
บัวลอย ไข่หวาน เป็นเมนูขนมพื้นบ้านที่อยู่คู่กับชาวไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมีการนำของหวานและของคาวมารวมกันทำให้รสชาติที่ได้มีความหวาน มัน และหอมกลิ่นไข่นุ่มๆ อร่อยอย่างลงตัว ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันทุกภูมิภาค ซึ่งในแต่ละภาคที่จะมีการปรับปรุงสูตรลับเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีการประยุกต์สูตรให้ขนมมีสีสันน่ารับประทานมากขึ้น โดยจะใช้แป้งผสมกับสีที่ได้จากธรรมชาติมาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ น้ำกะทิเข้มข้น น้ำตาล และไข่เป็ดเป็นส่วนประกอบหลัก นอกจากนี้ยังมีการใช้วัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติมาใช้เป็นส่วนผสมของขนมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ใบเตย ฟักทอง ดอกอัญชัน เป็นต้น

บัวลอยไข่หวาน ขนมเม็ดกลมที่มาพร้อมกับสีสันสดใส และรสชาติหวาน หอมกลิ่นกะทิสด เนื้อแป้งนุ่มนิ่มเคี้ยวเพลินสุดๆ หากใครยังไม่เคยลองทานสามารถหาทานได้ตามร้านอาหาร หรือร้านขนมทั่วไป อีกทั้งยังเป็นขนมที่สามารถหาซื้อทานได้ในตลาดใกล้บ้านอีกด้วย แต่อยากลองทำขนมไว้ทานเองกับครอบครัว หรือทำขาย วันนี้เรามีวิธีการทำ และสูตรขนม บัวลอย ไข่หวานพื้นบ้าน มาให้ได้ลองทำตาม
สูตร บัวลอย ไข่หวาน เมนูขนมหวานพื้นบ้าน สีสันสดใส ทานได้ไม่มีเบื่อ
เชื้อว่าหลายคนคงคิดว่าขนมบัวลอย ไข่หวาน ทำยาก และขั้นตอนซับช้อนเกินไป จนไม่กล้าลองทำทานเองที่บ้าน แต่แท้จริงแล้วขนมบัวลอย เป็นหนึ่งในเมนูขนมหวานที่ทำง่ายมาก โดยวิธี ทำ บัวลอย ไข่หวานจะมีขั้นตอนที่ทำตามได้ง่ายนิดเดียว สำหรับสูตรบัวลอยไข่หวานที่จะนำมาแชร์เป็นสูตรแบบดั้งเดิมที่หาทานได้อยากในปัจจุบัน โดยก่อนที่เราจะไปดูวิธีทํา บัวลอยไข่หวานโบราณ เราจะต้องเตรียมส่วนผสม และวัตถุดิบที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และมีอยู่ตามธรรมชาติดังนี้

- แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
- น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง
- น้ำใบเตย ½ ถ้วยตวง
- ฟักทองนึ่ง ½ ถ้วยตวง
- เผือกนึ่ง ½ ถ้วยตวง
- น้ำกระทิ 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- เกลือ ½ ช้อนชา
- ไข่เป็ด หรือไข่ไก่ 1 ฟอง
สำหรับสีธรรมชาติที่ใช้ผสมสีแป้งของบัวลอยไข่หวานสามารถใช้สีได้ตามใจชอบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสีที่ใช้ตามสูตรก็ได้ สำหรับบัวลอยสูตรไข่หวานตามฉบับขนม ไทยดั้งเดิมจะใช้ไข่เป็ดในการทำขนม แต่ถ้าใครไม่ชอบไข่เป็ดสามารถใช้ไข่ไก่แทนได้ ในส่วนวิธีทำบัวลอยสูตรขนมไทยโบราณมีดังนี้

- นำแป้งข้าวเหนียว แบ่งออกเป็น 3 ถ้วย เท่าๆ กัน จากนั้นนำน้ำใบเตย ฟักทองนึ่ง และเผือกนึ่ง ผสมในแป้งที่เตรียม โดยแป้งหนึ่งถ้วยต่อ 1 วัตถุดิบ จากนั้นใช้มือนวดส่วนผสมในแต่ละถ้วยให้เข้ากัน ซึ่งแป้งที่นวดเสร็จแล้วจะมีสีตามวัตถุดิบที่นำมาผสมกับแป้ง
- นำแป้งที่นวดเสร็จแล้ว มาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเล็ก หรือใหญ่ตามใจชอบ จากนั้นมาคลุกแป้งบางๆ เพื่อไม่เม็ดแป้งติดกันในระหว่างที่ต้ม
- ในขั้นตอนต่อมา เตรียมหม้อใส่น้ำสะอาดที่เตรียมไว้ จากนั้นนำไปตั้งไฟปานกลางรอให้น้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดจัดให้ใส่เม็ดแป้งบัวลอยลงไป คนแป้งเพื่อไม่ให้ติดก้นหม้อ และรอให้แป้งสุก วิธีสังเกตคือ ถ้าแป้งลอยขึ้นมาเหนือน้ำแสดงแป้งสุกดีแล้ว จากนั้นตักออกมาแช่ในน้ำเย็น เพื่อลดอุณหภูมิไม่ให้แป้งร้อนเกินไป แถมยังทำให้บัวลอยมีเนื้อเด้งหนึบหนับอีกด้วย
- หลังจากที่แช่บัวลอยในน้ำแช่เสร็จแล้ว ให้ตักออกมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ต่อจะเป็นขั้นตอนการทำน้ำกะทิ เริ่มจากนำกะทิใส่ในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือลงไป นำไปตั้งไฟอ่อนๆ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นรอให้กะทิเดือด ใส่ไข่ไก่ หรือไข่เป็ดลงไป รอให้ใข่สุก ปิดไฟ และยกออกจากเตา
- ตักบัวลอยใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และไข่หวาน พร้อมรับประทาน

จบไปแล้วกับวิธีทำ บัวลอยไข่หวาน สูตรขนม โบราณที่หลายคนว่าทำยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากเลย และก่อนที่จะนำขนมมารับประทานควรนำไปแช่ตู้เย็นสักพัก เพื่อให้ขนมหวานมีความเย็นทานแล้วอร่อยชื่นใจตามแบบฉบับขนมไทย โบราณ พื้นบ้านที่ทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ แถมรสชาติหวานฉ่ำ อร่อยเกินห้ามใจ
รวมเคล็บลับการทำเมนูบัวลอย ขนม หวาน ไทย รสชาติหวาน มัน อร่อยเกินต้าน

บัวลอยไข่หวาน เมนูขนมหวานยอดนิยมที่มาพร้อมกับสีสันสดใสน่ารับประทาน แถมยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งเคล็ดลับในการทำบัวลอยขนม ไทย ง่ายๆให้อร่อยสิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนการนวดแป้งหลังจากนวดเสร็จแล้ว ในระหว่างที่นวดแป้งอีกถ้วยควรใช้ผ้าขาวบางแป้งที่นวดเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งแห้งจนเกินไป เพราะจะให้ปั้นแป้งไม่สวย และในขั้นตอนการตอนการต้มเม็ดแป้งจะแตกออกจากกันได้ สำหรับข้อดีของขนมไทย ทำเอง คือ เราสามารถปรุงรสชาติขนมได้ตามใจชอบ และทำทานได้แบบไม่อั้น จัดหนัก จัดเต็มทุกคำ แถมสูตร ขนม ไทยอย่างบัวลอย ใส่ไข่หวานที่นำมาแชร์เป็นสูตรที่คัดมาแล้วว่าทำแล้วต้องอร่อยแน่นอน

สำหรับใครที่อยากลองทำบัวลอย ไข่ หวานไว้ทานกับครอบครัว หรือจะทำเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตนเองอีกทางหนึ่ง แนะนำให้ทำตามสูตรขนมไทยชาววังที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย รับรองไม่ทำให้ผิดหวัง
อ่านบทความอื่นๆ: