Categories
ขนมไทย

“บัวลอยไข่หวาน” สูตรธรรมชาติ

“บัวลอยไข่หวาน” สูตรธรรมชาติ

สำหรับคนทานขนมไทยจะทราบกันดีเลยค่ะว่า บัวลอยไข่หวาน โดยทั่วไปจะทำโดยวิธีการนำสีผสมอาหารมาผสมเพื่อให้เกิดสีสวยงามตามที่ต้องการ แต่สำหรับบัวลอยไข่หวานที่จะนำเสนอในวันนี้นอกจากจะสีสวยงามยังคงเป็น ขนมที่มีประโยชน์ และทานง่ายอีกด้วยใช้วัตถุดิบในการผสมแป้งด้วยพืชต่างๆตามที่ต้องการอาทิเช่น ฟักทอง ใบเตย มันม่วง เป็นต้น

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ “บัวลอยไข่หวาน”

สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำ บัวลอยไข่หวาน ที่จะนำเสนอนี้สามารถหาได้ง่ายตามท้องตลาดและมีราคาไม่แพงแถมสามารถเลือกหาพืชที่ต้องการนำมาใช้ได้ด้วยความชอบของสีต่างๆ อาทิเช่น ใบเตยจะให้สีเป็นสีเขียว ฟักทองจะให้สีเป็นสีเหลือง มันม่วงจะให้สีเป็นสีม่วง อัญชันจะให้สีเป็นสีฟ้า ซึ่งเป็น ขนมไทยทำง่าย ที่ทำกินเองได้ที่บ้านและอร่อยถูกปากเด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดีอีกด้วยจ้า

สัดส่วนและส่วนผสม

  1. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  2. น้ำตาลปึก 1 ถ้วยตวง
  3. เกลือ 1 หยิบมือ
  4. กะทิ 5 ถ้วยตวง
  5. ไข่ไก่ ตามชอบ
  6. ฟักทอง 1 ถ้วยตวง
  7. มันม่วง 1 ถ้วยตวง
  8. น้ำใบเตย 1 ถ้วยตวง
  9. น้ำอัญชัน 1 ถ้วยตวง

ขั้นตอนและวิธีการทำ “บัวลอยไข่หวาน”

สำหรับขั้นตอนและวิธีในการทำ บัวลอยไข่หวาน ถือเป็นอะไรที่ง่ายดายไม่ยุ่งยากไม่ซับซ้อน เนื่องจากเป็นขนมไทยโบราณที่มีมาแต่สมัยบรรพบุรุษและเป็นขนมที่ค่อนข้างจะต้องมีเวลามีความปราณีตในการปั้นตัวของบัวลอยให้ออกมาสวยงามหน้ารับประทาน โดยทั่วไปตัวของบัวลอยแบบดั้งเดิมจะไม่มีรสชาติใดๆ แต่จะมีรสชาติของกะทิออกไปทานหวานและตัดเค็มนิดหน่อย ซึ่งเป็น ขนมไทยโบราณ ที่อร่อยทำง่ายเพียงมีเวลาและเข้าใจวิธีการทำเท่านั้นเองค่ะ

ขั้นตอนในการทำ บัวลอยไข่หวาน

  1. นำแป้งข้าวเหนียวมาแบ่งใส่ชามให้เท่าๆ จากนั้นนำ ฟักทอง และมั่นม่วงไปทำการนึ่งเป็นเวลา 15 นาทีหรือจนกว่าจะสุกนิ่มดี แล้วนำมาบดจนละเอียด จากนั้นนำใบเตยมาตัดเป็นไปแล้วทำการตำหรือหากบางบ้านมีเครื่องปั่นก็ใช้ได้เช่นกันจากนั้นกรองเอาน้ำใบเตย ส่วนอัญชัญให้ทำการต้มจนสีออกมาแล้วทำการกรองหากอยากได้สีที่สวยขึ้นให้บีบมะนาวลงเล็กน้อย 
  2. เมื่อเตรียมแป้งและส่วนผสมของสีจากพืชเรียบร้อยให้ทำการค่อยๆผสมลงไปจนเป็นเนื้อเดียวกันและนวดจนนิ่มดีไม่มีติดมือเป็นใช้ได้ จากนั้นทำการปั้นเป็นรูปตามที่ต้องการได้เลยค่ะ
  3. ทำการตั้งน้ำและใส่บัวลอยลงไปหากสุกดีเค้าจะลอยตัวขึ้นเหนือน้ำให้ตักน็อคน้ำเย็นได้เลย
  4. ทำการตั้งหม้อใส่กะทิลงไปหมั่นคนจากนั้นใส่ใบเตย พร้อมกับปรุงรสด้วยน้ำตาลปรึกและเกลือเล็กน้อยเมื่อกะทิร้อนเดือดให้ปิดไฟยกลงจากเตาและตักราดบัวลอยจากนั้นหากอยากกินไข่หวาน ให้ทำการตอกไข่ใส่ลงไปในหม้อของน้ำต้มบัวลอยค่อยๆตะล่อมจนสุกตามที่ต้องการก็ตักขึ้นพร้อมเสิร์ฟได้เลยจ้า

 

 

 

เว็บบอล

Categories
อาหารนานาชาติ

กิมจิ แดจังกึมมาเอง อร่อยไม่แพ้ต้นตำรับ

กิมจิ แดจังกึมมาเอง อร่อยไม่แพ้ต้นตำรับ

ใครชอบกินเมนูกับข้าวเกาหลียกมือขึ้น? เชื่อกันว่า น้อยคนนักที่จะไม่ติดใจอาหารสัญชาตินี้ โดยเฉพาะในหมวดปิ้งย่าง อาหารเมนูนี้ขึ้นชื่อนัก ทั้งเนื้อ ทั้งผัก จิ้มกับน้ำจิ้ม อร่อยเว่อร์วัง จนต้องถ่ายรูปเซลฟี่โชว์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ และไม่เพียงแค่เมนูปิ้งย่างเท่านั้น แม้แต่ผักดองขึ้นชื่อหมักกับพริกเกาหลี ก็ช่างอร่อยนัก อีกทั้งยังสามารถนำมาปรุงได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น ทำน้ำซุป หรือจะกินคู่กับเมนูปิ้งย่าง ช่างเข้ากันดีนัก นอกจากช่วยแก้เลี่ยนแล้ว อีกทั้งประโยชน์ของกิมจิ ซึ่งเป็นชื่อของผักดองพริกเมนูนี้ ยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตะมินและเกลือแร่จากผักที่เราหมักไว้กับพริกป่นเกาหลีค่ะ 

กิมจิ วัตถุดิบและส่วนผสม

เพื่อน ๆ หลายคนคงสงสัย 

กิมจิยี่ห้อไหนอร่อย อันนี้แล้วแต่ยี่ห้อและความชอบส่วนตัวเลยค่ะ คงไม่สามารถแนะนำได้ ทว่า ยังมีอีกหลายคนเลือกที่จะทำกินเอง วันนี้ทางไรเตอร์ได้รวบรวมรายชื่อวัตถุดิบต้องเตรียมสำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากทำอาหารเมนูนี้โดยเฉพาะ ใครสนใจตามมาเลยค่ะ 

  • แป้งข้าวเหนียว
  • สาลี่ 1 ลูก หรือจะเปลี่ยนมาเป็นแอปเปิ้ลแทนก็ยังได้
  • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
  • กระเทียมจีนแกะเปลือก 1/2 ถ้วยตวง
  • ขิงหั่น ลักษณะเป็นแว่น ทั้งหมด 5 แว่น
  • น้ำปลา ประมาณ 10 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เน้นไม่ฟอกสี
  • พริกป่นเกาหลี 1 ถ้วยตวง เลือกชนิดหยาบ
  • พริกป่นเกาหลี 1/3 ถ้วยตวง แบบละเอียด
  • ผักกาดขาวประมาณ 2 หัว ให้ลองชั่งน้ำหนักดู ตกหัวละ 1 กิโลกรัม
  • แครอท 1 หัวใหญ่
  • หัวไชเท้า 1 หัวใหญ่
  • ต้นหอม 2 มัดใหญ่
  • น้ำเปล่าประมาณ 200 ml
  • แป้งข้าวเหนียวประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ

กิมจิ กับอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

มีเพียงไม่กี่อย่าง สามารถเตรียมไว้ทำ อาหารเกาหลี เมนูนี้ได้เลยค่ะ ก่อนอื่นเลย ให้เริ่มจาก 

  • เครื่องปั่นไฟฟ้าพร้อมโถปั่น สำหรับปั่นส่วนผสม
  • ภาชนะหรือขวดโหลที่มาพร้อมฝาปิด มีไว้หมักผักดองโดยเฉพาะ

กิมจิ วิธีทำ

ขั้นตอนทำนั้นไม่ยากเลย และไรเตอร์ค่อนข้างมั่นใจ สูตรกิมจิ ที่ได้มา อร่อยไม่แพ้ต้นตำรับประหนึ่งอิมพอร์ตมาจากประเทศเกาหลีกันเลยทีเดียวนะคะ เรามาดูไปพร้อม ๆ กันค่ะว่า ในแต่ละขั้นตอน มีอะไรบ้าง?

ขั้นตอนที่ 1 ผักที่จะนำมาใช้ทำกิมจิ ได้แก่ ผักกาดขาว ต้นหอม ให้นำผัก 2 ชนิดดังกล่าวข้างต้น ไปล้างให้สะอาดโดยการ นำไปแช่ในน้ำเปล่า 10 ลิตรผสมเบกกิ้งโซดาประมาณ ½ ช้อนโต๊ะ โดยมีวิธีแช่ผักดังนี้ นั่นก็คือ ควรแช่ไว้ประมาณ 15 นาที เมื่อครบเวลาตามกำหนดให้ล้างและพักสะเด็ดน้ำ จากนั้นถึงนำมาหั่นเพื่อที่จะใช้ทำกิมจิ แล้วค่อยโรยเกลือป่นลงบนผักกาดขาวให้ทั่ว หมักส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และทุก 30 นาที ต้องไม่ลืม หมั่นมาคลุกเคล้าผักกาดขาวและเกลือ โดยให้ความเค็มจากเกลือ แทรกซึมทั่วทุกอณูของผักกาดขาวค่ะ กระทั่ง ครบ 2 ชั่วโมง ในส่วนของแครอท ต้นหอมและหัวไชเท้า ล้างทำความสะอาด จากนั้นถึงนำมาหั่นหรือฝอยเป็นเส้น ๆ ก็ดูสวยงามค่ะ 

ขั้นตอนที่ 2  เตรียมแป้งกวนสำหรับนำมาหมักกับกิมจิ ให้เทนำ้ลงในหม้อที่เตรียมไว้ เทแป้งลงไป จากนั้นกวนจนเหนียวเข้ากันดี กระทั่งสุก พักให้เย็น ขั้นตอนนี้ ใช้ไฟอ่อนเท่านั้น ในส่วนของผักกาดขาวที่หมักไว้แล้วจนครบ 2 ชั่วโมง ให้ใช้น้ำเปล่าทำความสะอาดจนมาถึงวิธีทำกิมจิ ในส่วนของการหมัก นำหอมหัวใหญ่ สาลี่ กระเทียมจีน ขิงหั่นแว่น รวมถึงนำเปล่า เทส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่น จากนั้น ปั่นให้ละเอียดแล้วนำส่วนผสมทั้งหมด เทลงใส่ชาม พักไว้

ขั้นตอนที่ 3 กิมจิ ขั้นตอนสุดท้าย ให้นำน้ำตาลทราย พริกทํากิมจิ ที่มีทั้งแบบหยาบและละเอียด รวมถึงแป้งกวนที่เราเตรียมไว้ คลุกให้เข้ากัน รสชาติแบบใดโดนใจ ปรุงได้ตามชอบ แล้วให้นำหัวไชเท้า แครอท ต้นหอม คลุกให้เข้ากัน ตามด้วยผักกาดขาว แล้วคลุกให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในภาชนะที่มีฝาปิด ปิดฝาให้สนิทแล้วนำมาวางไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 5 ชั่วโมง จากนั้นแช่ตู้เย็นประมาณ 1 คืน ก็สามารถตักขึ้นมารับประทานได้เลย 

กิมจิ ผักกาดดองสารพัดประโยชน์จากประเทศเกาหลี วิธีทำนั้นแสนง่าย กินอร่อย อีกทั้งยังนำมาประยุกต์ใช้ทำอาหารได้หลายเมนูและยังสามารถเก็บไว้กินได้ในวันหลัง ใครชอบกินผัก อย่าลืมเมนูนี้นะคะ ดีต่อสุขภาพแน่นอนค่ะ

 

 

เว็บบอล