Categories
อาหารไทย

แจกสูตร ฉู่ฉี่ปลาทู เนื้อปลาแน่น ไม่เหม็นคาว รสชาติเข้มข้น หอมอร่อย

ฉู่ฉี่ปลาทู

ฉู่ฉี่ปลาทู เป็นอาหารไทยประเภทแกงที่มีกระบวนการทำประณีต โดยเฉพาะเครื่องพริกแกงจะใช้วัตถุดิบที่เป็นพืชสุมนไพรหลากหลายชนิด ทำให้ผู้คนไม่ค่อยนิยมทำเมนูฉู่ฉี่ ปลาทูทานมากนัก แต่ในปัจจุบันมีการผลิตพริกแกงสำเสร็จรูปขายทั่วไปในท้องตลาด จึงทำให้สามารถซื้อมาทำอาหารได้สะดวกมากขึ้น และไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมเครื่องพริกแกงเองอีกด้วย แต่สำหรับพริกแกงสำเร็จรูปจะมีความหอมน้อยกว่าพริกแกงที่ทำสดใหม่ ดังนั้นหากใครที่สนใจอยากทำเมนูฉู่ฉี่ เรามีสูตรการทำพริกแกงอย่างง่าย และสูตรฉู่ฉี่ปลาทูโบราณมาให้ได้ลองทำตาม แถมรสชาติอร่อย ตามฉบับชาววัง 

ขั้นตอนการทำ ฉู่ฉี่ปลาทู อย่างง่าย รสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยฟินทุกคำ 

ฉู่ฉี่ปลาทู

มาเอาใจสายอาหารทะเลกันบ้างกับเมนูที่หาทานได้ยากอย่าง ฉู่ฉี่ ปลาทู หนึ่งในอาหารไทยชาววังที่มีความอร่อยแบบไทยแท้ และมาพร้อมกับรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยฟินครบรส โดยเฉพาะเครื่องแกงที่เผ็ดจัดจ้านยิ่งเพิ่มความหอมอร่อยของฉู่ฉี่ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของวิธีการทำฉู่ฉี่ ปลา ทูนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลา อีกทั้งปลาทูยังมีราคาไม่แพง และหาซื้อได้ตามตลาดสดทั่วไป ที่สำคัญอาหารที่ทำเองยังมีความสดสะอาดถูกหลักอนามัยอีกด้วย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามีวิธีการทำฉู่ฉี่ปลาทูใส่กะทิให้อร่อย และเคล็บลับการทำปลาทูไม่เหม็นคาวมาให้ได้ลองทำตาม ว่าแล้วไปลงมือทำกันได้เลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมของพริกแกงที่ต้องเตรียม

  1. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  2. พริกชี้ฟ้าแดงแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
  3. พริกชี้ฟ้าแดงแห้งเม็ดเล็ก 10 เม็ด
  4. ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ข่าหั่น 5 แว่น
  6. หอมแดง 3 ช้อนโต๊ะ
  7. ผิวมะกรูด 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  8. เกลือ 1 ช้อนชา
  9. กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
ฉู่ฉี่ปลาทู

ส่วนผสม และวัตถุดิบของฉู่ฉี่

  1. ปลาทูสด 5 ตัว
  2. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  3. พริกชี้ฟ้าซอย 1 เม็ด
  4. ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
  5. น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กะทิ 400 กรัม

สำหรับเมนูฉู่ฉี่ที่จะทำวันนี้เป็นสูตรฉู่ฉี่ปลาทูสด หรือถ้าบ้านไหนมีปลาทูนึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน และพริกแกงจะใช้แบบทำเอง เพราะจะทำให้อาหารมีความหอมน่าทานมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่อยากทำพริกแกงเองสามารถใช้แบบสำเร็จรูปได้ และในลำดับต่อมาจะเป็นการการทำอาหาร ไทยแสนอร่อยอย่างฉู่ฉี่สูตรปลาทูสดดังนี้

ฉู่ฉี่ปลาทู
  1. มาเริ่มเตรียมพริกแกงกันก่อน โดยเริ่มจากนำส่วนผสมต่างๆ ที่เตรียมไว้มาโขลกให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน
  2. นำปลาทูมาล้างทำความสะอาด ควักไส้ที่ท้องออกให้หมด ล้างทำความสะอาดอย่างเบามือ ต่อมานำกระทะมาตั้งเตา ใช้ไฟปานกลาง จากนั้นนำกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป เคี่ยวให้กะทิแตกมัน ใส่พริกแกง คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่ น้ำปลา น้ำตาลปิ๊บ คนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน
  3. เมื่อได้น้ำกะทิเดือดแล้วให้ใส่ปลาทูลงไป ในขั้นตอนนี้ห้ามคนเพราะจะทำให้ปลาทูมีความคาวมากขึ้น จากนั้นทำการเคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำแกงซึมเข้าเนื้อปลาทู หลังจากน้ำเริ่มงวดให้ทำการปิดเตา และตักฉู่ฉี่ใส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้
ฉู่ฉี่ปลาทู

ต่อมาจะเป็นการชิมฉู่ฉี่ปลาทู เมนูอาหาร ไทย ยอด นิยมที่ทำเองได้ง่ายๆ ซึ่งรสชาติที่ได้จะมีความหวาน เค็ม และมีความมันของน้ำกะทิ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอบอวลของเครื่องแกงที่ซึมเข้าเนื้อปลาทูได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่ารสชาติของฉู่ฉี่ ปลา ทู สดที่ทำเองนั้นมีความอร่อย และถูกปากที่สุด 

เคล็ดลับความอร่อยฉู่ฉี่ปลาทูกับการเลือกปลาทูสด สะอาด ไม่เหม็นคาว

ฉู่ฉี่ปลาทู

การทำฉู่ฉี่ปลาทูสด เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมให้อร่อยสิ่งสำคัญคือจะต้องเลือกใช้ปลาทูสดที่สะอาด โดยสังเกตจากตาปลาจะต้องนูนสีดำสดใส ไม่ขุ่น เหงือกมีสีแดงออกชมพู และเนื้อปลานุ่ม เด้ง เมื่อใช้มือกดเนื้อปลาจะต้องคืนสู่สภาพเดิม ไม่เป็นรอยบุ๋ม อีกทั้งในส่วนของลำตัวจะต้องมีสีเขียว ท้องปลาตึงไม่แตก ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า เพียงแค่นี้ก็จะได้ปลาทูที่สดใหม่พร้อมนำมาทำเมนู อาหาร ไทยอย่างฉู่ฉี่ได้แล้ว แถมยังทำขายได้กำไรดีอีกด้วย เพราะเมนูฉู่ฉี่สูตรปลาทูสดเป็นอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานมากที่สุด 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
อาหารไทย

เมนูแนะนำ หมึกผัดไข่เค็ม เนื้อหมึกเด้งหนึบหนับ หอมกลิ่นไข่เค็ม มัน กำลังดี 

หมึกผัดไข่เค็ม

สำหรับใครที่ชอบทานอาหารทะเลเป็นประจำ อีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำให้ลองทานรับรองว่าต้องติดอกติดใจอย่างแน่นอน นั่นก็คือ หมึกผัดไข่เค็ม ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูโปรดปรานของหลายๆ คน เพราะรสชาติที่เค็ม มัน และมีกลิ่นไข่แดงเค็มอ่อนๆ ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งสามารถทานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ และถ้าจะให้อร่อยต้องทานร่วมกับข้าวสวยร้อนๆ ยิ่งเพิ่มความอร่อยได้อย่างลงตัว นอกจากนี้หมึกผัด ไข่เค็ม ยังเป็นเมนูที่ทำเองได้ง่ายๆ แถมทำแล้วอร่อยเหมือนสั่งทานที่ร้านอาหารเลยทีเดียว 

เปิดครัวทะเลทำอาหารสุดโปรด หมึกผัดไข่เค็ม รสชาติอร่อย ทำง่าย วัตถุดิบน้อย

หมึกผัดไข่เค็ม

วันนี้ขอเสนอเมนูหมึกผัดไข่เค็ม เนื้อหมึกแน่นๆ หนึบหนับ ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญยังใช้วัตถุดิบน้อย แถมคนที่ไม่เคยทำอาหารก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยสูตร หมึก ผัด ไข่เค็มที่เรามาแนะนำเป็นสูตรน้ำซอสไข่เค็มเข้มข้น รับรองว่าทำแล้วอร่อยแน่นอน โดยก่อนที่จะไปลงมือทำผัด ปลาหมึก ไข่เค็มต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อน ว่าแล้วไปเตรียมกันเลย

หมึกผัดไข่เค็ม
  1. ปลาหมึกหั่นเป็นแว่น 400 กรัม
  2. ไข่แดงเค็ม 5 ฟอง
  3. ไข่แดงเค็มหั่นเป็นชิ้น 1 ฟอง
  4. พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. ขึ้นฉ่ายหั่น 1 ต้น
  10. ต้นหอมหั่น 3 ต้น
  11. พริกชี้ฟ้าแดงซอย 3 เม็ด

ในขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ โดยเฉพาะหมึกสดจะต้องนำมาล้างทำความสะอาด โดยใส่น้ำส้มสายชูล้างให้สะอาด และนำไปล้างน้ำ 2-3 รอบ ก่อนที่จะนำมาทำหมึกผัดไข่เค็ม หนึ่งในเมนู อาหาร ไทยแสนอร่อย และหลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นขั้นตอนทำอย่างง่ายดังนี้

หมึกผัดไข่เค็ม
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรก นำไข่แดงเค็มที่เตรียมไว้มาทำน้ำซอสไข่เค็ม โดยใส่ไข่แดงเค็มลงในถ้วย และใส่น้ำเปล่าลงไป บดให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกเผา ซีอิ้วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  2. นำกระทะมาตั้งเตา เปิดไฟปานกลาง หลังจากที่กระทะร้อนดีแล้วให้ใส่น้ำมันพืชลงไป ตามด้วยกระเทียมสับ เจียวให้กระเทียมเป็นสีเหลืองจนหอม หลังจากนั้นให้ใส่น้ำซอสไข่แดงเค็มลงไป ใส่ปลาหมึกสด ตามด้วยไข่แดงหั่นเป็นชิ้น ทำการผัดหมึกให้สุก และให้น้ำซอสไข่แดงเคลือบกับตัวหมึก แล้วให้ใส่ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และตามด้วยพริกชี้ฟเ ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน จากนั้นตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพริกฟ้าสีแดงสดใส พร้อมรับประทานได้เลย
หมึกผัดไข่เค็ม

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการทำหมึกผัดไข่เค็ม เมนูอาหาร ไทยที่ขึ้นชื่อว่าทำง่ายมากๆ แถมรสชาติยังอร่อยติดอกติดใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบทานปลาหมึกผัดไข่เค็มแบบแห้งสามารถทำน้ำซอสให้เข้มข้น และผัดให้แห้งได้ตามใจชอบ และถ้าใครอยากลองทำให้คนที่บ้านทานก็สามารถทำตามสูตรของเราได้เลย รับรองทำแล้วอร่อยชัวร์ 

เมนูยอดนิยม หมึก ผัดไข่เค็ม ที่มาพร้อมกับประโยชน์มากมาย 

หมึกผัดไข่เค็ม

หมึก ผัดไข่เค็ม นอกจากรสชาติจะอร่อยไม่จำเจแล้วยังเป็นเมนูอาหาร ไทย ยอด นิยมที่สามารถทำทานเองได้ และที่สำคัญเมนูนี้ยังเป็นอีกหนึ่งอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานมากที่สุด เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 รวมทั้งวิตามินอี และโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ขึ้นฉ่าย ยังช่วยลดไขมันในเลือด และยังมีสารฟลาไลด์ที่สามารถช่วยให้การทำงานของหลอดเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งขึ้นฉ่ายยังมีกากใยสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
อาหารไทย

แนะนำสูตร มัสมั่นไก่ โบราณ รสชาติเข้มข้น อร่อยเด็ด หอมกลิ่นเครื่องเทศ

มัสมั่นไก่

สำหรับเย็นนี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไรทานกันดี ที่สามารถทานแล้วอิ่มอร่อยไม่หิวกลางดึก ต้องไม่พลาดกับเมนูยอดนิยมอย่าง มัสมั่นไก่ แกงไทยโบราณที่มีรสชาติเข้มข้น เนื้อไก่นุ่มละมุนไม่คาว และเครื่องเทศจัดเต็ม หากได้ทานคู่กับข้าวสวยยิ่งเพิ่มความอร่อยเด็ดสุดๆ นอกจากนี้วิธีทำแกงมัสมั่นไก่ยังทำได้ด้วยตัวเองไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แถมยังเป็นอีกหนึ่งอาหาร ไทยที่สามารถทำเก็บไว้ทานได้ในมื้อต่อไป โดยที่รสชาติอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง

ขั้นตอนการทำ มัสมั่นไก่ ต้นตำรับโบราณ เนื้อไก่นุ่มละมุน แม่บ้านมือใหม่ก็ทำได้

มัสมั่นไก่

วันนี้เราจะพาแม่บ้านมือใหม่มาลองทำเมนูมัสมั่นไก่ต้นตำรับโบราณ หนึ่งในเมนู อาหาร ไทยที่มีรสชาติเข้มข้น ที่มาพร้อมกับเนื้อไก่นุ่มๆ หอมอบอวลไปด้วยเครื่องเทศที่ชวนทานสุดๆ โดยสูตรแกง มัสมั่น ไก่ที่จะพาทำนั้นเป็นแกง มัสมั่น ไก่ สูตร โบราณที่มีวิธีทำที่ง่ายแสนง่าย รับรองว่าทำออกมาน่าตาน่าทานเหมือนต้นตำรับแน่นอน ซึ่งสูตรแกงมัสมั่นเราจะใช้เครื่องเทศที่ทำเอง เพราะจะมีความหอมกลมกล่อมตามสูตรอาหาร ไทย โบราณ โดยสามารถเตรียมวัตถุดิบได้ดังนี้

  1. พริกชี้ฟ้า 5 เม็ด
  2. พริกขี้หนูแดง 7 เม็ด
  3. หอมแดง 1 ช้อนโต๊ะ
  4. กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
  6. กะปิ ¼ ช้อนโต๊ะ
  7. ข่า 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ใบยี่หร่า ½ ช้อนโต๊ะ
  9. อบเชย 3 ท่อน
  10. กานพลู 2 ดอก
  11. ลูกกระวาน 5 ลูก
  12. ดอกจันทร์ 1 ดอก
มัสมั่นไก่

ส่วนผสมของแกงมัสมั่นสูตรไก่นุ่มๆ

  1. เนื้อไก่ส่วนสะโพก และน่องติดสะโพก 500 กรัม
  2. หอมหัวใหญ่ 20 กรัม
  3. หัวกะทิ 500 กรัม
  4. หางกะกิ 500 กรัม
  5. ถั่วลิสงคั่ว 40 กรัม
  6. ใบกระวาน 2 กรัม
  7. น้ำมะขาวเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาลปิ๊บ 5 ช้อนโต๊ะ

สำหรับเครื่องเทศที่ต้องใช้ในการทำแกงมัสมั่นไก่ หากใครชอบทานเผ็ดสามารถเพิ่มพริกได้ตามใจชอบ และก่อนที่เราจะลงมือทำเมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมอย่างแกงมัสมั่น ไก่ รสชาติเข้มข้น ตามฉบับมือใหม่ เราจะต้องมาทำเครื่องเทศกันก่อนดังนี้

มัสมั่นไก่
  1. นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมัน ตะไคร้ หอมแดง ข่า กระเทียม ทอดให้หอม นำพริกชี้ฟ้า และพริกขี้หนูหั่นลงไปทอดให้กรอบ ตักพักไว้ เทน้ำมันออกจากกระทะ จากนั้นใส่ดอกจันทร์ ลูกกระวาน ยี่หร่า เมล็ดผักซี กานพลู คั่วให้หอม เทใส่ครกตำให้ละเอียด ตามด้วยหอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ข่า ผิวมะกรูด ตามด้วยกระปิลงไป ตำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พักไว้ 
  2. ต่อมาตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิลงไปเล็กน้อย โดยใช้ไฟปานกลาง คนให้กะทิแตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ลงไป ผัดให้พริกแกงหอม ตามด้วยน้ำตาลปิ๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่กะทิที่เหลือลงไป เพิ่มไฟให้แรงขึ้น พอน้ำกะทิเดือดให้ใส่สะโพกไก่ และน่องไก่ลงไป ตามด้วยใบกระวาน และลูกกระวาน รอให้ไก่สุกประมาณ 20- 30 นาที 
  3. ใส่หัวหอมใหญ่ มันฝรั่ง และถั่วลิสงคั่ว รอให้ทุกอย่างสุกประมาณ 30 นาที โดยใช้ไฟอ่อนๆ จากนั้นปิดไฟและยกออกจากเตา 
มัสมั่นไก่

หลังจากที่ทำแกงมัสมั่นไก่เสร็จแล้ว ให้ตักใส่ถ้วย และนำไปเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยนุ่มๆ เมื่อได้ลองทานแล้วจะได้รสชาติเข้มข้นของน้ำแกงที่หอมอบอวลของเครื่องเทศทำเองที่ซึมเข้าเนื้อไก่กลมกล่อมสุดๆ สำหรับเมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานมากเป็นอันดับต้นๆ ของอาหารไทย เพราะรสชาติที่แปลกใหม่ และไม่เผ็ดมาก ทำให้นักท่องเที่ยวชอบทานเป็นประจำ 

เผยเคล็ดลับทำแกงมัสมั่นไก่ แบบโบราณ รสชาติเข้มข้น อบอวลด้วยกลิ่นเครื่องเทศ

มัสมั่นไก่

เมนูมัสมั่นไก่ หนึ่งในอาหาร ไทย ยอด นิยม และยังเป็นอาหาร ไทย 4 ภาคที่สามารถทำทานได้โดยไม่ต้องไปซื้อทานให้เสียเวลา แถมอยู่บ้านก็ทำทานได้ง่ายๆ แต่สิ่งสำคัญของการทำเมนูนี้จะต้องเตรียมเครื่องเทศเอง เพราะความสดใหม่ของเครื่องเทศจะช่วยเพิ่มความหอมละมุนของแกงทำให้เพิ่มความอร่อย และชวนทานมากขึ้น อีกทั้งยังได้รสชาติที่เข้มข้นกว่าเครื่องเทศสำเสร็จรูปอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
อาหารไทย

แกงเผ็ดไก่ น้ำพริกแกงสูตรเด็ด แกงไทยรสแซ่บ

แกงเผ็ด หรือจะเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า แกงแดง Red Curry เป็นแกงไทยที่มีสีสันน่ารับประทาน และยังมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน สูตรเด็ดอยู่ที่น้ำแกง ที่มีความเข้มข้น รสชาติเผ็ดจ้าน คุณสามารถใส่เนื้อสัตว์หรือผักตามใจชอบ หรือจะใส่เต้าหู้ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ในสูตรที่เราจะพามาทำกันในวันนี้คือสูตรที่ใช้เนื้อไก่ และส่วนผักใช้เป็นหน่อไม้แทน ผสมเครื่องแกงและกะทิเข้าด้วยกัน ซึ่งรับรองว่าจะได้ความเข้มข้นของน้ำแกงและความหอมมันของกะทิอย่างแน่นอน ความแซ่บและเข้มข้นของน้ำพริกแกงจะซึมเข้าไปในทุก ๆ อณูของเนื้อไก่ ทานเข้าไปรับรองว่าอร่อยจนหยดสุดท้ายแน่นอน ถือเป็นเมนูคู่บ้านคู่ครัวหลาย ๆ ครอบครัวเลยก็ว่าได้ หากนึกอะไรไม่ออกสามารถทำ แกงเผ็ดไก่ ทานกันได้ทั้งครอบครัว

แกงเผ็ดไก่

วัตถุดิบและวิธีการทำเมนูแกงเผ็ดไก่

1.เนื้อไก่ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ หรืออาจจะใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ ก็ได้ตามชอบ ในปริมาณ 142 กรัม

2.น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ

3.กะทิ ¼ ถ้วย

4.น้ำซุปหรืออาจใช้น้ำเปล่าแทนก็ได้ ½ ถ้วยตวง

5.หน่อไม้ หั่นไว้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ยาว ๆ ½ ถ้วย 

6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 

7.น้ำตาลทราย 3-4 ช้อนชา 

8.ใบมะกรูด 3-4 ใบ

9.ใบโหระพา ¼ ถ้วย

10.พริกเบลหรือจะเป็นพริกชี้ฟ้าสีแดงและสีเขียว หั่นเป็นเฉียง ๆ ไว้ 1/3 ถ้วย

11.น้ำมันพืช ใช้เพียงเล็กน้อยเพื่อไว้สำหรับผัด

ส่วนผสม น้ำพริกแกงเผ็ด 

1.พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้าและพริกหยวก ใช้ประมาณ 113 กรัม

2.ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ 

3.เม็ดพริกไทยขาว 10 เม็ด 

4.รากผักชีและก้านผักขีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ 

5.ตะไคร้ปั่นละเอียด 2 ต้น

6.ข่าปั่นละเอียด 2 ช้อนชา 

7.กะปิ 2 ช้อนชา

8.เกลือทะเล 2 ช้อนชา

9.หอมแดงสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

10.กระเทียมสับ ¼ ถ้วย

11.ผิวมะกรูดสับละเอียด 2 ช้อนชา 

วิธีการทำน้ำพริกแกง 

1.ตัดขั้วพริกทั้ง 3 ชนิดออก กรีดฝักเพื่อเอาเม็ดออก จากนั้นให้ตัดพริกเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปแช่น้ำไว้จนเริ่มนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

2.ใส่เม็ดพริกไทยขาวและลูกผักชีลงไปโขลกในครกให้ละเอียด ตามด้วยตะไคร้ ข่า รากผักชี หอมแดง กระเทียม กะปิ ผิวมะกรูด เกลือทะเลและพริกที่นำไปแช่น้ำเอาไว้แล้วจนนุ่ม นำมาตำรวมกันให้ละเอียดประมาณ 5 นาที 

3.นำส่วนผสมที่ตำรวมกันแล้ว นำไปปั่นให้ละเอียด

4.จากนั้นก็สามารถนำไปใช้ได้เลย หรือจะเก็บไว้แช่ในตู้เย็นก็ได้

วิธีทำแกงเผ็ดไก่

1.ตั้งกระทะขึ้น เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย เปิดไฟกลางพอให้กระทะร้อน ใส่น้ำพริกแกงที่ได้ทำเอาไว้แล้ว ใส่ลงไปในกระทะ ผัดให้หอม จากนั้นให้ใส่กะทิ ผัดไปเรื่อย ๆ ให้เข้ากัน 

2.ใส่เนื้อไก่ลงไปผัด เติมน้ำซุปลงไป ค่อย ๆ คนผสมให้เข้ากัน 

3.รอจนแกงเริ่มเดือดจึงค่อย ๆ ลดไฟลง ปล่อยทิ้งไว้สักพักประมาณ 10 นาที จากนั้นน้ำแกงจะเริ่มซึมเข้าไปในเนื้อไก่และเนื้อไก่ก็จะเปื่อยเล็กน้อย 

4.พอครบ 10 นาที เนื้อไก่และแกงก็จะได้ที่พอดี ให้ใส่ใบมะกรูดลงไป จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล

5.เติมกะทิลงไป คนให้เข้ากันดี จากนั้นชิมรสชาติและปรุงต่อได้ตามใจได้เลย 

6.ใส่หน่อไม้ลงไปและคนให้เข้ากันอีกรอบ ใส่พริกลงไปอีกรอบ รอจนแกงเดือดอีกครั้ง ให้ใส่ใบโหระพาลงไป คนเล็กน้อย จากนั้นปิดไฟและยกหม้อลง เสร็จแล้วตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ แกงเผ็ดไก่ ได้เลย

แกงเผ็ดไก่

แกงเผ็ดไก่ แกงกะทิ ไทย รสชาติเผ็ดแซ่บ

แกงไทยมีหลายเมนูด้วยกันที่เป็นที่นิยมและมีรสชาติอร่อย หนึ่งในนั้นคือ แกงเผ็ดไก่ เมนูนี้เป็นแกงที่มีจุดเด่นที่รสชาติ ความเผ็ดของพริกแกงเข้ากันได้ดีกับเนื้อไก่หรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ และยังมีกะทิที่เป็นตัวลดความเผ็ดของพริกแกงได้ดี รสชาติของเมนูแกงเผ็ดไก่จึงออกมาอร่อยลงตัวสุด ๆ และความอร่อยก็ยังอยู่ตรงที่น้ำพริกแกง นอกจากจะนำมาใส่ในเมนูนี้แล้วยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน เพื่อนำไปใส่ในเมนูอื่น ๆ ได้อีกด้วย เมนูแกงซดน้ำ ที่สามารถทำทานได้ทุกวัน

แกงเผ็ดไก่
Categories
อาหารไทย

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน รสชาติเข้มข้น ซดน้ำร้อน ๆ

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน แกงรสชาติเข้มข้น แบบที่ไม่ใส่กะทิและปลาร้า แต่อย่างไรก็รสชาติอร่อยถึงใจอย่างแน่นอน วัตถุดิบก็หาไม่ยากและไม่เยอะ ส่วนวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลย ใครที่ขื่นชอบแกงรสเผ็ดแซ่บ จะต้องชอบเมนูนี้อย่างแน่นอน คนกินเผ็ดไม่มีผิดหวัง รสชาติแซ่บ ๆ ของน้ำแกงป่า ที่อร่อยถึงใจ บวกกับความอร่อยของซี่โครงหมูอ่อน  สายกินซี่โครงหมูถูกใจอีกเป็นเด้งที่สอง ในส่วนของหมูนั้นก็มีหลายส่วนที่แม่ครัวพ่อครัวได้นำมาทำเป็นเมนูอาหารแต่ละเมนู บางคนอาจจะไม่ชอบทานเนื้อหมูส่วนที่ติดมัน เพราะทานเข้าไปแล้วเลี่ยน เช่นจำพวก หมูสามชั้นทอดหรือย่าง หมูกรอบ ถึงแม้จะเป็นเมนูโปรดใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบ และหันมาสนใจส่วนอื่น ๆ ชองหมูกัน อีกส่วนที่อร่อย และนิยมนำมาทำเป็นอาหารนั่นก็คือซี่โครง ซี่โครงเป็นเนื้อติดกระดูกที่ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อน้อย แต่ก็เป้นเนื้อส่วนที่มีความอร่อย เนื้อไม่เหนียวเคี้ยวง่าย มีความติดมันเล็กน้อยไม่มาก ยิ่งนำไปทอดหรือแกงป่าแซ่บ ๆ ยิ่งอร่อย

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน

วัตถุดิบและวิธีการทำเมนู แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน

  1. ซี่โครงหมูอ่อน 500 กรัม
  2. คนอร์หมูซุปก้อน 2 ก้อน 
  3. ถั่วฝักยาว 50 กรัม 
  4. มะเขือเปราะ 200 กรัม 
  5. มะเขือพวง 50 กรัม 
  6. ใบมะกรูด 5 กรัม 
  7. กระชาย 20 กรัม 
  8. น้ำ 1 ลิตร
  9. พริกขี้หนูแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  10. พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ
  11. พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ 
  12. ตะไคร้ 3 ช้อนโต๊ะ 
  13. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ 
  14. ข่า 1 ช้อนโต๊ะ
  15. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ 
  16. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา 
  17. เกลือ 1 ช้อนชา 

วิธีการทำเมนู แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน 

  1. เริ่มต้นด้วยการทำพริกแกง โดยการใส่ เกลือ ผิวมะกรูด ตะไคร้ กะปิ พริกขี้หนูแห้ง พริกขี้หนูสวน ข่า พริกไทยขาว ลงไปโขลกรวมกันให้ละเอียดดี เสร็จแล้วตักออกจากครกและพักไว้
  2. ตั้งหม้อขึ้น และเทน้ำสะอาดลงไป รอจนน้ำเดือด สักพักให้ใส่คนอร์ซุปก้อนหมูลงไป
  3. เติมน้ำพริกแกงป่าลงไป รอให้น้ำพริกที่ผสมกับน้ำซุปเดือดและละลายดี จากนั้นให้ใส่ซี่โครงหมูที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เอาไว้ลงไปในหม้อ 
  4. ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาวลงไปต้มในหม้อ ให้สุกพอประมาณ ไม่จำเป็นต้องสุกมากนัก จากนั้นให้ใส่กระชายและใบมะกรูดลงไป ใช้ทัพพีคนให้เข้ากัน
  5. ปรุงรสชาติตามชอบ ด้วยน้ำปลา และเครื่องปรุงอื่น ๆ ชิมรสชาติที่ชอบ คนให้เข้ากันดีจากนั้นก็ปิดไฟได้เลย 
  6. ตักเสิร์ฟใจถ้วยหรือจานพร้อมเสิร์ฟเมนูแกงป่าซี่โครงหมูอ่อน ได้เลย
แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อนอาหารภาคกลาง สุดแซ่บ

อาหารเมนูแซ่บ ๆ นั้นไม่ได้มีอยู่แค่ทางภาคอิสานเท่านั้น ภาคกลางก็มีเมนู แกงแซ่บ อยู่เยอะเช่นเดียวกันแกงป่าซี่โครงหมูอ่อน เป็นเมนูที่ไม่ใส่ปลาร้า แต่รสชาติเข้มข้นในแบบที่เป็นแกงป่า เนื้อหมูในส่วนของซี่โครงหมูนั้นมีรสชาติที่ดีและอร่อย ถึงแม้ว่าเนื้อตรงส่วนนั้นจะน้อยเพราะเป็นเนื้อติดกระดูก แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนของซี่โครงหมูนั้นอร่อยจริง ๆ นอกจากจะอร่อยด้วยตัวของมันเองแล้ว กระดูกของซี่โครงหมูยังทำให้น้ำซุปอร่อยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หลายคนจึงชอบนำกระดูกหรือซี่โครงหมูนำไปต้มใส่น้ำ เพื่อทำเป็นน้ำซุป และเมนูอื่น ๆ เช่นข้าวต้ม แกงจืด และแกงอื่น ๆ ที่เน้นความอร่อยของน้ำซุป 

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อนเป็นเมนูที่มีจุดขายตรงน้ำซุปหรือน้ำแกงที่แซ่บนั่นเอง ด้วยความที่มีเครื่องพริกแกงมากมายที่ให้ความแซ่บ เช่น พริก ข่า ตะไคร้ นำมาตำรวมันยิ่งเพิ่มความแซ่บเข้าไปอีก ตามแบบฉบับของแกงป่าที่แท้จริง และจุดขายอีกอย่างหนึ่งก็อยู่ที่ซี่โครงหมูนั่นเอง ซึ่งก็มีทั้งส่วนที่เป็นซี่โครงกระดูกข้างลำตัวและซี่โครงอ่อน ซึ่งในเมนูนี้เราได้นำซี่โครงอ่อนมาทำนั่นเอง เพราะส่วนนี้เขาอร่อยและเคี้ยวง่าย นำมาทำเป็นต้มแซ่บหรือแกงป่าแบบนี้อร่อยอย่าบอกใคร เมนูอาหารไทยที่ทานได้ทั้งครอบครัว ทำทานได้ทุกวัน

แกงป่าซี่โครงหมูอ่อน
Categories
อาหารไทย

ผัดไทย เมนูเส้นแสนอร่อย ได้ลิ้มลอง ติดใจกันทุกคน

ผัดไทย

ผัดไทย อีกหนึ่งเมนูอาหารภาคกลาง เป็นที่นิยมมาช้านาน ว่ากันว่า ความอร่อยนั้น ดังไกลไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ไม่แพ้เมนู ”ต้มยำกุ้ง” ของเรากันเลยทีเดียวนะคะ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง จีน อืนเดียหรือชาวแดนอาทิตย์อุทัยต่างชื่นชอบอาหารเมนูนี้ ที่มีลักษณะเป็นเส้นนุ่ม ๆ คลุกเคล้าเข้ากันดีกับซอสมะขามและเครื่องปรุงอื่น ๆ แสนอร่อยที่มีครบทุกรสชาติใน 1 จานเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ เปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดกำลังดี เรียกได้ว่า อร่อยนัว จนไม่อาจหยุดรับประทานได้เลย อีกทั้ง ราคายังไม่แพง มีหลายรูปแบบ และยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วแบบนี้ ใครล่ะจะอดใจไหว ต้องสั่งมากินแล้วค่ะ

วัตถุดิบ ส่วนผสมในการทำ ผัดไทย

ผัดไทย

ใครที่กำลังคิดอยากจะลองทำกินด้วยตัวเอง วันนี้ เราขออาสารีวิว วิธีทำผัดไทย มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองฝึกทำ ซึ่งวัตถุดิบนั้น หาง่าย มีในครัวเรือนอยู่แล้ว ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบเพียงไม่นานก็สามารถทำได้เลย ใครจะไปรู้ ทำจนคล่องและอร่อย อาจจะเป็นแม่ครัวขึ้นชื่อในเมนูนี้ไปเลยนะคะ 

ส่วนผสม

  • กุ้งสด ประมาณ 3-5 ตัว หรือตามชอบ
  • ​ ​​​เต้าหู้เหลือง หั่นเป็นรูปเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ
  • ​​ไชโป๊ สับให้ละเอียดประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​​ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหรือในบางรายอาจใช้เส้นจันแทนก็ได้ ซึ่งอร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก
  • ​​​ถั่วงอกดิบ
  • ​​ใบกุยช่าย
  • ​​ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ​​​น้ำมันพืช 
  • ​​ถั่วลิสงคั่วบด ให้ใส่ตามชอบ
  • ​​ผักสด เช่น หัวปลี แตงกวา ถั่วงอก

ส่วนผสมซอสผัดไทย

  • น้ำตาลปี๊บประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​น้ำมะขามเปียกประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​​น้ำปลาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ​​พริกป่นประมาณ 1 ช้อนชา 

อุปกรณ์ต้องเตรียม มีอะไรบ้าง เมื่อจะทำผัดไทย

ผัดไทย

จะทำผัดไทย ให้อร่อยทั้งที เราต้องมีตัวช่วยค่ะ ซึ่งตัวช่วยที่ว่าหมายถึงอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมไว้ ได้แก่ กะทะ ตะหลิว ครกและสากกะเบือ (ใช้ในการตำถั่วลิสงให้พอแหลก)

สูตรลับ ขั้นตอนการทำผัดไทยให้อร่อย

เป็นอีกหนึ่งเมนูเส้นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวหรือขนมจีนกันเลยทีเดียวนะคะ ใครเห็นเจ้าเมนูเส้นที่มาพร้อมหัวปลีสด ๆ ถั่วงอก และกลิ่นหอม ๆ ของซอสที่นำมาผัดและคลุกไปด้วยกัน เพียงเท่านี้ ก็ให้ความรู้สึกแสนอร่อยแล้วค่ะ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการกินเมนูเส้นจานนี้ วันนี้เรามี สูตรผัดไทย มาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ เรามาดูไปพร้อม ๆ กัน ทำอย่างไรบ้าง ?

ขั้นตอนที่ 1 ขอเริ่มที่วิธีทำซอสผัดไทย กันก่อนนะคะ ให้นำน้ำมะขามเปียก น้ำปลา พริกป่น น้ำตาลปี๊บ มาผสมให้เข้ากัน โดยการนำไปตั้งไฟ รอจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี ปิดไฟ เทลงในภาชนะ พักไว้ให้เย็น

ขั้นตอนที่ 2 มาถึงขั้นตอนการทำผัดไทย กุ้งสด เริ่มจาก นำกุ้งสดไปผัดในกะทะ ผัดกระทั่งตัวกุ้งเริ่มสุก แล้วนำไปพักไว้ในภาชนะ จากนั้น ให้มาเตรียมในส่วนเครื่องผัดไทย โดยการนำเต้าหู้หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ผัดจนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตามด้วยหัวไชเท้า ผัดจนกระทั่งดูเข้ากันดี แล้วเทซอสผัดไทย ลงในกะทะ ผัดส่วนผสมไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้หั่นและหัวไชเท้า เคล้าให้เข้ากันกระทั่งเดือด

ขั้นตอนที่ 3 นำเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เราแช่น้ำไว้แล้วลงไปในกะทะ ผัดให้เข้ากัน จากนั้น เขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวไปไว้ข้างกะทะ ตามด้วย ตอกไข่ไก่ลงไปในกะทะ ยีไข่กระทั่งพอสุก นำไปคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ตามด้วยกุ้งที่เราได้ผัดเตรียมไว้แล้ว จากนั้น ตักผัดไทย ดังกล่าวที่เราคลุกเคล้าจนสุกเข้ากันดี ตักใส่จาน เวลาจะรับประทาน ให้กินคู่กับผักสดที่เราเตรียมไว้ได้เลย เช่น ถั่วงอกสด หัวปลี แตงกวาฝาน ผักกุยช่าย เพียงเท่านี้ เราก็จะได้เมนูผัดไทยกุ้งสด มารับประทานแล้วค่ะ

ผัดไทย

ผัดไทย จะเป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารไทย แสนอร่อยที่ใครก็สามารถทำกินเองได้ เหตุผล นั่นเป็นเพราะ วัตถุดิบในการนำมาใช้ทำอาหารเมนูนี้ เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาในครัวเรือนได้เลย ใช้เวลาเพียงไม่นาน เราก็สามารถอิ่มอร่อยด้วยมือเราได้ หรือ ถ้าใครทำเมนูอาหารจานนี้จนคล่อง สามารถนำมาใช้ต่อยอด เปิดร้านขายได้เลยค่ะ

Categories
อาหารไทย

ผัดกะเพรา อาหารจานด่วนแสนอร่อย ง่าย ๆ

ผัดกะเพรา

ผัดกะเพรา เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยจานเดียวที่เราต้องพูดถึง ไม่ว่าจะนำมากินในมื้อไหน ก็อร่อยโดนใจ ใครชิมเป็นต้องติดใจ ด้วยลักษณะของรสชาตินั้น เผ็ดร้อนจากพริกสดตำพอแหลกนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อหมู แม้กระทั่ง อาหารทะเลอย่าง กุ้ง ปลาหมึกก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ

อีกทั้งในส่วนของคุณค่าทางสารอาหารนั้น ใบกะเพรามีฤทธิ์ช่วยในเรื่องของการขับลม ใครที่มีปัญหาแน่น จุกเสียด ควรหันมาสั่งข้าวกะเพรากินนะคะ  เวลารับประทาน เราจะรู้สึกได้เองว่า อาการจุกเสียดและแน่นท้องในบางจุด จะบรรเทาลงมาได้ ภายหลังรับประทานข้าวกะเพราค่ะ

วัตถุดิบ ส่วนผสมในการทำผัดกะเพรา

ผัดกะเพรา

เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เรามีความต้องการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน ๆ ให้อร่อย วัตถุดิบต้องพร้อมอยู่เสมอค่ะ ดังนั้น ก่อนจะเข้าครัวทำผัดกะเพรา เมนูเด็ดมารับประทาน เรามาเตรียมความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบกันก่อนดีกว่าว่า มีอะไรบ้างที่ต้องเตรียม ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ เห็นรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องเตรียม จะร้องว้าว ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เพราะวัตถุดิบดังกล่าวที่ว่า เป็นอะไรที่หาได้ง่ายมาก ๆ ในครัวเรือน

วัตถุดิบ (สำหรับ 3-4 คน)

  • เนื้อหมูบดประมาณครึ่งกิโลกรัมหรือ 500 กรัม
  • กระเทียม 5 กลีบ นำมาสับหยาบ
  • พริกชี้ฟ้า 4-5 เม็ด นำมาหั่นให้ละเอียด
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย 2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายแดง ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำซุป หรือ น้ำเปล่า 
  • ใบกะเพรา 1 กำมือหรือตามชอบ
  • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ดาว 

ผัดกะเพรา อุปกรณ์ต้องเตรียม

ผัดกะเพรา

ไม่ว่าจะเป็นกะเพราเนื้อ และอื่น ๆ เมนูนี้จะเป็นเมนูอาหารจานเดียวจานด่วนพื้นฐานที่มีขั้นตอนในการเตรียมที่แสนง่าย ซึ่งอาหารภาคกลาง สูตรนี้ ใช้อุปกรณ์พื้นฐานในการทำเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น อันได้แก่ กะทะ ตะหลิว เครื่องบดเนื้อสัตว์ หรือในบางรายที่ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว สามารถเตรียมเขียงและมีดปังตอเอาไว้ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อใช้ในการสับเนื้อที่เราเตรียมไว้ได้เลยค่ะ  

วิธีทำผัดกะเพรา

มาถึงขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย นั่นก็คือ วิธีทำผัดกะเพรา แสนอร่อย ที่ใครชิมเป็นต้องติดใจจนต้องมีการสั่งซ้ำมากิน ภายหลังจากเตรียมในส่วนของวัตถุดิบกันไปแล้ว เรามาเริ่มต้นวิธีทำกันดีกว่าค่ะ

ขั้นตอนแรก เตรียมครกหรือเขียงแล้วนำกระเทียมและพริกสด จะเป็นพริกขี้หนูหรือพริกชี้ฟ้าก็ดี นำส่วนผสมดังกล่าว มาโขลกพอหยาบ ๆ ในส่วนของเหตุผลนั้น  เป็นการกระจายความเผ็ดให้ลดน้อยลงมาจากเดิม จากนั้นตั้งไฟกลาง เทน้ำมันลงในกะทะ ผัดกระเทียม รอกระทั่งเหลือง อย่าปล่อยให้กระเทียมไหม้เป็นอันขาด เพราะอาจทำให้เมนูกะเพราจานนี้เสียอรรถรสลงมาได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 มาถึงขั้นตอนสำคัญในการทำเมนูผัดกะเพรา  ให้อร่อย จนใคร ๆ ก็อยากสั่งมากินซ้ำ นั่นก็คือ ให้นำหมูบดมาผัดลงในกะทะ ผัดกระทั่งหมูสุกทั่วถึง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว และน้ำมันหอย คลุกเคล้าให้พอเข้ากันดี จากนั้นเติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อยเพื่อทำให้สูตรผัดกะเพรา ดูฉ่ำๆ และอร่อยขึ้นมาได้ค่ะ


ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทำผัดกะเพราโดยที่ก่อนจะนำใบกะเพรามาใส่ลงในกะทะ สำหรับใครที่ต้องการรับประทานผักอื่นเพิ่ม เช่น หอมหัวใหญ่ ถั่วฝักยาวหั่น ก็สามารถใส่ลงไปได้เลย จากนั้นผัดให้เข้ากันจนผักสลบ ตามด้วยใบกะเพราหนึ่งกำมือปิดท้าย ผัดแต่พอสุก ให้มีกลิ่นหอมจากใบกะเพรา ถือว่า เป็นอันเสร็จพิธี จัดใส่จาน กินคู่กับไข่ดาวกรอบ ๆ พร้อมพริกมะนาว น้ำปลา เพียงเท่านี้ ฟินแล้วค่ะ

ผัดกะเพรา

ผัดกะเพรา จะเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ในดวงใจของใครหลายคนกันได้เลยนะคะ เพราะไม่ว่าจะนำมารับประทานมื้อไหน ๆ ก็อิ่มและอร่อย กันถ้วนหน้า ที่มาพร้อมสารอาหารครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ดาว แร่ธาตุชนิดต่าง ๆ จากผัก เช่น ใบกะเพรา ถั่วฝักยาว หัวหอมใหญ่ พริกชี้ฟ้า รวมถึง ไขมันจาก น้ำมันที่ใช้ในการผัดค่ะ รู้แบบนี้ เรามาเตรียมทำเมนูนี้กันเลยดีกว่านะคะ อร่อย ง่าย ๆ ด้วยมือเรา

Categories
อาหารไทย

ส้มตำ เมนูอาหารสุดพิเศษ ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ

ส้มตำ

เมื่อพูดถึง ส้มตำ ใคร ๆ ก็ต่างชื่นชอบเมนูนี้อย่างแน่นอน ที่ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติต่างก็ต้องหลงใหลเมนูนี้ ใครต่างก็ต้องชื่นชอบและอยากที่จะลิ้มลองความแซ่บด้วยกันทั้งนั้น เมนูนี้นับว่าเป็นเมนูที่โด่งดังมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยรสชาติที่มีเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หอมปลาร้า เส้นมะละกอกรอบ ๆ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่สุดแสนจะลงตัวเอามาก ๆ หากใครที่ชอบกินปลาร้าเป็นชีวิตจิตใจเมนูนี้ต้องเป็นเมนูโปรดของคุณอย่างแน่นอน ไม่ว่าคนชาติไหน ๆ ที่เดินทางมายังประเทศไทยก็ต้องเลือกที่จะไปลิ้มลองเมนูรสแซ่บนี้อย่างแน่นอน ทางเว็บไซต์ของเรามีเรื่องเล่าของเมนูแซ่บ ๆ นี้มาฝากทุกคนกันค่ะ

ส้มตำ นับว่าเป็นเมนูอันดับหนึ่งของท้องถิ่นภาคอีสาน อัดแน่นไปด้วยความจัดจ้านแบบลงตัวมีรสชาติแบบครบเครื่องไม่ต้องปรุงรสอะไรเพิ่มเติม เมนูนี้เป็นเมนูที่มีกลิ่นเฉพาะตัวเอามาก ๆ เพราะน้ำปลาร้ามักจะมีกลิ่นหอมเย้ายวน แต่ละร้านก็จะใช้น้ำปลาร้าในแบบที่แตกต่างกันออกไป บางร้านใช้แบบสำเร็จรูปซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ บางร้านใช้ปลาร้าต้ม หรือบางร้านก็ใช้ปลาร้าแบบไม่ต้ม แต่ในทุก ๆ ร้านมักจะมีเอกลักษณ์และรสชาติที่เฉพาะตัวนั่นเอง

ส้มตำ

ส้มตำ กับความอร่อยที่หลากหลาย กับรสชาติอันจัดจ้านของส้มตำ

การคัดเลือกวัตถุดิบเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ของวิธีทำส้มตำ ต้องใช้ส่วนผสมที่มีแต่ความสดใหม่และสะอาดเท่านั้น ส่วนมากมักจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ตามท้องถิ่นพื้นบ้านที่มีมากในอาหารภาคอีสานและหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามท้องตลาด การทำเมนูนี้ให้อร่อยได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่นเดียวกัน ต้องใช้ความชำนาญในการตำเป็นอย่างมากเพื่อให้รสชาติมีความอร่อยและลงตัวมากที่สุด สิ่งที่ใช้หลัก ๆ ในเมนูส้มตำปูปลาร้าก็คงจะเป็นมะละกอดิบ, น้ำปลาร้า, ปูนา, ถั่วฝักยาว, มะกอก, มะเขือเทศ และวัตถุดิบส่วนมากสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเมนูที่ชอบตามต้องการ

ส้มตำ

เมนูอาหารสุดจัดจ้า ที่ใครก็สามารถทำให้อร่อยลงตัวได้

การทำส้มตำให้อร่อยจัดจ้านตามฉบับความเป็นคนอีสานแท้ ๆ ต้องมีความแม่นยำในการใส่เครื่องปรุง เพราะบางครั้งถ้าหากใส่พลาดอาจจะทำให้สูตรส้มตำผิดเพี้ยนไปมากพอสมควร

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. มะละกอดิบ 1 ลูก
  2. ปลาร้าสำเร็จรูป 1 กระบวย
  3. ปูเค็ม 2 ตัว
  4. มะเขือเทศสด 2 ลูก
  5. มะกอก 2 ลูก
  6. ถั่วฝักยาว 2 ต้น
  7. ผงชูรส 1 หยิบมือ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  10. มะนาว 2 ลูก
  11. พริกชี้ฟ้า 3 เม็ด
  12. พริกแห้ง 3 เม็ด
  13. กระเทียม 3 กลีบ

วิธีทำ

  1. นำมะละกอมาปอกเปลือกล้างให้สะอาด นำไปสับละเอียดจนมะละกอออกมาเป็นเส้นไม่ให้มากนักเพื่อให้พอดีคำแล้วนำไปแช่ตู้เย็นสักพักเพื่อให้มีความกรอบ
  2. นำปูดองไปลวกเพื่อกำจัดเชื้อโรค
  3. นำพริก มะเขือเทศ มะกอก มะนาว ถั่วฝักยาวไปล้างให้สะอาด
  4. เตรียมครกแล้วทำการใส่กระเทียม พริกชี้ฟ้า และพริกแห้งลงไปตำพอหยาบ
  5. จากนั้นทำการใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะนาว ผงชูรส คนจนน้ำตาลละลายดีแล้ว ให้ใส่น้ำปลาร้าสำเร็จรูปตามลงไปคนจนเข้ากันอีกครั้ง
  6. หยิบมะละกอมาใส่ครกประมาณ 1 หยิบมือใหญ่ ๆ หรือประมาณ 100 กรัม ตำผสมคนให้น้ำเข้าไปอยู่ในเส้นมะละกอ 
  7. หั่นมะเขือเทศ ถั่วฝักยาว และมะกอกใส่ลงไป ทำการตำสลับคนอีกครั้ง แล้วจึงแกะปูดองที่ทำการลวกแล้วใส่ตามลงไปเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ส้มตำ

สุดยอดเมนูของคนไทย ที่ดังไปไกลถึงทั่วโลก

เมนูสุดแซ่บที่เรานำมาฝากทุกคนน่าทำทานมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ หากคุณเป็นคนชอบอาหารไทย เมนูนี้เป็นอีก 1 เมนูที่ไม่ควรพลาด เพราะขนาดที่ว่าชาวต่างชาติที่ได้เดินทางมาประเทศไทยยังอดไม่ได้ที่จะทานเมนูนี้ หากใครอยากทำตำถาดก็สามารถนำเมนูไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มที่เลยนะคะ เพราะทุกสูตรอาหารของเราเป็นสูตรที่ได้รับการขนานนามมาแล้วว่าอร่อยสุด ๆ

Categories
อาหารไทย

แกงเขียวหวาน เมนูอาหารไทยยอดนิยม

แกงเขียวหวาน ถือว่าเป็นเมนูอาหารไทยถ้วยโปรดของคนไทยหลายคน รวมไปถึงชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในเมืองไทย ต่างก็ต้องถามหาเมนูอาหารไทยนี้ชิมกัน ที่สามารถทานได้อย่างหลากหลายทั้งกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือกับขนมจีนก็อร่อยไม่แพ้กัน อีกทั้งยังเป็นเมนูอาหารที่เรียกได้ว่าทำทานเองได้ง่ายสุด ๆ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาพาทุกคนไปเข้าครัว ทำเมนูแกงเขียวหวานถ้วยอร่อยกัน รับรองได้เลยว่าเพียงแค่ทำตามสูตรเหล่านี้ จะได้ทานเมนูอาหารไทยที่อิ่มอร่อยกันอย่างแน่นอน 

ต้องขอบอกเลยว่า อาหารไทย มักเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อยและรสชาติ ที่มีความหลากหลายมาก เนื่องจากว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร พืชพรรณ และสัตว์ต่าง ๆ จึงทำให้เรามีเมนูที่หลากหลาย ทานได้อย่างไม่น่าเบื่อ ซึ่งเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากใน อาหารภาคกลาง นั้นคือ แกงเขียวหวานไก่ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนู แกงกะทิ ที่ใช้น้ำกะทิมาเป็นส่วนประกอบหลัก ที่จะมาเพิ่มความหอม กลมกล่อมให้กับเมนูนี้ได้อย่างลงตัว ตามเราไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำกันเลยดีกว่า

วัตถุดิบหลักของเมนู แกงเขียวหวาน

ถ้าพูดถึงวัตถุดิบหลักของเมนูอาหารไทยยอดนิยมเมนูนี้ ถือว่าเป็นเมนูอาหารที่มีวัตถุดิบหาซื้อได้ง่าย หรือหาได้ง่ายตามท้องถิ่น ซึ่งรสชาติหลัก ๆ ของ แกงเขียวหวานไก่ ที่จะมีทั้งความเผ็ด หวาน มัน และเค็มกลมกล่อมอย่างลงตัว และที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำเมนู แกงเขียวหวาน นั่นก็คือ วัตถุดิบหลักอย่างกะทิ ที่จะมาเพิ่มความอร่อย สีสัน ให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ตามไปจด สูตรแกงเขียวหวาน กันเถอะ

วัตถุดิบเมนูอาหารแกงเขียวหวานไก่

  1. เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
  2. มะเขือเปราะหั่นแช่น้ำเกลือ 5-6 ลูก
  3. พริกชี้ฟ้าแดงหั่น 2 เม็ด
  4. กะทิ 2 ถ้วยตวง
  5. พริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต้ะ
  6. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
  8. น้ำมันงา 1 ช้อนโต้ะ
  9. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต้ะ
  10. ใบโหระพา 1 กำมือ
  11. ใบมะกรูดหั่น 4 ใบ



วิธีทำ แกงเขียวหวาน ฉบับง่าย ๆ ทำตามได้ที่บ้าน

เมื่อได้ทราบถึง วัตถุดิบในการทำแกงเขียวหวาน เมนูอาหารไทยยอดนิยมกันไปแล้ว ถัดมาเรามาดู วิธีทำแกงเขียวหวาน ที่เราได้นำมาแบ่งปันกันในบทความนี้ รับรองได้เลยว่าเป็นวิธีทำฉบับง่าย ๆ สามารถทำเพื่อรับประทานกันได้ที่บ้าน อร่อยถูกใจอย่างแน่นอน ดังนั้นตามเราไปจดสูตร แกงเขียวหวาน แล้วไปเข้าครัวกันเลย

วิธีทำการทำแกงเขียวหวานไก่

  1. ขั้นตอนแรกในการ ทำแกงเขียวหวาน ก็คือ ตำพริกแกงให้ละเอียด จากนั้นตั้งกระทะใส่กะทิลงไปเคี่ยวหม้อให้แตกมัน โดยใช้ไฟอ่อน ตามด้วยพริกแกงที่ตำไว้ใส่ลงไปเคี่ยวให้เข้ากันดี จนมีกลิ่นหอม 
  2. ตามด้วยเนื้อไก่หั่น ลงไปผัดคลุกคล้ากับส่วนผสมที่ใส่ลงไปให้เข้าเนื้อ เติมกะทิเพิ่มความหอม ทิ้งไว้ให้เริ่มเดือดแล้วจึงคนให้ไก่สุกทั่วกัน
  3. เมื่อกระทะเดือดได้ที่แล้ว ให้ใส้มะเขือเปราะลงไปคนให้โดนความร้อนทั่วกัน เพื่อไม่ให้มะเขือดำ เมื่อมะเขือเปราะเริ่มสุกแล้ว 
  4. จากนั้นให้ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมันงา และซีอิ๊วขาว ในขั้นตอนนี้ให้ชิมแล้วปรุงรสเพิ่มได้ตามชอบ

5. จากนั้นให้ใส่พริกชี้ฟ้าแดง ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าแดงลงไป เพื่อเพิ่มสีสัน แล้วให้คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นปิดไฟ แล้วใส่จานพร้อมเสิร์ฟ เพียงวิธีทำง่าย ๆ นี้ก็จะได้ชิมความอร่ยอของเมนู อาหารไทย แล้ว

แกงเขียวหวาน อาหารไทยรสอร่อย กลมกล่อม

แกงเขียวหวาน อาหารยอดนิยมที่ติดอันดับที่สุดของ อาหารไทย ที่เรียกได้ว่าถูกใจ ถูกปาก ทั้งคนไทยเองและคนต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง สำหรับใครที่อยากลองเข้าครัวทำเมนูอาหารไทย ง่าย ๆ ทำทานที่บ้านล่ะก็ เราแนะนำให้ลองทำเมนูอาหารไทยยอดนิยมนี้กันเลย ซึ่งเราสามารถดัดแปลงเนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นวัตถุดิบได้เองตามใจชอบเลย ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวานหมู แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย เป็นต้น รับรองเลยว่ารสชาติอร่อย กลมกล่อม สีสันน่ารับประทานเป็นอย่างมาก

Categories
อาหารไทย

เมนูอาหารไทยที่ไม่เคยตกยุค ขนมจีนน้ำยากะทิปลา

หากจะกล่าวถึงเมนูอาหารไทยที่อร่อยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้วนั้นมีมากมายหลายอย่าง อาทิต้มยำกุ้ง ผัดไทย น้ำพริก ส้มตำ แกงเขียวหวาน แกงต่าง ๆ แต่เมนูอาหารไทยที่ทั้งโด่งดัง และทั้งเป็นที่นิยมของคนไทยส่วนใหญ่ สามารถรับประทานได้แทบทุกวันนั้นได้แก่เมนูขนมจีน 

เมนูขนมจีนนั้นก็สามารถดัดแปลงรับประทานกับแกงทุกชนิดได้ โดยเฉพาะรับประทานคู่กับน้ำยากะทิปลานั้นจะเข้ากันอย่างมาก เพราะประเทศไทยมีทั้งปลาทะเลที่สด และเป็นดินแดนของมะพร้าวที่อร่อยที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีเครื่องสมุนไพรไทยครบครัน ทำให้เมนูขนมจีนน้ำยากะทิปลานั้นมีรสชาติอร่อยกลมกล่อมถูกปากถูกใจคนไทยอย่างมากเลยทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เมนูอาหารไทย เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำเมนูน้ำยากะทิปลา 

1.ปลาทู 10 ตัว ( เมนูอาหารน้ำยากะทิปลานี้ สามารถใช้ปลาอะไรก็ได้)

2.หัวกะทิ 800 มิลลิกรัม 

3.ข่าซอย 200 กรัม

4.พริกแดงแห้ง 1 ถ้วยตวง (เมนูอาหารไทยนี้สามารถใช้ได้ทั้งพริกแห้ง และพริกขี้หนูสด)

5.ตะไคร้หั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง

6.ขมิ้นหั่น 1 แว่น 

7.กระเทียม 3 หัว

8.หอมแดง 5 หัว 

9.ผิวมะกรูด 2 ชิ้น 

10.ข่า 3 แว่น 

11.กระชายขาว 400 กรัม 

12.กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ 

13.น้ำสะอาด 1000 มิลลิกรัม 

14.น้ำปลา 3 ช้อนชา 

15.ผงปรุงรส 3 ช้อนชา 

16.น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ 

17.เกลือป่น 4 ข้อนชา 

18.พริกขี้หนูสด 30 เม็ด 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน วิธีการทำน้ำยากะทิปลา 

1.เมนูอาหารไทยน้ำยากะทิปลา มีขั้นตอนทำง่าย ไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มจากการโขลกเครื่องแกงเผ็ด ใส่พริกแห้ง พริกขี้หนูสด เกลือป่น ผิวมะกรูด ขมิ้น หัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ จากนั้นโขลกจนละเอียด ใส่กะปิลงไ โขลกอีกครั้งจนส่วนผสมเข้ากัน (ขั้นตอนนี้หากใครไม่สะดวกโชลกเครื่องแกงเองสามารถซื้อเครื่องแกงสำเร็จรูปได้ เมนูที่ยากก็จะกลายเป็น เมนูอาหารง่ายๆ หากอยากได้ความอร่อย ความหอมต้องตำเองสด ๆ ใหม่ ๆ)

2.มาถึงขั้นตอนการต้มปลาทู เริ่มจากใส่น้ำสะอาด พริกแห้ง หอมแดง กระชายขาว ลงหม้อต้ม เปิดไฟระดับกลางรอจนน้ำเดือด จากนั้นใส่ปลาทูลงไป ต้มต่ออีก นาที จากนั้นยกลงมาพักจนเย็นจากนั่นตักเครื่องแกง แกะเอาแต่เนื้อปลา น้ำมาโขลกหรือปั่นให้ละเอียด 

3.มาถึงส่วนของขั้นตอนการผัดเครื่องแกง โดยการผัดกะทิกับเครื่องแกงเผ็ดที่เตรียมไว้จนมีกลิ่นหอม จากนั้นเนื้อปลาทู และเครื่องสมุนไพร พริกแห้ง หอมแดง กระชาย ที่ปั่นเรียบร้อยแล้วลงไปในส่วนผสมของเครื่องแกงกะทิ หากกะทิมีความข้นจนเกินไป ให้ใส่น้ำต้มปลาลงไป 

4.ปิดท้ายด้วยการปรุงรสน้ำยากะทิปลาด้วยน้ำตาลมะพร้าว ซีอิ้วขาว น้ำปลา ผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำยากะทิปลารับประทานคู่ขนมจีน พร้อมผักแกล้ม ไข่ต้ม รับรองได้ว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม