Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตรขนม มัฟฟินกล้วยหอม เนื้อกล้วยจัดเต็ม หวานอร่อยกำลังดี

มัฟฟินกล้วยหอม

กล้วยหอม เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่คนไทยชอบทาน เพราะรสชาติของกล้วยหอมมีความหวาน หอม เนื้อแน่น ทานไม่ทุกวันไม่มีเบื่อ ส่วนบ้านไหนที่ปลูกกล้วยหอม แล้วทานไม่หมด จะทิ้งก็เสียดาย วันนี้มีขนมสูตรกล้วยมาให้ติดตาม นั่นก็คือ มัฟฟินกล้วยหอม เป็นขนมเค้กที่ใส่กล้วยหอม ทำให้ขนมมีกลิ่นหอมของกล้วย และเนื้อแป้งที่นุ่มเด้ง ส่วนเนื้อสัมผัสที่นุ่มอัดแน่นไปด้วยเนื้อกล้วยเน้นๆ อร่อยฟินทุกคำ ส่วนวิธีทำมีหลายคนคิดว่าจะทำยากมาก แต่แท้จริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด นอกจากนี้ยังสามารถทำขนมเค้กสูตรมัฟฟินกล้วยหอม ไร้แป้ง ซึ่งเป็นสูตรที่ไม่ใช้แป้งแต่จะใช้ข้าวโอ๊ตแทน เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพสุดๆ 

วิธีทำ มัฟฟินกล้วยหอม ให้อร่อย เนื้อเค้กนุ่มเด้ง เนื้อกล้วยจัดเต็ม

มัฟฟินกล้วยหอม

เชื่อว่าหลายคนคงเคยทาน มัฟฟิน กล้วยหอม ที่แสนอร่อยไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า วิธีทำมัฟฟิน กล้วยหอม นั้นง่ายมากๆ และขั้นตอนไม่ยุ่งยาก สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ฝึกทำขนมก็สามารถทำขนมชนิดนี้ได้ โดยรสชาติขนมที่ทำออกมานั้นมีความหวาน หอม เนื้อเค้กนุ่มนิ่ม แถมยังอัดแน่นไปด้วยเนื้อกล้วยหอมแบบจัดหนักจัดเต็ม ที่สำคัญขนมกล้วยหอมยังเหมาะสำคนรักสุขภาพอีกด้วย เพราะสามารถทำเป็นขนมกล้วยสูตรคลีน หรือสูตรไร้แป้ง แบบง่ายๆ แถมรสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์สูตร มัฟฟินกล้วยหอมหวานน้อยมาให้ทุกคนได้ติดตามกัน 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

มัฟฟินกล้วยหอม
  1. กล้วยหอมสุกหอม 200 กรัม
  2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  3. ผงฟู 1 ช้อนชา
  4. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  5. เบกิ้งโซดา 150 กรัม
  6. เกลือ ½ ช้อนชา
  7. เนยละลาย 50 กรัม
  8. แป้งอเนกประสงค์ 200 กรัม

สำหรับส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมนั้นเป็นของ สูตรมัฟฟินกล้วยหอม น้ำตาลน้อย แต่ถ้าใครที่ชอบความหวานปกติสามารถเติมน้ำตาลเพิ่มได้ ส่วนวิธีทำสามารถทำตามได้ดังนี้

มัฟฟินกล้วยหอม
  1. ขั้นตอนแรกนำกล้วยหอมมาบด โดยเลือกกล้วยหอมที่มีความสุกงอมมาปลอกเปลือก และบดกล้วยให้ละเอียด เมื่อกล้วยบดละเอียดแล้วพักไว้ก่อน หลังจากนั้นมาเตรียมเนยสด น้ำตาลทราย ไข่ไก่ลงไปตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน โดยใช้เครื่องทำขนม เสร็แล้วใส่กล้วยหอมที่ทำการบดไว้แล้วลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกรอบ 
  2. นำมาแป้ง และผงฟู เบกิ้งโซดา และเกลือป่น มาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง โดยเราจะไม่ใส่ทั้งหมดทีเดียว แต่จะแป้งเทใส่ 2 รอบ เพราะช่วยให้แป้งผสมเข้ากับส่วนผสมอื่นได้เร็วขึ้น
  3. เมื่อตีแป้งเป็นเนื้อเดียวกันเรียบร้อยแล้ว ให้นำมาตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ จากนั้นโรยหน้าด้วยซ็อกโกแลตชิพ นำไปอบในเตาอบที่อุณภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-25 นาที พร้อมเปิดไฟบน-ล่าง ตามด้วยพัดลม หลังจากที่อบเสร็จแล้ว ให้นำมาพักไว้บนตะแกรง เพียงเท่านี้ก็เป็นเสร็จเรียบร้อย
มัฟฟินกล้วยหอม

สำหรับวิธีทำขนมมัฟฟินกล้วยหอมให้มีความอร่อยมากขึ้น โดยก่อนนำมารับประทานให้นำขนมกล้วยหอมไปแช่ในตู้เย็นข้ามคืนจะช่วยให้เนื้อเค้กมีความชุ่มฉ่ำมากขึ้น และยังทำให้มีกลิ่นกล้วยหอมที่เข้มข้นขึ้น สำหรับสูตร มัฟฟินกล้วยหอมที่เรานำมาแชร์นั้นเป็นสูตรหวานน้อย ดั้งนั้นคนที่กลัวอ้วนสามารถทานเมนูขนมหวานชนิดนี้ได้แน่นอน เพราะขนมมีปริมาณแคลลอรี่น้อย แถมรสชาติยังอร่อยถูกใจทุกคำ เคี้ยวเพลินสุดๆ 

แนะนำขนมมัฟฟินกล้วยหอม สูตรข้าวโอ๊ต อร่อย และได้สุขภาพ

มัฟฟินกล้วยหอม

สำหรับใครรักสุขภาพ แต่อยากทานขนมหวานแสนอร่อย และมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ขอแนะนำมัฟฟินกล้วยหอม สูตรข้าวโอ๊ต รสชาติหวาน หอมกลิ่นกล้วย และข้าวโอ๊ตชัดเจน ส่วนวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ โดยสามารถทำตามสูตรเบเกอรี่ขนมเค้กกล้วยหอมที่เรานำมาแชร์ได้เลย โดยเปลี่ยนจากแป้งอเนกประสงค์เป็นข้าวโอ๊ตปริมาณ 2 ถ้วย และ เปลี่ยนจากน้ำตาลทรายเป็นน้ำผึ้ง หรือสารให้ความหวานแทน และเพิ่มกรีกโยเกิร์ตอีก 1 ถ้วย เมื่อได้ส่วนผสมแล้วนำมาผสมให้เข้ากันตามขึ้นตอนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ได้เลย เสร็จแล้วจะได้ขนมเค้กกล้วยหอมสูตรข้าวโอ๊ตที่แสนอร่อยไม่เหมือนใคร แถมยังสามารถทำทานได้ทุกวัน พร้อมเป็นขนมหวานที่ทานรองท้องแล้วอิ่มนาน ไม่หิว ไม่อ้วนอีด้วย

มัฟฟินกล้วยหอม

ขนมมัฟฟินกล้วยหอมนั้น ถือว่าเป็นเบเกอรี่ทำเองได้ทุกวัน โดยไม่ต้องไปทานที่ร้านให้เสียเงิน แถมขนมเค้กที่ทำเองนั้นมีความอร่อยไม่แพ้ทานที่ร้านดังๆ อีกด้วย และที่สำคัญยังสามารถทำได้หลายสูตร ทั้งสูตรขนมเค้กกล้วยหอมหวานน้อย สูตรคลีน เพื่อสุขภาพก็สามารถทำได้หมด และอร่อยด้วย

Sagame เป็นเว็บไซต์เกมที่มีคุณภาพและน่าเล่นที่สุดในไทย มาร่วมสนุกกับเกมออนไลน์ที่น่าตื่นเต้นและไม่มีเหตุผลเพื่อออกไปเล่นที่อื่น

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

เมนูยอดนิยม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน กรุบกรอบ เนื้อแป้งนุ่มหนึบหนับ หวานละมุน

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

สำหรับใครที่กำลังมองหาขนมหวานโบราณทาน แต่ไม่รูว่าจะทานขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำ บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เป็นขนมหวานที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นขนมที่สามารถหาทานได้ทั่วไปตามตลาดนัดโซนอาหาร หรือตามแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วไป สำหรับรสชาติของบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนมีรสชาติที่หวาน หอมละมุนลิ้นสุดๆ ที่สำคัญวิธีทำขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนนั้นง่ายแสนง่าย เพียงแค่มีแป้ง กับมะพร้าวอ่อนก็สามารถทำได้แล้ว

เข้าครัวไทย ชวนทำ บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นมะพร้าวอ่อน ชื่นใจ

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เป็นขนมที่สามารถทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ เพราะเนื้อขนมมีความนุ่มนิ่ม หนึบหนับ และอร่อยสุดๆ อีกทั้งยังเป็นขนมที่สามารถเก็บไว้ทานในวันถัดไปได้ด้วย สำหรับใครที่อยากลองทำขนมบ้าบิ่นทานเองที่บ้าน แต่กลัวว่าจะยากเลยไป ต้องบอกเลยว่าขนมบ้าบิ่นเป็นขนมที่ทำง่ายมีขึ้นตอนไม่ยุ่งยาก ซึ่งเรามีสูตรบ้าบิ่นกรอบนอกนุ่มในมาให้มือใหม่ทุกคนได้ลองทำตาม รับรองว่ารูปร่างหน้าตาของขนมที่ได้มีความน่าทานแน่นอน และรสชาติอร่อยตามสูตรบ้าบิ่นโบราณที่เคยทานในร้านขนมชัวร์ๆ 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วย
  2. กะทิสด ½ ถ้วย
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  4. เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ½ ถ้วย
  5. เกลือป่น ½ ช้อนชา

ในลำดับต่อมาจะเป็นขั้นตอนการทำ สูตรบ้าบิ่น มะพร้าวอ่อน ซึ่งขั้นตอนที่นำมาแชร์นั้น ถือว่าเป็นขั้นตอนอย่างง่ายสามารถทำตามได้แบบไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังใช้ส่วนผสมเพียงน้อยนิด นอกจากนี้วัตถุดิบที่ใช้ไม่หมดสามารถเก็บไว้ใช้ในทำขนมครั้งต่อไปได้ เรียกว่าวัตถุดิบเพียงครั้งเดียวสามารถใช้ทำขนมได้หลายครั้งเลยทีเดียว และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาลงมือทำขนมแสนอร่อยกันเลย 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน
  1. มาเริ่มที่การนำส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวดำ น้ำตาลทราย กะทิ และเกลือป่น มาเทใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน จนกว่าน้ำตาลทรายจะละลาย ต่อมาให้ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง 
  2. เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว ในขั้นตอนต่อไปนำกระทะตั้งไฟปานกลาง จากนั้นทาน้ำมันพืชที่กระทะบางๆ จากนั้นใช้ช้อนตักส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไปขนาดตามใจชอบ จิ่ให้พอสุก และกลับด้านขนม เมื่อขนมสุกเหลืองให้ตักวางใส่จานให้สวยงาม หรือจะจัดใส่กระทงใบตองสวยๆ รอให้ขนมเย็นพร้อมเสิร์ฟ โดยสามารถทานขนมบ้าบิ่นคู่กับชาร้อนๆ หรือจะเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ อย่าง ชาเขียว กาแฟ จะช่วยตัดความหวานของขนมลงได้ แถมยังอร่อยจนไม่สามารถหยุดทานได้เลยทีเดียว 
บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

วิธีการทำ บ้าบิ่น มะพร้าวอ่อน แบบสูตรขนมไทยโบราณจะต้องใช้เนื้อมะพร้าวปานกลาง ไม่ควรใช้มะพร้าวอ่อนมากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อขนมไม่มีความกรุบกรอบ และไม่ควรใช้เนื้อมะพร้าวแก่ เพราะจะทำให้เวลาทานขนมเนื้อมะพร้าวจะแข็งเกินไป ทำให้ขนมไม่อร่อยนั่นเอง และขั้นผสมแป้งเนื้อแป้งจะต้องไม่เละเกินไป เพราะเมื่อนำแป้งไปจี่ในกระทะจะทำให้แป้งเหลวเกินไป เนื้อแป้งไม่นุ่มหนึบหนับนั่นเอง และหากทานไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 

แชร์สูตรขนมยอดนิยม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนโบราณ อย่างง่าย 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

หลังจากลองทำขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนไปแล้ว และอีกหนึ่งสูตรที่อยากให้ลองทำตามคือ  บ้าบิ่นโบราณ เป็นขนมไทยที่สูตรดั้งเดิมสมัยอดีต โดยใช้ส่วนผสมเป็นแป้งข้าวเหนียวธรรมดา 200 กรัม น้ำตาลทราย 100 กรัม เกลือ ½ ช้อนชา และน้ำเปล่า 100 กรัม ตามด้วยไม่พร้าวขูด 300 กรัม นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำกระทะตั้งเตาใช้น้ำมันทากระทะ และตักแป้งผสมไว้จี่ในกระทะร้อน เมื่อแป้งเหลืองให้กลับด้านรอให้อีกด้านสุกดีแล้วตักขึ้นมาใส่จาน และรอให้เย็นก็สามารถรับประทานได้เลย

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

สำหรับบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ที่ทำเองนั้นเป็นขนมไทยโบราณสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการ และสามารถใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนได้ตามใจชอบ และที่สำคัญเมนูขนมไทยอย่างขนมบ้าบิ่นยังเป็นขนมที่ใช้งานมงคลต่างๆ ไม่ว่าเป็นงานบวช หรืองานแต่ง เพราะขนมชนิดนี้ถือว่าเป็นขนมที่ใช้เลี้ยงแขกบ้านแขกเมืองได้แบบไม่อั้น เพราะมีขั้นตอนที่ทำง่าย และทำได้ในปริมาณมากได้ด้วย และที่สำคัญขนมบ้าบิ่น เมนูขนมไทยโบราณที่ทำทานแล้วจะติดใจจนอยากทำอีก เพราะรสชาติ และแป้งที่มีความหนุบหนึบที่มาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ และความหอมของมะพร้าว ทำให้ยิ่งทานยิ่งอร่อยสุดๆ ไปเลย

ค้นพบวิธีชนะในเกม ไฮโลไทยได้เงินจริง และเรียนรู้เทคนิคที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จในเกมนี้ อ่านเนื้อหาน่าสนใจและแหล่งข้อมูลคุ้มค่าเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตรขนมยอดฮิต มัฟฟินช็อคโกแลต หวาน หอมกลิ่นซ็อคโกแลต

มัฟฟินช็อคโกแลต

หากใครชอบทานซ็อคโกแลตเป็นประจำอยู่ วันนี้เรามีอีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่น่าสนใจอย่าง มัฟฟินช็อคโกแลต คือหนึ่งในขนมเค้กที่มีรสชาติหวานละมุนแบบเข้มข้น และอบอวลไปด้วยกลิ่นซ็อคโกแลตที่หอมสุดๆ เรียกว่าหากได้ลองทานแล้วจะต้องติดใจและอยากทานอีกแน่นอน อีกทั้งเนื้อแป้งของ มัฟฟิน ช็อกโกแลต มีความนุ่มฟูเคี้ยวเพลินสุดๆ รับรองว่าขนมชนิดนี้ต้องถูกใจหลายๆ คนอย่างแน่นอน และที่สำคัญยังเป็นขนมที่สามารถพกไปรับประทานที่บ้าน หรือที่ทำงานได้สะดวกอีกด้วย เพราะขนมถูกออกแบบให้เป็นถ้วยขนาดเล็กทำให้พกพาไปรับประทานได้สะดวก โดยไม่ต้องกลัวขนมจะเละอีกด้วย

เผยสูตร มัฟฟินช็อคโกแลต รสชาติอร่อย หวานละมุนละไม 

มัฟฟินช็อคโกแลต

เชื่อว่าหลายคนที่ชอบทานขนมเค้กอยากลองทานเมนูขนมชนิดอื่นดูบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะทานขนมอะไรดี ที่ทานแล้วไม่เลื่อนเกินไป และสามารถทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างชาเขียว กาแฟ ได้ด้วย ขอแนะนำ มัฟฟิน ช็อคโกแลต เนื้อนุ่มฟู รสชาติหวาน กลิ่นช็อคโกแลตจัดเต็มอร่อยทุกคำ และรูปร่างของขนมมีขนาดเล็กน่ารักสุดๆ ในส่วนของวิธีทำก็ง่ายๆ ไม่ยากสามารถทำเองได้ที่บ้าน ส่วนสูตรมัฟฟินช็อคโกแลตชิพที่ใช้ทำวันนี้เป็นสูตรอย่างง่าย โดยเริ่มแรกต้องเตรียมวัตถุดิยกันก่อนดังนี้

มัฟฟินช็อคโกแลต
  1. แป้งเค้ก 150 กรัม
  2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. น้ำตาลทราย 130 กรัม
  5. ผงฟู 1 ช้อนชา
  6. ผงโกโก้ 20 กรัม
  7. น้ำมันรำข้าว 100 กรัม
  8. ซ็อกโกแลตชิพ 140 กรัม
  9. กลิ่นวนิลลา ½ ช้อนชา
  10. น้ำเปล่า 90 กรัม

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบในการทำมัฟฟิน สูตรช็อคโกแลต เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากใครต้องการทำขนมในปริมาณเยอะกว่านี้สามารถเพิ่มอัตราส่วนของส่วนผสมได้ตามใจชอบ เสร็จแล้วในขั้นตอนต่อไปเราจะเข้าสู่ขั้นตอนช็อคโกแลตมัฟฟิน อย่างง่ายๆ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้ 

มัฟฟินช็อคโกแลต
  1. ในขั้นตอนแรกให้ใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลในไปในชามที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อคนส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยเกลือ และกลิ่นวนิลลา ทำการตีส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำเปล่าลงไปตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. นำแป้งเค้ก ผงโกโก้ และผงฟู มาร่อนใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ใส่ส่วนผสมของไข่ไก่ลงไป เสร็จแล้วตีส่วนผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ส่วนผสมเข้ากันเรียบร้อยแล้วให้นำน้ำมันรำข้าวใส่ลงไป และคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  3. เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาให้ใส่ซ็อกโกแลตชิพลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกรอบ จากนั้นเตรียมถาดรองขนมด้วยกระดาษไข พร้อมทั้งเตรียมพิมพ์ใส่ขนมมัฟฟินรองด้วยถ้วยคัพเค้ก เสร็จแล้วใส่แป้งที่เตรียมไว้ลงไป แค่ประมาณครึ่งถ้วย และโรยหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพ 
  4. จากนั้นนำถาดถ้วยมัฟฟินซ็อกโกแลต ใส่ลงไปในเตาอบ โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 170 องศาเซลเซีส ใช้ไฟบน-ล่าง และเปิดพัดลมเป็นเวลา 15 นาที เมื่อขนมอบเสร็จนำถาดขนมออกจากเตาอบ และนำมาพักไว้ให้เย็น 
มัฟฟินช็อคโกแลต

เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีทำขนมมัฟฟินช็อคโกแลต กับสูตรมัฟฟิน หนึ่งในเมนูเบเกอรี่ง่ายๆ ทำได้หลายชิ้น และรสชาติที่มีความหวานของขนมมัฟฟินละมุลลิ้น ส่วนเนื้อเค้กมีความนุ่มฟู หอมกลิ่นซ็อกโกแลตเข้มข้น และยิ่งทำเสร็จใหม่เนื้อแป้งจะนุ่มอร่อยเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นเบเกอรี่ที่ทำทานได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปซื้อที่ร้านให้เสียเวลาอีกด้วย

แชร์ความอร่อยมัฟฟินช็อคโกแลต เนื้อนุ่มฟู ทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ 

มัฟฟินช็อคโกแลต

มัฟฟินช็อคโกแลตเป็นหนึ่งในขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่มีการเผยแพร่ขนมมัฟฟินสู่ประเทศอเมริกา และมีการพัฒนาสูตรมาอย่างยาวนาน จนมาเป็นสูตรเบเกอรี่ ที่เรียกว่า ซ็อกโกแลตมัฟฟินในปัจจุบัน ซึ่งจุดเด่นของขนมชนิดอยู่ที่เนื้อแป้งมีความนุ่มฟู และตามกลิ่นซ็อกโกแลตแข้มข้นสุดๆ อีกทั้งรสชาติยังมีความโดดเด่นในเรื่องความหวานละมุนละไม จนไม่สามารถหยุดทานได้เลย และที่สำคัญยังเป็น เบเกอรี่ทำเองที่บ้านได้โดยไม่ต้องเรียนทำขนมให้เสียเวลาอีกด้วย

มัฟฟินช็อคโกแลต

มัฟฟิน ช็อคโกแลต คือเมนูเบเกอรี่ ขนมสุดโปรดของคนชอบทานซ็อกโกแลต เพราะเนื้อขนมมีความนุ่มละมุน ตัดกับความหอมของซ็อกโกแลตอร่อยลงตัวสุดๆ นอกจากนี้ยังเป็นเมนูมัฟฟิน ที่สามารทานคู่กับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชาเขียว กาแฟ เป็นต้น

เรียนรู้เกม ไฮโลไทย ที่นี่! อ่านเกี่ยวกับประวัติ, กติกา, วิธีเล่น และพบกับความสนุกสนานที่ไม่มีที่สิ้นสุดในเกมไฮโลไทย เข้ามาสนุกได้เลย!

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ชวนทำ ข้าวเหนียวเปียกลำไย หวานหอม อิ่มอร่อย ทำง่าย

ข้าวเหนียวเปียกลำไย

มาเอาใจสายชอบทานหวานของไทยโบราณกันบ้าง โดยเฉพาะคนที่ชอบทานลำไย หรือบ้านไหนมีลำไยสดเยอะทานไม่หมด อยากลองทำเป็นเมนูของหวานไว้ทานคลายร้อน ขอแนะนำ ข้าวเหนียวเปียกลำไย เป็นเมนูขนมหวานของไทยมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ทานแล้วรู้สึกสดชื่น ทานแล้วอิ่มท้องนานอีกด้วย ในส่วนของขั้นตอนข้าวเหนียว เปียกลำไยนั้นไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยแต่อยากทานของหวานสุดๆ 

วิธีการทำ ข้าวเหนียวเปียกลำไย รสชาติหวานสดชื่น ตามฉบับมือใหม่ 

ข้าวเหนียวเปียกลำไย

ข้าวเหนียว เปียกลำไย เป็นเมนูที่สามารถทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังมีรสชาติหวานหอมสดชื่น ที่มาพร้อมกับกะทิเข้มข้น ยิ่งทำให้ขนมมีหวานมันมาขึ้น ดังนั้นใครที่ชอบขนมหวานอยากลองทำขนมทานเอง วันนี้เรามีวิธีทำข้าวเหนียวเปียกลำไย สูตรโบราณมาให้ทุกคนได้ลองทำตาม และสูตรที่เราจะพาทำนั้นเป็น ข้าวเหนียวเปียกลำไย กะทิกล่อง เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีกะทิสดสามารถใช้กะทิสำเร็จรูปได้ เพราะรสชาติของขนมหวานไม่แตกต่างจากกะทิสด ซึ่งก่อนที่จะไปลงมือทำขนมหวาน เราต้องไปเตรียมวัตถุดิบกันก่อนดังนี้

  1. ลำไย 500 กรัม
  2. ข้าวเหนียว 100 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  4. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  5. น้ำเปล่า 1 ลิตร
  6. ใบเตย 1 มัด
ข้าวเหนียวเปียกลำไย

วัตถุดิบ และส่วนผสมของหัวกะทิราดขนม

  1. หัวกะทิ 400 กรัม
  2. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  3. ใบเตย 2 ใบ

ในส่วนผสมของสูตร ข้าวเหนียวเปียกลำไยมีความหวานจากลำไยอยู่แล้ว หากบ้านไหนไม่ชอบหวานสามารถลดน้ำตาลลงได้ อีกทั้งสามารถลดปริมาณของนน้ำกะทิได้ตามใจชอบ และในขั้นตอนของการทำขนมขนมไทยสูตรนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

ข้าวเหนียวเปียกลำไย
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย โดยนำลำไยที่เตรียมมาล้างทำความสะอาด และคว้านเอาเมล็ดออกให้หมด ซึ่งเทคนิคการคว้านเมล็ดอย่างง่ายคือ นำช้อนกลางหันมุมปลายเจาะ และคว้านตัวเม็ดออก เพียงเท่านี้ก็จะได้เนื้อลำไยที่สมบูรณ์สวยงามน่ารับประทาน
  2. ต่อมาให้นำข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาด และซาวน้ำออกจนกว่าน้ำใสขึ้น จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำเปล่าที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้ และใช้ไฟปานกลาง คนให้ข้าวไปเรื่อยๆ โดยอย่างให้ข้าวเหนียวติดก้นหม้อ เพราะจะทำข้าวไหม้ได้ และตามด้วยใบเตย เพื่อเพิ่มความหอม ต่อมาทำการทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเม็ดข้าวจะใสขึ้น 
  3. ทำการเติมน้ำตาลลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อน้ำเริ่มเดือด และน้ำตาลละลายหมดแล้วให้ใส่เกลือป่นลงไปลดไฟอ่อนๆ
  4. หลังจากที่ต้มข้าวสุกแล้ว ในขั้นตอนต่อมาให้ใส่ลำไยที่เตรียมไว้ลงไป ทำการคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้าพอเดือดแล้วให้ปิดแก๊ส และยกออกจากเต้าได้เลย
  5. ในขั้นตอนต่อมาทำน้ำกะทิสำหรับราดขนม เริ่มจากนำหัวกะทิเทใส่ในหม้อที่เตรียมไว้ ใส่เกลือป่น และใบเตยลงไปในหม้อ โดยใช้ไฟอ่อนๆ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนกว่าน้ำกะทิจะเดือด จากนั้นปิดแก๊ส หลังจากนั้นตักข้าวเหนียวใส่ถ้วย และราดด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้ว
ข้าวเหนียวเปียกลำไย

จบไปแล้วกับข้าวเหนียวเปียกลำไย สูตรดั้งเดิม รสชาติหวาน มัน หอมกลิ่นกะทิ ทานแล้วฟินทุกคำ อร่อย อีกทั้งสูตรที่นำมาแชร์นั้นไม่ทำให้ข้าวเหนียวอืด แถมยังทำให้ข้าวเหนียวมีความนุ่มนิ่ม เมื่อทานร่วมกับเนื้อลำไยยิ่งทำให้รสชาติมีความหวานสดชื่นมากขึ้น นอกจากนี้ขนมไทยโบราณ อย่างลำไย ข้าวเหนียวเปียก ยังสามารถเก็บไว้ทานในวันถัดไปได้ด้วย โดยเก็บไว้ในตู้เย็นสามารถเก็บไว้ 1 -2 วัน 

แชร์เคล็ดลับทำ ข้าวเหนียวเปียก ลำไย ให้อร่อย ข้าวนุ่มละมุนลิ้น 

ข้าวเหนียวเปียกลำไย

สำหรับการทำข้าวเหนียวเปียกลำไยจะต้องมีเคล็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการทำขนมไทย ง่ายๆ โดยเริ่มจากต้มข้าวเหนียวให้สุก ใช้ไฟปานกลาง คนข้าวไปในทิศทางเดียวกัน และต้องคนให้ถึงก้นหม้อกระทะ เพื่อไม่ข้าวไหม้ก้นหม้อที่ข้าวจะสุกนั่นเอง และจะต้องกวนข้าวพอสุกใส พยายามอย่าให้เม็ดข้าวบาน เมื่อข้าวสุกแล้วลดไฟอ่อนๆ แล้วค่อยเติมน้ำตาลกับเกลือลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี จะช่วยให้ข้าวไม่อืด แล้วค่อยเนื้อลำไยลงไป รอให้ได้กลิ่นหอมของลำไยแล้วปิดแก๊ส

ข้าวเหนียวเปียกลำไย

จบไปแล้วกับวิธีทำข้าวเหนียวเปียก ลำไย รสชาติหวาน มัน หอมอร่อยชื่นใจ สำหรับมือใหม่ก็สามารถทำของหวานไทยอร่อยๆ ได้แบบไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังสามารถทำทานทั้งครอบครัว หรือจะทำฝากเพื่อนๆ ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริม ไม่ว่าจะขายออนไลน์ หรือขายหน้าร้านเมนูของหวานไทยชนิดนี้ก็สามารถสร้างกำไรได้เช่นกัน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

ขอแนะนำ มัฟฟินข้าวโอ๊ต ขนมหวานเพื่อสุขภาพ แสนอร่อย

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

สำหรับใครที่ชอบรับประทานขนมหวานเป็นประจำ แต่กำลังลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้ ขอแนะนำเมนูขนมหวานแสนอร่อยทานได้ทุกวันไม่อ้วน แถมยังได้สุขภาพ นั่นก็คือ มัฟฟินข้าวโอ๊ต เป็นขนมยอดนิยมของกลุ่มรักสุขภาพ โดยขนมชนิดนี้มีทั้งสูตรมัฟฟินข้าวโอ๊ต ไมโครเวฟ และสูตรเตาอบ ซึ่งรสชาติของทั้งสองสูตรไม่มีความแตกต่างกัน ส่วนเนื้อเค้กมีความนุ่มนิ่มเคี้ยวเพลินสุดๆ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์วิธีการทำมัฟฟินข้าวโอ๊ต ไร้แป้ง น้ำตาลน้อยให้คนรักสุขภาพได้ทำตามกัน

วิธีทำ มัฟฟินข้าวโอ๊ต อย่างง่าย น้ำตาลน้อย รสชาติหวานละมุน 

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

มาเอาสายสุขภาพกันบ้าง กับเมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพ อย่าง มัฟฟิน ข้าวโอ๊ต ขนมหวานที่คนรักสุขภาพนิยมทานกัน เพราะน้ำตาลน้อย ไร้แป้ง แถมยังมีแคลลอรี่ต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน อีกทั้งรสชาติของขนมมัฟฟินสูตรข้าวโอ๊ตยังสามารถทานได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย นอกจากนี้มัฟฟิน เพื่อสุขภาพยังทำง่ายๆ มือใหม่ก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังทำทานลองท้องก่อนออกกำลังกาย หรือระหว่างมื้อกลางวันก็อิ่มท้องเช่นกัน แต่ก่อนที่จะมาลงมือทำขนม เราต้องมีเตรียมวัตถุดิบกันก่อนดังนี้

มัฟฟินข้าวโอ๊ต
  1. ข้าวโอ๊ต 100 กรัม
  2. ผงฟู 30 กรัม
  3. อัลมอนด์ปั่นละเอียด 40 กรัม
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. นมสด 50 กรัม
  7. โยเกิร์ต 100 กรัม

สำหรับวัตถุที่เตรียมไว้ ถ้าบ้านอยากทาน มัฟฟิน คลีน สามารถเปลี่ยนจากน้ำตาลทราย เป็นสารให้ความหวานแทนได้ และเปลี่ยนจากนมสดเป็นนมอัลมอนแทน เพียงเท่านี้ก็สามารถทำขนมแบบคลีนๆ ได้แล้ว ส่วนขั้นตอนการทำขนมแบบง่ายๆ ตามฉบับมือใหม่หัดทำสามารถทำตามได้ดังนี้

มัฟฟินข้าวโอ๊ต
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย นำข้าวโอ๊ตมาปั่นให้ละเอียด จากนั้นผสมข้าวโอ๊ตที่ปั่นแล้วกับผงอัลมอนด์ ตามด้วยผงฟู ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  2. นำไข่ไก่มาตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อมือ หรือเครื่องตีแป้งตีจนไข่จะเป็นฟอง เมื่อไข่เป็นฟองดีแล้วใส่น้ำตาล และเกลือลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นตามนมสด และโยเกิร์ต ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใส่ข้าวโอ๊ตที่ผสมทุกอย่างแล้วลงไป เสร็จแล้วตีส่วนผสมทุกอย่างให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ก่อน
  3. ในระหว่างที่รอให้แป้งเค้กเซตตัว ทำการเปิดตู้อบที่อุณหภูมิ 180 องศาองเซลเซียส หลังจากเปิดตู้เรียบร้อย นำแป้งเค้กใส่ในพิมพ์ นำไปอบประมาณ 20 – 30 นาที เสร็จแล้วนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็น และแกะออกจากพิมพ์ หรือจะจัดใส่จานเลยก็ได้เช่นกัน 
มัฟฟินข้าวโอ๊ต

จบไปแล้วกับวิธีการทำมัฟฟินข้าวโอ๊ต รสชาติหวาน หอมกลิ่นข้าวโอ๊ตแบบเต็มคำที่มาพร้อมกับความหวานละมุนละไม สำหรับใครที่อยากเพิ่มความอร่อยสามารถตกแต่งหน้าขนมด้วยอัลมอนด์สไลด์ เพื่อให้ขนมมีหอมเคี้ยวพลินๆ ฟินทุกคำ เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูเบเกอรี่เพื่อสุขภาพทานแล้วน้ำหนักไม่เพิ่ม คนลดน้ำหนักต้องลองทำทานกัน อีกทั้งยังสามารถทำได้ในปริมาณเยอะได้ และสามารถเก็บเข้าฟรีสไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน โดยที่เมื่ออยากรับประทานก็เอาออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง แล้วนำไปอุ่นด้วยเตาอบอุฯหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที หรือจะอุ่นในเตาไมโครเวฟ 12 นาทีก็ได้เช่นกัน

ประโยชน์ของข้าวโอ๊ต มัฟฟิน แคลน้อย อิ่มนาน 

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

มัฟฟินข้าวโอ๊ตไม่เพียงขนมทานเล่นเท่านั้นนแต่ยังเป็นอีกหนึ่ง เมนูเบเกอรี่ ที่มีปรโยชน์ต่อร่างกายเรียกว่าเป็นธัญพืชประเภทข้าวที่ทานได้สุขภาพไปเต็มๆ อาทิ ช่วยลดคลอเลสเตอรอล เสริมสร้างระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น ช่วยลดไขมันหน้าท้อง นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังอุดไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายคล่องมากขึ้น และที่สำคัญ ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย อุดมไปด้วยวิตามิน แมงกานีส ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี เป็นต้น ซึ่งประโยชน์ของธาตุเหล็กนอกจากจะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายแล้วยังมีส่วนช่วยกระตุ้นกระบวนการนำพาออกซิเจนผ่านร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น 

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทำขนมอย่างง่าย ขอแนะนำ มัฟฟิน ข้าวโอ๊ต เมนูเพื่อสุขภาพที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น อีกทั้งขั้นตอนการทำเบเกอรี่ทำเองที่บ้านก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่มีเตาอบก็สามารถทำได้แล้ว นอกจากนี้ขนมสูตรข้าวโอ๊ตยังช่วยให้อิ่มท้องนานอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาทานอาหารเช้าสุดๆ และที่สำคัญทานได้ทุกวันมีเบื่อ และไม่อ้วน หุ่นสวย โดยไม่ต้องคุมอาหารเลยทีเดียว ดังนั้นเมนูขนมข้าวโอ๊ตมัฟฟิน เป็นอีกหนึ่งขนมหวานที่รักสุขภาพควรทานเป็นแทนขนมหวานทั่วไป เพราะไม่ต้องกังวลปริมาณแคลลอรี่ว่าจะเกินในแต่ละวันเลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

แบ่งปันสูตร อาหารฝรั่งเศส ปรุงแบบไหนให้อร่อยถูกปาก ตามต้นฉบับ

อาหารฝรั่งเศส

เมื่อพูดถึงประเทศฝรั่งเศส หลายคนอาจนึกถึงเรื่องของแฟชั่นต่าง ๆ เพราะมีการตัดเย็บเสื้อผ้าออกมาหลากหลายสไตล์ อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองน้ำหอมอีกด้วย แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าฝรั่งเศสนั้นโดดเด่นหลายเรื่องเลยทีเดียว อย่างเรื่องอาหารก็ถือว่าไม่น้อยหน้าใครเลย อาหารฝรั่งเศส ถือเป็นอาหารที่ผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับพอสมควร รังสรรค์เมนูอย่างพิถีพิถันมาก นอกจากหน้าตาที่สวยงามน่าทานแล้ว รสสัมผัสก็ไม่ธรรมดาด้วย

อาหารฝรั่งเศส หน้าตาน่าทาน แถมรสชาติอร่อยถูกใจ คนไทยทำทานเองได้

อาหารฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องอาหาร หากใครเคยทานเมนูต่าง ๆ ของฝรั่งเศสก็อาจจะพอทราบบ้างแล้วว่า เมนูอาหารฝรั่งเศส นั้นมีรสสัมผัสประมาณไหน แต่ถ้าเกิดว่าใครยังไม่เคยทาน อาหาร ฝรั่งเศส เลยสักครั้ง แต่อยากจะทำทานเองแบบง่าย ๆ เรามี สูตรอาหารฝรั่งเศส มาฝากด้วย บอกเลยว่าแต่ละเมนูมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก บทความนี้จะมา แนะนำอาหารฝรั่งเศส ให้ทุกคนสามารถทำตามได้ จะมีเมนูไหนบ้าง ไปดูกันเลย

  • เฟรนช์โทสต์มิกซ์เบอร์รี่
อาหารฝรั่งเศส

เฟรนช์โทสต์ เป็นขนมปังที่ถูกหั่นบาง ๆ แล้วนำไปชุบกับไข่ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีนมและครีมเป็นส่วนผสม ถือเป็นเมนู อาหารฝรั่งเศส ที่ทำได้ไม่ยากนัก หลัก ๆ แล้วก็จะต้องมีขนมปัง ซึ่งสูตรนี้ก็ได้มิกซ์เบอร์รี่ลงไปด้วย หากใครที่อยาก ทำอาหารฝรั่งเศส แบบง่าย ๆ ใช้เวลาไม่นาน เมนูเฟรนช์โทสต์มิกซ์เบอร์รี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย สามารถทำทานเป็นอาหารว่างในระหว่างมื้อได้ด้วย

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ขนมปัง 3-4 แผ่น
  2. นมรสจืด 250 กรัม
  3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  4. ผงชินนามอน 1/4 ช้อนชา
  5. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  6. เนย 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาล 4 ช้อนโต๊ะ
  8. มิกซ์เบอร์รี่ 100 กรัม
  9. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนการทำตัวเฟรนช์โทสต์ เริ่มจากเทนมใส่ภาชนะผสม ตามด้วยไข่ไก่ ปรุงรสด้วยเกลือและผงชินนามอน คนให้เข้ากัน นำขนมปังมาจุ่มลงส่วนผสมที่ทำไว้เมื่อสักครู่ โดยจุ่มให้ทั่วทั้งสองด้าน
  2. ตั้งกระทะแล้วใส่เนยลงไป กวนให้ทั่วกระทะ จากนั้นนำขนมปังลงไปย่างให้ขึ้นสีทั้งสองด้าน เสร็จแล้วนำใส่จานและพักไว้
  3. ขั้นตอนต่อมาเตรียมทำซอสมิกซ์เบอร์รี่ โดยนำมิกซ์เบอร์รี่ซอสใส่ลงไปในหม้อ ต้มไปเรื่อย ๆ จนเดือด ในระหว่างนี้หมั่นคนอยู่เรื่อย ๆ
  4. เมื่อซอสเริ่มข้นหนืดแล้ว ใส่มะนาวลงไป เสร็จแล้วเตรียมจัดใส่จาน จัดขนมปังลงในจานให้สวยงาม และราดซอสมิกซ์เบอร์รี่ลงไป โรยหน้าด้วยมิกซ์เบอร์รี่ ถือเป็นอันเสร็จ 
  • ซี่โครงหมูซอสบาร์บีคิว
อาหารฝรั่งเศส

อีกหนึ่ง เมนูอาหาร ของฝรั่งเศสที่มีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เหมาะที่จะทำทานในมื้อเช้าและมื้อกลางวันสุด ๆ โดยจะมีซี่โครงหมูที่ผ่านการอบแบบฉ่ำ ๆ ทานคู่กับซอสบาร์บีคิวก็จะยิ่งชูรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น เรียกว่าเป็นเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบค่อนข้างน้อย แถมวิธีการทำยังง่ายอีกด้วย สำหรับใครที่อยากทาน อาหารอร่อยๆ แบบนี้ สามารถทำตามสูตร อาหารทำง่าย ที่ให้ได้เลย 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ซี่โครงหมู 1 ชิ้นใหญ่
  2. ซอสมะเขือเทศ 1 ถ้วยตวง
  3. ซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ออริกาโน่ 1 ช้อนโต๊ะ
  5. พริกปาปริก้า 1 ช้อนชา
  6. พริกไทย 1 ช้อนชา
  7. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ

  1. นำซี่โครงหมูมาแล่พังผืดออก เสร็จแล้วพักไว้ เตรียมทำซอสบาร์บีคิว เริ่มจากใส่ซอสมะเขือเทศลงไปในกระทะ ตามด้วยซอสพริก น้ำผึ้ง น้ำส้มสายชู น้ำตาลทรายแดง เกลือ ผงปาปริก้าและพริกไทย คนให้เข้ากัน
  2. เตรียมหมักหมู โดยใส่ซี่โครงหมูลงในภาชนะ และราดส่วนผสมเมื่อสักครู่ลงไป จากนั้นทาส่วนผสมให้ทั่วซี่โครงหมูทั้งสองด้าน เสร็จแล้วห่อด้วยฟอยล์ ควรม้วนแผ่นฟอยล์ให้สนิททุกด้าน
  3. นำไปอบในอุณหภูมิ 125 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1.30 ชั่วโมง เมื่ออบจนครบเวลาแล้ว ให้เปิดฝาหม้ออบออก จากนั้นใช้มีดกรีดฟอยล์และฉีกออก
  4. ทาซอสบาร์บีคิวลงบนซี่โครงหมู และนำไปอบต่อในอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วนำมาจัดเสิร์ฟ 
  • ฟิเลมิยองหมู
อาหารฝรั่งเศส

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ชื่ออาหารฝรั่งเศส เมนูนี้มีความหมายว่าอะไร? จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า คำว่า “ฟิเลมิยอง” หรือ “ฟีแลมีญง” ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึงเนื้อสันในของสัตว์ชนิดต่าง ๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึงเนื้อสันในของหมูเป็นหลัก ซึ่งเมนูนี้ถือเป็นหนึ่งใน อาหารฝรั่งเศสโบราณ ที่มีราคาค่อนข้างแพง เพราะสูตร ฝรั่งเศสจะปรุงออกมาให้เนื้อนุ่มละลายในปาก เรียกว่าเป็น อาหารฝรั่งเศสขึ้นชื่อ ที่แทบจะไม่ต้องเคี้ยวเลยก็ว่าได้ 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. สันในหมู 1 แผ่น
  2. เบคอน 4-5 แผ่น
  3. มะเขือเทศ 1 ลูก
  4. โรสแมรี่ 1-2 ก้าน
  5. ปาปริก้า 2 ช้อนชา
  6. ตาเปนาด 2 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกนำสันในหมูมาผสมกับเกลือ พริกไทย ปาปริก้า และโรสแมรี่ จากนั้นนำเบคอนมาห่อให้ทั่ว พันแน่น ๆ และนำไปย่างบนกระทะที่ร้อนจัดเพื่อให้ได้สี
  2. นำมะเขือเทศมาย่างในกระทะให้ได้สี โดยย่างพร้อมกับสันในหมู เสร็จแล้วพักไว้ นำหมูไปอบในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้ประมาณ 5 นาที
  3. หั่นหมูเป็นชิ้นโต ๆ และจัดเสิร์ฟลงจาน โดยให้วาด Tapenade ก่อน จากนั้นตกแต่งด้วยมะเขือเทศย่าง ถือเป็นอันเสร็จ 
  • สปาเก็ตตี้ไส้กรอกแซลมอนบาร์บีคิว
อาหารฝรั่งเศส

หากใครนึกไม่ออกว่าจะทาน อาหารต่างประเทศ เมนูไหน สปาเก็ตตี้ไส้กรอกแซลมอนบาร์บีคิวก็ถือเป็นอาหารฝรั่งเศส ที่น่าสนใจอีกหนึ่งเมนู ซึ่งมีขั้นตอนการทำที่แสนจะง่าย แต่ให้ความอิ่มอร่อยได้ไม่แพ้เมนูอื่น ๆ และเมื่อพูดถึง อาหารนานาชาติ แล้วก็คงจะขาดเมนูนี้ไปไม่ได้เลย เนื่องจากสปาเก็ตตี้เป็นเมนูที่มีอยู่ตามร้านอาหารต่าง ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ถ้าใครอยาก ทำอาหารง่ายๆ ทานเองที่บ้าน เมนูนี้ก็เหมาะมากทีเดียว 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ไส้กรอกแซลมอนชีส 1 แพ็ค
  2. เส้นสปาเก็ตตี้ 100 กรัม
  3. พริกหวาน 1/2 ถ้วย
  4. มะเขือเทศ 1/2 ถ้วย
  5. แครอท 1/2 ถ้วย
  6. หอมหัวใหญ่ 1/2 ถ้วย
  7. สับปะรด 1/2 ถ้วย
  8. ซอสบาร์บีคิว 1 ถ้วย
  9. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะแล้วเทน้ำเปล่าลงไป เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ ต้มจนสุกได้ที่ จากนั้นตักออกและพักไว้
  2. ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย นำหอมหัวใหญ่ลงไปผัด ตามด้วยพริกหวานและแครอท ผัดให้เข้ากันแล้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไป ตามด้วยซอสบาร์บีคิว จากนั้นผัดให้เข้ากัน
  3. หั่นไส้กรอกแซลมอนชีสเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงในกระทะ ใส่มะเขือเทศและสับปะรดตามลงไป ผัดให้เข้ากันและจัดใส่จาน 
  • มันฝรั่งบดสูตรฝรั่งเศส
อาหารฝรั่งเศส

มาถึงเมนูสุดท้ายกันแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเมนู อาหารว่างทานเล่น ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยคนไทยจำนวนมากนั้นชอบทานมันบดเป็นอาหารว่าง ซึ่งหาทานได้ค่อนข้างง่าย จัดเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหาร ฝรั่งเศสที่เรามักจะเห็นอยู่ตาม ร้านอาหารฝรั่งเศส นอกจากนี้ในเมืองไทยก็มีมันบดขายตามร้านอาหารต่าง ๆ แล้วด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมนู อาหารฝรั่งเศสในไทย ที่หาทานได้ง่าย และทำเองก็ไม่ยากด้วย

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. มันฝรั่ง 1 กิโลกรัม
  2. เนย 200 กรัม
  3. นม de lait entier 300 มิลลิลิตร
  4. จันทน์เทศ 1 ผล
  5. เกลือ 1 ช้อนชา
  6. น้ำเปล่า 

วิธีทำ

  1. นำมันฝรั่งมาปอกเปลือกและล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปต้มด้วยน้ำเปล่าและเกลือเล็กน้อย ต้มประมาณ 25 นาที หรือต้มจนสุกได้ที่
  2. เมื่อมันฝรั่งสุกแล้วให้นำออกจากหม้อ จากนั้นนำมาบดแล้วใส่ลงชามผสม เสร็จแล้วใส่เนยลงไปแล้วบดให้ทั้งสองอย่างเข้ากัน
  3. เตรียมต้มนม ให้เทนม de lait entier ลงในหม้อแล้วต้มให้เดือดพอประมาณ จากนั้นนำไปเทใส่ชามผสมที่มีมันฝรั่งบด แนะนำให้เทลงทีละน้อย ๆ หลังจากนั้นค่อย ๆ คนให้เข้ากัน
  4. ขูดจันทน์เทศลงในชามผสมเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม เสร็จแล้วคนให้เข้ากัน ตั้งหม้อแล้วนำมันฝรั่งบดลงไปกวนให้แห้งด้วยไฟอ่อนประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วตักใส่จานเสิร์ฟ 

เอกลักษณ์อันโดดเด่นของ อาหารฝรั่งเศส ทำให้คนทั่วโลกติดใจมิรู้ลืม

อาหารฝรั่งเศส

คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อาหารการกินของฝรั่งเศสจะได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก เพราะการทำ อาหาร ฝรั่งเศส หลาย ๆ เมนูมีขั้นตอนที่ค่อนข้างละเอียด แถมหน้าตาและรสชาติของอาหารยังทำให้คนติดใจได้ไม่น้อย จึงทำให้อาหารฝรั่งเศส ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก โดยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นก็คือการใช้ครีมและเนยในการปรุง ถือเป็นวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้เลย และ วัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศส มักจะทานแบบ 3 คอร์ส คือ Appetizer, Main Dish และ Dessert

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

นำเสนอสูตรลับ เมนู ปูดอง เกาหลี เนื้อแน่น น้ำซอสเข้มข้น

ปูดอง เกาหลี

สำหรับใครที่ชอบทานเมนูอาหารเกาหลีเป็นประจำอยู่แล้ว ต้องไม่พลาด อีกหนึ่งเมนูที่ต้องลองทานอย่าง ปูดอง เกาหลี ที่มีเนื้อปูแน่นๆ ที่มาพร้อมน้ำซอสที่ซึมเข้าสู่เนื้อปู่แบบฉ่ำๆ ทำให้เนื้อปูมีรสชาติกลมกล่อม และหอมกลิ่นหมักสุดๆ ซึ่งเมนูปูดองมีทั้ง ปูไข่ดอง และปูดองธรรมดา ให้ทานแบบจุใจ แต่แน่นอนว่าอาหารเกาหลีค่อนข้างแพงจะให้ออกไปทานทุกวันคงไม่ได้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์วิธีทำปูดองสไตล์เกาหลีให้ทุกคนได้นำไปทำตามกัน รับรองว่าทำแล้วจะติดใจทนต้องทำทานอีกแน่นอน 

วิธีการทำ ปูดอง เกาหลี ตามฉบับมือใหม่ แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก 

เมนูปูดอง เกาหลี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูสุดฮิตที่ทานได้ทุกวัน เพราะรสชาติของปูดองสไตล์มีความกลมกล่อม ส่วนน้ำซอสซึมเข้าไปในเนื้อปู ทำให้เนื้อปูมีรสชาติที่อร่อยสุดๆ และอีกหนึ่งเมนูปูไข่ดองซีอิ๊วเกาหลี ซึ่งมีรสชาติอร่อยไม่แพ้กันปูดองธรรมดาเลยทีเดียว นอกจากนี้ปูดองสไตล์เกาหลียังสามารถทานคู่กับผัก หรืออาหารชนิดอื่นได้อีกด้วย อีกทั้งเมนูสำหรับใครที่ไม่อยากออกไปทานข้าวนอกจากบ้าน แต่อยากทานอาหารเกาหลีง่ายๆ ที่บ้าน วันนี้เรามีสูตร ปู ดอง ซีอิ๊ว เกาหลีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยขั้นตอนการทำนั้นง่ายแสนง่าย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ปูดอง เกาหลี
  1. ปูม้า 500 กรัม
  2. ซีอิ้วเกาหลี ½ ถ้วยตวง
  3. งาคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกจินดาแดง 5 เม็ด
  5. น้ำสะอาด 1 เม็ด
  6. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง

เมื่อเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมของปูดองซีอิ๊วเสร็จแล้ว ในลำดับขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธีการทำปูดองสไตล์อาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม ซึ่งมือใหม่สามารถทำตามได้สบายมาก 

ปูดอง เกาหลี
  1. ขั้นตอนแรกมาเริ่มที่กันที่นำปูมาทำความสะอาด จากนั้นตัดเป็นชิ้นให้ได้ขนาดพอดีคำ หลังจากนั้นนำปูมาล้างเอาเศษดินออกจนหมดอีกครั้ง 
  2. นำปูที่ทำความอะอาดเสร็จแล้วมาแช่ในโซดา แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 5-10 นาที จะทำให้เนื้อปูกรอบ เด้งมากยิ่งขึ้น
  3. ขั้นตอนต่อมาเป็นการทำน้ำซอส โดยเริ่มจากนำซีอิ้ว และน้ำตาลทราย นำไปตั้งเตาให้เดือด เสร็จยกออกจากเตานำไปพักไว้ให้เย็นสนิท ไม่ควรนำปูมาแช่น้ำซอสที่กำลังร้อน เพราะจะทำให้เนื้อปูสุกได้
  4. หลังจากที่น้ำดองเย็นแล้ว ให้นำปูที่แช่ในตู้เย็นมาทำให้สะเด็ดน้ำ หรือจะซับให้แห้งก็ได้เช่นกัน นำปูใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้สำหรับดองปู เทน้ำซอสลงไปให้ท่วมเนื้อปู เสร็จแล้วโรยงา และตามด้วยพริกจินดาแดง นำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 3-4 ชั่วโมง 

สำหรับขั้นตอนการทำ ปูดองเกาหลี ถ้าอยากให้น้ำดองซึมเข้าสู่เนื้อปูเร็วขึ้น ให้นำปูดองไปแช่ในช่องแช่ฟรีซ ประมาณ 3 ชั่วโมง และหากทำในปริมาณมากๆ สามารถเก็บไว้ในตู้ฟรีซประมาณ 2-3 เดือน ในส่วนของรสชาติปูดองที่ทำเองนั้นมีความเค็มปนหวานเล็กน้อย เรียกมีรสชาติกลมกล่อมตามแบบฉบับเมนูอาหารเกาหลีสูตรดั้งเดิม ส่วนนำดองสามารถนำมาคลุกแคล้ากับข้าวสวยจะทำให้ข้าวสวยมีรสชาติที่กลมกล่อมอร่อยมากขึ้น 

แชร์สูตรลับความอร่อยของ ปูดองเกาหลี เนื้อแน่น กรุบกรอบ

ปูดอง เกาหลี

การทำปูดอง เกาหลี อีกหนึ่งเคล็บลับความอร่อยคือ ขั้นตอนทำปูดอง ง่ายๆ ต้องใช้ปูสดๆ หรือปูเป็น นำมาน็อคด้วยน้ำแข็ง ประมาณ 5 นาที นั้นทำความสะอาดปูให้สะอาดที่สุด โดยใช้แปรงขัดกระดองทุกซอกทุกมุมของปู และควรล้างด้วยน้ำเย็นเท่านั้น จากนั้นนาแช่ด้วยน้ำโซดาจะช่วยให้ปูมีกรอบมากขึ้น ส่วนน้ำดองสามารถทำเข้มข้นได้เลย เพื่อให้น้ำซอสเมื่อซึมเข้าตัวปู เนื้อปูจะได้มีรสชาติกลมกล่อม เพียงเท่านี้ก็ได้ปูดองสไตล์เกาหลีทีมีเนื้อปูหวานฉ่ำๆ ของน้ำดองที่มีความเค็มเล็กน้อย ทำให้รสชาติที่มีความอร่อยสุดๆ 

ปูดอง เกาหลี

ปูดอง เกาหลีเป็นอาหารเกาหลีที่สามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือเรียกว่าสามารถทานได้ทั้งครอบครัวเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังสามารถทำขายได้สร้างเป็นอาชีพเสริมได้ด้วย เพราะวิธีทำปูดองเกาหลีง่ายๆ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน อีกทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการดองก็สามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป นอกจากนี้ปูดองยังสามารถทำเก็บทานได้เป็นเดือนอีกต่างหาก เรียกเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำทานแล้วคุ้มค่าสุดๆ แถมยังยังทานได้แบบไม่อั้น ไม่ต้องเสียเงินซื้อทานในราคาแพงๆ อีกด้วย ที่สำคัญประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากเพิ่มความอร่อยให้ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสชาติจัดจ้าน และข้าวสวยร้อนๆ อร่อยอย่างลงตัวสุดๆ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

แนะนำ กุ้งดองเกาหลี เมนูยอดฮิตตลอดกาล รสชาติเค็มหวานอร่อยลงตัว

กุ้งดองเกาหลี

มาเอาใจสายอาหารเกาหลีเกาใจกันบ้าง กับเมนูอาหารเกาหลีที่ทุกคนโปรดปรานอย่าง กุ้งดองเกาหลี ถือว่าเป็นเมนูที่สามารถทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ได้อร่อยอย่างลงตัว และฟินสุดๆ อีกทั้งน้ำซอสยังเข้มข้นสามารถซึมเข้าเนื้อกุ้งได้ดี ทำให้กุ้งดองมีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมมากขึ้น นอกจากนี้เมนูกุ้งดองซีอิ้ว เกาหลียังสามารถทำได้ง่ายมาก รับรองว่าสาวกกุ้งดองต้องทำได้แน่นอน ส่วนรสชาติอร่อยเหมือนซื้อทานที่ร้านแน่นอน 

เข้าครัวเกาหลี ชวนทำ กุ้งดองเกาหลี สุดแสนอร่อย ด้วยตัวเอง อย่างง่าย 

กุ้งดองเกาหลี

เชื่อว่าหลายคนชอบทานอาหารเกาหลีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกุ้งดองเกาหลี ซึ่งมีซอสดองเกาหลีเข้มข้น ทำให้เวลาหมักกับกุ้งจะทำให้กุ้งมีเนื้อแน่นเด่ง ที่สำคัญเนื้อกุ้งมีรสชาติกลมกกล่อมทานแล้วฟินสุดๆ ส่วนวิธีการทำกุ้งดองนั้นไม่ยาก เพียงแค่มีกุ้งสดๆ มาดองกับน้ำซอสเกาหลี เพียงแค่นี้ก็จะได้กุ้งดองสไตล์เกาหลีทีมีเนื้อสัมผัสของกุ้งที่นุ่มเด้งกลมกล่อมสุดๆ เรียกว่ามือใหม่ก็สามารถทำกุ้งดองซีอิ๊วสไตล์เกาหลีได้เองที่บ้าน สำหรับสูตรที่เราจะพาทำวันนี้เป็นสูตรกุ้งดองเกาหลี รสชาตกลมกล่อมตามสไตล์สูตรดั้งเดิม

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมล้างกุ้ง

  1. กุ้งสด 400 กรัม
  2. โชดา 1 ชวด
  3. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งดองเกาหลี

ส่วนผสม และวัตถุดิบที่ต้องเตรียมดองซีอิ้ว

  1. น้ำสะอาด 150 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  3. โซยุ 150 กรัม
  4. เหล้าหวานญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  5. งาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ขิงซอย ½ ถ้วยตวง
  7. ต้นหอมซอย ½ ถ้วยตวง
  8. กระเทียมซอย 5 กลีบ
  9. พริกเขียวแดงซอย ½ ถ้วยตวง

เมื่อได้ส่วนผสมของที่เตรียมที่ต้องการแล้ว ในลำดับต่อมาเป็นขั้นตอนการทำเมนูอาหารเกาหลีง่ายๆ ตามฉบับมือใหม่ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง รับรองว่ารสชาติที่ได้นั้นอร่อยเหมือนทานที่ร้านดังๆ อย่างแน่นอน 

กุ้งดองเกาหลี
  1. มาเริ่มกันที่นำกุ้งสดที่เตรียมไว้มาทำความสะอาด โดยใช้กรรไกรตัดส่วนของหัวกุ้งออก และเปลือกของกุ้งออกจนหมดให้เหลือเฉพาะส่วนหางของกุ้ง เสร็จแล้วใช้ไม้จิ้มฟันแทงหลังกุ้งใต้เส้นดำของขี้กุ้ง แล้วดึงเส้นดำของกุ้งออก หรือจะใช้วิธีการผ่าหลังกุ้งแล้วดึงเส้นดำออกก็ได้เช่นกัน
  2. หลังจากนั้น นำกุ้งที่เตรียมไว้ไปล้างด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง จากนั้นนำกุ้งมาใส่ชาม ใส่เกลือ แป้งมัน คลุกเคล้าให้เข้ากัน และใส่โซดาลงไปให้ท่วมตัวกุ้ง จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากันเล็กน้อยกก่อนนำไปพักไว้ในตู้เย็น เพื่อลดความคาวของตัวกุ้งนั่นเอง ขั้นตอนต่อไป นำกุ้งที่แช่ไว้ในตู้เย็นมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปเรียงในกล่องให้สวยงาม
  3. ขั้นตอนต่อมาทำน้ำซอส โดยเริ่มจากใส่ซอสโชยุลงไปในหม้อ จากนั้นเติมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย ขิง และ กระเที่ยวซอย ตามด้วยมิริน นำไปตั้งหม้อที่มีส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งเตาเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย หลังจากนั้นใส่ต้นหอม และพริกลงไป เสร็จแล้วยกหม้อออกจากเตา เทน้ำซอสใส่ภาชนะ นำไปพักไว้ให้เย็น 
  4. เมื่อน้ำซอสเย็นแล้ว เทน้ำซอสลงในกุ้งที่เตรียมไวในกล่องให้ท่วมตัวกุ้ง ทำการดองไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง หรือจะดองไว้ในตู้เย็นประมาณ 4-5 วัน ก็สามารถนำออกมาทานได้แล้ว
กุ้งดองเกาหลี

สำหรับกุ้งดองเกาหลีที่ดองเสร็จแล้วจะมีรสชาติหวานปนเค็มเล็กน้อยที่มาพร้อมกับเนื้อกุ้งเนื้อแน่น เด้ง อร่อยอย่างลงตัว อีกทั้งกุ้งไม่เหม็นคาวอีกด้วย เรียกเป็นอาหารเกาหลียอดฮิตที่สามารถทำทานเองได้แบบจัดหนักจัดเต็ม แถมประหยัดเงินในกระเป๋าไปหลายบาทเลยทีเดียว ส่วนกุ้งดองที่กินไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าอยากเก็บไว้ได้นานกว่านี้ต้องเก็บไว้ในช่องแข็งสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 เดือน 

เคล็ด (ไม่) ลับ เพิ่มความอร่อย กุ้งดองเกาหลี ทานได้ไม่มีเบื่อ

กุ้งดองเกาหลี

เมนูอาหารกุ้งดองเกาหลีสามารถทานกับอะไรก็อร่อยฟินทุกคำ อีกทั้งยังสามารถสามารถคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดจะยิ่งทำให้กุ้งดองมีความอร่อยเพิ่มมากขึ้น เพราะน้ำจิ้มซีฟู้ดจะมีรสชาติเปรี้ยวหวาน และเผ็ด และมีความหอมของกระเทียมช่วยเพิ่มรสชาติให้เมนูอาหารเกาหลีอย่างกุ้งดองไม่มีความเลี่ยน และยังสามารถทานกุ้งดองได้เยอะมากขึ้น

กุ้งดองเกาหลี

การทำเมนูกุ้งดองเกาหลีให้อร่อยส่วนสำคัญอยู่ที่กุ้งต้องมีความสดใหม่ เนื้อกุ้งแน่นไม่เละ และไม่มีกลิ่นเหม็น และต้องล้างกุ้งให้สะอาด เพื่อให้กุ้งมีความคาวลดลงจะช่วยให้สามารถทำให้กุ้งดองมีรสชาติ กลิ่นหอมของน้ำซอส ทำให้ทานแล้วอร่อยฟินทุกคำจนต้องทำเก็บไว้ทานทุกวัน อีกทั้งกุ้งดองยังเป็นอาหารเกาหลีในซีรีส์ที่นิยมทานกันอยู่บ่อยๆ อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ: