Categories
ขนมไทย

ชวนทำขนมคุณยาย ขนมครก สูตรโบราณ แป้งนุ่มนิ่ม หวานละมุน

ขนมครก เป็นขนมที่มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมสุดน่ารักที่มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสนุ่มนิ่ม และมีกลิ่นหอมอบอวลยั่วยวนใจคนชอบทานขนม หวาน ไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันขนมครกมีหลากหลายสูตรให้เลือกทานได้แบบไม่อั้น อาทิ ขนมครกใบเตย หรือสูตรขนมครกกะทิ หน้าข้าวโพด เผือก ต้นหอม ฝอยทอง เป็นต้น นอกจากนี้ขนมยังมีการผสมสีธรรมชาติเพื่อให้มีสีสันน่าทานมากยิ่งขึ้น 

วิธีทำ ขนมครก สูตรต้นตำรับชาววัง แป้งนุ่ม ทำง่ายๆ ไม่ซับซ้อน 

ขนมครก

ใครชอบทานขนมครก และชอบทำขนมทานเองที่บ้าน ห้ามพลาด เพราะเราจะมาแจกสูตร และวิธีทำขนมครก ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญรสชาติอร่อยกลมกล่อมตามสูตร ขนม ไทยชาววังอย่างแน่นอน นอกจากนี้เรายังมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการทำขนมครกไม่ให้ติดกระทะมาฝากคนมือใหม่อีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมทำแป้ง

ขนมครก
  1. แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
  2. น้ำปูนใส 130 กรัม
  3. หัวกะทิ 600 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  5. ข้าวหอมมะลิหุงสุก 150 กรัม
  6. หางกะทิ 300 กรัม
  7. เกลือสมุทร 2 ช้อนชา

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมหน้ากะทิ

  1. หัวกะทิ 600 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  3. แป้งข้าวเจ้า 1 ½ ช้อนโต๊ะ

สำหรับการทำขนมครกตามฉบับขนมไทย ทำเองง่ายๆ นั้นเรามีวัตถุดิบเพิ่มเติมสำหรับโรยหน้าขนมอย่าง ข้าวโพดหวาน เผือกนึ่ง ต้นหอมซอย หรือจะใช้วัตถุดิบอื่นๆ โรยหน้าขนมได้ตามใจชอบ หลังจากนั้นเรามาเริ่มทำขนมครกหนึ่งในขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ได้เลย 

ขนมครก
  1. นำวัตถุดิบที่จะใช้โรยหน้าขนมอย่าง ข้าวโพดหวานฝานบางๆ เผือกหั่นลูกเต๋า นำไปนึ่งให่สุกใช้เวลาประมาณ 20 นาที และนำต้นหอมมาซอยใส่ถ้วย พักไว้ก่อน
  2. ขั้นตอนต่อมาเป็นการทำแป้งขนม ด้วยการนำแป้งข้าวเจ้า ข้าวสวยนึ่งสุก นำปูนใส กะทิ และเกลือ นำมาปั่นให้เข้ากัน เทส่วนผสมทั้งหมดใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
  3. ต่อมาจะมาน้ำกะทิราดหน้าขนม เริ่มจากนำแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือมหาสมุทร ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  4. จากนั้นมาเริ่มทำขนมได้เลย โดยนำกระทะขนมครกมาตั้งเตาใช้ไฟอ่อน ๆจากนั้นหยุดน้ำมันพืชลงไปลงไปในหลุม เมื่อกระทะร้อนแล้วให้ใส่น้ำแป้งลงไปจนครบทุกหลุม จากนั้นตามด้วยน้ำกะทิ โรยด้วยข้าวโพดหวาน เผือกนึ่ง และต้นหอม นำมาฝาหม้อมาปิด ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ใช้ช้อนตักขนมออก ใส่จานพร้อมทานได้เลย
ขนมครก

จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับการทำขนมครก สูตรขนมไทย โบราณทำเองอย่างง่ายๆ ที่มีรสชาติหวาน และหอมกลิ่นกะทิละมุน พร้อมเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบของข้าวโพด และเผือก อีกทั้งขนม ครกยังมีสีสันสวยงามชวนทานอีกด้วย ถ้าใครทำขนมคล่องแล้วสามารถลองทำขายสร้างรายได้ สร้างกำไรได้ดีเลยทีเดียว

บอกเทคนิคลับทำ ขนมครก ไม่ติดกระทะ เนื้อแป้งนุ่มนิ่ม สวยงาม 

ขนมครก

อย่างไรก็ตามการทำขนมครกด้วยตัวเองมักจะเจอปัญหาขนมครกติดกระทะ และแกะยากมาก ทำให้หลายคนไม่อยากทำขนมอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงจะมาแชร์เทคนิคทำขนม ไทย ง่ายๆ อย่าง ขนมครกไม่ให้ติดกระทะ โดยเริ่มจากนำกระทะมาตั้งเตาให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชให้ท่วม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วเทน้ำมันพืชออกจะช่วยให้แป้งไม่ติดกระทะนั่นเอง ต่อมาในขั้นตอนเตรียมแป้งให้ผสมกับน้ำปูนใสด้วยจะทำให้เนื้อขนมมีความนุ่มนิ่มมากยิ่งขึ้น และเมื่อหยอดน้ำแป้งลงไปแล้วให้ตามด้วยน้ำกะทิทันที เพื่อให้ส่วนผสมทั้งสองติดกันได้ดีมากขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขอแนะนำสูตรขนม กรอบเค็ม ขนมแป้งบางกรอบโบราณ แสนอร่อย

กรอบเค็ม

มาต่อกันที่ขนมไทยกรุบกรอบ หนึ่งในขนมที่เด็กๆ ทุกยุคทุกสมัยชอบทานเป็นอย่างมาก และนั่นก็คือ ขนม กรอบเค็ม แป้งบางกรอบรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสุดคิ้วท์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของกลิ่นหอมของสามเกลอ และรสชาติหวาน เค็มที่แสนจะอร่อยเคี้ยวได้ฟินทุกชิ้น เรียกได้ว่าขนมกรอบเค็ม คือ ขนมแป้งกรอบที่อร่อยทานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ อีกทั้งขนมชนิดนี้ยังมีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากมากนัก ดังนั้นใครที่ต้องการทำขนมกรอบเค็มไว้ให้คนในครอบครัวทานเล่นๆ เรามีสูตร และวิธีทำขนมกรอบเค็ม แป้งกรอบมาให้ได้ทำตามเล่นๆ ที่บ้านด้วยนะ 

แจกวิธีทำขนม กรอบเค็ม เนื้อแป้งกรุบกรอบ รสชาติอร่อยครบเครื่อง

กรอบเค็ม

กรอบ เค็ม เป็นอีกหนึ่งขนมชาววังที่อร่อยที่สุด แถมความอร่อยนี้ยังโดดเด่นไม่เหมือนขนมชนิดอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพาสายขนมไทย โบราณมาลองทำสูตร กรอบเค็ม แป้งบางกรอบทานเล่นๆ กันบ้างหลังจากที่ไม่ได้ทำขนมไทยมานานมาก ซึ่งส่วนประกอบของขนมก็ไม่มีอะไรมาก คนที่เป็นมือใหม่อยากทำขนมด้วยตัวเองสามารถทำตามสบายมากๆ ที่สำคัญยังสามารถนำไปขายสร้างอาชีพได้ปังสุดๆ อีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมทำแป้ง

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 300 กรัม
  2. กะทิ 100 กรัม
  3. น้ำปูนใส 1 ช้อนตวง
  4. น้ำมันพืช 2 ½ ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือปุ่น ¼ ช้อนโต๊ะ
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
กรอบเค็ม

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมทำน้ำเชื่อม

  1. น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม
  2. พริกไทยขาว 2 ช้อนชา
  3. กระเทียมไทย 2 ช้อนชา
  4. รากผักซี 5 ราก
  5. น้ำเปล่า 3 ช้อนตวง
  6. แบะแซ 50 กรัม
  7. น้ำเปล่า 1 ช้อนชา
  8. เกลือ ½ ช้อนชา

ในส่วนของการทำขนมกรอบเค็มจะแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนผสมของแป้ง และส่วนผสมของน้ำเชื่อมเคลือบขนมกรอบ เค็มจะช่วยให้ขนมมีรสชาติหวานอร่อยมากขึ้น ในลำดับต่อมาก็จะเป็นส่วนที่ทุกคนรอคอยกับวิธีการทำกรอบเค็มขนม ไทย ง่ายๆ ที่สามารถทำตามได้ทุกคน 

กรอบเค็ม
  1. นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ และเกลือป่นมาร่อนใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ทำเป็นหลุมตรงกลางแล้วใส่ไขไก่ลงไป ตามด้วยหัวกะทิ น้ำมันพืช น้ำปูนใส ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน ใช้มือแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใช้ผ้าขาวบางคลุมแป้งไว้ประมาณ 15 นาที 
  2. นำกระเทียม พริกไทย รากผักซีมาโขลกให้ละเอียดเตรียไว้ก่อน จากนั้นนำแป้งที่ผสมแล้วมาคลึง และตัดเป็นชิ้นเล็กๆ รีดแป้งให้เท่ารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หลังจากนั้นมาเตรียมกระทะ ใส่น้ำมันลงไป ใช้ปานกลาง นำแป้งลงไปทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมัน 
  3. นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันเล็กน้อย ตามด้วยสามเกลอ ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไป ตามด้วยน้ำเปล่า เคี่ยวส่วนผสมให้เหนียวขึ้น ลดไฟอ่อนๆ ใส่แป้งทอดคลุกเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็นตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
กรอบเค็ม

วิธีทำขนมกรอบเค็มที่เรานำมาแชร์นั้นจะเห็นว่าทำตามได้ไม่ยากเลย ดังนั้นหากใครอยากลองทำทานเองก็ทำตามได้เลย แถมขนมกรอบเค็มยังเป็นขนมไทย ทำเองที่สามารถทำขายออนไลน์ในช่วงว่างๆ ได้อีกด้วย

แชร์ขนม กรอบเค็ม ขนมชาววัง สูตรเส้นพาสต้า ทำง่าย กรอบ อร่อย 

กรอบเค็ม

หากใครที่ชอบทานเส้นพาสต้าเป็นประจำ และเบื่อเมนูเดิมๆ วันนี้เรามาแชร์เมนูขนมกรอบเค็ม เส้นพาสต้า สูตร ขนม ไทยประยุกต์ แป้งกรุบกรอบ ซึ่งส่วนผสม และวิธีทำก็สามารถทำตามสูตรต้นตำรับได้เลย แต่จะมีการเพิ่มเส้นพาสต้าได้ตามใจชอบ ต่อมาผสมแป้งสาลีกับเส้นพาสต้า นำไปทอดให้เหลืองกรอบ และมาคลุกกับน้ำเชื่อม ตามด้วยสามเกลอผัดหอมๆ รอให้ขนมเย็นแล้วนำมารับประทานได้ เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมกรอบเค็มเส้นพาสต้าที่ถือว่าเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ อีกหนึ่งเมนูที่สามารถทานได้ทั้งครอบครัว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

แจกสูตรขนม กล้วยทอด โบราณ แป้งกรอบ กล้วยเนื้อนุ่มนิ่มกำลังดี

กล้วยทอด

กล้วยนอกจากจะสามารถทานได้เลยแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นขนมหวานได้ด้วย และเมนูกล้วยที่ได้รับความนิยมคือ กล้วยทอด แป้งกรุบกรอบ เคี้ยวมัน เคี้ยวเพลิน ทานได้ทั้งวัน ซึ่งการทอดกล้วยให้กรอบนั้นขึ้นอยู่กับการผสมแป้งให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมจะทำให้แป้งกรอบนานขึ้น ว่าแต่ขนมกล้วยทอดใช้แป้งอะไรดี แนะนำให้ใช้แป้งทอดกรอบโกกิจะช่วยให้กล้วยกรอบนาน ที่สำคัญแป้งยี่ห้อนี้สามารถหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพงอีกด้วย ดังนั้นหากบ้านไหนที่กำลังหาสูตรขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ต้องลองทำขนมกล้วยทอดรับรองว่าอร่อยติดใจอย่างแน่นอน 

เผยขั้นตอนทำขนม กล้วยทอด สูตรโบราณ แป้งกรอบนาน ไม่อมน้ำมัน 

กล้วยทอด

กล้วยสามารถนำมาทำขนมหวานได้หลากหลายเมนู แต่มีหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมตลอดกาลอย่างกล้วยทอด เป็นขนม หวาน ไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีรสชาติหวานที่ออกมาจากกล้วย และมีแป้งกรุบกรอบ หอมกลิ่นงาละมุนละไม หากได้ลองทานเคี้ยวมันจนหยุดทานไม่ได้เลยทีเดียว ในส่วนของวิธีทำขนมชนิดนี้ค่อนข้างทำได้ง่ายๆ โดยวัตถุดิบ และส่วนผสมกล้วยทอดมีเพียง กล้วย กับแป้งก็สามารถทำได้แล้ว ดังนั้นหากใครมีกล้วยเหลือทานสามารถนำมาทำกล้วยทอดได้สบายมาก 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม 

กล้วยทอด
  1. กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี
  2. น้ำตาลทราย 120 กรัม
  3. แป้งทอดกรอบ 120 กรัม
  4. งาขาว 30 กรัม
  5. หัวกะทิ 150 กรัม
  6. น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ใบเตย ¼ ช้อนโต๊ะ
  8. เนื้อมะพร้าวขูด 60 กรัม
  9. ใบเตย 2 ใบ

ขนมกล้วยทอด เป็นขนมที่ใช้กล้วยน้ำว้าห่ามๆ จะทำให้รสชาติของขนมมีความอร่อยกำลังพอดี ผสมผสานกับมะพร้าวขูดกรุบกรอบเข้ากันได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธี ทํา กล้วยทอด สูตรโบราณสามารถทำตามได้ดังนี้

กล้วยทอด
  1. ขั้นตอนนำกล้วยน้ำว้ามาปอกเปลือก หั่นเป็นแนวยาว ให้ได้ความหนาพอดีประมาณ 1 เซนติเมตร ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ พักไว้ก่อน
  2. ต่อมานำแป้งทอดกรอบ และหัวกะทิใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อคนส่วนผสมที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปูนใสลงไปตีแป้งให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ คนจนกว่าน้ำตาลจะลายดี สุดท้ายใส่งาขาว มะพร้าวขูด คนส่วนผสมให้เข้ากัน
  3. เมื่อเตรียมส่วนผสมต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นการทอดกล้วย โดยเริ่มจากนำหม้อกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟปานกลาง นำกล้วยที่หั่นเตรียมไว้มาชุปแป้งที่เตรียมไว้ นำมาทอดทีละชิ้น เสร็จแล้วใส่ใบเตยลงไป ทอดกล้วยให้เหลืองกรอบ ใช้กระชอนตักกล้วยขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานแล้วทานได้
กล้วยทอด

ขนมกล้วยทอดหากใส่มะพร้าวขูดลงไปด้วยจะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่อร่อยกรุบกรอบ และหอมกลิ่นมะพร้าวอ่อนๆ ด้วย แต่เนื้อมะพร้าวที่ใช้ต้องเป็นมะพร้าวทึนทึกที่มีความหอมมันกำลังดี นอกจากนี้สูตร กล้วยทอดไม่อมน้ำมันในขั้นตอนการทอดกล้วยตามแบบฉบับขนมไทย ทำเองที่บ้านจะต้องรอให้น้ำมันร้อนจัดจะทำให้กล้วยทอดที่ได้ไม่อมน้ำมันนั่นเอง 

รู้หรือไม่! กล้วยทอดโบราณ กรุบกรอบ แสนอร่อย มีประโยชน์มากมาย 

กล้วยทอด

กล้วย ทอด ขึ้นชื่อว่าเป็นสูตร ขนม ไทยชาววังที่มีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบหวานละมุนชวนทาน อีกทั้งขนมกล้วยทอดยังเป็นอีกหนึ่งเมนูขนมแปรรูปที่มีความอร่อยทานซ้ำได้แบบไม่มีเบื่อ แถมขั้นตอนการทำขนม ไทย ง่ายๆ อย่าง ขนมกล้วยทอด ถือว่าทำง่ายสุดๆ และใช้เวลาไม่นานอีกด้วย ที่สำคัญกล้วยน้ำว้ายังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก โพแทสเซียม คาร์ไบไฮเดรต โปรตีน วิตามินบี 6, 12 มีส่วนช่วยให้ร่างกายสุขภาพแข็งแรง ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง และลดความดันโลหิตสูง เป็นต้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

บอกสูตรลับ มันเชื่อม เนื้อแน่น รสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นกะทิสด

มันเชื่อม

มันเชื่อม เป็นเมนูขนมไทยที่ชาวบ้านชอบทานกันมากที่สุด เพราะวัตถุดิบในการทำขนมนั้นสามารถหาได้ตามสวนหลังบ้าน ซึ่งสูตรของมันเชื่อมที่ทานกันจะเป็นสูตรมันสำปะหลังเชื่อม และมันเทศเชื่อมเนื้อนิ่ม หวานฉ่ำ อร่อยกำลังดี แต่สำหรับสูตรขนมที่นิยมอยู่ตอนนี้จะเป็นมันเทศเชื่อม โดยส่วนใหญ่จะทำเป็นเมนูมันเชื่อมลูกเต๋าทานคู่กับน้ำแข็งใสขนมหวานคลายร้อนอร่อยชื่นใจ ที่สำคัญขนมมันเทศเชื่อมสามารถทำทานเองที่บ้านได้อีกต่างหาก

วิธีทำเมนูขนมหวาน มันเชื่อม สูตรมันเทศ หวานจัดจ้าน อร่อยชื่นใจ 

มันเชื่อม

หากพูดถึงขนมหวานที่สามารถทานคู่กับขนมชนิดอื่นๆ ได้ต้องยกให้มันเชื่อม เป็นขนมหวาน ขนมไทย โบราณชาววังที่มาพร้อมกับความหวานละมุน ราดด้วยน้ำกะทิสดหน้าตาน่าทานมากเลยทีเดียว แถมยังสามารถทานคู่กับเมนูเย็นๆ อย่างไอศครีมได้อร่อยอย่างลงตัวสุดๆ สำหรับขนมมันเชื่อมราดกะทิมีหลากหลายสูตร แต่วันนี้เราจะมาทำสูตรมันเทศเชื่อมหวานฉ่ำๆ แสนอร่อย ในส่วนวัตถุดิบสามารถหาซื้อได้ดังนี้

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมมันเทศเชื่อม

มันเชื่อม
  1. มันเทศ 500 กรัม
  2. น้ำตาลปิ๊บ 100 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  4. น้ำมะนาว ½ ช้อนชา
  5. เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปูนใส 1 ลิตร
  7. ใบเตย 2 ใบ
  8. น้ำสะอาด 500 กรัม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของน้ำกะทิราดขนม

  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
  2. เกลือ 1 ช้อนชา
  3. กะทิ 300 กรัม

การทำขนมมันเชื่อม สูตรมันเทศจะใช้น้ำปูนใสในการแช่มันเทศ เพื่อให้มันเทศมีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ พร้อมทำให้มันเทศคงรูปร่างสวยงามน่าทานมากยิ่งขึ้น ในลำดับต่อมาจะเป็นการเชื่อมมันเทศง่ายๆ ในแบบขนมไทย ทำเองที่บ้านดังต่อไปนี้ 

มันเชื่อม
  1. นำมันเทศที่ซื้อมาจากตลาดมาล้างทำความสะอาด จากนั้นปอกเปลือกออก และล้างทำความสะอาดอีกครั้ง เสร็จแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ตามใจชอบ 
  2. นำมันเทศที่หั่นเรียบร้อยแล้วมาแช่ในน้ำเกลือประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง เสร็จแล้วนำมาแช่ในน้ำปูนใสใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที เสร็จแล้วนำมาล้างน้ำสะอาดให้เรียบร้อย 
  3. นำหม้อมาตั้งเตา ใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำตาลปิ๊บ น้ำตาลทราย น้ำสะอาด และใบเตย คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตามด้วยมันเทศที่เตรียมไว้ เคี่ยวไปเรื่อยๆ พร้อมใส่น้ำมะนาวลงไปด้วย เมื่อน้ำตาลงวดลงไป ปิดเตาได้เลย
  4. ในลำดับถัดมาจะเป็นการทำน้ำกะทิราด โดยเริ่มแรกนำกะทิเทใส่หม้อ ตามด้วยแป้งข้าวเจ้า คนให้เข้ากัน ใส่เกลือ คนสักพัก ปิดไฟได้เลย จากนั้นตักมันเชื่อมใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ พร้อมทานได้
มันเชื่อม

สำหรับมันเชื่อม สูตรมันเทศเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ใช้เวลาทำไม่นาน และที่สำคัญทำออกมาแล้วหน้าตาสวยงามชวนทาน ในส่วนของรสชาติต้องบอกเลยว่าอร่อย หวานมัน หอมกลิ่นกะทิสดละมุนละไม จนต้องตักทานอีกสักถ้วยเลยทีเดียว

แนะนำขนม มันเชื่อม มันสำปะหลัง 5 นาที รสชาติหวาน มัน 

มันเชื่อม

มาต่อด้วยสูตรขนมหาทานยากอย่าง มัน เชื่อม สูตรมันสำปะหลัง 5 นาที ซึ่งต้องบอกเลยว่าสูตร ขนม ไทยอย่างมันสำปะหลัง 5 นาที ค่อนข้างหาซื้อทานยากมาก แต่ใช่ว่าจะทำทานเองไม่ได้ ซึ่งส่วนผสม และวัตถุดิบจะใช้เหมือนกับสูตรมันเทศเชื่อม แต่จะมีการเปลี่ยนจากมันเทศเป็นมันสำปะหลัง 5 นาที จากนั้นเข้าสู่วิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ โดยนำส่วนผสมทั้งหมดใส่หม้อเคี่ยวจนกว่าน้ำตาลจะงวดลง เสร็จแล้วตักขนมใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ พร้อมชิมความอร่อยได้แบบไม่อั้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สูตรขนม ตะโก้เผือก โบราณ แป้งนุ่ม หวานอร่อย หอมกลิ่นเผือก

ตะโก้เผือก

ในสมัยเด็กๆ คุณยายมักชอบทำขนมให้ทานอยู่บ่อยครั้ง และหนึ่งในนั้นคือ ตะโก้เผือก ใส่กระทงใบตองขนาดเล็กที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อขนมส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ซึ่งขนมตะโก้เผือก ประวัติมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามีการคิดค้นสูตรขนมตะโก้ที่มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย น้ำกะทิ เผือก นอกจากนี้ยังเพิ่มส่วนผสมเพิ่มเติมอย่าง ถั่วแดง มะพร้าวอ่อน เพื่อเพิ่มความหวานหอมให้ตะโก้ขนม โบราณชวนทานมากยิ่งขึ้น 

ขั้นตอนทำขนม ตะโก้เผือก กระทงใบตอง เนื้อแน่น หอมนุ่ม ละลายในปาก 

ตะโก้เผือก

วันนี้เราจะมาเอาใจสายหวานที่ชอบทานขนมโบราณชาววังกันบ้าง รับรองว่าหากทุกคนได้เห็นแล้วต้องตามหามาทานอย่างแน่นอน นั่นก็คือ ตะโก้ เผือก ขนมที่มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่หวานนุ่มลิ้น แป้งเหนียวหนับละลายในปากที่มาพร้อมกับกลิ่นเผือกหอมอบอวล นอกจากนี้ขนมตะโก้เผือกโบราณมีรูปลักษณ์สื่อถึงขนม หวาน ไทยได้เป็นอย่างดี แถมวิธีทำก็สามารถทำได้ง่ายๆ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ดังนั้น ใครที่อยากลองทำขนมทานเอง เรามีสูตรตะโก้เผือกชาววังมาให้ได้ทำตามด้วย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ตะโก้เผือก
  1. แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
  2. แป้งมัน 1 ถ้วยต้วง
  3. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
  4. เผือก 1 ถ้วยตวง
  5. แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง
  6. เกลือ 1 ช้อนชา
  7. หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
  8. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  9. น้ำเปล่า 1 ลิตร

ในส่วนการทำขนมตะโก้เผือกตามสูตร ขนม ไทยต้องใช้น้ำกะทิคั้นสดเข้มข้นจะทำให้ขนมมีกลิ่นหอมละมุนมากขึ้น หลังจากที่ได้วัตถุดิบครบแล้ว เราจะลงมือทำขนม ไทย ง่ายๆ อย่างตะโก้เผือกได้เลย

ตะโก้เผือก
  1. ขั้นตอนแรกนำเผือกมาล้างทำความสะอาดปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ยกออกจากเตาพักไว้ก่อน
  2. นำหม้อมาตั้งเตาใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และน้ำเปล่า ลงไปกวนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลทราย กวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนได้เนื้อแป้งที่ใสข้นหนืด จากนั้นใส่เผือกลงไป ผสมกับแป้ง กวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อทุกอย่างได้ที่แล้วนำ เปิดไฟ ยกออกจากเตา ตักขนมใส่กระทงใบตองที่เตรียมไว้
  3. ต่อมาทำน้ำราดขนม โดยเริ่มจากนำหัวกะทิ หางกะทิ เกลือ แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย และแป้งมันผสมให้เข้ากันให้ละลาย นำไปตั้งเตาใช้ไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดจะละลายเป็นเนื้อเดียวกัน หลังที่ส่วนผสมหนืดเหนียวแล้ว ปิดเตา ได้เลย 
  4. นำน้ำกะทิที่เตรียมไว้มาราดบนหน้าขนมที่เตรียมไว้ รอให้ขนมเซตตัวสักพัก พร้อมนำมาเสิร์ฟให้คนในครอบครัวลองทานได้
ตะโก้เผือก

เป็นอันเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการแล้วกับฝือมือการทำขนมตะโก้เผือก รสชาติหวาน มัน พร้อมเนื้อเผือกหนึบหนับแบบจัดเต็ม สำหรับคนไหนชอบขายขนมไทยอยู่แล้ว อยากให้ลองทำขนมตะโต้แสนอร่อยขาย เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว วิธีทำก็ง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานอีกด้วย หรือหากอยากเพิ่มส่วนผสมให้ขนมชวนทานกว่านี้แนะนำให้ใส่มะพร้าวอ่อนลงไปด้วย จะได้สูตรตะโก้เผือกมะพร้าวอ่อน เนื้อกรุบกรอบขายดิบขายดีเลยทีเดียว

เทคนิคทำตะโก้เผือก เนื้อแป้งเหนียวหนึบ เนียนใส สีสวย ชวนทาน

ตะโก้เผือก

ถึงแม้ว่าขนมตะโก้เผือกจะเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แต่การทำขนมตะโก้ฉบับขนมไทย ทำเองจะต้องทำแป้งขนมให้เนียนใส เหนียวหนึบ ซึ่งเรามีเทคนิคเล็กน้อย โดยขั้นตอนการต้มแป้งจะต้องกวนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้แป้งติดก้นหม้อ ส่งผลให้แป้งไหม้ และเหม็นกลิ่นไหม้อีกด้วย และถ้าอยากให้เนื้อแป้งหอมสามารถใช้น้ำลอยดอกมะลิแทนน้ำเปล่าได้เลย อีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้ขนมอร่อย นั่นก็คือ ขั้นตอนการกวนน้ำราดกะทิอย่าใช้ไฟแรง แต่ควรใช้ไฟอ่อนเคี่ยวไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเริ่มเหนียวหนืดก็สามารถใช้ได้แล้ว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ปักหมุด! สูตรขนม เต้าส่วน ขนมหวาน แป้งใส เหนียวหนืด น้ำกะทิเข้มข้น

เต้าส่วน

สำหรับขนมวัยเด็กที่มีขายตามงานเทศกาลต่างๆ มากที่สุดคงต้องยกให้ขนม เต้าส่วน ขนมอร่อย และราคาไม่แพงสามารถหาซื้อทานได้ง่าย นอกจากนี้ขนมเต้าส่วนถั่วเหลืองยังเป็นขนมที่มีให้เห็นตามงานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ในสมัยอดีตอีกด้วย เพราะว่าขนมไทย โบราณชนิดนี้ทำง่าย และมีส่วนปะกอบเพียงน้อยนิด ใช้เวลาไม่นานจึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นขนมที่สามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปทานที่ร้านก็สามารถทานขนมแสนอร่อยได้ง่ายๆ ที่บ้าน 

วิธีทำขนมหวาน เต้าส่วน ขนมวัยเด็ก น้ำแป้งข้นหนืด หวานอร่อย

เต้าส่วน

เต้า ส่วน เป็นขนมไทยที่ทานมาตั้งแต่สมัยวัยเด็ก และยังเป็นขนมที่มีรสชาติอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งในปัจจุบันขนมชนิดนี้มีหลากหลายสูตร และสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เต้าส่วนทรงเครื่องที่มีการใส่เผือก เม็ดบัว เม็ดแปะก๊วย เพื่อเพิ่มรสชาติของขนมให้มีความหลากหลายน่าทานมากยิ่งขึ้น ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาย้อนวัยเด็กด้วยการทำขนมเต้าส่วนถั่วเหลืองสูตรขนมไทย ทำเองง่ายๆ ไม่ยาก แถมทำออกมารสชาติเหมือนที่ทานในวัยเด็กเลยทีเดียว 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

เต้าส่วน
  1. แป้วท้าวยายม่อม 5 ช้อนโต๊ะ
  2. ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 400 กรัม
  3. กะทิกล่องสำเร็จรูป 400 กรัม
  4. แป้งข้าวเจ้าผสมน้ำกะทิ ½ ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือ 2 ช้อนชา
  6. ใบเตย 4 ใบ
  7. น้ำเปล่า 2 ลิตร

ขนมหวานเต้าส่วน ถือว่าเป็นขนมที่สามารถใส่ส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบกะทิกล่องสำเร็จรูปแทนกะทิสดได้ เพราะกะทิกล่องมีความหอมอร่อยเหมือนกะทิคั้นสดใหม่เลยทีเดียว แถมยังสะดวกสบายไม่ต้องมานั่งปอกมะพร้าวเองด้วย และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาทำขนมเต้าส่วน กะทิกล่องหอมอร่อยกันเลย 

เต้าส่วน
  1. นำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกมาล้างทำความสะอาดประมาณ 2- 3 รอบ จากนั้นแช่ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากที่ครบกำหนดเวลาให้ทำการเทน้ำออก นำหม้อมาตั้งเตาใส่น้ำเปล่าที่เตรียมไว้ ใช้ไฟแรง รอให้น้ำเดือด นำถั่วเขียวที่เตรียมไว้มานึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  2. นำแป้งท้าวยายม่อมเทลงไปภาชนะที่เตรียมไว้ ตามด้วยน้ำเปล่า คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำหม้อมาตั้งเตา ใส่น้ำเปล่า ใช้ไฟปานกลาง รอให้น้ำเดือด ใส่น้ำตาล คนให้ละลายประมาณ 3 นาที ใส่ใบเตยลงไป รอให้น้ำเดือด จากนั้นเทแป้งลงไป คนเรื่อยๆ อย่าให้แป้งติดก้นหม้อ จนกว่าน้ำแป้งจะข้นหนืด ใส่ถั่วเขียวซีกนึ่งลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน ปิดไฟ พักไว้ก่อน
  3. นำน้ำกะทิ ใส่หม้อนำ ตามด้วยเกลือ นำไปเคี่ยวให้ร้อน แต่ไม่เดือด จากนั้นใส่แป้งที่ผสมกับน้ำกะทิเทลงไปในหม้อ เพื่อให้กะทิมีความหนืดมากขึ้น พอส่วนผสมเดือดดีแล้วให้ยกหม้อออกจากเตา ต่อมาให้ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เต้าส่วน

สำหรับขนมเต้าส่วน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขนม ไทย ง่ายๆ ทำได้เองที่บ้าน และวิธีทำเต้าส่วนไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด อีกทั้งวัตถุดิบยังสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าใกล้บ้าน อีกทั้งขนมเต้าส่วนโบราณ รสชาติหวานอร่อย ยังสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการของคนในครอบครัวอีกด้วย หรือจะทำไปฝากเพื่อนบ้านเพื่อสร้างมิตรภาพให้แก่กันก็ได้เช่นกัน

รวมเทคนิคลับทำ เต้าส่วนรสชาติหวานละมุน ถั่วเขียวซีกนุ่มนิ่มกำลังดี 

เต้าส่วน

สำหรับขนมเต้าส่วน เมนูขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ให้อร่อย เนื้อถั่วเขียวนุ่มนิ่มตามสูตร ขนม ไทยโบราณจะต้องนำถั่วเชียวซีกไปล้างทำความสะอาดจนกว่าน้ำจะใส จากนั้นทำการแช่ถั่วเขียวไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ถั่วนุ่มนิ่มขึ้น หากใช้เวลาแช่ถั่วน้อยไปถั่วจะแข็ง จากนั้นนำไปนึ่งให้สุกประมาณ 30 นาที จะได้ถั่วเขียวซีกที่นุ่มหนึบหนับ เมื่อนำมาผสมกับน้ำแป้งจะทำให้ขนมเต้าส่วนมีความนุ่มละมุนกำลังดีตามฉบับขนม หวาน ไทยชาววัง 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ที่สุดของความอร่อย! สูตรขนม ไข่นกกระทา หลากสี กรอบนอกนุ่มใน

ขนม ไข่นกกระทา

ขนม ไข่นกกระทา เรียกได้ว่าเป็นขนมที่ส่วนผสมเพียงน้อยนิด แต่มีรสชาติที่โดดเด่น อีกทั้งเนื้อสัมผัสของขนมมีความนุ่มกรุบกรอบ หากได้ลองทานสักชิ้นรับรองว่าอร่อยติดใจอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีหลายคนสงสัยว่าขนมไข่นกกระทาใช้แป้งอะไรถึงจะอร่อย สำหรับขนมไข่นกระทาจะใช้แป้งมัน ผสมกับแป้งสาลี หรือบางสูตรจะใช้แป้งข้าวเหนียวผสมกับมันเทศ ทำให้ขนมมีกลิ่นขนมมันเทศอ่อนๆ เมื่อนำไปทอดเนื้อแป้งจะเบาบางน่าทานสุดๆ อีกทั้งขนมไข่นกกระทายังสามารถคงความกรอบได้นาน และรสชาติยังคงความอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เปิดขั้นตอนการทำ ขนม ไข่นกกระทา ทอดกรอบ ทำง่ายๆ สไตล์มือใหม่ 

ขนม ไข่นกกระทา

อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่อยากแนะนำให้ทานอย่างขนม ไข่นกกระทา คือขนมไทยโบราณที่สามารถหาทานได้ง่ายๆ แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย นอกจากนี้รสชาติอร่อยสามารถทานได้ตลอดเวลา หากใครเป็นคนที่ทานข้าวไม่เป็นเวลาสามารถทานขนมชนิดนี้รองท้องทำให้อิ่มนานไม่หิวระหว่างวัน นอกจากนี้ขนมไข่นกกระทาทอดยังมีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ แต่มาพร้อมกับความอร่อยไม่มีเบื่อ สำหรับคนที่อยากลองทำไข่นกกระทาขนมแสนอร่อยไว้ขายออนไลน์ เรามีสูตรทอดไข่นกกระทาขายง่ายๆ สามารถทำตามได้สบายมาก

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ขนม ไข่นกกระทา
  1. มันเทศ 400 กรัม
  2. แป้งสาลี 150 กรัม
  3. แป้งมัน 40 กรัม
  4. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  5. ผงฟู ½ ช้อนชา
  6. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ

ในสูตรขนม ไข่นกกระทาที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะใช้มันเทศเป็นผสมกับแป้ง ทำให้ขนมมีสีเหลืองสวยงาม แต่ถ้าใครชอบสีม่วงสามารถใส่มันม่วงแทนมันเทศได้เลย หรือจะทำทั้งสองสีก็ได้ตามใจชอบ และต่อมาจะเป็นวิธีทำไข่นกกระทา โบราณตามฉบับมือใหม่ทำได้แน่นอน

ขนม ไข่นกกระทา
  1. เริ่มแรกจะเป็นขั้นตอนการนำมันเทศมาล้างทำความสะอาด และปลอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปนึ่งให้สุกด้วยไฟแรงประมาณ 20 นาที เสร็จแล้วให้มันนึ่งมาบดผ่านตะแกรงให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเนียนสวย 
  2. ขั้นตอนต่อมา ให้นำแป้งมัน และแป้งสาลีอเนกประสงค์มาเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตามด้วยผงฟู น้ำตาลทราย และเกลือป่น พร้อมด้วยมันบดละเอียด ทำการนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใข้มือปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่ากัน นำมาพักไว้ในถาดขนม
  3. นำกระทะมาตั้งเตาใส่น้ำมันพืชที่เตรียมไว้ลงไปในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง หลังจากที่น้ำมันร้อนให้ใส่แป้งที่เตรียมไว้ลงไป ทอดจนกว่าแป้งมีสีเหลืองกรอบ เสร็จแล้วตักขึ้นมาพักไว้ให้เย็น จัดใส่จานให้สวยงาม นำไปเสิร์ฟ หรือขายได้เลย
ขนม ไข่นกกระทา

ขนม ไข่นกกระทาทอดกรอบเสร็จใหม่จะยังร้อนๆ ต้องรอให้ขนมเย็นก่อนแล้วค่อยรับประทาน ซึ่งรสชาติของขนมต้องบอกเลยอร่อยมาก ส่วนเนื้อแป้งกรุบกรอบ และบางเบาเหมือนซื้อทานที่ร้านเลยทีเดียว ดังนั้นหากทำขนมไข่นกกระทาขายรับรองว่าขายดีแน่นอน

แชร์เคล็ดลับการทอดขนม ไข่นกกระทา แป้งฟูแน่น ไม่กลวง เคี้ยวเพลิน 

ขนม ไข่นกกระทา

การทำขนม ไข่นกกระทาให้อร่อยตามฉบับขนมไทยสูตรดั้งเดิมสามารถทำได้ง่าย โดยก่อนที่จะนำแป้งลงทอดในน้ำมันควรใส่ใบเตยลงไปทอดในน้ำมันก่อน เพื่อให้ขนมมีกลิ่นหอมลดกลิ่นของน้ำมันได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่งเคล็ดในการทอดขนมไทย ง่ายๆ ไม่อมน้ำมัน ในขั้นการทอดเริ่มแรกจะต้องใช้ไฟอ่อนๆ และในระหว่างที่ทอดควรใช้กระชอนกดขนมแรงๆ เพื่อให้แป้งสุก และกรุบกรอบ จากนั้นเร่งไฟตอนท้าย เพื่อไล่น้ำมันออก เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมที่อร่อยไม่อมน้ำมัน และมีกลิ่นหอมยั่วยวนใจ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สูตรลับ ข้าวเหนียวปิ้ง รสกลมกล่อม ข้าวเหนียวนุ่มละมุน หอมกลิ่นใบตอง

ข้าวเหนียวปิ้ง

ข้าวเหนียวปิ้ง ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่ชาวบ้านในสมัยก่อนนิยมทำทานในครอบครัวประจำ เพราะเป็นขนมที่ทำจากข้าวเหนียวเป็นส่วนประกอบหลัก จึงมักจะทำไว้ทานเป็นเมนูรองท้องก่อนออกไปทำไร่ทำนา นอกจากนี้ยังมีทำขายตามท้องตลาดอีกด้วย ที่สำคัญข้าวเหนียว ปิ้งยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ เหมาะสำหรับทำทานในช่วงหน้าหนาวช่วยให้คลายหนาวได้เป็นอย่างดี แถมยังได้ผิงไฟเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย และเป็นการทำขนมที่สร้างบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขของคนในครอบครัวอีกด้วย 

วิธีทำ ข้าวเหนียวปิ้ง สูตรโบราณ หวานกำลังดี มือใหม่ทำได้ง่ายๆ 

ข้าวเหนียวปิ้ง

สำหรับใครที่กำลังมองหาขนมทานเล่นอยู่ตอนนี้ ต้องไม่พลาดกับขนมหวานข้าวเหนียวปิ้ง หวาน มัน เค็ม อร่อยกลมกล่อม หอมกลิ่นใบตองปิ้งอ่อนๆ กำลังดี ส่วนเนื้อขนมมีความเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลิน โดยขนมชนิดนี้มีหลากหลายสูตร แต่ที่นิยมกันมากที่สุดจะเป็นข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย และข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือกที่มีกลิ่นหอมอบอวลชวนทานไม่น้อย เรียกได้ว่าขนมปิ้งอร่อยจนต้องทำทานเองเลยทีเดียว ในส่วนของวิธีทำขนมข้าวเหนียวปิ้งสูตร ขนม ไทยโบราณได้อย่างง่าย ไม่ซับซ้อน คนไหนสนใจทำทานเองก็สามารถทำตามได้ดังนี้

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมขนมปิ้งไส้เผือก

ข้าวเหนียวปิ้ง
  1. ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
  2. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
  3. กะทิ 2 ถ้วยตวง
  4. กล้วยน้ำว้าสุก 4-5 ลูก
  5. ใบตอง 5 ใบ
  6. เกลือป่น ½ ช้อนชา

วัตถุดิบ และส่วนผสมของไส้เผือก

ข้าวเหนียวปิ้ง
  1. เผือกนึ่งสุก 1 หัวใหญ่
  2. นมข้นจืด ¼ ถ้วยตวง
  3. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  4. ข้าวเหนียวขาว 400 กรัม
  5. น้ำตาลปิ๊บ 1 ถ้วยตวง

สำหรับสูตรข้าวเหนียวปิ้งที่ทำในวันนี้จะเป็นสูตรไส้เผือก และกล้วยน้ำว้า ซึ่งวัตถุดิบทั้งสองชนิดสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป และที่สำคัญเป็นไส้ที่นำมาผสมกับข้าวเหนียวได้อร่อยลงตัวที่สุด ในส่วนข้าวเหนียวปิ้งขนมไทย ทำเองนั่นไม่ยาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ข้าวเหนียวปิ้ง
  1. นำข้าวเหนียวมาล้างด้วยน้ำสะอาดประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นนำมาแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน เสร็จแล้วนำข้าวมานึ่งให้สุกโดยใช้ไฟปานกลาง ต่อมาให้มาเตรียมน้ำกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน หรือจนกว่าน้ำตาลจะละลายดี 
  2. นำข้าวที่นึ่งสุกแล้วมาใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้จากนั้นตามด้วยส่วนผสมของน้ำกะทิ ทำการมูลส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักทิ้งไว้ให้ข้าวดูน้ำประมาณ 30 นาที
  3. จากนั้นตักข้าวเหนียวมูนวางบนใบตอง ตามด้วยกล้วย หรือเผือกบด จากนั้นวางทับด้วยข้าวเหนียวมูนอีกครั้ง ม้วนใบตองเข้าหากันให้สวยงาม และใช้ไม้จิ้มฟันกลัดหัว และท้ายใบตอง นำไปปิ้งบนเตาถ่านให้มีกลิ่นหอม เสร็จเรียบร้อย
ข้าวเหนียวปิ้ง

ข้าวเหนียวปิ้ง สูตรขนมไทย โบราณที่ทำเสร็จแล้วหากทานตอนยังร้อนๆ อยู่จะมีรสชาติหวานละมุน หอมกลิ่นไส้เผือก และกล้วยน้ำว้าอร่อยฟินทุกคำ เรียกได้ว่าขนมข้าวเหนียวปิ้ง เป็นขนมที่ทำง่ายๆ มือใหม่ทำตามได้โดยไม่ต้องไปเรียนให้เสียเวลา แถมยังได้ทานขนมแสนอร่อยได้ตามใจชอบแบบไม่อั้น

แจกเคล็ดลับความอร่อย ข้าวเหนียวปิ้ง โบราณ ให้อร่อย ถูกใจทั้งครอบครัว

ข้าวเหนียวปิ้ง

ข้าวเหนียวปิ้งที่เราทำเองจะให้รสชาติอร่อย ข้าวนุ่มหอมละมุนตามสูตรขนมหวาน ขนม ไทย ง่ายๆ ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด โดยในขั้นตอนการทำข้าวเหนียวมูนจะต้องนำข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วมาผสมกับน้ำกะทิให้เข้ากัน จากนั้นพักข้าวเหนียวมูนไว้ประมาณ 30-40 นาที เพื่อให้น้ำกะทิซึมเข้าสู่เมล็ดข้าว ทำให้ข้าวมีความหอมและเม็ดเงางามมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ข้าวเหนียวนุ่ม เมื่อนำไปปิ้งเม็ดข้าวจะไม่แข็ง และเรียงเม็ดสวยงาม แถมยังส่งกลิ่นหอมอบอวลน่าทานสุดๆ ไปเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขนมชาววัง หมี่กรอบ สามรส กรอบอร่อย รสชาติเข้มข้น ไม่อมน้ำมัน

หมี่กรอบ สามรส

เส้นหมี่นอกจากจะนำมาทำเป็นเมนูอาหารแล้วยังมีการนำมาแปรรูปเป็นขนมได้ด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ หมี่กรอบ สามรส ที่มีความหอมกลิ่นน้ำมะขามเปียก รสชาติเข้มข้น และทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ นอกจากนี้หมี่กรอบยังเป็นเมนูขนมไทยโบราณที่ได้รับความนิยมมากๆ โดยเฉพาะสูตรหมี่กรอบทรงเครื่องโบราณจะมีความโดดเด่นของรสสัมผัสที่อร่อยครบรส และไม่อมน้ำมันอีกด้วย อีกทั้งหมี่กรอบยังสามารถพกพาไปทานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เพราะเป็นขนมที่มีน้ำหนักเบา และทานง่าย แถมยังทานได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นขนมทานรองท้องในระหว่างวันได้ดีเลยทีเดียว 

วิธีทำ หมี่กรอบ สามรส สไตล์โฮมเมค ทำง่าย ไม่อมน้ำมัน กลิ่นหอมชวนทาน 

หมี่กรอบ สามรส

หมี่กรอบสามรส เป็นเมนูขนมไทยที่กำลังมาแรง และเป็นนิยมในกลุ่มคนชอบทานขนมกรุบกรอบเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยรสชาติที่อร่อยครบรส และกลิ่นหอมของเส้นหมี่เหนียวกรุบกรอบอร่อยโดนใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ สำหรับบ้านไหนที่มีเส้นหมี่เป็นจำนวนมาก และไม่รู้จะทำเมนูอะไรทานดีที่สามารถทานได้ทุกวันแบบไม่มีเบื่อ วันนี้เรามีอีกหนึ่งสูตรเมนูขนมเส้นหมี่ที่สามารถทำทานได้ง่ายๆ อย่าง สูตรหมี่กรอบมะขามเปียกที่มีวิธีทำที่ง่ายๆ และไม่ซับซ้อน ว่าแล้วไปดูขั้นตอนการทำขนมเส้นหมี่ กรอบกันเลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

หมี่กรอบ สามรส
  1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  2. น้ำตาลทราย 130 กรัม
  3. น้ำตาลมะพร้าว 300 กรัม
  4. หอมแขกสับ 50 กรัม
  5. น้ำปลา 60 กรัม
  6. น้ำกระเทียมดอง 50 กรัม
  7. น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  8. ซอสพริก 100 กรัม
  9. น้ำมะขามเปียก 100 กรัม
  10. เส้นหมี่แห้ง 1 ห่อ
  11. ใบมะกรูดทอด ½ ถ้วยตวง
  12. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ½ ถ้วยตวง

เส้นหมี่ที่ใช้ทำขนมหมี่กรอบ สามรสสามารถใช้ยี่ห้อไหนก็ได้ และสามารถเพิ่มปริมาณเส้นหมี่ได้ตามความต้องการ ในส่วนของวัตถุดิบที่เป็นใบมะกรูดทอดหากไม่ชอบสามารถตัดออกได้เลย สำหรับขั้นตอนการทำหมี่กรอบให้อร่อยนั้น เรามีวิธีทำหมี่กรอบ ให้กรอบนานๆ โดยสามารถทำตามได้ดังนี้

หมี่กรอบ สามรส
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกด้วยการทำน้ำซอสหมี่กรอบกันเลย โดยเริ่มจากนำกระทะมาตั้งเตา และเปิดแก๊สใช้ไฟปานกลางใส่น้ำมันพืชลง รอให้น้ำมันร้อนก่อน ตามด้วยหอมแขกสับ ผัดให้หอมสุก ใส่ไข่ไก่ลงไป จากนั้นคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทราย น้ำกระเทียมดอง น้ำปลา ซอสพริก น้ำมะนาว และน้ำมะขามเปียก คนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นทำการเคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำซอสจะเป็นฟองขึ้น ปิดเตา นำมาพักไว้ให้เย็น 
  2. นำกระทะมาตั้งเตา และใส่น้ำมันพืชลงไปในปริมาณที่พอเหมาะ ใช้ไฟอ่อนๆ รอให้น้ำมันร้อนจัดใส่เส้นหมี่แห้งลงไปทอดให้กรอบ ตักออกพักไว้ นำน้ำซอสใส่กระทะ เปิดแก๊สใช้ไฟอ่อนๆ รอให้น้ำซอสเดือด ใส่ใบมะกรูดทอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด คลุกเคล้าให้เข้ากันรอให้อุ่น และแพ็คใส่กล่องได้เลย
หมี่กรอบ สามรส

ในที่สุดเราก็ทำหมี่กรอบ สามรสเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมี่กรอบที่ได้ถือว่าเป็นของว่างที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เค็มเล็กน้อย และยังมีกลิ่นหอมมะขามเปียกอ่อนๆ ที่มีความกลมกล่อมอย่างลงตัว และก่อนที่จะตักใส่กล่องต้องนำมาพักไว้ให้อุ่นๆ หรือรอให้เย็นก่อน จากนั้นตักขนมใส่กล่อง หรือถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่นก็เป็นเสร็จเรียบร้อย

เทคนิค (ไม่) ลับ ทำหมี่กรอบ สามรส สีสวย น่าทาน ไม่จำเจ 

หมี่กรอบ สามรส

หมี่กรอบ สามรส ถือว่าเป็นเมนูขนมไทย ง่ายๆ ที่สามารทำทานได้เอง และยังทำขายได้กำไรดีสุดๆ ที่สำคัญเป็นขนมที่ขายได้ทั้งออนไลน์ และหน้าร้านอีกด้วย และแน่นอนว่านอกจากรสชาติขนมจะอร่อยแล้วสีของขนมต้องสวยด้วยเช่นกัน ซึ่งสูตรหมี่กรอบ ทำขายง่ายๆ เพียงทำตามสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย นอกจากนี้การทำหมี่ให้มีสีสวยสามารถใส่สีผสมอาหารเข้าไป เพื่อให้สีของเส้นหมี่น่าทาน และดูมีความอร่อยมากขึ้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขนมหวานโบราณ อร่อยบอกต่อ! ข้าวแต๋น กรุบกรอบ หอมกลิ่นน้ำตาลเคี่ยว

ข้าวแต๋น

มาต่อกันที่เมนู ข้าวแต๋น หนึ่งในขนมที่ทำจากข้าวเหนียวนึ่งทอดกรอบ ผสมผสานกับน้ำตาลอ้อยเคี่ยวจนเข้มข้น และราดให้เป็นวงกลม ปัจจุบันขนมข้าว แต๋นมีหลากหลายสูตร และหลากหลายสีสันมากขึ้น อีกทั้งยังมีขนาดที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย แต่สิ่งสำคัญของขนมชนิดนี้คือ แต่ละสูตรมีความหวาน หอม กรอบอร่อยตามสูตรข้าวแต๋นโบราณไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งวิธีทำง่ายๆ และวัตถุดิบมีเพียงข้าวเหนียวนึ่ง กับน้ำตาลอ้อยก็สามารถทำได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นขนมที่สามารถเปลี่ยนจากข้าวเหนียวธรรมดา มาเป็นขนมทอดกรอบที่แสนอร่อยได้ไม่ยาก

ชวนทำ ข้าวแต๋น ขนมทอดกรอบ แสนอร่อย ทำง่าย ทำขายได้ด้วย 

ข้าวแต๋น

ขนมข้าวแต๋น ถือว่าเป็นขนมในวัยเด็กที่ได้ทานบ่อยที่สุด และมีขายในตลาดทุกวัน เพราะคนไทยในสมัยก่อนจะชอบทานขนมที่แปรรูปมาจากข้าวเหนียวเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังเป็นขนมที่สามารถทำได้ง่าย และรสชาติอร่อยด้วย สำหรับขนมชนิดนี้มีหลายคนสงสัยว่าเป็นขนมชนิดเดียวกันกับข้าวแต๋น นางเล็ดหรือไม่ ซึ่งแท้จริงแล้วขนมทั้งสองชื่อ คือขนมชนิดเดียวกัน โดยภาคเหนือจะเรียกว่าข้าวแต๋ว แต่ภาคอื่นๆ จะรู้จักในขนมนางเล็ดนั่นเอง ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาย้อนรอยทำขนมข้าวแต๋นจิ๋วสุดน่ารัก ทำง่าย และทำอร่อยด้วย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมข้าวเหนียว

  1. ข้าวเหนียว 400 กรัม
  2. น้ำแตงโมงปั่น 150 กรัม
  3. งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
  4. น้ำตาลทราย 15 กรัม
ข้าวแต๋น

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมของน้ำเชื่อม

  1. น้ำตาลทรายแดง 150 กรัม
  2. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  3. น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลทรายแดง 40 กรัม

ในส่วนของน้ำเชื่อมที่ใช้ทำข้าวแต๋นแสนอร่อยจะใช้น้ำตาลมะพร้าว แต่บ้านไหนอยากลองใช้น้ำตาลอ้อยก้อนกลมก็สามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบ และสูตรนี้จะใช้น้ำแตงโมปั่น เพื่อให้ขนมมีกลิ่นหอม เพิ่มความอร่อยมากขึ้น ต่อมาจะเป็นวิธีทํา ข้าวแต๋นดังนี้

ข้าวแต๋น
  1. ในขั้นตอนแรกให้นำข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาดในน้ำเปล่าประมาณ 2-3 รอบ หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำประมาณ 6 ชั่วโมง ทำการซาวน์ข้าว พักให้สะเด็ดน้ำ
  2. นำข้าวเหนียวมานึ่งให้สุก โดยใช้ไฟแรง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในระหว่างที่รอข้าวเหนียวสุก ให้มาเตรียมน้ำแตงโมปั่น เริ่มจากนำแตงโมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำมาใส่ในเครื่องปั่น ทำการปั่นให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำแตงโม จากนั้นใส่เกลือ และน้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน 
  3. เมื่อข้าวเหนียวสุกแล้ว ให้นำมาผสมกับน้ำแตงโม ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ให้ข้าวเหนียวดูดน้ำ ประมาณ 3 นาที โรยด้วยงาคั่ว นำข้าวเหนียวตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ นำไปตากแดด 1 วัน 
  4. นำกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟปานกลาง หลังจากนั้นใส่ข้าวแต๋นลงไปทอดให้กรอบ ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ต่อมาจะเป็นการทำน้ำเชื่อม โดยนำหม้อมาตั้งเตา ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง เกลือ และน้ำเปล่า เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนเข้มข้น พร้อมราดบนข้าวแต๋นได้เลย
ข้าวแต๋น

สำหรับขนมข้าวแต๋นที่เรานำมาแชร์ เป็นสูตรข้าวแต๋น น้ำแตงโมที่มีสีชมพูสวยสดใส รสชาติหวาน กรอบอร่อย หลังทำข้าวแต๋นเสร็จแล้วสามารถเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง และไม่มีความชื้นจะทำให้สามารถเก็บรักษาความกรอบของขนมได้นานมากขึ้น 

อีกหนึ่งความอร่อย ข้าวแต๋น ใบเตย กรอบอร่อย สีสันสวยงามแปลกตา

ข้าวแต๋น

หลังจากทำข้าวแต๋น สูตรน้ำแตงโมหวานไปแล้ว ต่อมาเราจะมาลองทำข้าวแต๋นน้ำใบเตยสีเขียวสดใสกันบ้าง โดยขั้นตอนวิธีทำสามารถทำตามสูตรน้ำแตงโม ซึ่งเป็นวิธีทำขนมไทย ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก จากนั้นเปลี่ยนจากน้ำแตงโมมาเป็นน้ำใบเตยผสมกับข้าวเหนียวนึ่ง ใส่ส่วนผสมต่างๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปตากแดดให้แห้ง และนำมาทอดในน้ำมันที่ร้อนให้ข้าวกรอบฟู เสร็จแล้วตักพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ราดด้วยน้ำเชื่อมเป็นอันเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจะได้ขนมข้าวแต๋นที่มีสีเขียวสวยงามน่าทานเป็นอย่างมาก 

อ่านบทความอื่นๆ: