Categories
ขนมไทย

เมนูขนม บัวลอย ไข่หวาน แป้งนุ่ม ไข่หวานฟองโต หอม มัน เค็ม จัดเต็มทุกคำ

บัวลอย ไข่หวาน

บัวลอย ไข่หวาน เป็นเมนูขนมพื้นบ้านที่อยู่คู่กับชาวไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมีการนำของหวานและของคาวมารวมกันทำให้รสชาติที่ได้มีความหวาน มัน และหอมกลิ่นไข่นุ่มๆ อร่อยอย่างลงตัว ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันทุกภูมิภาค ซึ่งในแต่ละภาคที่จะมีการปรับปรุงสูตรลับเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีการประยุกต์สูตรให้ขนมมีสีสันน่ารับประทานมากขึ้น โดยจะใช้แป้งผสมกับสีที่ได้จากธรรมชาติมาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ น้ำกะทิเข้มข้น น้ำตาล และไข่เป็ดเป็นส่วนประกอบหลัก นอกจากนี้ยังมีการใช้วัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติมาใช้เป็นส่วนผสมของขนมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ใบเตย ฟักทอง ดอกอัญชัน เป็นต้น 

บัวลอย ไข่หวาน

บัวลอยไข่หวาน ขนมเม็ดกลมที่มาพร้อมกับสีสันสดใส และรสชาติหวาน หอมกลิ่นกะทิสด เนื้อแป้งนุ่มนิ่มเคี้ยวเพลินสุดๆ หากใครยังไม่เคยลองทานสามารถหาทานได้ตามร้านอาหาร หรือร้านขนมทั่วไป อีกทั้งยังเป็นขนมที่สามารถหาซื้อทานได้ในตลาดใกล้บ้านอีกด้วย แต่อยากลองทำขนมไว้ทานเองกับครอบครัว หรือทำขาย วันนี้เรามีวิธีการทำ และสูตรขนม บัวลอย ไข่หวานพื้นบ้าน มาให้ได้ลองทำตาม 

สูตร บัวลอย ไข่หวาน เมนูขนมหวานพื้นบ้าน สีสันสดใส ทานได้ไม่มีเบื่อ 

เชื้อว่าหลายคนคงคิดว่าขนมบัวลอย ไข่หวาน ทำยาก และขั้นตอนซับช้อนเกินไป จนไม่กล้าลองทำทานเองที่บ้าน แต่แท้จริงแล้วขนมบัวลอย เป็นหนึ่งในเมนูขนมหวานที่ทำง่ายมาก โดยวิธี ทำ บัวลอย ไข่หวานจะมีขั้นตอนที่ทำตามได้ง่ายนิดเดียว สำหรับสูตรบัวลอยไข่หวานที่จะนำมาแชร์เป็นสูตรแบบดั้งเดิมที่หาทานได้อยากในปัจจุบัน โดยก่อนที่เราจะไปดูวิธีทํา บัวลอยไข่หวานโบราณ เราจะต้องเตรียมส่วนผสม และวัตถุดิบที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และมีอยู่ตามธรรมชาติดังนี้

บัวลอย ไข่หวาน
  1. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  2. น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำใบเตย ½ ถ้วยตวง
  4. ฟักทองนึ่ง ½ ถ้วยตวง
  5. เผือกนึ่ง ½ ถ้วยตวง
  6. น้ำกระทิ 1 ถ้วยตวง
  7. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  8. เกลือ ½ ช้อนชา
  9. ไข่เป็ด หรือไข่ไก่ 1 ฟอง

สำหรับสีธรรมชาติที่ใช้ผสมสีแป้งของบัวลอยไข่หวานสามารถใช้สีได้ตามใจชอบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสีที่ใช้ตามสูตรก็ได้ สำหรับบัวลอยสูตรไข่หวานตามฉบับขนม ไทยดั้งเดิมจะใช้ไข่เป็ดในการทำขนม แต่ถ้าใครไม่ชอบไข่เป็ดสามารถใช้ไข่ไก่แทนได้ ในส่วนวิธีทำบัวลอยสูตรขนมไทยโบราณมีดังนี้

บัวลอย ไข่หวาน
  1. นำแป้งข้าวเหนียว แบ่งออกเป็น 3 ถ้วย เท่าๆ กัน จากนั้นนำน้ำใบเตย ฟักทองนึ่ง และเผือกนึ่ง ผสมในแป้งที่เตรียม โดยแป้งหนึ่งถ้วยต่อ 1 วัตถุดิบ จากนั้นใช้มือนวดส่วนผสมในแต่ละถ้วยให้เข้ากัน ซึ่งแป้งที่นวดเสร็จแล้วจะมีสีตามวัตถุดิบที่นำมาผสมกับแป้ง
  2. นำแป้งที่นวดเสร็จแล้ว มาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเล็ก หรือใหญ่ตามใจชอบ จากนั้นมาคลุกแป้งบางๆ เพื่อไม่เม็ดแป้งติดกันในระหว่างที่ต้ม
  3. ในขั้นตอนต่อมา เตรียมหม้อใส่น้ำสะอาดที่เตรียมไว้ จากนั้นนำไปตั้งไฟปานกลางรอให้น้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดจัดให้ใส่เม็ดแป้งบัวลอยลงไป คนแป้งเพื่อไม่ให้ติดก้นหม้อ และรอให้แป้งสุก วิธีสังเกตคือ ถ้าแป้งลอยขึ้นมาเหนือน้ำแสดงแป้งสุกดีแล้ว จากนั้นตักออกมาแช่ในน้ำเย็น เพื่อลดอุณหภูมิไม่ให้แป้งร้อนเกินไป แถมยังทำให้บัวลอยมีเนื้อเด้งหนึบหนับอีกด้วย 
  4. หลังจากที่แช่บัวลอยในน้ำแช่เสร็จแล้ว ให้ตักออกมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ต่อจะเป็นขั้นตอนการทำน้ำกะทิ เริ่มจากนำกะทิใส่ในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือลงไป นำไปตั้งไฟอ่อนๆ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นรอให้กะทิเดือด ใส่ไข่ไก่ หรือไข่เป็ดลงไป รอให้ใข่สุก ปิดไฟ และยกออกจากเตา
  5. ตักบัวลอยใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และไข่หวาน พร้อมรับประทาน 
บัวลอย ไข่หวาน

จบไปแล้วกับวิธีทำ บัวลอยไข่หวาน สูตรขนม โบราณที่หลายคนว่าทำยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากเลย และก่อนที่จะนำขนมมารับประทานควรนำไปแช่ตู้เย็นสักพัก เพื่อให้ขนมหวานมีความเย็นทานแล้วอร่อยชื่นใจตามแบบฉบับขนมไทย โบราณ พื้นบ้านที่ทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ แถมรสชาติหวานฉ่ำ อร่อยเกินห้ามใจ

รวมเคล็บลับการทำเมนูบัวลอย ขนม หวาน ไทย รสชาติหวาน มัน อร่อยเกินต้าน 

บัวลอย ไข่หวาน

บัวลอยไข่หวาน เมนูขนมหวานยอดนิยมที่มาพร้อมกับสีสันสดใสน่ารับประทาน แถมยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งเคล็ดลับในการทำบัวลอยขนม ไทย ง่ายๆให้อร่อยสิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนการนวดแป้งหลังจากนวดเสร็จแล้ว ในระหว่างที่นวดแป้งอีกถ้วยควรใช้ผ้าขาวบางแป้งที่นวดเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งแห้งจนเกินไป เพราะจะให้ปั้นแป้งไม่สวย และในขั้นตอนการตอนการต้มเม็ดแป้งจะแตกออกจากกันได้ สำหรับข้อดีของขนมไทย ทำเอง คือ เราสามารถปรุงรสชาติขนมได้ตามใจชอบ และทำทานได้แบบไม่อั้น จัดหนัก จัดเต็มทุกคำ แถมสูตร ขนม ไทยอย่างบัวลอย ใส่ไข่หวานที่นำมาแชร์เป็นสูตรที่คัดมาแล้วว่าทำแล้วต้องอร่อยแน่นอน 

บัวลอย ไข่หวาน

สำหรับใครที่อยากลองทำบัวลอย ไข่ หวานไว้ทานกับครอบครัว หรือจะทำเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตนเองอีกทางหนึ่ง แนะนำให้ทำตามสูตรขนมไทยชาววังที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย รับรองไม่ทำให้ผิดหวัง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

แชร์สูตรโบราณ ขนม เปียก ปูน กะทิ สด หอมกรุ่น อร่อย ละมุนละไม

เปียก ปูน กะทิ สด

เปียก ปูน กะทิ สด คือขนมปรับปรุงสูตรมาจากขนมเปียกปูนสูตรดั้งเดิม ซึ่งเป็นหนึ่งในขนมหวานยอดนิยมของชาวบ้านในสมัยอดีต โดยขนมเปียกปูนได้ถูกดัดแปลงมาจากขนมกวน โดยส่วนผสมหลักของขนมเปียกปูนมีเพียงไม่กี่อย่าง อาทิ แป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเจ้า น้ำตาล กะทิสด ผสมกับสีของใบเตย และกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยสีของขนมเปียกปูนที่ได้จะมีสีเขียวธรรมชาติ เนื้อเนียนนุ่ม รสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยอ่อนๆ สำหรับชื่อของขนมเปียกปูนมาจากส่วนส่วนผสมที่ใช้ในการทำขนม นั้นก็คือ น้ำปูนใส นั่นเอง จึงทำให้เป็นที่มาของขนมเปียกปูน ที่เรียกมาตั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน

เปียก ปูน กะทิ สด

เมนูขนม เปียกปูน กะทิ สด ถือว่าเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อมาอย่างยาวนาน เพราะเนื้อสัมผัสของขนมที่เนียนนุ่ม เหนียวหนึบ ตัดกับกลิ่นใบเตย และกลิ่นกะทิได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นขนมที่ทานแล้วชื่นใจสุดๆ อีกทั้งสีเขียวของขนมยังทำให้เพิ่มความน่ารับประทานมากขึ้นอีกด้วย และเป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถทานเล่นๆ คลายร้อนได้ดีสุดๆ สำหรับใครที่ชอบทานขนมหวานโบราณ ไม่ควรพลาด เพราะเรามีสูตรทำขนมเปียก ปูน กะทิ สด มาให้ได้ติดตาม ว่าแล้วไปดูกันเลย

วิธีทำ ขนมเปียกปูน กะทิสด ตามฉบับชาววัง ทำง่ายๆ อร่อยถูกปากกันทั้งครอบครัว

เปียก ปูน กะทิ สด

ในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้อยู่บ้านไม่รู้จะทานอะไรดีที่คลายร้อนได้ ขอแนะนำขนมเปียก ปูน กะทิ สด เมนูยอดนิยมสำหรับคลายร้อนในช่วงสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ สำหรับเปียกปูนกะทิสดสูตรปัจจุบันจะมีลักษณะแตกต่างไปจากขนมเปียกปูนสูตรดั้งเดิม คือ เนื้อขนมจะมีความแข็งตัวน้อยกว่า แต่ขนมยังคงมีความเหนียวนุ่มเหมือนเดิม และรสชาติยังคงอร่อยตามสูตรโบราณไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญวิธีทำขนมเปียกปูนสามารถได้ง่ายๆ แถมส่วนผสม เปียกปูนกะทิสดโบราณจะใช้เพียงน้อยนิด ดังนั้นวัตถุดิบที่เหลือสามารถนำไปทำขนมได้อีกในครั้งต่อไปได้ด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของขนมเปียกปูน

  1. แป้งท้าวยายม่อม 100 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  3. น้ำตาลโตนด 70 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 30 กรัม
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. น้ำปูนใส 200 กรัม
  7. น้ำมะพร้าว 200 กรัม
  8. น้ำใบเตย 300 กรัม
  9. กะทิสด 150 กรัม
เปียก ปูน กะทิ สด

วัตถุดิบ และส่วนผสมของน้ำกะทิ

  1. กะทิสด 300 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
  3. งาคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

ปัจจุบันขนมเปียกปูนกะทิ สด มีการประยุกต์ให้สวยงามจนกลายมาเป็นขนมเปียกปูนกะทิสดดอกไม้ที่สวยงามน่ารับประทานมากขึ้น สำหรับสูตร เปียกปูนกะทิสดที่นำมาแชร์เป็นสูตรโบราณแบบดั้งเดิม รสชาติหวานหอมกรุ่นใบเตยละมุนลิ้นจนต้องทานเพิ่มเลยทีเดียว ในส่วนของวิธีทำขนมเปียกปูนนั้นง่ายเดียว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปดูขั้นตอนกันเลย

เปียก ปูน กะทิ สด
  1. ในขั้นตอนแรก ให้นำแป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลโตนด น้ำตาลทราย น้ำกะทิ เกลือ ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  2. หลังจากที่แป้งเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว นำน้ำปูนใส น้ำใบเตย น้ำมะพร้าว ใส่ในภานะที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ จากนั้นนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เทใส่ในกระทะสำหรับกวนแป้ง
  3. นำกระทะไปตั้งไฟปานกลาง จากนั้นกวนแป้งไปในทิศทางเดียวกัน และต้องกวนให้ถึงกระทะ เพื่อให้แป้งสุกพร้อมกัน เมื่อแป้งเริ่มจับตัวกันให้เร่งความเร็วในการคนแป้งมากขึ้นจนกว่าแป้งจะใส แสดงว่าแป้งสุกดีแล้ว ปิดไฟ และนำกระทะออกจากเตา 
  4. นำขนมตักใส่ถุงสำหรับสำหรับบีบขนม จากนั้นบีบขนมให้เป็นรูปดอกไม้ หรือจะเทใส่พิมพ์ได้ตามใจชอบ 
  5. ต่อมาเป็นขั้นตอนการทำน้ำกะทิ เริ่มจากใส่กะทิลงไปในหม้อ ใส่แป้งข้าวเจ้า เกลือ ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปตั้งไฟปานกลาง จากนั้นคนจนกะทิแตกมัน และเข้มข้นขึ้น รอให้เดือด แล้วยกออกจากเตา นำไปราดบนขนมเปียกปูนที่เตรียมไว้ ตามด้วยงาคั่วแสนอร่อย พร้อมจัดใส่จานให้สวยงาม

ขนม เปียก ปูน กะทิสด จะมีความหอมกลิ่นใบเตย และกะทิเข้มข้นอร่อยมากกว่าขนมเปียกปูนสูตรทั่วไป และอีกหนึ่งความอร่อยก่อนที่จะนำมารับประทานควรนำไปแช่ในตู้เย็นก่อนจะทำให้เปียกปูนสูตรขนม ไทยมีความหวานสดชื่น และอบอวลไปด้วยกลิ่นใบเตยอร่อยจนต้องทานเพิ่มอีกจานเลยทีเดียว

สูตรขนมไทย แนะนำ ขนมเปียกปูน สูตรกะทิสด มะพร้าวอ่อน

เปียก ปูน กะทิ สด

สายขนมหวานไม่ควรพลาด เพราะนอกจากสูตร เปียกปูนกะทิสด ที่แสนอร่อยแล้ว เรามีอีกหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำนั่นก็คือ ขนมเปียกปูน กะทิสด มะพร้าวอ่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในขนม โบราณยอดนิยม และยังเป็นสูตรขนมไทย โบราณที่มีรสชาติหวานละมุน ที่มีเนื้อมะพร้าวกรุบกรอบเคี้ยวเพลินสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นขนม หวาน ไทยที่สามารถทานได้ไม่มีเบื่อ ที่สำคัญขนมเปียกปูนสูตรกะทิสด มะพร้าวอ่อน เป็นขนม ไทย ทำ ง่ายนิดเดียว เพียงแค่มีแป้ง น้ำตาล กับน้ำกะทิก็สามารถทำขนม ไทย ง่ายๆ โดยสูตรและ ขั้นตอนการทำสามารถใช้สูตรของขนมเปียกปูนกะทิสดได้เลย เพียงแค่ใส่เนื้อมะพร้าวเพิ่มเข้าไปด้วย เสร็จแล้วจัดเสิร์ฟใส่จานได้เลย

จบไปแล้วกับสูตรเปียกปูน กะทิสด ซึ่งเป็นขนมไทย ทำเองได้ที่บ้าน สำหรับมือใหม่สามารถลองทำตามสูตร ขนม ไทยที่เรานำมาแชร์ให้ติดตามได้เลย รับรองว่าทำง่ายอร่อยด้วย และทำขายได้แน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขอแนะนำเมนูหาทานยาก ขนม หยก มณี นุ่มหนึบหนับ หอมอร่อย

ขนม หยก มณี

ขนม หยก มณี เป็นขนมหวานของไทยยอดฮิตในสมัยอดีต แต่ในปัจจุบันค่อนข้างหาทานได้ยาก สำหรับขนมชนิดนี้ทำมาจากสาคูต้มรวมกับน้ำเชื่อม โดยสีเขียวของขนมมาจากสีของใบเตย จึงทำให้ขนมมีความคล้ายกับสีหินที่มีสีเขียวสดใส จึงเรียก ขนมชนิดนี้ว่า หยกมณี เมื่อรับประทานขนมแล้วจะให้ความรู้สึกเหนียวนุ่ม และหอมกลิ่นใบเตย ที่มาพร้อมกับความกรุบกรอบของเนื้อมะพร้าวได้อย่างลงตัว ปัจจุบันของชนิดนี้มีหลากหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็น สีชมพู เหลือง ม่วง เป็นต้น 

ขนม หยก มณี

ขนมหยกมณี เมนูขนมมงคลของไทย ซึ่งในสมัยก่อนจะทำขนมชนิดนี้ในงานมงคลต่างๆ ไม่ว่าเป็นงานบวช งานแต่ง เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้อยู่เย็นเป็นสุข สำหรับใครที่อยากลองทำขนมชนิดนี้ไว้ทานในช่วงในหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำสูตร ขนม หยก มณีชาววัง รสชาติหอมกลิ่นใบเตยแบบดั้งเดิม เนื้อนุ่มนิ่ม ก้อนกลม เคี้ยวเพลินไม่มีเบื่อ 

วิธีทำ ขนม หยก มณี เมนูขนมหวานมงคล แสนอร่อย ทำทานได้ง่ายๆ 

ขนม หยกมณี เป็นหนึ่งในขนมมงคลที่มีรสชาติหวานอร่อยกลมกล่อม และขนาดพอดีคำทานง่าย แถมยังอิ่มท้อง สำหรับขนมชนิดนี้มีการปรับปรุงสูตรให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น หยกมณีอัญชัน มีสีน้ำเงิน ที่ได้จากดอกอัญชัน ส่วนสูตรขนมหยกมณี มีสีเขียวของน้ำใบเตย และสุดท้ายสูตรหยกมณีสามสี คือ สีน้ำเงิน สีแดง และสีขาว เป็นต้น เรียกว่าเป็นขนมที่มีหลากหลายสูตร แถมขนมหยกมณี ความหมายเป็นมงคล ซึ่งสีของขนมมีลักษณะคล้ายหยกหินสีเขียวสดใส โดยมีความเชื่อว่าขนม ไทยมงคลที่นำพาความเจริญ ร่ำรวยมาสู่ผู้รับประทานอีกด้วย ในส่วนวิธีการทำขนมไทยชนิดนี้ง่ายมากๆ โดยเริ่มจากเตรียมวัตถุ และส่วนผสมดังนี้

  1. แป้งสาคูล 1 ½ ถ้วย
  2. น้ำใบเตย 150 มิลลิลิตร
  3. น้ำมะพร้าว 500 มิลลิลิตร
  4. เนื้อมะพร้าว 100 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. เกลือ ½ ช้อนชา

ในการทำขนม หยก มณีให้อร่อย ในส่วนแป้งสาคู แนะนำให้ใช้เม็ดสาคูแท้ ที่ทำจากแป้งต้นสาคู เพราะแป้งจะมีความหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีทำขนม โบราณสูตรขนมหยก ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 

ขนม หยก มณี
  1. ขั้นตอนแรกให้นำ เม็ดสาคูมาล้างน้ำให้สะอาด เพื่อเอาผงแป้งออกจากเม็ดสาคู จากนั้นใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 
  2. ต่อมาใส่น้ำมะพร้าวลงไปในหม้อต้ม นำไปตั้งไฟปานกลาง รอให้น้ำมะพร้าวเดือดใส่เม็ดสาคูลงไป จากนั้นคนเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดสาคูติดก้นหม้อ เพราะจะทำให้เม็ดสาคูไหม้ก่อนสุกได้
  3. คนอย่างสม่ำเสมอจนกว่าน้ำจะแห้ง จากนั้นใส่น้ำใบเตยปั่นลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกันจนกว่าเม็ดสาคูลจะสุก โดยวิธีสังเกตว่าสาคูสุกหรือยัง ให้ดูจากความใส และมีจุดสีขาวด้านใน เรียกว่า ตากบ แสดงว่าเม็ดสาคูสุกเรียบร้อย 
  4. ใส่น้ำตาลทรายคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟ พร้อมยกออกจากเตา และนำมาเทใส่ถาดที่เตรียมไว้ รอให้เย็น เมื่อขนมสาคูเย็นแล้วใช้ช้อนตักเป็นก้อนเล็กๆ 
  5. ทำการขูดมะพร้าวเป็นเส้นเล็กๆ นำไปนึ่งใช้ไฟปานกลาง ประมาณ 5-7 นาที นำขนมสาคูที่ตักเป็นก้อนเล็กมาคลุกเคล้ากับมะพร้าวขูดที่นึ่งไว้ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

ถ้าอยากให้ ขนมหยกมณี น่าทานมากยิ่งขึ้น แนะนำให้นำใบตองมาทำกระทง จากนั้นนำขนมที่ทำเสร็จมาใส่ในกระทงที่เตรียมไว้ และโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด พร้อมทานได้เลย สำหรับขนมไทย โบราณที่ทำเองจะมีรสชาติหวานละมุน และเนื้อเหนียวหนึบของเม็ดสาคู เคี้ยวเพลินสุดๆ นอกจากนี้ถ้าใครไม่ชอบเม็ดสาคูสุกมากเกินไป แนะนำสาคูแบบตากบ คือ เม็ดสาคูจะมีสีขาวด้านใน และด้านนอกจะมีความใส และเติมน้ำตาลได้เลย 

เผยสูตรขนม หวาน ไทย หยกมณี สามสี หวาน หอม ชวนทาน

ขนม หยก มณี

มาต่อกันที่วิธีทำขนมหยกมณีสามสี หนึ่งในขนมหวานหมกมณีที่มีการปรับปรุงสูตรให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น สำหรับขั้นตอนขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดสามารถทำตามที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย แต่จะเพิ่มสีสันของขนมมากขึ้น โดยสีที่ใช้ทำหยกมณีสามสีเป็นสีจากธรรมชาติ ได้แก่ สีเขียวใบเตย สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน และสีเหลืองจากข้าวโพดหวาน จากนั้นนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้มีปั่นให้ละเอียดกรองเอาน้ำใส่ในถ้วย ต่อมาต้มสาคูให้สุกใส่สีธรรมชาติที่เตรียมไว้ ทำทั้งหมดสามสี ตามด้วยน้ำตาล คนให้เข้ากันเสร็จแล้วนำไปพักไว้ให้เย็น และใช้ช้อนตักขนมให้ก้อนเล็กๆ นำไปคลุกเคล้ากับมะพร้าวขูด จัดใส่จานให้สวยงาม

ขนม หยก มณี

สำหรับ ขนม หยกมณีสามสี เป็นสูตรขนม ไทย ง่ายๆ ที่มีส่วนเพียงน้อยนิด และที่สำคัญยังเป็นขนมไทย ทำเองที่มีรสชาติหอมอร่อยละมุนสุดๆ แถมไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลา อีกทั้งขนมชนิดนี้ยังหาซื้อได้ยากอีกด้วย หากใครกำลังมองสูตร ขนม ไทยแบบขนมไทยชาววังสามารถลองทำเมนูขนมหวาน หยกมณีที่นำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าทำได้แน่นอน พร้อมทั้งยังสามารถทำขายสร้างเป็นอาชีพให้ตัวเองได้อีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

เผยสูตรชาววัง วุ้น กะทิ ใบ เตย เนื้อขนมกรุบกรอบ หอมชื่นใจ ไม่เหม็นเขียว

วุ้น กะทิ ใบ เตย

วุ้น กะทิ ใบ เตย คือขนมชาววังที่ยอดนิยมรับประทานกันมากที่สุด และสามารรับประทานได้ทุกช่วงโอกาส ที่สำคัญเป็นขนมราคาไม่แพงสามารถหาซื้อได้ตามตลาดนัดทั่วไป สำหรับจุดเด่นของเมนูขนมหวานชนิดนี้คือ ขนมมีลักษณะเป็นวุ้นสีเขียวสดใส เนื้อเด้งกรุบกรอบ และมีขาวของกะทิราดอีกชั้น ส่วนรสชาติมีความหวานเย็นๆ หอมกลิ่นใบเตยละมุนละไม จึงทำให้ขนมมีความน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น 

วุ้น กะทิ ใบ เตย

สำหรับใครกำลังมองหาขนมหวานไทยๆ ทานในช่วงสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ ขอแนะนำ วุ้นกะทิ ใบเตย ขนมหวาน เนื้อกรุบกรอบ หวานฉ่ำๆ หอมกลิ่นใบเตยชื่นใจสุดๆ เคี้ยวเพลินทุกคำ และที่สำคัญยังเป็นเมนูขนมหวานของไทยที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังเป็นเมนูขนมที่ถูกยกให้เป็นขนมยอดนิยมสามารถทานได้ทั้งครอบครัว หากใครชอบทำขนมชาววัง วันนี้เรามีสูตรขนมวุ้น กะทิ ใบ เตยโบราณ รสชาติหวาน ไม่เหม็นเขียวมาให้ได้ทำตาม 

วิธีทำ วุ้น กะทิ ใบ เตย สลับสี หอมกลิ่นใบเตย เคี้ยวเพลิน

วุ้น กะทิ ใบ เตย

มาเอาใจสายวุ้นกะทิกันบ้าง เมนูที่ทานทุกวันไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะ วุ้นกะทิใบเตย ที่มีรสชาติหวานหอมจนทานคำเดียวคงไม่พอ ที่สำคัญเนื้อสัมผัสของขนมมีความเด้งกรุบกรอบทานได้อย่างเพลิดเพลิน สำหรับวุ้นกะทิ สูตรใบเตยมีลักษณะแยกเป็นสองชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นสีขาวของกะทิสด และชั้นที่สองจะเป็นสีเขียวของน้ำใบเตยจึงทำให้ขนมหวานชนิดนี้มีรสชาติสองรสที่เข้ากันสุดๆ ในส่วนของวิธี ทํา วุ้น กะทิ ใบ เตยที่หลายคนคิดว่าทำยากเกินไป แท้จริงแล้วทำไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งสูตรวุ้นกะทิ ใบเตย เป็นสูตรที่มีส่วนผสมเพียงน้อยนิด แถมยังมีหลายสูตรให้เลือกทำอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น วุ้นกะทิใบเตยดอกไม้ และวุ้นกะทิโบราณยอดนิยม เป็นต้น 

วัตถุ และส่วนผสมของวุ้นน้ำใบเตย

  1. ใบเตย 10 ใบ
  2. ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  4. น้ำสะอาด 2 ถ้วย
วุ้น กะทิ ใบ เตย

ส่วนผสม และวัตถุดิบของวุ้นกะทิ

  1. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  2. ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. น้ำสะอาด 250 กรัม

หลังจากที่เตรียมส่วนผสม และวัตถุดิยของสูตรวุ้นกะทิ ใบ เตย เรียร้อยแล้ว ต่อมาเราจะมาดูขั้นตอนการทำขนม ไทย วุ้นกะทิ สูตรใบเตยกัน โดยวิธีทำวุ้นกะทิจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกจะเป็นการทำวุ้นใบเตย และส่วนที่สองจะเป็นการทำวุ้นกะทิ สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำขนมไทยอย่างวุ้นกะทิ น้ำใบเตยสูตรขนม โบราณสามารถทำตามได้ดังนี้

ขั้นตอน: การทำวุ้นใบเตย

วุ้น กะทิ ใบ เตย
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรก นำใบเตยมาล้างน้ำให้สะอาด และทำการหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นใส่ในโถปั่น ใส่น้ำเล็กน้อยปั่นให้ใบเตยละเอียด เสร็จแล้วนำไปกรองเอาแต่น้ำใบเตยใส่ในภาชนะ 
  2. นำน้ำใบเตยใส่หม้อ และนำไปตั้งไฟอ่อนๆ ใส่ผงวุ้นลงไปคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และคนเรื่อยๆ จนกว่าวุ้นจะละลายหมด จากนั้นใส่น้ำตาลลงไป คนเรื่อยๆ จนกว่าน้ำตาลจะละลาย
  3. เมื่อน้ำตาลละลายแล้ว นำมาเทใส่พิมพ์ หรือถาดที่เตรียมไว้ จากนั้นช้อนฟองอากาศออก เพื่อให้ได้วุ้นที่มีผิวเนียนเรียบ นำมาพักไว้ให้วุ้นเซตตัว

ขั้นตอน: การทำวุ้นกะทิ

วุ้น กะทิ ใบ เตย
  1. นำน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในหม้อ และใส่น้ำทิลงไป จากนั้นนำไปตั้งเตา เปิดไฟปานอ่อนๆ ตามด้วยผงวุ้น คนส่วนผสมคนเข้ากัน และคนจนกว่าผงวุ้นจะละลาย เมื่อวุ้นละลายแล้ว ให้ใส่เกลือ และน้ำตาล คนส่วนผสมให้จนกว่าน้ำตาลจะละลายหมด 
  2. ในระหว่างที่คนน้ำตาลให้ละลาย ถ้ามีฟองอากาศให้ช้อนอากาศออกด้วย เมื่อทุกอย่างละลายเข้ากันดีแล้ว นำไปเทใส่พิมพ์วุ้นใบเตยที่เทไว้ก่อนหน้านี้ ทำการเกลี่ยผิวหน้าวุ้นให้เรียบ เพื่อความสวยงาม จากนั้นรอให้วุ้นเซตตัว
  3. นำวุ้นกะทิที่ได้มาตัดเป็นชิ้นสีเหลื่อม จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

หากต้องการทำ วุ้นกะทิ ใบเตย สูตรขนมไทย โบราณเป็นรูปดอกไม้ ให้หาพิมพ์รูปดอกไม้ จากนั้นเทวุ้นใบเตย และวุ้นกะทิลงไป รอให้วุ้นเซตตัว จากนั้นแกะออกจากพิมพ์ก็จะได้วุ้นรูปดอกไม้ที่สวยงามน่ารับประทาน และเคล็ดลับความอร่อยของขนม หวาน ไทย อย่างวุ้นกะทิสูตรใบเตยที่ทำเร็จแล้วควรนำไปแช่ในตู้เย็น เพื่อให้ขนมมีรสชาติหวาน เย็นชื่นใจ เคี้ยวฟินทุกคำ

แชร์เคล็ดลับน่ารู้ ขนม ไทย ทำ ง่าย วุ้นกะทิสูตรใบเตย ให้อร่อย ตามฉบับชาววัง

วุ้น กะทิ ใบ เตย

อีกหนึ่งเคล็บลับในการทำเมนูวุ้นกะทิใบเตยโบราณให้อร่อย ในขั้นตอนการต้มวุ้น ควรต้มวุ้นให้ละลายดีก่อน โดยวิธีสังเกตง่ายๆ คือ ถ้ายังมีเม็ดวุ้นเล็กๆ เกาะอยู่ที่ไม้พาย หรือทัพพี แสดงว่าวุ้นยังไม่ละลาย ให้คนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทัพพีที่คนจะไม่มีเม็ดเล็กเกาะ และอีกหนึ่งเคล็บลับทำวุ้นขนม ไทย ง่ายๆ คือ ไม่ควรใส่น้ำตาลก่อนผงวุ้น เพราะทำให้วุ้นละลายไม่ดีนั่นเอง

วุ้น กะทิ ใบ เตย

วุ้น กะทิ ใบ เตย เป็นขนมหวานชาววังที่นิยมทำทานกันในครอบครัว และขนมหวานของไทยที่ขายดีมากๆ อีกทั้งราคาไม่แพง สำหรับใครที่ชอบขนมไทย ทำเองไม่อยากซื้อทาน และอยากลองทำสูตร ขนม ไทยง่ายๆ ขอแนะนำ เมนูวุ้นกะทิ สูตรใบเตย รับรองว่าทำง่าย และขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แถมยังสามารถทำทานได้แบบเต็มอิ่มอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สูตร สาคู เปียก ข้าวโพด หอมกลิ่นกะทิ เนื้อนุ่มหนุบหนึบ อร่อยทุกคำ

สาคู เปียก ข้าวโพด

สาคู เปียก ข้าวโพด เป็นขนมหวานทำจากเม็ดสาคูที่นำมาต้มจนได้เม็ดใสๆ ที่มีความเหนียวหนุบหนึบ แต่รู้หรือไม่ว่าสาคูที่นำมาทำขนมมีทั้งสาคูแท้ และสาคูเทียม โดยสาคูสองชนิดนี้มีความแตกกันอย่างเห็นได้ชัด สำหรับสาคูแท้ เป็นสาคูที่ได้จากต้นสาคู หรือต้นปาล์มสาคู ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นของภาคใต้ มีลักษณะเป็นผงละเอียด และนำมาทำให้เป็นเม็ดๆ กลมๆ เมื่อต้มสุกแล้วจะมีสีน้ำตาลอมชมพู ส่วนแป้งสาคูเทียมทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง มีลักษณะเป็นเม็ดๆ สีขาว สำหรับเนื้อสัมผัสจะไม่แตกต่างกันมาก แต่สาคูแท้จะมีความหอมละมุนกว่าสาคูเทียม

สาคู เปียก ข้าวโพด

สาคูเปียกข้าวโพด คือขนมที่มีรสชาติหวานฉ่ำๆ มัน เค็ม และมีกลิ่นกะทิที่โดดเด่นเป็นเอกลักณ์ ที่มาพร้อมกับความเหนียวหนุบหนึบของเม็ดสาคู และความกรุบกรอบของเมล็ดข้าวโพดที่อร่อยลงตัวที่สุด นอกจากนี้เมนูสาคู เปียก ข้าวโพดยังสามารถทำทานเองได้ด้วย แถมส่วนผสมมีเพียงน้อยนิด และขั้นตอนการทำง่ายๆ มือใหม่ทำเองได้ที่บ้าน ว่าแล้วไปดูสูตรทำขนมกันเลย

มือใหม่ฝึกทำขนม สาคู เปียก ข้าวโพด รสชาติหวานโดนใจ อร่อยหนุบหนึบ

สาคู เปียก ข้าวโพดถือว่าเป็นเมนูโปรดของหลายๆ คน ด้วยรสชาติที่อร่อยแล้วยังสามารถทำทานได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปซื้อทานที่ร้าน แถมข้อดีของการทำขนมทานเองคือ เราสามารถทำได้ในปริมาณที่ยต้องการ และสามารถทานได้ทั้งครอบ อีกทั้งเป็นเมนูขนมหวานที่นิยมทำเป็นของฝากคนรอบข้างได้อีกด้วย สำหรับสูตรขนมที่จะนำมาแชร์ในวันนี้คือ สูตรสาคู เปียก ข้าวโพด มะพร้าว อ่อน รสชาติหวานละมุน ที่มาพร้อมมะพร้าวอ่อนเคี้ยวเพลินสุดๆ สำหรับส่วนผสม และวัตถุดิบของขนมข้าวโพดเปียกสาคูมะพร้าวอ่อนกะทิสดมีดังต่อไปนี้

สาคู เปียก ข้าวโพด
  1. แป้งสาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
  2. เมล็ดข้าวโพด ½ ถ้วย
  3. กะทิสด 1 ถ้วย
  4. น้ำสะอาด 2 ถ้วย
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. ใบเตย 1-2 ใบ
  7. น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย

การทำเมนูสาคูเปียกข้าวโพดสามารถใช้แป้งสาคูแท้ หรือสาคูเทียมสามารถเลือกได้ตามใจชอบ เพราะแม้สาคูทั้งสองชนิด มีความอร่อยเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้รสชาติอร่อยตามสูตรโบราณ ขอแนะนำให้ใช้สาคูแท้ในการทำขนมสาคูเปียก ข้าวโพดครั้งนี้ สำหรับวิธีทำเมนูขนมหวานไทยอย่างสาคูข้าวโพดมะพร้าวอ่อนมีดังนี้

สาคู เปียก ข้าวโพด
  1. ขั้นตอนแรกนำข้าวโพดมาต้มในหม้อต้ม ใช้ไฟปานแรง เมื่อข้าวโพดสุกดีแล้วตักออกมาพักไว้ให้เย็น แกะเอาเมล็ดข้าวโพดใส่ในถ้วยที่เตรียมไว้ 
  2. นำใบเตยมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำมาใส่ในโถปั่น และใส่น้ำเล็กน้อย ปั่นจนใบเตยละเอียด เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำใบเตย
  3. นำแป้งสาคูใส่ในกระชอน และเทน้ำใส่จนกว่าเม็ดสาคูจะเปียกชุ่มดี จากนั้นตั้งพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ 
  4. ต่อมาให้นำหม้อใส่น้ำมะพร้าวอ่อน และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป และนำไปตั้งเตาใช้ไฟปานกลางรอให้น้ำเดือดจัดใส่เม็ดสาคูที่เตรียมลงไปต้มในหม้อ ใช้ไม้พาย หรือทัพพีคนให้เม็ดสาคูกระจายตัวออกจากกัน และทำการคนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดสาคูติดก้นหม้อ เพราะทำให้หม้อไหม้ก่อนที่เม็ดสาคูจะสุก
  5. เมื่อเม็ดสาคูเริ่มสุกจะมีลักษณะเป็นเม็ดใสๆ และมีสีขาวอยู่ตรงกลาง จากนั้นให้คนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เม็ดสาคูใสๆ ทั้งหมด ต่อมาเติมน้ำตาลลงไปคนให้ละลายหมด หลังจากานั้นใส่เม็ดข้าวโพดคนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน ตามด้วยมะพร้าวอ่อนขูด และน้ำใบเตยลงไปคนส่วนผสมทั้งหมดเบาๆ อีกครั้ง แล้วปิดไฟ พร้อมยกออกจากเตา
  6. ขั้นตอนสุดท้าย เตรียมน้ำกะทิ โดยนำน้ำกะทิสดใส่ในหม้อ นำไปตั้งเตาไฟอ่อนๆ จากนั้นใส่แป้ง และเกลือเล็กน้อยลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากันจนกว่าน้ำกะทิจะเดือด และยกออกจากเตา
  7. ตักขนมใส่ถ้วย พร้อมราดด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ จากนั้นตามด้วยมะพร้าวขูด เพื่อความสวยงาม

เมนูสาคู เปียกข้าวโพดที่ทำในวันนี้ เป็นสูตรที่ใส่มะพร้าวอ่อน จึงทำให้เนื้อสัมผัสของขนม ไทยมีความหอมกรุบกรอบ และเนื้อเม็ดสาคูเหนียวหนุบหนึบ หอมกลิ่นกะทิสดละมุนลิ้นสุดๆ เรียกได้ว่า เป็นขนมไทยที่มีรสชาติ หวาน มัน เค็ม ครบรสตามฉบับเมนูขนม โบราณเลยทีเดียว

เคล็ดลับความอร่อย! สาคูต้ม สูตรวมมิตร ขนมไทย โบราณ หวานละมุน 

สาคู เปียก ข้าวโพด

สาคู เปียก ข้าว โพด เป็นเมนูขนม ไทย ทำ ง่ายๆ และยังเป็นอีกหนึ่งเมนูขนม หวาน ไทยที่นิยมทำในช่วงเทศกาลต่างๆ ของไทย ไม่ว่างานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานเลี้ยงต่างๆ เป็นต้น ที่สำคัญยังมีอีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมรับประทานไม่แพ้กัน นั่นก็คือ สาคูเปียก สูตรรวมมิตร ได้แก่ ข้าวโพด มะพร้าวอ่อน และเผือก ทำให้มีรสชาติหวาน กรุบกรอบ สำหรับวิธีทำเมนูสาคู ขนม ไทย ง่ายๆ เพียงแค่ทำตามขั้นตอนของสูตรสาคูเปียก สูตรข้าวโพดมะพร้าวอ่อน เพียงแค่เพิ่มวัตถุดิบอย่าง เผือก ลงไปด้วย เพียงเท่านี้ก็จะได้ สาคูรวมมิตรตามฉบับขนมไทย ทำเองง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมอร่อยสุดๆ 

สาคู เปียก ข้าวโพด

เคล็ดลับทำสาคูเปียกข้าวโพดมะพร้าวอ่อน เผือก เป็นสูตร ขนม ไทย รวมมิตร ให้อร่อย เริ่มจากการต้มข้าวโพด โดยใส่น้ำให้ท่วมฝักข้าวโพด ต้มเป็นเวลาประมาณ 5-6 นาที จากนั้นนำมาพักไว้ แล้วนำไปฝานให้เป็นเม็ดๆ ส่วนเผือก นำมาปอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ล้างให้สะอาด นำมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ หลังจากนั้นนำมาต้มในน้ำเดือดประมาณ 10 นาที จะได้เผือกเนื้อนุ่มนิ่ม หอมอร่อย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

เปิดครัวไทย ชวนทำ ขนมถ้วย สูตรโบราณ รสชาติ หวาน มัน หอมกลิ่นกะทิสด 

ขนมถ้วย เป็นหนึ่งในเมนูของหวานที่นำเข้ามาโดยคนจีน ซึ่งสมัยก่อนจะเรียกว่า ขนมถ้วยตะไล ส่วนคนจีนจะเรียกว่า ขนมฮวดโก้ย มีความหมายเกี่ยวกับ ความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า จึงทำให้ขนมชนิดเป็นขนมมงคลที่ขาดไม่ได้ โดยนิยมนำมาประกอบพิธีกรรมต่างๆ ไม่ว่าเป็นงานแต่งงาน ไหว้เจ้า เป็นต้น สำหรับวัตถุดิบของขนมมีเพียงแป้งข้าวเจ้า น้ำตาล และกะทิ ใส่ถ้วยตะไลนำไปนึ่งให้สุก เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมที่แสนอร่อยสุดๆ 

ขนมถ้วย

สำหรับใครที่ชอบทานเมนูของหวานไทยแท้ ต้องไม่พลาด เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำ ขนมหวานแสนอร่อยอย่างขนมถ้วย หนึ่งในขนมดั้งเดิมของไทยที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สำหรับขนมถ้วยจะมีรสชาติที่หวาน มัน และเนื้อนุ่มนิ่ม หอมกลิ่นกะทิละมุนสุดๆ อีกทั้งยังเป็นของหวานทานง่าย และทำง่ายอีกด้วย แถมขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อน ที่สำคัญยังใช้ต้นทุนเพียงเล็กน้อยในการซื้อวัตถุดิบ หากทำขายได้กำไรตั้งแต่วันแรกแน่นอน

วิธีทำ ขนมถ้วย เมนูของหวานไทยยอดฮิต ทำง่ายๆ ด้วยตัวเอง 

ขนมถ้วย

ขนม ถ้วย เป็นขนมที่สามารถหาทานได้ง่ายๆ ตามท้องตลาด หรือร้านขายขนมทั่วไป แต่ถ้าใครอยากลองทำขนม ถ้วยตะไลด้วยตัวเองที่บ้าน วันนี้เรามีสูต ร ขนม ถ้วยตะไลใบเตย รสชาติหวานหอมกลิ่นกะทิผสมผสานกับกลิ่นใบเตยได้อย่างลงตัว แถมเนื้อนุ่มนิ่มละมุนลิ้นสุดๆ และวิธีทำขนมถ้วยโบราณอย่างง่ายๆ มาให้ทุกคนได้ทำตาม รับรองทำได้แน่นอน ที่สำคัญยังเป็นขนม ไทยที่สามารถลองทำขายสร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการทำขนมไทยถ้วยตะไลนั้นมีส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งที่ต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้

  1. แป้งท้าวยายม่อม 20 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 70 กรัม
  3. น้ำตาลโตนด 150 กรัม
  4. กะทิสด 250 กรัม
  5. ใบเตย 150 กรัม
  6. ถ้วยตะไล 5-10 ถ้วย
ขนมถ้วย

วัตถุดิบ และส่วนผสมของน้ำกะทิ

  1. แป้งข้าวเจ้า 30 กรัม
  2. หัวกะทิ 300 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 40 กรัม
  4. เกลือ ½ ช้อนชา

สำหรับวัตถุดิบของขนมถ้วยหนึ่งในเมนู ขนม โบราณ ในส่วนของน้ำตาลโตนด ถ้าบ้านไหนไม่มีสามารถใช้น้ำตาลทรายทำขนมแทนได้ แต่สามารถที่ใช้น้ำตาลโตนดเพราะมีความหอม และหวานละมุนลิ้น ตัดกับกลิ่นกะทิได้อย่างลงตัว และถ้าใครไม่มีถ้วยตะไลสามารถใช้ถ้วยแก้วแทนได้เช่นกัน สำหรับขั้นตอนต่อไปนี้เป็นวิธีทำที่คัดมาแล้วว่าทำง่าย และไม่ซับช้อนสามารถทำตามได้

ขนมถ้วย
  1. มาเริ่มจากขั้นตอนทำแป้งกันก่อนเลย โดยนำใบเตยมาปั่นใส่น้ำเล็กน้อย จากนั้นปั่นให้ละเอียดจะได้น้ำใบเตยสีเขียวเข้มเสร็จแล้วกรองเอาเศษใบเตยออก และใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม น้ำตาลโตนด และกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้ง และส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  2. ตักส่วนผสมที่เตรียมไว้ใส่ในถ้วยตะไลปริมาณครึ่งถ้วย จากนั้นเตรียมหม้อนึ่งใส่น้ำ นำไปตั้งไฟปานกลางรอให้น้ำเดือดทำการวางถ้วยตะไลลงไป และนึ่งต่อไปเป็นเวลา 10 นาที 
  3. ในระหว่างที่ขนมสุก เรามาเตรียมน้ำกะทิ โดยนำใส่แป้ง เกลือ และน้ำตาลทราย คนส่วนผสมให้เข้าให้ละลาย จากนั้นใส่หัวกะลงไปคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  4. นำน้ำกะทิที่เตรียมไว้หยอดใส่ในถ้วยขนมที่นึ่งไว้ และปิดฝาหม้อนึ่งต่อไปอีกเป็นเวลา 5 นาที ยกหม้อนึ่งออกจากเตา นำถ้วยขนมออกพักไว้ให้เย็น 
ขนมถ้วย

ขนมถ้วยที่ทำเสร็จแล้วจะมีหน้ากะทิที่แตกมัน และรสชาติหวาน มัน หอมกลิ่นใบเตย อีกทั้งเนื้อขนมมีความนุ่มนิ่ม เรียกว่าเป็นขนมไทย โบราณที่อร่อยถูกปาก และถูกใจสุดๆ และที่สำคัญยังใช้เวลาในการทำเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา แต่อยากทำขนมทานเองในครอบครัว สำหรับที่อยากเรียนทำขนม หวาน ไทยสามารถลองทำเมนูขนมชนิดนี้ดู รับรองว่าทำง่าย และอร่อยแน่นอน

แนะนำสูตรขนมถ้วยใบเตยมะพร้าวอ่อน ขนม ไทย ทำ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก

ขนมถ้วย

อีกหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำคือ ขนมถ้วยใบเตยมะพร้าวอ่อน ซึ่งวิธีทำจะมีความคล้ายกับขนมถ้วยใบเตย แต่จะเพิ่มมะพร้าวอ่อน เพื่อให้ขนมมีรสชาติอร่อยมากขึ้น และยังทำให้เนื้อสัมผัสนุ่มนิ่มมากขึ้น สำหรับสูตรที่ใช้ทำขนม ไทย ง่ายๆ เพียงแค่ใช้สูตรของขนมถ้วยใบเตยได้เลย ส่วนขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำส่วนผสมของแป้ง กะทิ และน้ำใบเตย ผสมให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่ถ้วยขนมครึ่งถ้วย นำไปนึ่ง หลังจากนั้นใส่น้ำกะทิที่ผสมแป้งเสร็จแล้ว หยอดใส่บนหน้าขนม ตามด้วยมะพร้าวอ่อนที่ขูดเรียบร้อยแล้วลงไปด้วย และนึ่งต่ออีก 5 นาที เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมแสนอร่อยพร้อมรับประทาน สำหรับใครที่อยากเพิ่มความอร่อยสามารถทานขนมคู่กับน้ำชาร้อนๆจะทำให้สามารถลดความหวานของขนมได้อย่างลงตัว 

ขนมถ้วย

จบไปแล้วกับการทำขนมถ้วยที่มีรสชาติหวานอร่อยไม่แพ้ซื้อทานตามท้องตลาด แถมขนมไทย ทำเองยังมีความสด ใหม่ และสะอาดอีกด้วย อีกทั้งสูตร ขนม ไทยที่นำมาแชร์เป็นสูตรดั้งเดิมที่หาทานได้ยาก ดังนั้นเราควรอนุรักษ์สูตรขนมชนิดนี้ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทานขนมเมนูขนมหวานโบราณอร่อยๆ ต่อไป และที่สำคัญยังเป็นขนมสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ด้วย เรียกได้ว่า เป็นขนมที่ทำทานเองได้ทั้งครอบครัว และสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

สังขยาไข่ กลิ่นหอม เนื้อเนียนนุ่มละลายลิ้น

สังขยาไข่

สังขยาไข่ แค่เพียงได้เอ่ยนาม ใครก็อยากกิน ด้วยรสชาติของขนมหวานไทย แสนอร่อย หวานละมุนลิ้นจากตัวสังขยาผสมนำ้กะทิและน้ำตาลโตนด เวลากัดกินแต่ละคำ ความรู้สึกนั้น ฟินเสียเหลือเกินแล้วไหนจะข้าวเหนียวนึ่งกะทิ กัดกินไปพร้อมกัน ความลงตัวนั้นเกินคำบรรยาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสารพัดประโยชน์จากไข่ไก่และไข่เป็ด ที่ขึ้นชื่อว่า มีโปรตีนสูง เพียงเท่านี้ เราก็จะได้รับทั้งความอร่อยและประโยชน์แล้วค่ะ

ในส่วนของที่มาเมนูสังขยานั้น ในภาษามลายูเรียกว่า “กายา” เป็นขนมที่อยู่คู่วิถีชีวิตชาวไทยมาช้านานแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเลยก็ว่าได้ แต่เดิมเป็นขนมโปรตุเกส เพียงแค่เรามาดัดแปลงให้เข้ากับจริตของคนไทยรวมถึงวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น นิยมนำมากินคู่กับฟักทอง ข้าวเหนียวนึ่ง ซึ่งแต่เดิมมีเพียงแค่ข้าวเหนียวนึ่งสีขาวเท่านั้น ทว่าวิวัฒนาการในการทำขนมที่มีแต่พัฒนาขึ้น ทำให้มีการปรับสูตร นำสีจากพืชสมุนไพรในบ้านมาผสม เพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารไปจนถึงรูปลักษณ์ขนมที่ดูน่ากินมากขึ้นค่ะ

สังขยาไข่ วัตถุดิบ

สังขยาไข่

ขนมอร่อย วัตถุดิบต้องพร้อม สำหรับเมนูสังขยาในวันนี้ที่เรากำลังเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ลองหัดทำกันนั้น จะเป็น ขนมสังขยาไข่ ที่ในส่วนของวัตถุดิบที่จะหามาใช้ทำขนมนั้น เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ในครัวเรือน หรือจะซื้อตามตลาดนัดใกล้บ้านก็ยังสะดวกค่ะ ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าว ใช้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่ได้ความอร่อยฟิน ๆ กลับมา แล้วแบบนี้ใครล่ะจะอดใจไหว ไม่ลองหัดทำ เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า วัตถุดิบที่เราต้องเตรียมหาซื้อมา มีอะไรกันบ้าง ?

ส่วนประกอบ

ไข่เป็ด 4 ฟอง

ไข่ไก่ 1 ฟอง

น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ

หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร

น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลโตนด แท้ 100 กรัม 

เทคนิค : แนะนำให้ลองชิมดูทุกครั้งเวลาผสมนะคะนั่นหมายความว่าปริมาณในการนำน้ำตาลมาใช้ อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นตามความชอบได้อีก ทั้งนี้เพราะ น้ำตาลในแต่ละท้องที่นั้น ค่อนข้างมีความแตกต่างในเรื่องของความหวานกันค่ะ

ใบเตยหอมประมาณ  2-3 ใบ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

สังขยาไข่

ความพร้อมของอุปกรณ์เป็นเรื่องสำคัญ ของกินจะอร่อยหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่สูตรและวิธีทำเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากยังหมายรวมถึงอุปกรณ์จำเป็นในการทำสังขยาไข่ ค่ะ ซึ่งต้องพร้อมและเตรียมเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น

  1. ลังถึง
  2. ชามผสม
  3. กระชอน
  4. ผ้าขาวบาง

วิธีทำสังขยาไข่

ภายหลังเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์จนพร้อม ก็มาถึง วิธีทําสังขยาไข่  กันค่ะ ซึ่งขั้นตอนการทำนั้น อาจทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกประหลาดใจกันได้นะคะว่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย รู้แบบนี้ หัดทำเสียตั้งแต่ตอนแรกแล้วค่ะ

ขั้นตอนที่ 1  สังขยาไข่ สูตรนี้ มีวิธีทำอันแสนง่าย เริ่มต้น ให้นำไข่เป็ดและไข่ไก่ตอกใส่ชามผสมทั้งฟอง ตามด้วย หัวกะทิ น้ำเปล่า น้ำตาลโตนด โดยเรามีสูตรสังขยาไข่ สูตรเด็ดเพื่อนำมาใช้เพิ่มกลิ่นหอมดับกลิ่นคาวในไข่เป็ดให้กับผู้ที่สนใจทำนั่นก็คือ ให้นำใบเตยขยำไปพร้อมกับส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันดี เมื่อเสร็จในขั้นตอนนี้ ให้นำส่วนผสมดังกล่าว มากรองด้วยผ้าขาวบาง หรือจะเปลี่ยนเป็นกระชอนสำหรับกรองส่วนผสมดังกล่าวก็ได้ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อทำให้เนื้อสังขยาดูเนียนและน่ากินค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 เตรียมความพร้อมให้กับการทำสังขยาไข่ โดยเทน้ำเปล่าลงไปในลังถึง รอกระทั่งน้ำร้อนจัด ให้เอาสังขยาลงไปนึ่งโดยมีเทคนิคดังนี้

ถ้าต้องการให้เนื้อดูฟู ใช้ไฟแรง

ถ้าต้องการให้เนื้อดูเนียนละเอียด ให้ใช้ไฟอ่อน ทำการนึ่งค่ะ

ในกรณีใช้ไฟกลาง ใช้เวลานึ่งเพียงไม่นาน แค่ 15-20 นาทีเท่านั้นค่ะ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น อยู่ที่ขนาดของภาชนะที่เราเทส่วนผสมสังขยาลงไปนึ่งอีกด้วยค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทำสังขยาไข่ เสียทีนะคะ นั่นก็คือ ภายหลังจัดการนำส่วนผสมของสังขยาไปนึ่งจนสุกแล้ว รอให้เย็นลงสักพักแล้วค่อยยกลงจากเตา เตรียมข้าวเหนียวมูลเอาไว้ให้พร้อม จะเป็นข้าวเหนียว 3 สีก็ได้ เช่น สีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากดอกอัญชัน และสีเหลืองจากขมิ้น ให้พร้อม ตักสังขยาขึ้นมาจากชามผสมกินคู่กับข้าวเหนียว รับประกันได้เลยว่า เป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานไทย แสนอร่อย เคียงคู่ครัวไทยไปอีกแสนนานกันเลยทีเดียวค่า

สังขยาไข่

สังขยาไข่ เมนูขนมไทย ขึ้นชื่อแสนง่าย กินคู่กับข้าวเหนียวมูลนึ่ง อร่อยล้ำจนหยุดไม่ได้ ใครอยากกิน ทำกินเองได้เลยค่ะเพราะเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ในส่วนของประโยชน์ ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่ทำมาจากไข่เป็ดและไข่ไก่ จึงเต็มไปด้วย โปรตีนจากไข่ พลังงานจากกะทิสดนึ่ง ใครกินเป็นต้องติดใจ อร่อยและดีต่อสุขภาพจนลืมไม่ลงกันเลยทีเดียวค่า

Categories
ขนมไทย

ลูกชุบ ผลไม้จิ๋ว อร่อยละมุน กินดีไม่มีหยุด

ลูกชุบ

เพื่อน ๆ คงเคยเห็น ลูกชุบ ขนมหวานแบบไทย ๆ ที่นำมาปั้นเป็นสารพัดรูปทรงไม่ว่าจะเป็นรูปผลไม้ เช่น มะม่วง พริกสดสีแดง แครอท มะเขือม่วง มังคุด ไปจนถึง ทำออกมาเป็นชุดอาหารอย่าง ชุดน้ำพริกปลาทูไปจนถึงรูปทรงสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ หลายชนิดตามแต่ผู้ปั้นจะรังสรรค์ออกมาเป็นรูปทรงจากนั้นถึงนำมาเคลือบกับผงวุ้นซึ่งรูปทรงดังกล่าวที่เราเห็นนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราที่เป็นลูกค้าจนนำมาสู่การตัดสินใจสั่งซื้อมากินค่ะ ซึ่งในส่วนของรสชาตินั้น เป็นขนมหวานไทยแสนอร่อย ที่มีรสหวานกำลังดี ละมุน ๆ ด้วยส่วนผสมของน้ำกะทิ กัดกินแต่ละคำ ทำให้มีรอบสอง รอบสามตามมาเรื่อย ๆ ค่ะ

ลูกชุบ วัตถุดิบและส่วนผสม

ลูกชุบ

วัตถุดิบในการทำขนมลูกชุบ หลัก ๆ เลย ทำมาจากถั่วเขียวต้มสุกจากนั้นนำมากวนแล้วถึงจะปั้นเป็นก้อนกลม ส่วนจะเป็นรูปทรงอะไรนั้น ตามแต่ผู้ปั้นรังสรรค์ขึ้นมาได้เลยค่ะ ถ้าจะถามว่า วิธีการทำนั้น ยากหรือเปล่า ก็ขอให้ลองติดตามอ่านจากบทความดูนะคะ แล้วจะรู้เองว่า สามารถทำได้หรือเปล่า มาถึงหัวข้อนี้ เกี่ยวกับวัตถุดิบที่ต้องเตรียม มีอะไรบ้าง ?  ตามมาได้เลยค่ะ 

วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำถั่วกวน

  • ถั่วเขียวเราะเปลือกนำไปนึ่งประมาณ ครึ่งกิโลกรัมหรือ  500 กรัม
  • น้ำตาลทรายประมาณ 250 กรัม
  • กะทิประมาณ 250 มิลลิลิตร
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา

ส่วนผสมในการทำ ลูกชุบ

  • ถั่วกวน 500 กรัม
  • สีผสมอาหาร (ตามสีจริงของรูปทรงที่ปั้น 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร (สำหรับแช่วุ้น)
  • ผงวุ้น (ตรานางเงือก) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 450 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนโต๊ะ

อุปกรณ์ในการทำลูกชุบ

ลูกชุบ

เป็นอีกหนึ่งของหวานไทย แสนอร่อยที่เราไม่ควรพลาดที่จะลองฝึกทำดูนะคะ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนนำมาใช้งานได้เลย ซึ่งอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมนั้น มีดังนี้

  • กะทะทองเหลือง ไว้สำหรับกวนถั่ว
  • ไม้พาย
  • โถปั่น
  • ลังถึงไว้สำหรับนึ่ง

วิธีในการทำลูกชุบ

และแล้วก็มาถึงวินาทีที่สาวกขนมไทย ต่างกำลังตั้งตารอคอยนั่นก็คือ ขั้นตอนในการทำ อยากรู้เสียเหลือเกิน จะมีความยากหรือง่ายประการใด ต้องลองศึกษาดูนะคะ ไม่แน่ว่า พอลองทำไปสักพัก ใครจะไปรู้ ทำคล่องและอร่อยขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็สามารถดัดแปลงรับสั่งทำขนมขายเนื่องในโอกาสพิเศษ ๆ ได้เลยค่ะ เช่น รับจัดเลี้ยง จัดเบรคเบา ๆ ระหว่างประชุม เป็นต้น

ขั้นตอนการทำลูกชุบ ขั้นตอนแรก ให้นำถั่วเขียวที่ทำการเราะเปลือกแล้ว ไปแช่น้ำประมาณ 3 ชั่วโมง พอครบตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า จากนั้น นำไปนึ่งในลังถึง นึ่งให้ถั่วเขียวเราะเปลือกสุกและนิ่มกำลังดีค่ะอันเป็นอีกหนึ่งวิธีทําลูกชุบ เบื้องต้นค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 ก่อนจะนำมาปั้นเป็นตัวขนมลูกชุบ นำถั่วเขียวเทลงในโถปั่น ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ กะทิ ปั่นส่วนผสมดังกล่าวทั้งหมดให้เนียน ดูเข้ากันดีจากนั้นเทใส่กะทะ ขั้นตอนนี้ให้ใช้ไฟอ่อน กวนกระทั่ง ถั่วเขียวแห้ง เวลาปั้นแล้วต้องรู้สึกว่า ไม่ติดมือ 

ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสำคัญเสียทีนะคะ กว่าจะได้ขนมลูกชุบ สวย ๆ มากิน ก็ต้องนำถั่วเขียวกวนขึ้นมาจากกะทะ จากนั้นพักให้เย็น แล้วนำไปอบควันเทียนประมาณ 30 นาที ประมาณ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ก็ให้นำถั่วกวนมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามชอบได้เลย แล้วนำรูปทรงที่ปั้นแล้ว ไปเสียบในไม้เสียบลูกชิ้น นำขนมลงไปชุบสีผสมอาหารที่เราได้เตรียมเอาไว้แล้วนำมาปักลงบนกล่องโฟม รอกระทั่งแห้ง ระหว่างนั้น เตรียมน้ำเปล่า 200 มล.ผสมผงวุ้น แช่น้ำไว้แล้วรอผงวุ้นเซ็ทตัวประมาณ 20 นาที เทน้ำวุ้นลงไปในหม้อที่มีส่วนผสมของน้ำเปล่าประมาณ 450 มล ใช้ไฟอ่อน ผสมน้ำตาลลงไปอีกครั้ง ต้มจนวุ้นละลายแล้วยกลงจากเตา รอจนน้ำวุ้นอุ่น ๆ ก็ให้นำขนมมาชุบน้ำวุ้นกันได้เลย 1-2 รอบ รอจนแห้ง ก็ให้เอาขนมออกจากไม้เสียบลูกชิ้น จากนั้นตัดแต่งขนมให้สวยงามตามชอบ นี่คือขั้นตอนสุดท้ายในการ ทําลูกชุบ จากนั้นประทานได้เลย

ลูกชุบ

ลูกชุบ ขนมอร่อยที่ใครได้ลองชิม เป็นต้องติดใจกันทุกคน และยิ่งสำหรับใครที่มีหัวครีเอทเกี่ยวกับการปั้นแต่งขนมเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ ยิ่งเป็นการดี ในส่วนของประวัติลูกชุบ คราวหน้าจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร ? แล้วเหตุใดถึงเป็นที่นิยมค่ะ

Categories
ขนมไทย

ลอดช่องอัญชัน ขนมหวานคลายร้อน

เมนูขนมไทยสูตรโบราณวันนี้แนะนำ ลอดช่องอัญชัน เมนูขนมหวานคลายร้อนต้อนรับหน้าร้อนอันแสนทรหดด้วยความหอมหวานสดชื่นไปกับลอดช่องอัญชันที่ทำขึ้นจากสมุนไพรอย่างเช่นดอกอัญชันที่ให้ทั้งประโยชน์และให้สีที่สวยงามอย่างสีฟ้านั่นเองโดยทั่วไปเมนูขนมลอดช่องจะได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงขนมจนกลายเป็นขนมที่ไม่ใช่ขนมไทยแบบโบราณที่เคยเป็นมาแต่ก่อน ซึ่งวันนี้เราได้นำเมนู ขนมไทยโบราณ ชนิดนี้มาทำการเผยแพร่ให้คนชอบทานลอดช่องได้ทำทานกันง่ายๆที่บ้านทั้งได้ความหอมอร่อยลงตัวทั้งได้สุขภาพที่ดีไปด้วยแม้จะไม่ได้ มีประโยชน์ มากแต่อย่างใดแต่ก็ยังได้รับประโยชน์บ้างจากการทานของหวานเพื่อคลายความร้อนของเมืองไทยเราเลยจ้า

ลอดช่องอัญชัน

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ ลอดช่องอัญชัน

     สำหรับขนมไทยอย่าง ลอดช่องอัญชัน เป็นขนมที่ต้องใจเย็นในการทำเพราะต้องกลั่นกลองออกมาจากความรู้สึกและความชอบในการทำจริงๆวัตถุดิที่ใช้ทำขนมไม่ใช่เส้นลอดช่องสำเร็จแต่เป็นวิธีการนำแป้งมาผสมน้ำอัญชันและบีบลงในน้ำร้อนเดือดเพื่อให้ เส้นลอดช่องอัญชัน แบบที่เราได้จัดนำเสนอขึ้นแบบที่เรียกว่าร้อนๆหอมๆลงตัวในหนึ่งถ้วยเลยนั่นเองค่ะ

สัดส่วนและส่วนผสม

  1. แป้งมัน 2 ถ้วย 
  2. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ 
  3. น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร 
  4. ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม 
  5. แป้งมัน สำหรับนำมาทำเป็นแป้งนวล 
  6. ตัวลอดช่องอัญชัน ตามต้องการ 
  7. ขนุนสุกฉีกเป็นเส้นยาว ตามต้องการ 
  8. น้ำเชื่อม ตามต้องการ (น้ำตาลทรายแดง 2 ถ้วย+น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย)
  9. กะทิสด ตามต้องการ 
  10. น้ำแข็งบดละเอียดตามต้องการ
ลอดช่องอัญชัน

ขั้นตอนและวิธีการทำ “ลอดช่องอัญชัน”

     สำหรับขั้นตอนและวิธีการทำ ลอดช่องอัญชัน ถือเป็นเมนูทำง่ายหนึ่งเมนูขอเพียงมีเวลาในการทำและเข้าใจหลักการในการทำเพียงเท่านี้ก็ทำให้สามารถทานลอดช่องเพื่อสุขภาพนี้ได้เลยง่ายๆที่บ้าน โดยการทำลอดช่องนี้เป็นการผสมผสานเเป้งเข้ากับอัญชันเพื่อเป็นรสสัมผัสแบบโบราณ และเป็นความอร่อยที่ถูกปากคนทุกวัยซึ่งเราวิธี การทำลอดช่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาฝากซึ่งสามารถทำได้เลยตามขั้นตอนด้านล่างนี้

ขั้นตอนการทำลอดช่องอัญชัน

  1. นำหม้อขึ้นตั้งบนเตาแก๊ส จากนั้นใส่น้ำเปล่าลงไปเปิดไฟกลาง เมื่อน้ำเริ่มเดือดให้ใส่อัญชันอบแห้งลงไป เมื่อน้ำเริ่มเปลี่ยนสีให้ช้อนอัญชันอบแห้งออกแล้วปิดไฟ
  2. นำแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันเทลงในชามผสม จากนั้นเทน้ำอัญชันที่ร้อนจัดลงไปในแป้งอย่างรวดเร็ว 
  3. ถ้าหากน้ำไม่ร้อนจัดจะทำให้แป้งอุ้มน้ำ และไม่สามารถทำลอดช่องได้ ต้องเททิ้งอย่างเดียวเลยค่ะ
  4.  รอให้แป้งอุ่นแล้วใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นก้อนเดียว ใช้แป้งนวลโรยเขียงตอนนวดแป้งจะทำให้  แป้งไม่ติดเขียงค่ะ เมื่อแป้งได้ที่แล้วคลุมด้วยแร็ปเพื่อนำไปรีดและตัดเป็นเส้น 
  5. นำแป้งลอดช่อง (STEP 1) มารีดให้เป็นแผ่นความหนา 1/4 ซม. แล้วนำไปตัดเป็นเส้น ๆ ขนาดความยาว 3 นิ้ว 
  6. ต้มน้ำให้เดือดจัดแล้วใส่เส้นลอดช่องลงในหม้อ รอจนแป้งสุกและลอยขึ้นค่อยตักแป้งแช่น้ำในน้ำเชื่อมเย็น เพื่อให้เส้นลอดช่องเหนียวไม่ติดกันและเละค่ะ
  7. ตักเส้นลอดช่องอัญชันลงในแก้วที่ต้องการจัดเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำแข็งบด ต่อด้วยการราดด้วยน้ำเชื่อมและกะทิ โรยขนุนฉีกด้านบน เท่านี้ก็พร้อมฟินกันแล้ว
ลอดช่องอัญชัน
Categories
ขนมไทย

“ขนมทองหยิบ” ขนมไทยหวานฉ่ำ

“ขนมทองหยิบ” ขนมไทยหวานฉ่ำ

     สำหรับขนมไทยอย่าง ขนมทองหยิบ เป็นขนมโบราณที่ได้กำเนิดมาจากหญิงสาวที่ได้ถูกบังคับให้มาแต่งงานกับชาวต่างชาติซึ่งเขานั้นได้คิดค้นสูตรขนมหวานแสนฉ่ำหอมอร่อยอย่างทองหยิบขึ้น ซึ่งขนมชนิดนี้จะให้รสสัมผัสหวานฉ่ำละมุนลิ้นแบบที่หยุดกินเป็นต้องอยากกินอีกแน่นอนด้วยรสชาติของขนมที่ทำจากไข่และผสมกับน้ำตาลให้มีความหวานและหอมใบเตยจากการบีบคั้นเล็กน้อยทำให้ได้กินอ่อนๆของความเป็นทองหยิบ ทองหยิบจึงขึ้นชื่อเป็น ขนมหวานไทย ที่อร่อยถูกปากคนชอบทานหวานเลยทีเดียวเชียวจ้า

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ “ขนมทองหยิบ”

     สำหรับเมนูขนมไทยโบราณอย่าง ขนมทองหยิบ ถือเป็นเมนูขนมที่ค่อนข้างใช้วัตถุดิบน้อยจริงๆมีเพียงไม่เกิน 4 อย่างก็ได้ขนมแสนอร่อยชนิดนี้ไว้ทานแก้เหนื่อย หรือทำทานในเวลามีงานก็ถือเป็นขนมหวานอย่างหนึ่งที่ทำเอาชาวไทยของเราชอบทานเป็นอันมาก แม้แต่ชาวฝรั่งเศษที่ได้เข้ามาทานขนมทองหยิบที่ไทยยังต้องยกนิ้วให้กับความหอมอร่อยกลมกล่อมแบบนี้เลยทีเดียวจ้า และขนมทองหยิบนี้นอกจากใช้วัตถุดิบน้อยยังเป็น ขนมหวานทำง่าย ที่แนะนำให้ลองทำทานกันที่บ้านง่ายๆได้เลยจ้า

สัดส่วนและส่วนผสม

  1. ไข่ไก่ 25 ฟอง
  2. น้ำตาลทราย 500 กรัม
  3. ใบเตย 15 ใบ
  4. กลิ่นมะลิ (กรณีไม่มีไม่ใช่ก็ได้)

ขั้นตอนและวิธีการทำ “ขนมทองหยิบ”

     สำหรับขั้นตอนในการทำ ขนมทองหยิบ ถือเป็นวิธีการทำขนมอย่างง่ายจริงๆสำหรับการทำเมนูขนมหวานนี้เพราะนอกจากจะใช้วัตถุดิบน้อยแสนน้อย แต่ยังคงต้องมีการใช้แรงในการทำสักหน่อยการทำขนมไทยทำได้ง่ายแต่ต้องมีเวลาในการทำ และมีใจรักมีความปราณีตอาหารจึงจะออกมาสวยงามดีสมคำล่ำถือและรสสัมผัสที่เคยมีนั่นเองถือเป็น เมนูขนมอร่อยๆ ที่ไม่ควรพลาดกันเลยทีเดียวจ้า

ขั้นตอนในการทำขนมทองหยิบ

  1. นำน้ำตั้งไฟอ่อนจากนั้นรอน้ำเดือดแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไปหมั่นคนจนน้ำตาลละลายดีจากนั้นปิดไฟและเอาลงจากเตาจากนั้นพักทิ้งไว้ให้เย็นตัวแล้วกรองด้วยผ้าเขาบางจนหมดหม้อจากนั้นพักไว้ก่อน
  2. เทน้ำเชื่อมลงในกระทะทองเหลืองขั้นตอนนี้จะใช้ไฟกลางในการใช้การทำขนม ซึ่งต้องรอจนน้ำเชื่อมร้อนดีแต่ไม่ให้น้ำเชื่อมเดือดจากนั้นเตรียมขั้นตอนต่อไป
  3. ตีผสมไข่แดงจนขึ้นฟูและตักหยอดลงในน้ำเชื่อมพอสุกทั้งสองด้านตักขึ้นแล้วพักไว้ให้เย็นแล้วจับจีบให้สวยงามด้วยความปาณีตการจับจีบต้องรอให้ขนมของเราเย็นหรือพออุ่นๆก่อนจึงจับได้จากนั้นวางใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

 

 

 

 

เว็บบอล