Categories
เบเกอรี่

คัพเค้กวานิลลา เค้กขนาดมินิที่คนทุกเพศทุกวัยหลงรัก

เค้กจัดเป็นขนมหวานประเภทเบเกอรี่ชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากชาติตะวันตก แต่คนไทยนั้นก็หลงรักกันทั้งประเทศ เค้กแบ่งย่อยออกได้มากมายหลายประเภท หลายขนาด ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนรับประทาน มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ 3 ปอนด์ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก มาจนถึงขนาดเล็กจิ๋วน่ารักแบบคัพเค้ก

เป็นไซส์จิ๋วเล็ก แต่กลับเป็นเค้กไซส์ที่คนนิยมรับประทานกันมากเลยทีเดียว เหตุผลเพราะรับประทานง่าย สะดวก ขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับเป็นขนมของว่างเลี้ยงแขกในงานสำคัญโอกาสพิเศษต่าง ๆ อาทิปีใหม่ วันเกิด งานปาร์ตี้ รวมไปจนถึงงานประชุม งานสัมมนา งานพบปะสมาคม งานเลี้ยงรุ่น เลี้ยงแขกในงานขาวดำ เป็นต้น

จริง ๆ แล้วคนไทยนิยมรับประทานขนมเบเกอรี่ไม่แพ้ขนมไทยเลย และเบเกอรี่ทุกชนิดนั้นค่อนข้างถูกปากคนไทยเลยก็ว่าได้ ธุรกิจการทำเบเกอรี่จึงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้พอสมควร และคัพเค้กก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของขนมเบเกอรี่ที่น่าสนใจ สามารถเพิ่มไอเดียนำไปต่อยอดสร้างเป็นอาชีพ สร้างรายได้ เว็บไซต์ mykitchencook รวบรวมวิธีการทำขนมคัพเค้กวานิลลาไว้ตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ คนที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถศึกษา และฝึกทำได้เลย

วัตถุดิบในการทำคัพเค้กวานิลลา

  • แป้งเค้ก 90 กรัม
  • แป้งสาลี 30 กรัม
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง ( เบอร์ 2 )
  • เนยสดแท้แบบละลาย 60 กรัม
  • สารเสริมเอสพี 2 ช้อนชา
  • นมจืด 65 กรัม
  • น้ำตาลทรายเกล็ดละเอียด 150 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • กลิ่นนมเนย 2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • วัตถุดิบของครีมแต่งหน้าคัพเค้ก
  • วิปปิ้งครีม 180 กรัม
  • น้ำตาลทรายป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอน วิธีการทำคัพเค้กวานิลลา

  1. ทำการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาวทั้ง 4 ฟอง
  2. ใส่น้ำตาลทรายเกล็ดเล็กลงไปผสมกับส่วนของไข่แดง จากนั้นใช้เครื่องตีแป้งแบบมือใส่ตัวตีแบบตะกร้อ ปรับระดับความแรงที่เบอร์ 2 ใช้เวลาตีประมาณ 3- 5 นาที ตีจนน้ำตาลละลาย และส่วนผสมของไข่แดงเข้ากับน้ำตาล
  3. จากนั้นร่อนแป้งเค้ก แป้งสาลี ผงฟู เกลือป่น ลงไปในส่วนผสมของไข่แดง และน้ำตาลทรายที่ตีเข้ากันแล้ว
ขอบคุณภาพจาก pixabay
  1. ใส่ sp ลงไปเพื่อเพิ่มความนุ่มของเนื้อขนมคัพเค้ก
  2. ใส่กลิ่นวานิลลา และกลิ่นนมเนยลงไป จากนั้นแบ่งไข่ขาวส่วนหนึ่งลงไป ใช้เครื่องตี ปรับระดับความแรงเบอร์ 2 ค่อย ๆ ตีจนส่วนผสมเข้ากัน
  3. ใส่ส่วนของไข่ขาว นมจืดที่เหลือทั้งหมดลงไป แล้วใช้เครื่องตีจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
  4. พักส่วนผสทั้งหมดไว้เฉย ๆ ประมาณ 10 นาที แล้วจึงตักใส่ถุงบีบ ใช้อุปกรณ์ปากบีบครีมแบบ 8 แฉก
  5. เตรียมจัดวางถ้วยคัพเค้กกระดาษแบบสำเร็จรูป(อาจจะเป็นถ้วยคัพเค้กการ์ตูนตามชอบก็ได้ จำนวน 12 – 13 ถ้วย จากนั้นบีบส่วนผสมทั้งหมดลงไปในถ้วยคัพเค้กประมาณ 3/4 ของคัพ เผื่อพื้นที่สำหรับเนื้อเค้กฟูขึ้นมา
  6. วอร์มเตาอบทิ้งไว้ 10 -15 นาที จากนั้นใส่ถาดคัพเค้กเข้าไปอบ โดยใช้ไฟอบที่ความร้อน 170 องศาเซลเซียส เปิดทั้งไฟบน ไฟล่าง ใช้เวลาอบ 20 -30 นาที ไม่เปิดพัดลมในตู้อบ เพราะจะทำให้พัดเนื้อเค้กเสียรูปทรง
  7. เมื่ออบได้ที่แล้วเอาคัพเค้กออกมาพักไว้นอกตู้อบ
ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอนการทำครีมสำหรับแต่งหน้าคัพเค้กวานิลลา

  • ผสมวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลทรายป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นใช้เครื่องตี ตีจนวิปปิ้งครีมตั้งยอด และน้ำตาลละลาย
  • ตักวิปปิ้งครีมใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบ 8 แฉก จากนั้นบีบวิปปิ้งครีมแต่งหน้าคัพเค้กเพิ่มความสวยงามได้เลย
ขอบคุณภาพจาก unsplash

เคล็ดลับในการทำคัพเค้กวานิลลาให้นุ่มอร่อย

ก่อนใส่แป้งเค้ก กับแป้งสาลีต้องใช้ตะแกรงร่อนทุกครั้งเพราะเป็นการเพิ่มช่องอากาศให้แป้ง ทำให้เนื้อเค้กนุ่มละมุน

น้ำตาลที่ใช้ผสมวิปปิ้งครีม ควรเลือกใช้น้ำตาลป่น และน้ำตาลไอซิ่งเท่านั้น เพราะจะทำให้น้ำตาลละลายง่าย ไม่เป็นเม็ด ๆ

ไอเดียนำความรู้ข้อมูลการทำคัพเค้กวานิลลาไปต่อยอด

  • สามารถต่อยอดสร้างเป็นอาชีพได้ โดยเริ่มจากทำขายในละแวกใกล้บ้าน
  • เมื่อฝึกจนมีประสบการณ์ดีแล้ว เพิ่มไอเดียสร้างสรรค์ อาทิทำเป็นคัพเค้กผลไม้ คัพเค้กการ์ตูน ต่อยอดทำคอร์สออนไลน์ขายให้กับคนที่สนใจอยากเรียน
  • ติดต่อวางขายคัพเค้กร้านกาแฟ ร้านเครื่องดื่ม ธุรกิจจัดเลี้ยงต่าง ๆ
Categories
ขนมไทย

ขนมไทย ขนมเข่งอัญชันไส้เค็มเหนียวนุ่มหนึบอร่อย

ขนมเข่งเป็นขนมไทยชนิดหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมานาน รสชาติของเนื้อขนมจะเป็นแป้งหนึบหอมอร่อยมาก ข้างในจะเป็นไส้ถั่วมีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยผสมความเค็มโดยรวมแล้วเมื่อรับประทานพร้อมกันทั้งไส้ทั้งแป้งจะกลมกล่อมอร่อยมาก หาซื้อรับประทานยากพอสมควร ส่วนใหญ่จะหาซื้อได้ที่ตลาดเช้า หรือตลาดนัด เป็นขนมที่คนไทยชอบรับประทานกันพอสมควร

ขนมไทยชนิดนี้นิยมใช้เป็นขนมมงคลในการเป็นของไหว้บรรพบุรุษของคนจีน ในเทศกาลตรุษจีนโดยขนมเข่งนั้นมีหลายรูปแบบมากทั้งแบบเป็นกระทง และแบบใช้ใบตองพันมิดชิด ไม่เพียงเท่านั้นเราจะเห็นว่าขนมเข่งนั้นสามารถทำได้หลายแบบ

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ทั้งแบบเนื้อแป้งเป็นสีขาวใส แบบเนื้อแป้งเป็นสีน้ำตาลเข้ม แบบเนื้อแป้งเป็นสีเทา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน สีของเนื้อแป้งขนมเข่งที่แตกต่างกันมาจากการใช้น้ำตาลคนละประเภท นอกจากสีที่แตกต่างกันแล้ว รสชาติก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เว็บไซต์ mykitchencook ได้รวมขั้นตอนของการทำขนมเข่งแบบแนวฟิวชั่น เป็นเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อย และมีสีสัน สำหรับคนที่สนใจเตรียมตัวลงมือทำไปพร้อมกันเลย

วัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ เคล็ดลับ ไอเดียในการต่อยอดการทำเมนูขนมไทย ขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

วัตถุดิบในการทำเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

  1. แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง (ขนมไทยชนิดนี้ขาดไม่ได้)
  2. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลมะพร้าว 65 กรัม
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
  6. น้ำตาลทรายเกล็ดเล็ก 50 กรัม
  7. ดอกอัญชัน 20 ใบ(เพิ่มสีสัน ความสวยงามให้เมนูของหวานไทยโบราณ)
ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบสำหรับทำไส้เค็ม

  1. ถั่วเขียวชนิดลอกเปลือกออกแล้ว 1 1/2 ถ้วยตวง
  2. หอมแดงซอย 1/2 ถ้วยตวง
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  4. เม็ดพริกไทยดำตำละเอียด 1ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

  1. เริ่มจากการคั้นน้ำอัญชัน โดยคั้นแบบเข้มข้นที่สุดเพราะต้องการให้สีของขนมไทยชนิดนี้มีเนื้อเป้งขนมเข่งมีความเข้มของสีอัญชัน ใส่น้ำสะอาดเล็กน้อยผสมกับดอกอัญชันจนได้น้ำดอกอัญชันเข้มข้น
  2. ตั้งหม้อบนไฟระดับเบาใส่น้ำเปล่า น้ำดอกอัญชันคั้น น้ำตาลทราย น้ำตาลมะพร้าว เกลือป่น
  3. ร่อนแป้งข้าวเหนียว และแป้งข้าวเจ้าลงในส่วนผสมที่ตั้งไฟ
  4. จากนั้นค่อย ๆ เคี่ยวส่วนผสมทุกอย่างจนละลาย ถ้าแป้งมีสีอัญชันยังไม่เข้มให้เติมน้ำคั้นดอกอัญชันลงไปจนกว่าจะมีสีเข้มสวยงาม เมื่อเริ่มเดือดให้ยกลงจากเตา นำมาตั้งพักไว้
  5. จากนั้นนำส่วนผสที่ได้มากรองด้วยผ้าขาวบาง 1 ครั้งเพื่อเพิ่มความละเอียดของเนื้อแป้ง
  6. มาถึงขั้นตอนของการกวนไส้เมนูของหวานไทยโบราณ ขนมเข่ง เริ่มจากการแช่ถั่วเขียวแบบลอกเปลือกในน้ำสะอาดไว้ 1 คืน
  7. จากนั้นนำมาต้มจนสุก กรองน้ำออก แล้วน้ำถั่วเขียวปั่นจนละเอียด นำมาตั้งพักไว้
  8. ตั้งกระทะ ปรับระดับไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป ตามด้วยหอมแดงซอย พริกไทยดำตำละเอียด เกลือป่น น้ำตาลทราย และถั่วเขียวปั่นผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ผัดอีกสักพักแล้วยกลงพักให้เย็น
  9. เมื่อส่วนผสมของไส้เย็นแล้วให้ปั้นใส้เค็มเป็นวงกลมตามขนาดที่พอใจ
  10. เตรียมกระทงใบตองวางไว้บนซึ้งนึ่ง (สามารถใช้วิธีการห่อขนมด้วยการพันใบตองก็ได้) แล้วทาน้ำมันพืชในกระทงเพื่อป้องกันแป้งติดก้นใบตอง จากนั้นเทแป้งขนมเข่งลงไป 3/4 ถ้วย แล้วนำไส้เค็มหยอดลงไปตรงกลาง จากนั้นนำขนมเข่งไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 30 -40 นาที
ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับในการทำขนมเข่งอัญชันให้อร่อยน่ารับประทาน

  1. ถ้าต้องการให้สีอัญชันสวยงามเข้ม ห้ามใส่น้ำตาลทรายแดงเด็ดขาดจะทำให้สีของอัญชันไม่สวย
  2. การทำไส้เค็ม ต้องแช่ถั่วเขียวในน้ำอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เพราะถ้าไม่แช่ถั่วเขียวจะเนื้อสัมผัสแข็งไม่ละมุน

ไอเดียต่อยอดจากการทำเมนูขนมเข่งอัญชันไส้เค็ม

  1. สามารถพัฒนาฝึกฝน และทำขายสร้างรายได้เสริมได้
  2. พัฒนาสูตรฝึกทำขนมไทยชนิดอื่น และทำเป็นหลักสุตรสอนออนไลน์
  3. เมื่อฝึกจนชำนาญแล้ว พัฒนาสูตรเปิดคอร์สสอนทำขนมสอนแบบตัวต่อตัวจับมือทำ
Categories
อาหารญี่ปุ่น อาหารนานาชาติ

อาหารญี่ปุ่น ซูชิมากิ เสน่ห์ความอร่อยที่คนทั่วโลก ยกนิ้วให้

อาหารญี่ปุ่นนั้นโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ชาติตะวันตกเองก็ยังหลงใหลในอาหารญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่รสชาติความมีเอกลักษณ์ในอาหารเท่านั้น ขั้นตอนวิธีการทำนั้นพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนของการเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงขั้นตอนในการรับประทาน ทุกขั้นตอนนั้นร่วมเต็มไปด้วยศาสตร์ และศิลป์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นนั้นเป็นอาหารที่มีมูลค่าในสายตาของคนทั่วโลก

อาหารญี่ปุ่นนั้นมีเมนูยอดนิยมหลายเมนู แต่เมนูที่โด่งดังมาก คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยนั้นรู้จักเป็นอย่างดีนั่นก็คือเมนูซูชินั้นเอง ไม่เพียงแต่รู้จักเท่านั้น คนไทยยังชื่นชอบ และนิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่น เมนูซูชิกันอย่างมาก เว็บไซต์ mykitchencook จึงรวบรวมข้อมูลการทำซูชิมากิตั้งแต่เริ่มต้น และขั้นตอนในการทำซูชิเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ และต่อยอดทำเป็นอาชีพ

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบในการทำเมนูซูชิมากิ

  1. ข้าวญี่ปุ่น 3 ถ้วย
  2. น้ำสะอาด 300 มล.
  3. น้ำส้มสายชูที่ทำมาจากข้าวหมัก 6 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  5. แตงกวาญี่ปุ่นน 1 ลูก
  6. สาหร่ายแผ่นใหญ่ 2 แผ่น
  7. ผงดาชิ 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมิริน 2 ช้อนโต๊ะ
  9. โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
  10. แครอทหั่นแนวยาว 1/2 ลูก
  11. ไข่หวานสำเร็จรูป 1 แท่ง
  12. เห็ดหอมแห้ง 1 ถ้วยตวง
  13. ซอสมายองเนส 1 ถ้วยตวง

ขั้นตอนการทำเมนูอาหารญี่ปุ่นซูชิมากิ

  1. ขั้นตอนแรกในการทำเมนูอาหารญี่ปุ่น ซูชิมากิ เริ่มต้นโดยการนำข้าวญี่ปุ่นมาล้างทำความสะอาด 3 – 4 ครั้ง จากนั้นแช่ข้าวญี่ปุ่นไว้น้ำสะอาด 30 นาที
  2. เมื่อนำข้าวญี่ปุ่นแช่น้ำครบ 30 นาทีแล้วให้รินน้ำออก แล้วทำการเปลี่ยนน้ำใหม่ จากนั้นใช้วิธีการหุงข้าวบนเตาโดยใช้ไฟระดับกลางเป็นเวลา 30 นาที เมื่อข้าวญี่ปุ่นได้ที่แล้วให้ปรับระดับไฟแรงขึ้น จากนั้นให้ปิดไฟ และปิดฝาหม้อข้าวญี่ปุ่นเพื่อให้ความร้อนระอุกระจายทั่วทั้งหม้อข้าว
  3. วิธีการทำน้ำปรุงข้าว ข้าวที่ใช้ในการทำซูชิรสชาติจะไม่กลมกล่อมถ้าไม่ใส่น้ำปรุง ขั้นตอนนี้สำคัญมาก กรทำน้ำปรุงนั้นก็ไม่ซับซ้อน สามารถทำง่าย ๆ โดยการใส่น้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาลทราย จากนั้นผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ทิ้งไว้จนเย็น เมื่อข้าวญี่ปุ่นเย็นให้นำมาคลุกกับข้าวญี่ปุ่นโดยค่อยเทใส่ข้าวทีละน้อย เมื่อผสมเสร็จวางข้าวพักไว้ในภาชนะ
ขอบคุณภาพจาก pixabay
  1. จากนั้นเพิ่มอรรถรสให้กับส่วนผสมของเมนูอาหารญี่ปุ่น<ซูชิมากิโดยการต้มน้ำซุปดาชิ โดยการใส่น้ำสะอาดลงไปในหม้อ เปิดไฟระดับกลาง จากนั้นรอให้น้ำเดือด ใส่ผงดาชิ น้ำมิริน และโชยุลงไป จากนั้นนำแคอทลงไปต้มจนสุก
  2. ยังไม่ต้องปิดไฟ ทำการผัดเห็ดหอมต่อ โดยการเทน้ำซุปดาชิที่เหลือออกเล็กน้อย เพิ่มโชยุ น้ำมิรินลงไป น้ำเห็ดหอมลงไปผัดจนเหนียวข้น จากนั้นยกลงพักไว้ให้เย็น
  3. เมื่อเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้ทำการปั้นซูชิมากิได้เลย โดยเริ่มจากการเตรียมเสื่อไม้ไผ่ปั้นซูชิ ให้นำถุงพลาสติกมาคลุมไม้ไผ่ไว้ป้องกันเศษอาหารติดที่ซี่ของไม้ และวิธีนี้ทำให้อายุของการใช้งานเสื่อไม้ไผ่ได้นาน
  4. จากนั้นเริ่มต้นการห่ออาหารญี่ปุ่น ซูชิมากิโดยการวางสาหร่ายแผ่นใหญ่ ตามด้วยข้าวญี่ปุ่น แตงกวา แครอท ไข่หวาน ผัดเห็ดหอม ราดด้วยมายองเนส วางเรียงกันให้สวยงามจากนั้นทำการม้วนให้แน่น แล้วใช้มีดที่มีความคมตัดให้มีความสวยงาม

เคล็ดลับการทำซูชิมากิให้อร่อยน่ารับประทาน

จะว่าไปแล้วเมนูซูชิมากินั้นค่อนข้างต้องใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดหรือเรียกว่าเป็นหัวใจในการทำซูวิมากิเลยก็ว่าได้นั้นก็คือการหุงข้าวญี่ปุ่น เพราะถ้าไม่มีเคล็ดลับในการหุงข้าวญี่ปุ่น ข้าวก็จะไม่พอดี แฉะไปบ้าง ร่วนไปบ้าง เมื่อนำมาปั้นเป็นซูชิก็จะได้รูปทรงไม่ดี

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ไอเดียในการต่อยอดจากการเรียนรูการทำซูชิมากิ

เมื่อฝึกฝนจนเก่งแล้ว สามารถเปิดร้านเมนูอาหารญี่ปุ่นซูชิเป็นของตัวเอง หรือเริ่มต้นจำหน่ายจากช่องทางออนไลน์ก่อนได้เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน สามารถสร้างรายได้เสริมได้เพราะคนไทยนิยมรับประทานซูชิกันมาก

ใส่ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาต่อยอดคิดรูปแบบซูชิในแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าจากนั้นก็สามารถเปิดสอนการทำซูชิออนไลน์ให้กับคนที่สนใจเรียนได้ วิธีนี้สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง และยั่งยืน

Categories
อาหารไทย

ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูอาหารไทย รสชาติถูกใจคนทั่วโลก

ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูแซ่บรสชาติเผ็ดร้อนด้วยเครื่องสมุนไพรหลายชนิด สามารถรับประทานต้มยำกุ้งน้ำข้นเป็นแบบกับข้าวกินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะรับประทานเป็นอาหารทานเล่นก็ได้ รสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านถูกใจไทย และคนทั่วโลกมาก

ต้มยำกุ้งน้ำข้นจัดว่าเป็นเมนู อาหารทะเลประเภทซุปชนิดหนึ่ง เมื่อซดน้ำต้มยำกุ้งจะช่วยทำให้โล่งคอ ในประเทศไทยสามารถหาซื้อรับประทานต้มยำกุ้งได้เกือบทุกร้านอาหารทั่วไป เพราะเป็นเมนูยอดฮิตเป็นเมนูยอดนิยมที่คนรับประทานกันในชีวิตประจำวัน

โดยเฉพาะประเทศไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะเล กุ้งแชบ๊วยที่นำมาทำต้มยำนั้นก็มีความหวานสดอร่อยแบบธรรมชาติ บวกกับเครื่องสมุนไพรฤทธิ์ร้อนหลากหลายชนิดนั้น ทำให้รสชาติออกมาแซบลงตัวกลมกล่อม ความอร่อยนั้นเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก

หลายคนที่ไม่เคยทำต้มยำกุ้งน้ำข้นจะคิดว่าเป็นเมนูที่ทำยาก แท้ที่จริงแล้วเมนูนี้เป็นเมนูที่ทำง่าย หาวัตถุดิบง่าย อีกทั้งใช้เวลาในการทำไม่นาน เว็บไซต์ mykitchencook ได้ทำการรวบรวมข้อมูล และวัตถุดิบขั้นตอนในการทำไว้แล้วสำหรับคนที่สนใจในการทำเมนูชื่อดังนี้

วัตถุดิบ วิธีทำ เคล็ดลับ ไอเดียต่อยอดจากความรู้การทำเมนู อาหารไทยต้มยำกุ้งน้ำข้น

  1. กุ้งแชบ๊วย 8 ตัว ควรเลือกกุ้งที่มีความสดใหม่
  2. น้ำพริกเผาสำหรับทำเมนู อาหารต้มยำโดยเฉพาะ 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย
  4. เห็ดฟาง 1/2 ถ้วย
  5. ใบมะกรูด 15 ใบ
  6. ข่าหั่นเป็นชิ้น 1/2 ถ้วย
  7. ตะไคร้หั้นเฉียง 4 ต้น
  8. หอมแดงหั่น 5 หัว
  9. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  10. มะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
  11. นมข้นจืด 8 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำสะอาด 500 มล.
  13. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  14. ผักชีฝรั่ง 3 ต้น
  15. ซุปก้อนรสหมู 1/2 ก้อน (สามารถใช้รสชาติอื่นได้)
  16. พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด(สามารถเพิ่มลดปริมาณพริกได้ตามความชอบ)
  17. พริกจินดา 10 เม็ด (สามารถเพิ่มลดปริมาณพริกได้ตามความชอบ)

ขั้นตอนในการทำเมนู อาหารต้มยำกุ้งน้ำข้น

  1. ทำการลอกเปลือกกุ้งออกบริเวณลำตัว เว้นส่วนหัว และส่วนหางกุ้งเอาไว้ การปอกแบบนี้เหมาะที่สุดสำหรับนำมาทำเมนูอาหารทะเลจากนั้นนำกุ้งไปล้างน้ำจนสะอาด แล้วนำมาพักไว้
  2. จากนั้นใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟให้น้ำเดือด ใส่ซุปก้อน ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด หัวหอมแดง เกลือป่น พริกจินดาทุบ พริกขี้หนูทุบ
  3. เมื่อน้ำซุปเริ่มเดือดให้ใส่น้ำพริกเผาสูตรสำหรับทำต้มยำลงไปคนให้เข้ากัน ใส่นมข้นจืด ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
  4. ใส่เห็ดนางฟ้า เห็ดฟางลงไป (ใครมีเห็ดชนิดไหนสามารถใส่รวมลงไปได้เลย)
  5. ใส่กุ้งแชบ๊วยลงไป จากนั้นใส่ผักชีฝรั่ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ขั้นตอนนี้ไม่ใช้เวลานาน เพราะถ้าตั้งไฟนานจะทำให้กุ้งนั้นเนื้อแข็งกระด้าง
  6. จากนั้นฉีกใบมะกรูดสดลงก้นชาม และใส่น้ำมะนาวเตรียมไว้ แล้วเทใส่เมนู อาหารต้มยำน้ำข้นใส่ จากนั้นคนให้ส่วนผสมเข้ากัน (เหตุผลที่ไม่ปรุงรสมะนาวขณะอยู่บนเตานั้นก็เพราะจะทำให้เกิดรสชาติขมได้) เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำเมนูระดับโลกต้มยำกุ้งน้ำข้น

เคล็ดลับในการทำเมนู อาหารต้มยำกุ้งน้ำข้นให้ออกมารสชาติอร่อยสมเป็นเมนูระดับโลก

  1. การแกะกุ้ง ควรลอกแค่เปลือกส่วนกลางลำตัวเท่านั้น ไม่ต้องเอาหัวออกเพราะต้มยำกุ้งน้ำข้นนั้นต้องการรสชาตินัวของส่วนหัวมันกุ้งด้วย
  2. ถ้าใครสามารถหากะทิสดได้ ใส่ลงในเมนูอาหารทะเลต้มยำกุ้งน้ำข้นจะทำให้รสชาติอร่อยหอมมัน
  3. การปรุงรสเปรี้ยวนั้น ห้ามทำกาบีบมะนาวขณะที่ที่ตั้งต้มยำกุ้งบนเตาเด็ดขาดจะทำให้รสชาตินั้นเปลี่ยนกลายเป็นรสเฝื่อน และขมได้

ไอเดียต่อยอดจากการศึกษาเมนูต้มยำกุ้งน้ำข้น

เมื่อฝึกทำจนอร่อย มีรสชาติที่โดดเด่นเฉพาะตัว สามารถเปิดร้านขายเมนู อาหารอาหารทะเล อาหารไทยได้

เมื่อชำนาญแล้ว ปรับสูตรให้เป็นสูตรเฉพาะของเราเอง แล้วทำเป็นหลักสูตรสอนเป็นคอร์สออนไลน์

แตกไลน์พัฒนาสูตร และเรียนรู้การทำอาหารไทยเมนูใกล้เคียงกัน เพื่อต่อยอดความรู้ และสามารถเปิดสอนให้กับคนไทย และคนต่างชาติที่สนใจเรียนทำอาหารไทย อาชีพนี้สร้างรายได้อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว

เมื่อทำเก่งแล้วพัฒนาสร้างสรรค์ทำเมนูอาหารทะเลอื่น ๆ ถ่ายคลิปวิดิโอลงสื่อโซเชี่ยลประชาสัมพันธ์อาหารไทย เพื่อต่อยอดให้คนรู้จัก เพิ่มช่องทางหารายได้ในอนาคตได้