Categories
อาหารนานาชาติ อาหารอินเดีย

วิธีทำ ขนมปานีปูรี อาหารอินเดีย วัฒนธรรมการกินของคนอินเดียที่คนไทยอยากสัมผัส

อาหารอินเดียนั้น เป็นอาหารที่มีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะกระบวนการขั้นตอนในการทำที่มีหลายมิติ หลายขั้นตอน รวมไปถึงวิธีในการรับประทานอาหารอินเดียนั้นก็มีความเป็นเอกลักณ์เฉพาะตัว สำหรับอาหารอินเดียในประเทศนั้น เท่าที่พบเจอจะมีในจังหวัดกรุงเทพฯ ย่านค้าขายของคนอินเดียชื่อย่านพาหุรัด มีอาหารอินเดียทั้งคาวหวานมากมายจำหน่าย 

ในส่วนของภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากกรุงเทพฯ ถ้าอยากรับประทานอาหารอินเดีย ก็ค่อนข้างจะหารับประทานยากพอสมควร วันนี้เว็บไซต์ mykitchencook ได้รวบรวมวัตถุดิบ ขั้นตอนวิธีการทำ ไปตลอดจนถึงวิธีการรับประทานขนมอินเดียปานีปูรีเพื่อเป็นประโยชน์ของผู้ที่ต้องการสัมผัสรสชาติแปลกใหม่ของขนมอินเดีย

วัตถุดิบ ขั้นตอนวิธีการทำ วิธีการรับประทานเมนูอาหารอินเดียปานีปูรี 

อาหารอินเดียปานีปูรีจะมีหลายส่วนประกอบ ได้แก่ส่วนของแป้งปานีปูรี ไส้มันฝรั่ง น้ำซอสมะขาม น้ำราดปานีปูรี ส่วนของแป้งกรอบบูนดี้ และมีส่วนของเครื่องเคียงปานีปูรี 

วัตถุดิบและขั้นตอนการทำแป้งปานีปูรี

  1. แป้งซูจี 3 ช้อนโต๊ะ
  2. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  3. แป้งสาลี 3/4 ถ้วยตวง
  4. น้ำที่มีความเย็น 120 มล.
  5. น้ำมันพืชสำหรับทอด 1000 มล.

ขั้นตอนการทำแป้งปานีปูรี

  1. ร่อนแป้งสาลี แป้งซูจี และเกลือลงในภาชนะ จากนั้นใช้น้ำเย็นจัดค่อยทยอยหยอดลงในแป้ง แล้วนวดไปเรื่อย ๆ จนเป็นก้อนหนึบเหนียว
  2. จากนั้นให้รีดแป้งแผ่นบางด้วยไม้รีดแป้ง แล้วใช้พิมพ์วงกลมตามขนาดที่ต้องการกดลงในแป้ง 
  3. จากนั้นให้พักแป้งไว้ 40 – 50 นาทีโดยใช้ผ้าสะอาด หรือผ้าขาวบางคลุมไว้
  4. เมื่อพักแป้งได้ที่ตามเวลาที่กำหนดไว้ ให้ตั้งกระทะปรับระดับไฟอ่อน ใส่น้ำมันในปริมาณที่เยอะ และน้ำมันร้อนจัดสุด ๆ (ไฟอ่อน) จึงจะใส่แป้งปานีปูรีลงไปทอด ถ้าน้ำมันไม่ร้อนจะไม่ฟู (หัวใจของการกินอาหารอินเดียเมนูขนมปารีปูนี แป้งต้องกรอบ)

วัตถุดิบทำไส้มันฝรั่งปานีปุรี

  1. มันฝรั่งนึ่งแล้วบดให้ละเอียด 3 ผล
  2. หอมแดงซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  3. ผงยี่หร่า 2 ช้อนชา
  4. ผงลูกผักชี 2 ช้อนชา
  5. พริกป่น 3 ช้อนชา (ถ้าชอบรสเผ็ดก็ใส่เพิ่ม)

ขั้นตอนการทำไส้มันฝรั่ง

ใส่มันฝรั่งลงในภาชนะ แล้วใส่ส่วนผสม หอมแดงซอย ผงยี่หร่า ผงลูกผักชี พริกป่น ใส่ทุกอย่างลงไป แล้วคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จกาทำไส้มันฝรั่ง

วัตถุดิบการทำซอสมะขามปานีปูรี

  1. น้ำมะขามเปียกคั้น 200 มล. (เมนูอาหารอินเดียปานีปูรีขาดวัตถุดิบมะขามเปียกไม่ได้)
  2. น้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ
  3. ผงยี่หร่า 1 ช้อนชา
  4. ผงลูกผักชี 1 ช้อนชา
  5. พริกป่น 2 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำซอสมะขามปานีปูรี

ตั้งกระทะบนเตา ปรับไฟระดับอ่อน ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาลทราย ผงยี่หร่า ผงลูกผักชี พริกป่น จากนั้นเคี่ยวให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน บกลงตักใส่ภาชนะ

วัตถุดิบน้ำราดปานีปูรี

  1. พริกสดเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
  2. ผักชีซอย 1 ต้น
  3. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ 
  4. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ 
  5. ขิงหั่นชิ้น 2 ชิ้น 
  6. ผงลูกผักชี 1 ช้อนชา
  7. ใบสะระแหน่ 1 ถ้วยตวง
  8. ผงยี่หร่า 2 ช้อนชา
  9. เกลือ 2 ช้อนชา 
  10. น้ำสะอาด 400 มล.

ขั้นตอนการทำน้ำราดปานีปูรี

เตรียมเครื่องปั่นให้พร้อม ใส่น้ำสะอาด และส่วนผสมทุกอย่างลงไปได้แก่ พริกเม็ดใหญ่ ใบสาระแหน่ ผักชี มะนาว น้ำตาลทราย ผงยี่หร่า ผงลูกผักชี เกลือป่น ขิงหั่น แล้วปั่นจนส่วนผสมละเอียด เทมส่ภาชนะ 

วัตถุดิบแป้งกรอบบูนดี้

  1. แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  2. แป้งเบซัน 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำเย็น 100 มล.
  4. ตั้งเตาใช้ระดับไฟอ่อน ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งจนกระทะร้อนจัด
  5. ใช้แป้งเหลวที่ผสมไว้ร่อนผ่านกระชอนให้กระจายเป็นเม็ด 
  6. ใช้เวลาทอดไม่นาน ใช้กระชอนตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน

เครื่องเคียงเพิ่มรสชาติของขนมปานีปูรี

  1. หอมแดงซอยละเอียด
  2. พริกจินดาซอยละเอียด 

วิธีการรับประทานขนมปานีปูรี

การกินอาหารอินเดียนั้น มีองค์ประกอบ ได้แก่น้ำแป้งปานีปูรีที่เป็นรูปวงกลมเจาะรูด้านบน จากนั้นใส่ไส้มันบด ใส่แป้งกรอบบูนดี้ ใส่ซอสมะขาม ราดด้วยน้ำปานีปูรี ใส่พริกจินดาซอย หอมแดงซอย 

จากนั้นอ้าปากให้กว้างที่สุดใส่ก้อนปานีปูรีเข้าไปไปทีเดียวทั้งชิ้น เหตุผลที่ต้องใส่ไปทั้งชิ้นเพราะถ้ากัดทีละครึ่งคำน้ำซอสมะขาม และน้ำปานีปูรีจะหกเลอะเปื้อนทำให้ขาดอรรถรสในการรับประทานมาก รสชาติจะกลมกล่อมมีความกรอบของแป้ง ผสมความมันของไส้มันบด และความเปรี้ยวซ่าของซอสมะขาม และน้ำราดปานีปูรี 

Categories
อาหารไทย

เมนูแกงเขียวหวานไก่ อาหารไทยยอดนิยมตลอดกาล

https://mykitchencook.com/wp-content/uploads/2021/06/แกงเขียวหวานไก่-อาหารไทยยอดนิยมตลอดกาล.jpg

เมนูแกงเขียวหวานไก่ เป็นเมนูที่คนไทยเราคุ้นชินกันมานาน นิยมรับประทานคู่กับขนมจีน แกล้มด้วยไข่ต้ม ผักสด แตงกวา ถั่วฝักยาว หรือแกล้มด้วยผักกาดดองก็เข้ากันมาก สามารถรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ แกล้มด้วยปลาเค็ม ไข่เจียวก็อร่อยจนวางช้อนไม่ลงกันเลยทีเดียว

สามารถรับประทานเป็นอาหารหลักได้ทั้ง 3 มื้อ โดยเฉพาะงานพิธีสำคัญ งานทำบุญ จะมีเมนูกับข้าวแกงเขียวหวาน ขนมจีนแกงเขียวหวานแทบทุกงาน โดยเฉพาะงานบุญ อาทิงานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ งานปีใหม่ งานแต่งงาน งานฉลองต่าง ๆ เพราะเป็นอาหารไทยที่รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย รสชาติเข้มข้นหอมเครื่องแกงพริกสดหอมมันกะทิ

ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ชอบรับประทานแกงเขียวหวานไก่ คนต่างชาติที่ได้ลองรับประทานแกงเขียวหวานไก่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย เข้มข้น จัดว่าเป็นเมนูประจำชาติชาติไทยเมนูหนึ่งเลยก็ว่าได้ เว็บไซต์ mykitchencook จึงไม่รอช้านำข้อมูลวัตถุดิบรวมไปถึงขั้นตอนการทำเมนูแสนอร่อยนี้แก่ท่านผู้สนใจ โดยมีข้อมูลตั้งแต่วัตถุดิบเครื่องแกงเขียวหวานกันเลยทีเดียว รับรองได้ว่าใครไม่มีพื้นฐานก็สามารถเริ่มต้นเรียนรู้กันได้เลย

วัตถุดิบในการทำเมนูแกงเขียวหวานไก่

1.เครื่องแกงเขียวหวาน 500 – 700 กรัม 

2.หางกะทิ 1,000 มล

3.หัวกะทิ 400 มล.

4.น้ำสะอาด 1 ถ้วย

5.สะโพกไก่ 1 กก.

6.เลือดไก่หั่น 1 ถ้วย

7.มะเขือเปราะหั่น 2 ถ้วย

8.มะเขือพวง 1 ถ้วย

9.พริกหยวกเขียว / แดง หั่นเฉียง 1 ถ้วย

10.ใบโหระพา 2 ถ้วย

11.น้ำตาลปิ๊บ 3 ช้อนโต๊ะ (หัวใจสำคัญของการปรุงรสชาติอาหารไทย)

12.น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ

13.ตีนไก่ 10 ชิ้น

วัตถุดิบเครื่องแกงเขียวหวานไก่

1.พริกขี้หนูสด 1 ถ้วย

2.ตะไคร้หั่น 1/2 ถ้วย

3.กระชายขาวหั่น 1 ช้อนโต๊ะ

4.กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ

5.หอมแดงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ

6.ผิวมะกรูดหั่นฝอย 2 – 3 ชิ้น

7.ข่าหั่น 1/2 ถ้วย

8.เกลือเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ (อาหารไทยโบราณใส่เกลือลงในเครื่องแกงเพื่อเพิ่มรสชาติ)

ขั้นตอนการทำเมนูแกงเขียวหวานไก่ 

  1. เริ่มจากการตำเครื่องแกงเขียวหวานด้วยการหั่นตะไคร้ ข่า กระชายขาว หอมแดง ผิวมะกรูด กระเทียม ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนเพราะจะง่ายในการตำ 
  2. ตำด้วยมือกับภาชนะครก โดยเริ่มตำจากวัตถุดิบที่ตำยากก่อน ข่า ตะไคร้ กระชายขาว หอมแดง กระเทียม ผิวมะกรูด เกลือเม็ด ใส่ลงไปในครก จากนั้นให้ตำจนละเอียด ถ้าเครื่องแกงแห้งสามารถหยอดน้ำสะอาดลงไปได้เพื่อให้ตำง่ายขึ้น
  3. เมื่อตำทุกอย่างเริ่มละเอียดแล้ว ให้ใส่พริกขี้หนูสดลงไปตำเป็นอย่างสุดท้าย เพราะพริกมีความนิ่มตำไม่ยาก
  4. เตรียมกระทะประเภทใบใหญ่ก้นลึกในการ โดยตั้งกระทะบนเตา จากนั้นใส่หัวกะทินิดหน่อยลงไปผัดกับเครื่องแกงเขียวหวาน ผัดจนมีกลิ่นหอมของเครื่องแกง และทยอยเติมหัวกะทิจนหมด ผัดต่อไปเรื่อยๆ จนได้ที่ ( อาหารไทยประเภทแกงเผ็ดคนไทยจะชอบใส่กะทิเพราะจะหอมมันอร่อย)
  5. ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดกับเครื่องแกง และหัวกะทิจนสุก จากนั้นใส่หางกะทิลงไป และเติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย ตั้งไฟต่อจนเดือด 
  6. จากนั้นใส่เลือดไก่ ตีนไข่ลงไป ขณะที่น้ำกำลังเดือดให้ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปิ๊บ จากนั้นคนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน 
  7. ใส่พริกหยวกหั่น มะเขือเปราะ มะเขือพวง ในขั้นตอนนี้ถ้าชอบเนื้อสัมผัสของมะเขือเปราะนิ่มก็ตั้งไฟนานหน่อย แต่ถ้าชอบเนื้อมะเขือแบบกรอบก็ตั้งไฟไม่นาน ตามด้วยการใส่ใบโหระพาเพิ่มความหอม จากนั้นยกลงจากเตาตั้งพักไว้
  8. แกงเขียวหวานไก่ เป็นอาหารไทยโบราณ ที่สามารถรับประทานได้กับขนมจีน และสามารถรับประทานได้กับข้าวสวยร้อน ๆ แกล้มด้วยไข่ต้ม ทอดมันปลา บอกเลยว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

เคล็ดลับในการทำแกงเขียวหวานให้อร่อย

เครื่องแกงเขียวหวานไม่ควรปั่น ควรจะตำด้วยครกจะทำให้รสชาติของเครื่องแกงอร่อยมาก 

วัตถุดิบของการทำเครื่องแกงต้องครบ ถ้าขาดอย่างหนึ่งอย่างใดรสชาติจะเปลี่ยนทันที 

ขั้นตอนการผัดกะทิให้พอดี เป็นขั้นตอนที่เพิ่มความหอมของเมนูแกงเขียวหวานมากขึ้น 

ไม่ปรุงรสเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลทราย เพราะรสชาติจะไม่กลมกล่อมเหมือนน้ำตาลมะพร้าว 

ไอเดียต่อยอดจากการศึกษาเมนูแกงเขียวหวานไก่ 

หัวใจของเมนูนี้คือเครื่องแกงเขียวหวาน ถ้าฝึกทำจนชำนาญสามารถทำเครื่องเขียวหวานขายได้

เมื่อฝึกทำจนชำนาญ และแตกไลน์การทำเมนูอื่น สามารถเปิดร้านขายขนมจีนได้

พัฒนาสูตรในการทำให้มีรสชาติที่โดดเด่น สามารถเปิดเป็นคอร์สสอนออนไลน์สร้างรายได้