หลายคนชอบทานเป็นของว่าง และทานลองท้องก่อนออกไปทำงาน อีกทั้งยังสามารถทำเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ หรือมอบเป็นของขวัญในกับญาติผู้ใหญ่ได้ด้วย สำหรับวิธี ทํา คุกกี้ เนยสด ง่ายๆ มือใหม่ก็สามารถทำได้ไม่ยาก และในวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูวิธีทำคุกกี้แบบใหม่นั่นก็คือ วิธี ทํา คุกกี้ เนยสด ด้วย ไมโครเวฟ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเตาอบขนมอย่างมาก ส่วนสูตรคุกกี้เนยสด ง่ายๆ ใช้ส่วนผสมเพียงเล็กน้อยดังนี้

คุกกี้ เนย สด
  1. แป้งอเนกประสงค์ 200 กรัม
  2. น้ำตาลไอซิ่งซ์ 50 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 60 กรัม
  4. เกลือ ½ ช้อนชา
  5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  6. เนยสด 150 กรัม
  7. ผงฟู ½ ช้อนชา
  8. เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับสูตรคุกกี้ เนยสด ที่กล่าวมมาข้างต้นเป็นสูตรต้นตำรับของเดนมาร์ก ดังนั้นถึงแม้ว่าจะอบด้วยไมโครเวฟ ขนมคุกกี้ยังคงมีรสชาติหวาน หอม และกรุบกรอบเหมือนสูตรต้นตำรับแน่นอน ส่วนวิธีทำคุกกี้เนยสด ด้วยเตาไมโครเวฟสามารถทำตามได้ดังนี้

คุกกี้ เนย สด
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรกกันเลย นำไข่ เกลือ ผงฟู เบคกิ้งโซดา และน้ำตาลไอซิ่งใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  2. เตรียมแป้งขนม โดยนำแป้งอเนกประสงค์มาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตะล่อมๆ แป้งใส่ในส่วนผสมปียกที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรก ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ใส่น้ำตาทรายที่ละลายกับเนยสดลงไป ตีส่วนผสมทั้งหมดอีกรอบ
  3. เมื่อได้แป้งขนมคุกกี้แล้ว ให้นำมาตักใส่ถุงบีบขนมลงในจานจานกระเบื้อง จากนั้นนำเข้าเตาอบไมโครเวฟที่ 600 วัตต์ เป็นเวลา 50-60 นาที หรือจนกว่าแป้งคุกกี้จะเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็น 

ขนม คุกกี้เนย สด สไตล์โฮมเมคที่ทำเสร็จแล้วจะมีรสชาติหวานละมุน และกรุบกรอบเคี้ยวอร่อยฟินทุกคำ และหากเสิร์ฟพร้อมกับชาร้อน หรือนมสักแก้วยจะยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น อีกทั้งขนมคุกกี้ยั้งเป็นเมนูเบเกอรี่ที่สามารถทานได้ทั้งครอบครัวไม่จะเป็นเด็ก และผู้ใหญ่ สำหรับขนมที่ทานไม่หมดสามารถนำไปเก็บไว้ในขวดโหลได้นานเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว 

เผยสูตร ขนมคุกกี้ ด้วยเตาอบ เมนูเบเกอรี่ยอดนิยม ส่งมอบได้ทุกเทศกาล

คุกกี้ เนย สด

มาต่อกันที่ วิธีทำคุกกี้ เนย สดด้วยเตาอบเบเกอรี่ง่ายๆ กัน โดยใช้สูตรเดียวกับคุกกี้ด้วยไมโครเวฟ เริ่มจากนำแป้งเค้กมาร่อนเอาตะกอนออก จานั้นใส่ไข่ เนยสด น้ำตาลทราย ผงฟู และเบคกิ้งโซดาลงไป ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ต่อมาให้ใส่เกลือ ตามด้วยกลิ่นวานิลลาเพียงเล็กน้อย ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วตักใส่ถุงบีบขนม ทำการบีบขนมลงไปในถาดอบขนม จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที หลังจากที่อบเสร็จแล้วให้นำออกมาพักไว้ให้เย็น ซึ่งขนมคุกกี้ที่อบเสร็จจะมีสีเหลือง และรสชาติหอม กรอบ หวานละมุนสุดๆ 

คุกกี้ เนย สด

ถ้าอยากเพิ่มรสชาติให้กับขนมคุกกี้ เนย สด แนะนำให้เติมแยมผลไม้ตรงกลางจะทำให้คุกกี้มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวอร่อยได้อย่างลงตัว เรียกว่าเป็นเบเกอรี่ทำเองง่ายๆ ทำสูตรไหนก็อร่อยทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ นอกจากนี้ขนมเบเกอรี่โฮมเมดยังสามารถทำเป็นของขวัญในวันพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น วันปีใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ วันเกิด เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถให้ได้ทั้งเด็ก และผู้ใหม่อีกด้วย แถมยังเป็นขนมสุดคลาสสิกที่นิยมทานในงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ตลอดจนงานบวช และงานแต่งกันเลยทีเดียว หากใครที่สนใจเมนูขนมหวานแสนอร่อยไว้ทำทาน หรือทำขาย แนะนำ ขนมคุกกี้ สูตรเนยสดทำง่ายๆ แถมอร่อยตามสูตรต้นตำรับขนานแท้ ไม่มีผิดเพี้ยน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สูตร สาคู เปียก ข้าวโพด หอมกลิ่นกะทิ เนื้อนุ่มหนุบหนึบ อร่อยทุกคำ

สาคู เปียก ข้าวโพด

สาคู เปียก ข้าวโพด เป็นขนมหวานทำจากเม็ดสาคูที่นำมาต้มจนได้เม็ดใสๆ ที่มีความเหนียวหนุบหนึบ แต่รู้หรือไม่ว่าสาคูที่นำมาทำขนมมีทั้งสาคูแท้ และสาคูเทียม โดยสาคูสองชนิดนี้มีความแตกกันอย่างเห็นได้ชัด สำหรับสาคูแท้ เป็นสาคูที่ได้จากต้นสาคู หรือต้นปาล์มสาคู ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นของภาคใต้ มีลักษณะเป็นผงละเอียด และนำมาทำให้เป็นเม็ดๆ กลมๆ เมื่อต้มสุกแล้วจะมีสีน้ำตาลอมชมพู ส่วนแป้งสาคูเทียมทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง มีลักษณะเป็นเม็ดๆ สีขาว สำหรับเนื้อสัมผัสจะไม่แตกต่างกันมาก แต่สาคูแท้จะมีความหอมละมุนกว่าสาคูเทียม

สาคู เปียก ข้าวโพด

สาคูเปียกข้าวโพด คือขนมที่มีรสชาติหวานฉ่ำๆ มัน เค็ม และมีกลิ่นกะทิที่โดดเด่นเป็นเอกลักณ์ ที่มาพร้อมกับความเหนียวหนุบหนึบของเม็ดสาคู และความกรุบกรอบของเมล็ดข้าวโพดที่อร่อยลงตัวที่สุด นอกจากนี้เมนูสาคู เปียก ข้าวโพดยังสามารถทำทานเองได้ด้วย แถมส่วนผสมมีเพียงน้อยนิด และขั้นตอนการทำง่ายๆ มือใหม่ทำเองได้ที่บ้าน ว่าแล้วไปดูสูตรทำขนมกันเลย

มือใหม่ฝึกทำขนม สาคู เปียก ข้าวโพด รสชาติหวานโดนใจ อร่อยหนุบหนึบ

สาคู เปียก ข้าวโพดถือว่าเป็นเมนูโปรดของหลายๆ คน ด้วยรสชาติที่อร่อยแล้วยังสามารถทำทานได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปซื้อทานที่ร้าน แถมข้อดีของการทำขนมทานเองคือ เราสามารถทำได้ในปริมาณที่ยต้องการ และสามารถทานได้ทั้งครอบ อีกทั้งเป็นเมนูขนมหวานที่นิยมทำเป็นของฝากคนรอบข้างได้อีกด้วย สำหรับสูตรขนมที่จะนำมาแชร์ในวันนี้คือ สูตรสาคู เปียก ข้าวโพด มะพร้าว อ่อน รสชาติหวานละมุน ที่มาพร้อมมะพร้าวอ่อนเคี้ยวเพลินสุดๆ สำหรับส่วนผสม และวัตถุดิบของขนมข้าวโพดเปียกสาคูมะพร้าวอ่อนกะทิสดมีดังต่อไปนี้

สาคู เปียก ข้าวโพด
  1. แป้งสาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
  2. เมล็ดข้าวโพด ½ ถ้วย
  3. กะทิสด 1 ถ้วย
  4. น้ำสะอาด 2 ถ้วย
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. ใบเตย 1-2 ใบ
  7. น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย

การทำเมนูสาคูเปียกข้าวโพดสามารถใช้แป้งสาคูแท้ หรือสาคูเทียมสามารถเลือกได้ตามใจชอบ เพราะแม้สาคูทั้งสองชนิด มีความอร่อยเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้รสชาติอร่อยตามสูตรโบราณ ขอแนะนำให้ใช้สาคูแท้ในการทำขนมสาคูเปียก ข้าวโพดครั้งนี้ สำหรับวิธีทำเมนูขนมหวานไทยอย่างสาคูข้าวโพดมะพร้าวอ่อนมีดังนี้

สาคู เปียก ข้าวโพด
  1. ขั้นตอนแรกนำข้าวโพดมาต้มในหม้อต้ม ใช้ไฟปานแรง เมื่อข้าวโพดสุกดีแล้วตักออกมาพักไว้ให้เย็น แกะเอาเมล็ดข้าวโพดใส่ในถ้วยที่เตรียมไว้ 
  2. นำใบเตยมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำมาใส่ในโถปั่น และใส่น้ำเล็กน้อย ปั่นจนใบเตยละเอียด เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำใบเตย
  3. นำแป้งสาคูใส่ในกระชอน และเทน้ำใส่จนกว่าเม็ดสาคูจะเปียกชุ่มดี จากนั้นตั้งพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 
  4. ต่อมาให้นำหม้อใส่น้ำมะพร้าวอ่อน และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป และนำไปตั้งเตาใช้ไฟปานกลางรอให้น้ำเดือดจัดใส่เม็ดสาคูที่เตรียมลงไปต้มในหม้อ ใช้ไม้พาย หรือทัพพีคนให้เม็ดสาคูกระจายตัวออกจากกัน และทำการคนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดสาคูติดก้นหม้อ เพราะทำให้หม้อไหม้ก่อนที่เม็ดสาคูจะสุก
  5. เมื่อเม็ดสาคูเริ่มสุกจะมีลักษณะเป็นเม็ดใสๆ และมีสีขาวอยู่ตรงกลาง จากนั้นให้คนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เม็ดสาคูใสๆ ทั้งหมด ต่อมาเติมน้ำตาลลงไปคนให้ละลายหมด หลังจากานั้นใส่เม็ดข้าวโพดคนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน ตามด้วยมะพร้าวอ่อนขูด และน้ำใบเตยลงไปคนส่วนผสมทั้งหมดเบาๆ อีกครั้ง แล้วปิดไฟ พร้อมยกออกจากเตา
  6. ขั้นตอนสุดท้าย เตรียมน้ำกะทิ โดยนำน้ำกะทิสดใส่ในหม้อ นำไปตั้งเตาไฟอ่อนๆ จากนั้นใส่แป้ง และเกลือเล็กน้อยลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากันจนกว่าน้ำกะทิจะเดือด และยกออกจากเตา
  7. ตักขนมใส่ถ้วย พร้อมราดด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ จากนั้นตามด้วยมะพร้าวขูด เพื่อความสวยงาม

เมนูสาคู เปียกข้าวโพดที่ทำในวันนี้ เป็นสูตรที่ใส่มะพร้าวอ่อน จึงทำให้เนื้อสัมผัสของขนม ไทยมีความหอมกรุบกรอบ และเนื้อเม็ดสาคูเหนียวหนุบหนึบ หอมกลิ่นกะทิสดละมุนลิ้นสุดๆ เรียกได้ว่า เป็นขนมไทยที่มีรสชาติ หวาน มัน เค็ม ครบรสตามฉบับเมนูขนม โบราณเลยทีเดียว

เคล็ดลับความอร่อย! สาคูต้ม สูตรวมมิตร ขนมไทย โบราณ หวานละมุน 

สาคู เปียก ข้าวโพด

สาคู เปียก ข้าว โพด เป็นเมนูขนม ไทย ทำ ง่ายๆ และยังเป็นอีกหนึ่งเมนูขนม หวาน ไทยที่นิยมทำในช่วงเทศกาลต่างๆ ของไทย ไม่ว่างานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานเลี้ยงต่างๆ เป็นต้น ที่สำคัญยังมีอีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมรับประทานไม่แพ้กัน นั่นก็คือ สาคูเปียก สูตรรวมมิตร ได้แก่ ข้าวโพด มะพร้าวอ่อน และเผือก ทำให้มีรสชาติหวาน กรุบกรอบ สำหรับวิธีทำเมนูสาคู ขนม ไทย ง่ายๆ เพียงแค่ทำตามขั้นตอนของสูตรสาคูเปียก สูตรข้าวโพดมะพร้าวอ่อน เพียงแค่เพิ่มวัตถุดิบอย่าง เผือก ลงไปด้วย เพียงเท่านี้ก็จะได้ สาคูรวมมิตรตามฉบับขนมไทย ทำเองง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมอร่อยสุดๆ 

สาคู เปียก ข้าวโพด

เคล็ดลับทำสาคูเปียกข้าวโพดมะพร้าวอ่อน เผือก เป็นสูตร ขนม ไทย รวมมิตร ให้อร่อย เริ่มจากการต้มข้าวโพด โดยใส่น้ำให้ท่วมฝักข้าวโพด ต้มเป็นเวลาประมาณ 5-6 นาที จากนั้นนำมาพักไว้ แล้วนำไปฝานให้เป็นเม็ดๆ ส่วนเผือก นำมาปอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ล้างให้สะอาด นำมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ หลังจากนั้นนำมาต้มในน้ำเดือดประมาณ 10 นาที จะได้เผือกเนื้อนุ่มนิ่ม หอมอร่อย

อ่านบทความอื่นๆ: