Categories
อาหารนานาชาติ

สอนทำอาหารจีน กระเพาะปลา น้ำแดง รสชาติอร่อยระดับภัตตาคาร

กระเพาะปลา น้ำแดง

สำหรับใครที่อยากทานเมนูอาหารจีนที่อร่อย และราคาไม่แพง ขอแนะนำ กระเพาะปลา น้ำแดง รสชาติหอมละมุนอร่อยเต็มคำ แถมยังเป็นเมนูที่มีเครื่องแน่นแบบจัดเต็ม เรียกได้ว่าทานกระเพาะปลาน้ำแดงเพียงถ้วยเดียวก็อิ่มท้องนานเลยทีเดียว ดั้งนั้นคนที่กำลังลดน้ำหนักสามารถทานเมนูนี้เป็นอาหารเย็นรับรองว่าน้ำหนักลดชัวร์ หรือใครอยากลองทำขายในช่วงวันหยุด เพื่อสร้างเป็นอาชีพเสริม เรามีสูตรกระเพาะปลา เยาวราชเจ้าดังมาให้ได้ทำตาม รับรองว่าขายดี ลูกค้าติดใจต้องกลับมาซื้อเพิ่มอย่างแน่นอน

ขั้นตอนทำ กระเพาะปลา น้ำแดง เครื่องแน่น ทำเองได้ที่บ้าน 

กระเพาะปลา น้ำแดง

หากใครได้ไปเที่ยวแถวเยาวราชอยากให้ลองชิมเมนูชื่อดังอย่าง กระเพาะปลาน้ำแดง อาหารจีนที่มีรสชาติกลมกล่อม และเต็มไปด้วยเครื่องแน่นๆ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นกระเพาะปลามีเนื้อสัมผัสเหนียวหนึบหนับทานได้แบบเต็มอิ่มทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ สำหรับใครที่ไม่มีเวลาไปทานอาหารนอกบ้านแต่อยากทานเมนูกระเพาะปลาอร่อยๆ วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำกระเพาะปลา แท้ๆ จากเยาวราชง่ายๆ ด้วยตัวเองดังนี้

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

กระเพาะปลา น้ำแดง
  1. กระเพาะปลาแห้ง 100 กรัม
  2. ปีกไก่บน 600 กรัม
  3. น้ำเปล่า 2 ลิตร
  4. ซุปไก่ก้อน 1 ก้อน
  5. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  6. เห็ดหอมแช่น้ำ ½ ถ้วย
  7. รากผักชี 3 ราก
  8. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  10. ไข่ต้มหรือไข่นกระทา 5 ฟอง
  11. ซอสปรุงรส 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  12. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  13. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
  14. แป้งมัน 3 ช้อนโต๊
  15. ขิงซอย 5 แว่น
  16. ผักซีซอย ½ ถ้วยตวง
  17. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ทำกระเพาะปลา น้ำแดงจะต้องใช้กระเพาะปลาแบบทอดสำเร็จแล้ว เพราะเนื้อจะไม่ยุบตัว หรือนิ่มเหลว ถึงแม้จะต้มเป็นเวลานานก็ตาม ทำให้ทานแล้วได้รสสัมผัสที่นุ่มอร่อย และในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีทำดังนี้

กระเพาะปลา น้ำแดง
  1. นำหม้อมาตั้งเตา ใส่น้ำเปล่าลงไป รอให้น้ำเดือด ใส่น้ำส้มสายชู และขิง ตามด้วยกระเพาะปลาต้มเป็นเวลา 10 นาที หรือจนกว่ากระเพาะปลาจะนิ่ม เสร็จแล้วนำมาล้างน้ำสะอาดบีบน้ำออก แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  2. ในขั้นตอนต่อมา นำหม้อมาต้มน้ำให้ดือด ใส่รากผักชี ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น จากนั้นใส่ปีกไก่บนต้มให้เดือด ใส่เห็ดหอม และกระเพาะปลาที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยเหล้าจีน ต้มต่อเป็นเวลา 20 นาที 
  3. นำแป้งมันเทใส่ในหม้อต้มทีละนิด คนส่วนผสมให้เข้ากัน รอให้แป้งสุก จากนั้นปิดเตาได้เลย นำถ้วยที่เตรียมไว้มาตักกระเพาะปลา โรยหน้าด้วยผักชี และไข่ต้ม พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ ได้เลย
กระเพาะปลา น้ำแดง

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วกับเมนูยอดนิยมอย่าง กระเพาะปลา น้ำแดงรสชาติเข้มข้น หอมละมุน เนื้อกระเพาะปลานุ่มๆ เคี้ยวเพลิน และหากทานคู่กับปีกไก่บนยิ่งเพิ่มความอร่อยอีกเท่าตัวเลยทีเดียว แต่ถ้าคนไหนไม่ชอบปีกไก่บนสามารถทำเมนูกระเพาะปลา ไก่ ฉีก โดยใช้วัตถุดิบที่เรานำมาแชร์ จากนั้นเปลี่ยนปีกไก่บนเป็นไก่ฉีก เพียงแค่นี้ก็จะได้ไก่ฉีกเนื้อนุ่มอร่อยทานแล้วไม่อ้วนอีกด้วยนะ

เมนูกระเพาะปลา น้ำแดง อร่อยกลมกล่อม มีสรรพคุณทางยา ดีต่อร่างกาย 

กระเพาะปลา น้ำแดง

กระเพาะปลาน้ำแดง เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย และทำทานได้เองที่บ้าน นอกจากนี้คนจีนยังเชื่อว่าเนื้อกระเพาะปลา คือ สมุนไพรชนิดหนึ่งของคนจีนที่มีประโยชน์ และดีต่อร่างกาย อย่างเช่น ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ และข้อต่อ ลดอาการบวม ช่วยบำรุงไตได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยบำรุงเลือด แก้ไขอาการเลือดพร่อง เป็นต้น ดังนั้นหากเราทานกระเพาะปลาเป็นประจำจะทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงสุขภาพดีมากขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
เบเกอรี่

เชิญมาทำความรู้จักกับ สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก รสหวานชื่นใจ ทานได้ทุกวัน

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก

สตรอเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทำขนมได้หลากกลายชนิด เนื่องด้วยรสชาติของสตรอเบอร์รี่มีความหวานผสมผสานกับรสเปรี้ยวฉ่ำเนื้อ และมีกลิ่นหอมที่โดดเด่น จึงทำให้ถูกนำมาทำเมนู สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก หวานหอม กรอบอร่อย ไม่เลี่ยนทานได้ไม่มีเบื่อ ที่สำคัญขนมชนิดนี้ยังเป็นเบเกอรี่ทำเองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เตาอบ และใช้เวลาทำไม่นาน สำหรับใครที่มีสตรอเบอร์รี่ติดตู้เย็นอยากลองทำขนมทาน เรามีสูตรสตรอเบอรี่ ชีสเค้ก สไตล์โฮมเมคมาฝากให้ได้ลองทำตาม เผื่ออยากทำให้คนในครอบครัวทาน 

วิธีทำขนม สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก โฮมเมด ไม่ง้อเตาอบ ใช้เวลาเพียงน้อยนิด

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก

สตรอเบอร์รี่ ชีสเค้ก เป็นอีกหนึ่งเมนูเบเกอรี่ง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องเรียนทำขนมก็สามารถทำได้ เพราะขนมสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กมีขั้นตอนการทำที่ง่ายมาก แถมไม่ต้องใช้เตาอบขนมอีกด้วย ในส่วนของวัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ สำหรับสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดต้องยกให้สตรอเบอรี่ชีสพาย รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อขนมกรุบกรอบตัดกับความนุ่มนิ่มของครีมชีสได้อย่างลงตัว 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก
  1. บิสกิต 150 กรัม
  2. เนยสดรสเค็ม 50 กรัม
  3. วิปปิ้งครีม 250 กรัม
  4. ครีมชีส 200 กรัม
  5. สตรอเบอร์รี่สด 300 กรัม
  6. เจลาตินแผ่น 200 กรัม

จากวัตถุดิบที่กล่าวมาเป็นสูตรพายสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กที่สามารถทำได้ที่บ้าน และไม่ใช้เตาอบ เพราะเราใช้ขนมบิสกิตขนมแสนอร่อยนำมาเป็นฐานขนมแทนแป้งนั่นเอง ในส่วนของวิธีทำเบเกอรี่ขนมชีสเค้ก สูตรสตรอเบอร์รี่สามารถทำได้ดังนี้

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก
  1. มาเริ่มขั้นตอนการทำฐานขนมกันก่อนเลย นำขนมบิสกิตใส่ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้ละเอียด เทใส่ชามที่เตรียมไว้ ใส่ในเนยเค็มละลาย น้ำตาลทราย คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
  2. ขั้นตอนต่อมา ให้มาทำซอสสตรอเบอร์รี่ นำแผ่นเจลาตินแช่น้ำประมาณ 10 นาที จากนั้นตั้งหม้อใส่สตรอเบอร์รี่ลงไป ต้มให้เดือด จากนั้นใส่เจลาตินลงไป คนส่วนผสมให้ละลาย ปิดเตา และพักไว้ก่อน
  3. ลำดับต่อมา ทำครีมชีส น้ำตาลทราย ลงในชามที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้เครื่องตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีมลงไปตีให้เข้ากัน นำซอสสตรอเบอร์รี่ที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ใช้ไม้พายตะล่อมให้เข้ากัน
  4. นำถาดวางด้วยกระดาษไขตามด้วยพิพ์ขนม ใส่บิสติอดละเอียดลงไปใช้ช้อนกดให้แน่น ตามด้วยครีมชีสสตรอเบอร์รี่ เกลี่ยหน้าให้เรียบ ตกแต่งหน้าขนมด้วยสตรอเบอร์รี่สด นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาแกะออกจากพิมพ์ วางใส่จาน พร้อมทาน
สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้กเป็นขนมเบเกอรี่โฮมเมดที่ทำได้ง่ายๆ สามารถทำเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถทำใส่แก้วเล็กๆ สุดน่ารักทานง่าย แถมยังพกพาได้สะดวกอีกด้วย ดังนั้นหากใครอยากทำขนมชนิดนี้เป็นของขวัญสุดพิเศษสามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง

เทคนิคทำขนมสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก ขนมยอดนิยม เนื้อเนียนนุ่ม ทำขายได้กำไรดี

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก

สตรอเบอร์รี่ชีสเค้กถือว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในร้านค้าคาเฟ่ต่างๆ โดยลูกค้ามักจะสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ อร่อยฟินทุกคำ เรียกได้ว่าเป็นขนมที่ทานแล้วมีความสุขสุดๆ ไปเลย สำหรับวิธีทำขนมชีสเค้กสตอร์เบอร์รี่ก็ง่ายๆ ทำได้สบายมาก แต่จะต้องทำให้ขนมมีเนื้อเนียนน่าทาน โดยขั้นตอนใส่ครีมชีสในพิมพ์จะต้องใส่ให้แน่น และเกลี่ยหน้าขนมให้เรียบเนียนและตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่สดให้สวยงาม พร้อมนำไปขายได้กำไรดีแน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
ขนมไทย

แจกสูตร ขนมถ้วยฟู สุดน่ารัก หอมกลิ่นดอกมะลิ แป้งนุ่มเด้ง สีสันสดใส

ขนมถ้วยฟู

คนไทยส่วนใหญ่จะนิยมทานขนมหวานเป็นของว่างหลังทานอาหารเสร็จเสมอ เพราะเชื่อว่าหากทานอาหารคาวเสร็จแล้วต้องมีของหวานล้างความคาวออกจากปากนั่นเอง และหนึ่งในของหวานยอดนิยมที่ทานได้ไม่มีเบื่อต้องยกให้ ขนมถ้วยฟู ขนมหวานแสนอร่อย มีทั้งสีขาว ชมพู เขียว ก้อนกลมสุดคิ้วท์ สำหรับขนมถ้วย ฟูทำมาจากแป้งข้าวเจ้า กะทิสด น้ำตาลทรายผสมกลิ่นดอกไม้ส่งกลิ่นหอมอบอวล เมื่อนำไปนึ่งเนื้อแป้งจะนุ่มฟู หน้าขนมแตกออกเป็นสามแฉกสวยงามแปลกตา และยังมีรสชาติอร่อยทานได้ไม่มีเบื่อ 

เข้าครัวไทย เปิดสูตรลับ ขนมถ้วยฟู เนื้อแป้งเนียนฟู เด้งนุ่ม หวานละมุน 

ขนมถ้วยฟู

สำหรับใครที่ชอบทำขนมหวานไทยขายตามตลาดนัดใกล้บ้าน วันนี้เรามีหนึ่งขนมหวานหน้าตาสุดน่ารัก และมีสีสันสดใส นั่นก็คือ ขนม ถ้วยฟู เป็นขนมไทยโบราณมงคล รสชาติหวานละมุน อีกทั้งยังเป็นเมนูขนมไทยโบราณที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง หรือทำขายได้ด้วย ซึ่งสูตร ขนม ถ้วย ฟูก็ไม่ซับซ้อน มือใหม่ผึกทำขนมก็ทำได้ แถมรสชาติยังอร่อยตามฉบับขนมโบรารณชาววังอีกด้วย

ส่วนผสม และวัตถุดิบของขนมก้อนกลมสุดน่ารัก

ขนมถ้วยฟู
  1. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  2. ข้าวหอมมะลินึ่งสุก 400 กรัม
  3. กลิ่นดอกมะลิ 1 ช้อนชา
  4. น้ำเปล่า 500 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 300 กรัม
  6. สีผสมอาหาร ½ ช้อนชา
  7. ผงฟู 3 ช้อนชา
  8. ยิสต์ 1 ช้อนชา

ในสูตรขนมถ้วยฟูที่เรานำมาแจกให้ได้ทำตามนั้นจะใส่ข้าวหอมมะลินึ่งเป็นส่วนผสมในการทำขนม เพื่อให้ขนมมีความเหนียวหนึบหนับ เด้งนุ่ม และมีกลิ่นหอมมากขึ้น ในส่วนสีผสมอาหารสามารถเลือกสีต่างๆ ได้ตามใจชอบ หรือจะไม่สีผสมอาหารก็ได้เช่นกัน และหลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยดีแล้ว ต่อมาจะเป็นวิธี ทำ ขนม ถ้วย ฟูตามไตล์มือใหม่ ง่ายๆ 

ขนมถ้วยฟู
  1. หลังจากที่นึ่งข้าวหอมมะลิเรียบร้อยแล้ว ให้นำมาใส่ในเครื่องปั่น ทำการปั่นจนละเอียด จากนั้นพักไว้ก่อน ต่อมานำน้ำเปล่า และกลิ่นดอกมะลิมาผสมคนให้เข้ากันเตรียมไว้ 
  2. นำแป้งมาเทลงอ่างผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย ผงฟู และยีสต์ จากนั้นใส่ข้าวหอมมะลิที่ปั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วลงไป ทำการนวดส่วนผสมให้เข้ากัน และทยอยเติมน้ำดอกมะลิที่เตรียมไว้ลงไปจนหมด 
  3. ทำการแป่งส่วนผสมในอัตราส่วนเท่าๆ กัน จากนั้นใส่สีผสมอาหารที่เตรียมไว้ นวดแป้งให้เนื้อเดียวกันอีกครั้ง ใช้พลาสติกแรปคลุมแป้งไว้ก่อน ประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อแป้งนุ่มฟูขึ้น หลังจากที่ครบกำหนดเวลาแล้วค่อยผสมแป้งให้เข้ากัน 
  4. นำหม้อนึ่งมาตั้งเตา ใช้ไฟแรง วางถ้วยตะไลลงไป หยอดแป้งใส่ถ้วย เปิดฝาหม้อ รอประมาณ 20 นาที จากนั้นปิดเตา และยกหม้อออกมา รอให้เย็นแล้วนำมาจัดใส่จาน พร้อมทาน
ขนมถ้วยฟู

ขนมถ้วยฟูที่นึ่งเสร็จแล้วจะมีลักษณะหน้าขนมแตกเป็นสามแฉก และมีสีสันสวยงาม อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอบอวลยั่วยวนใจตามสูตรขนมไทยโบราณสุดๆ ในส่วนของรสชาติต้องบอกเลยว่าหวานละมุนละไมจนอดใจไม่ไหวต้องทานเพิ่มชิ้นเลยทีเดียว 

แนะนำขนมถ้วยฟู สูตรใบเตย สีเขียวธรรมชาติ หอมกลิ่นใบเตย 

ขนมถ้วยฟู

สาวกขนมใบเตยที่อยากลองทำขนมทานเอง ไม่พลาดกับสูตรขนมถ้วยฟูใบเตย เมนูของหวานไทยเนื้อแป้งนุ่มนิ่ม สีเขียวธรรมชาติ หอมกลิ่นใบเตย อร่อยโดนใจ ซึ่งวิธีขนมไทย ง่ายๆ เพียงแค่ใส่ส่วนผสมต่างๆ ตามสูตรที่นำมาแจกตั้งแต่ต้น จากนั้นนำใบเตยมาปั่นให้ละเอียดกรองเอาแต่น้ำมาผสมกับแป้ง และส่วนผสมอื่นๆ พักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งฟู เสร็จแล้ว ตักใส่ถ้วยขนมนำไปนึ่งให้สุกจะได้ขนมถ้วย ฟู โบราณสีเขียวน่าทานที่สุด 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
อาหารนานาชาติ

แชร์สูตร เกี๊ยวน้ำ หมูเด้ง น้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้น หอมละมุน

เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ เป็นอีกเมนูที่เด็กสามารถทานได้ และผู้มใหญ่ทานดี เพราะด้วยรสชาติที่กลมกล่อม แป้งเกี๊ยวนุ่ม เนื้อหมูเด้งหนึบหนับ อร่อยถูกปาก แถมเกี๊ยว หมูยังสามารถหาซื้อได้ตามร้านอาหารตามสั่ง หรือร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป นอกจากนี้น้ำซุปกระดูกหมูมีความเข้มข้น หอมละมุนจนไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยทีเดียว สำหรับคนที่อยากลองทำทานเองที่บ้าน เรามีวิธี ทำ เกี๊ยว น้ำให้อร่อย ตามสูตรร้านดังมาให้ทำตามกัน ว่าแล้วไปดูกันเลย

วิธีทำ เกี๊ยวน้ำ หมูเด้งนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อม อร่อยทานได้ทุกวัน

เกี๊ยวน้ำ

วันนี้เราจะมาทำเกี๊ยวน้ำ สูตรน้ำซุปเข้มข้นให้มีสีเหลืองทอง หอมอร่อย กลมกล่อม โดยวิธี ทํา เกี๊ยว น้ำ หมู เด้ง ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และสามารถทำเองได้ที่บ้าน สำหรับคนที่ไม่เคยทำอาหารมาก่อนก็สามารถทำได้แน่นอน อีกทั้งยังทำออกมารสชาติอร่อยเหมือนซื้อที่ร้านดังๆ อีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะลงมือทำเกี๋ยวน้ำ เราต้องมาเตรียมส่วนผสมกันก่อนดังนี้

วัตถุดิบ และส่วนผสมของน้ำซุป

  1. กระดูกหมูคาตั๊ง และกระดูกเล้ง 500 กรัม
  2. น้ำเปล่า 3 ลิตร
  3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  4. รากผักชี 4 ราก
  5. กระเทียม 5 กลีบ
  6. ปลาหมึกแห้ง 1 ตัว
  7. น้ำตาลกรวด 20 กรัม
  8. หัวไชเท้า 2 หัว
เกี๊ยวน้ำ

วัตถุดิบ และส่วนผสมของไส้เกี๊ยว

  1. หมูบดติดมัน 150 กรัม
  2. กุ้งขาวสับหยาบ 150 กรัม
  3. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  4. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  7. ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
  9. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

ในส่วนของวัตถุดิบของเมนูเกี๊ยวน้ำที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสูตร เกี๊ยวน้ำโบราณที่ทำง่ายมากๆ แถมวิธี ทํา เกี๊ยว น้ำ หมู ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด อีกทั้งรสชาติอร่อยทานได้แบบจุใจ และไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มทำกันเลย

เกี๊ยวน้ำ
  1. นำกระดูกที่เตรียมไว้มาล้างในน้ำสะอาดหลายๆ รอบ จากนั้นตั้งหม้อใส่น้ำแล้วเปิดแก๊สโดยใช้ไฟแรงปานกลาง รอให้น้ำเดือด แล้วใส่กระดูกหมูลงไป ตามด้วยหัวไซเท้า กระเทียม รากผักชี น้ำตาลทราย พริกไทยบุบ เกลือหยาบ และปลาหมึกปลาหมึกแห้ง คนส่วนผสมให้เข้ากัน เคี่ยวต่อไปประมาณ 40 นาที
  2. ในระหว่างที่รอน้ำซุปกระดูกหมู ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำเกี๊ยว โดยนำรากผักชี และกระเทียมไปโขลกให้ละเอียด นำมาหมูบด และกุ้งสับลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่สามเกลอที่เตรียมไว้ ตามด้วยพริกไทยป่น ซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย น้ำมันงา ไข่ไก่ คลุกเคล้าส่วนให้เข้ากัน และใส่ต้นหอมซอยปิดท้าย นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว นำไปลวกในน้ำร้อน ประมาณ 5 นาที
  3. นำเกี๊ยวมาคลุกเคล้ากับกระเทียมเจียว เพื่อให้ไม่ติดกัน ตักน้ำซุปราดลงไป โรยด้วยต้นหอมเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เกี๊ยวน้ำ

การทำเกี๊ยวน้ำให้อร่อยสิ่งสำคัญคือ น้ำซุปจะต้องอร่อย และมีรสชาติที่กลมกล่อม หอมละมุน ดังนั้นในสูตรที่เรานำมาแชร์นั้นเป็นสูตรน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้นสีเหลืองทองน้ำใสรสชาติอร่อย และที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาวทานแล้วฟินอร่อยฟินสุดๆ ในส่วนของเกี๊ยวมีความนุ่มเด้งอร่อยอย่างลงตัว

เมนูแนะนำ เกี๊ยวน้ำต้มยำ รสชาติจัดจ้าน หอมอร่อยฟินเต็มคำ

เกี๊ยวน้ำ

สำหรับใครที่เบื่อเมนูเกี๊ยวน้ำสูตรน้ำใส เรามีสูตรเกี๊ยวน้ำต้มยำรสชาติเข้มข้นจัดจ้าน ซึ่งวัตถุดิบน้ำซุปกระดูกหมู และวิธี ทำ เกี๊ยว น้ำ ง่ายๆ สามารถทำตามสูตรเกี๊ยวน้ำใสตามที่เรานำมาแชร์ข้างต้นได้เลย จากนั้นตักเกี๊ยวหมูที่เตรียมไว้ใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำซุปกระดูกหมู ใส่ซีอิ้วขาว น้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกป่น ถั่วคั่วป่น โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และกระเทียมเจียว คนให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟได้เลย ซึ่งเมนูเกี๊ยวต้มยำจะมีรสชาติ เปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดอร่อย หอมกลิ่นกระเทียมเจียวอร่อยจนต้องทำเพิ่มเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
เบเกอรี่

แชร์ความหวาน ขนม เค้กลาวา สูตรโฮมเมค เนื้อนุ่มฟูละลายในปาก

เค้กลาวา

เค้กลาวา ขนมหวานรสซ็อกโกแลตฉ่ำๆ แสนอร่อย เนื้อเค้กนุ่มละลายในปาก ตัดกับกลิ่นหอมของซ็อกโกแลตเข้มข้นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ขนมลาวาเค้กยังเป็นเมนูสุดโปรดปรานของหลายคนๆ เวลาไปร้านเบเกอรี่ หรือร้านคาเฟ่มักจะสั่งเมนูนี้มาทาน พร้อมถ่ายรูปขนมอัพลงโซเซียลเป็นประทานจำ รวมถึงยังสั่งขนมเค้กแสนอร่อยกลับบ้านไปฝากคนในครอบครัวอีกด้วย และแน่นอนว่าขนมเค้กลาวาช็อกโกแลตมีรูปร่างสวยงามเหมาะสำหรับนำไปเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษในวันพิเศษ หรือใช้เป็นเค้กวันเกิดได้ด้วย

สอนทำขนม เค้กลาวา รสช็อกโกแลต อย่างง่าย สไตล์โฮมเมค 

เค้กลาวา

หากใครเป็นสาวกขนม เค้ก ลาวา หนึ่งในขนมเค้กแสนหวานอร่อยถูกใจทานได้ตลอดทั้งวันไม่มีเบื่อ ต้องห้ามพลาดกับวิธีทำขนมเค้ก ช็อก ลาวาฉ่ำๆ ในสไตล์โฮมเมคอย่างง่ายๆ แถมรสชาติอร่อยเหมือนทานที่ร้านคาเฟ่เลยทีเดียว นอกจากนี้ขนมเค้กสูตร เค้กลาวาช็อกโกแลตที่ทำเองยังสามารถนำไปขาย หรือทำทานในครอบครัวได้แบบไม่อั้น เรียกได้ว่าขนมเค้กทำเองสามารถทำกี่ชิ้นก็ได้ตามใจชอบ

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมทำขนมเค้ก

เค้กลาวา
  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 20 กรัม
  2. ดาร์กซ็อกโกแลต 70% 70 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  6. ผงโกโก้ 30 กรัม
  7. เกลือปุ่น ½ ช้อนชา
  8. เนยละลาย 3 ช้อนโต๊ะ
  9. ผงฟู ½ ช้อนโต๊ะ
  10. นมจืด 2 ช้อนโต๊ะ

สำหรับสูตรเค้กลาวา รสช็อกโกแลตจะใช้ดาร์ช็อกโกแลต 70% เป็นวัตถุดิบในส่วนผสมหลักจะทำให้เค้กมีเนื้อที่นุ่มและหวานฉ่ำ สำหรับบ้านไหนไม่มีเตาไมโครเวฟ แนะนำให้ทำตามสูตรเค้ก ช็อกโกแลต ลาวา ไมโครเวฟ โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้ 

เค้กลาวา
  1. ลำดับแรกใส่แป้งอเนกประสงค์ น้ำตาล ผงฟู ผงโกโก้ และเกลือลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นคนให้เข้ากัน ใส่เนยละลาย ตามด้วยนมจืด และนำไข่ไก่มาตอกลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นใส่กลิ่นวานิลลาลงไปคนให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. จากนั้นใส่ช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ลงไป โดยไม่ต้องกดให้จม เพราะว่าเมื่อนำเข้าเตาไมโครเวฟช็อกโกแลตจะละลายไปเอง เสร็จแล้วใส่น้ำเล็กน้อย นำถ้วยขนมเข้าเตาไมโครเวฟ เปิดไฟแรง ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที หลังจากที่ขนมสุกแล้วให้นำออกมาพักไว้ให้เย็น ตกแต่งหน้าด้วยผงโก้ให้สวยงาม พร้อมทาน
เค้กลาวา

เสร็จเรียบร้อยแล้วกับวิธีทำเค้กลาวา รสช็อกโกแลตฉ่ำๆ สไตล์เบเกอรี่โฮมเมด หอมอบอวลด้วยกลิ่นช็อกโกแลตชวนทาน พร้อมเสิร์ฟกับน้ำชาเขียวหอมๆ จะช่วยตัดความหวานของขนมเค้กได้อย่างตัวสุดๆ ดังนั้นหากใครอยากลองทำเบเกอรี่ง่าย ๆ แนะนำให้ทำตามสูตรเค้กลาวา ไมโครเวฟง่ายๆ ไม่มีเตาอบก็ทำขนมแสนอร่อยได้ด้วยตัวเองที่บ้าน 

สูตรลับความอร่อยขนมเค้กลาวา รสหวานฉ่ำ หอมอบอวลละมุนลิ้น 

เค้กลาวา

เค้กลาวาสูตรช็อกโกแลต เป็นเบเกอรี่ยอดนิยม และยังเป็นเบเกอรี่ทำเองที่สามารถนำมาตกแต่งด้วยผลไม้ให้ดูน่าทานยิ่งขึ้น สำหรับผลไม้ที่ใช้ในการตกแต่งขนมจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ หรือกลุ่มผลไม้รสเปรี้ยวเป็นต้น เมื่อทานคู่กับเค้กจะทำให้รสชาติไม่เลี่ยน แถมยังทำให้รสชาติขนมมีความหลากหลายไม่จำเจอีกด้วย หรือถ้าใครที่ชอบทานไอศกรีมสามารถนำมาตกแต่งจานขนมให้สวยงามได้อย่างลงตัว ที่สำคัญรสชาติอร่อยฟินเต็มคำจนหยุดทานไม่ได้ต้องทำเพิ่มอีกชิ้นเลยทีเดียว 

อ่านบทความเพิ่มเติม:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
ขนมไทย

ขนมสูตรโบราณ ขนมดอกจอก แป้งกรุบกรอบ หวาน มัน กำลังดี

ขนมดอกจอก

หากพูดถึงขนมหวานของไทยที่มีเนื้อแป้งบางกรอบอร่อยต้องยกให้ ขนมดอกจอก ขนมที่มีส่วนประกอบหลักเป็นแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า ผสมกับน้ำตาล และงาดำ ทำให้ขนมมีรสชาติ หวาน มัน หอมกลิ่นงาดำ และที่สำคัญเนื้อแป้งบางกรอบเคี้ยวได้อย่างเพลิดเพลิน ปัจจุบันขนมดอกจอกมีหลากหลายสูตรที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น ขนมดอกจอกแฟนซีหลากหลายสีสันสดใส และสูตรดอกจอกอัญชัน เป็นต้น 

วิธีทำ ขนมดอกจอก โบราณ ขนมอร่อยหายาก เนื้อแป้งบางกรอบ 

ขนมดอกจอก

วันนี้เราจะมาย้อนวัยเด็กกันบ้างกับขนมหวานที่หาทานยาก และมีขายตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเท่านั้น ซึ่งขนมที่จะพูดถึงนั่นก็คือ ขนม ดอกจอก เป็นขนม โบราณยอดนิยมในสมัยวัยเด็กที่จะมีแม่ค้ามาหาบเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ สำหรับจุดเด่นของขนมชนิดนี้คือ เนื้อแป้งขนมดอกจอก บางกรอบ และมีรูปร่างสวยงามน่าทานสุดๆ หากคนไหนอยากลองทำทานเองที่บ้าน เรามีสูตรดอกจอกโบราณมาให้ลองทำเล่นๆ เผื่อได้ทำให้คนในครอบครัวทาน รับรองว่าขนมรสชาติอร่อยถูกใจคนทั้งบ้านแน่นอน

ขนมดอกจอก

วัตถุดิบ และส่วนผสมของขนม

  1. แป้งสาลี 1 ½ ถ้วยตวง
  2. แป้งข้าวเจ้า 1 ½ ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 200 กรัม
  4. เกลือ 1 ช้อนชา
  5. หัวกะทิ 200 กรัม
  6. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  7. งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ

ขนมดอกจอกเป็นขนมไทยที่ต้องใช้แป้งทั้ง 2 ชนิดเป็นส่วนผสมหลัก ดังนั้นอัตราส่วนของแป้งจะต้องเท่ากัน เพราะจะทำให้ขนมมีความบางกรุบกรอบ และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมคือ พิมพ์ขนมดอกจอก สำหรับจุ่มแป้งลงทอดในน้ำมัน ในลำดับต่อมาจะเป็นวิธี ทำ ดอกจอก ไม่อมน้ำมันดังนี้

ขนมดอกจอก
  1. มาเริ่มที่นำแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี น้ำตาลทราย เกลือ ผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำกะทิ และไข่ไก่ คนให้เข้ากันอีกครั้ง ตามด้วยงาขาว 
  2. ต่อมาให้นำกระทะทองเหลืองที่เตรียมไว้มาตั้งเตา จากนั้นใส่น้ำมันลงไป ใช้ไฟปานกลาง เมื่อน้ำมันเดือดให้นำพิมพ์ขนมดอกจอกแช่ในน้ำมันจนร้อน ยกพิมพ์ออกมาซับด้วยกระดาษซับมัน เสร็จแล้วนำเป็นจุ่มแป้งขนมที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นนำไปจุ่มในน้ำมัน รอประมาณ 3-4 นาที จนกว่าแป้งจะอยู่ตัว แล้วค่อยๆ ทำการสะบัดแป้งออกจากพิมพ์ขนม ทำการทอดต่อจนแป้งมีสีเหลืองกรอบ ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เมื่อทอดขนมจนหมดแล้ว ให้นำมาจัดใส่จานให้สวยงาม
ขนมดอกจอก

สำหรับสูตร และวิธีทำขนมดอกจอกที่นำมาแชร์ถือว่าเป็นขั้นตอนการทำที่ง่ายมากๆ แถมขนมไม่อมน้ำมัน ทำให้รสชาติของขนมมีกลิ่นหอมงาขาว และกลิ่นกะทิ ส่วนเนื้อแป้งมีความบางกรอบอร่อย ในส่วนของขนม หวาน ไทยดอกจอกที่ทำเสร็จแล้วสามารถเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดเก็บไว้ทานได้หลายวัน นอกจากนี้ถ้าใครอยากลองทำขนม ไทย ทำ ง่ายๆ อย่างดอกจอกใส่ข้าวโพด เรามีวิธีทำ ดอกจอก ข้าวโพดง่ายๆ เพียงแค่ทำตามขนมดอกจอกสูตรโบราณ จากนั้นนำข้าวโพดมาปั่นให้ละเอียดผสมกับแป้งที่เตรียมไว้แล้วนำไปทอดให้เหลืองกรอบ พร้อมทานได้เลย 

เคล็ดลับทำขนมดอกจอก เนื้อบางกรอบ หอมกลิ่นกะทิละมุนละไม 

ขนมดอกจอก

ในส่วนของเคล็ดลับการทำขนมดอกจอกให้อร่อยในฉบับขนมไทย ทำเอง ในขั้นตอนการทำขนม ไทย ง่ายๆ อย่างการทอดแป้งดอกจอก ถ้าพิมพ์ไม่ร้อนจะจุ่มแป้งไม่ติด และถ้าน้ำมันติดพิมพ์มากเกินไปจะทำให้แป้งไม่ติดพิมพ์เช่นกัน ดังนั้นก่อนนำพิมพ์จุ่มแป้งต้องซับด้วยกระดาษซับมันก่อน อีกทั้งไม่ควรใช้ไฟแรงเกินไป เพราะจะทำให้แป้งไหม้ได้ นอกจากนี้ถ้าต้องการให้ขนมมีทรงสวยตามสูตร ขนม ไทยโบราณ หลังจากที่ทอดขนมเสร็จแล้วให้นำไปวางบนก้นถ้วยจะช่วยให้ขนมมีความสวยงามมากขึ้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
อาหารไทย

แจกสูตร ฉู่ฉี่ปลาทู เนื้อปลาแน่น ไม่เหม็นคาว รสชาติเข้มข้น หอมอร่อย

ฉู่ฉี่ปลาทู

ฉู่ฉี่ปลาทู เป็นอาหารไทยประเภทแกงที่มีกระบวนการทำประณีต โดยเฉพาะเครื่องพริกแกงจะใช้วัตถุดิบที่เป็นพืชสุมนไพรหลากหลายชนิด ทำให้ผู้คนไม่ค่อยนิยมทำเมนูฉู่ฉี่ ปลาทูทานมากนัก แต่ในปัจจุบันมีการผลิตพริกแกงสำเสร็จรูปขายทั่วไปในท้องตลาด จึงทำให้สามารถซื้อมาทำอาหารได้สะดวกมากขึ้น และไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมเครื่องพริกแกงเองอีกด้วย แต่สำหรับพริกแกงสำเร็จรูปจะมีความหอมน้อยกว่าพริกแกงที่ทำสดใหม่ ดังนั้นหากใครที่สนใจอยากทำเมนูฉู่ฉี่ เรามีสูตรการทำพริกแกงอย่างง่าย และสูตรฉู่ฉี่ปลาทูโบราณมาให้ได้ลองทำตาม แถมรสชาติอร่อย ตามฉบับชาววัง 

ขั้นตอนการทำ ฉู่ฉี่ปลาทู อย่างง่าย รสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยฟินทุกคำ 

ฉู่ฉี่ปลาทู

มาเอาใจสายอาหารทะเลกันบ้างกับเมนูที่หาทานได้ยากอย่าง ฉู่ฉี่ ปลาทู หนึ่งในอาหารไทยชาววังที่มีความอร่อยแบบไทยแท้ และมาพร้อมกับรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยฟินครบรส โดยเฉพาะเครื่องแกงที่เผ็ดจัดจ้านยิ่งเพิ่มความหอมอร่อยของฉู่ฉี่ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของวิธีการทำฉู่ฉี่ ปลา ทูนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลา อีกทั้งปลาทูยังมีราคาไม่แพง และหาซื้อได้ตามตลาดสดทั่วไป ที่สำคัญอาหารที่ทำเองยังมีความสดสะอาดถูกหลักอนามัยอีกด้วย ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามีวิธีการทำฉู่ฉี่ปลาทูใส่กะทิให้อร่อย และเคล็บลับการทำปลาทูไม่เหม็นคาวมาให้ได้ลองทำตาม ว่าแล้วไปลงมือทำกันได้เลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมของพริกแกงที่ต้องเตรียม

  1. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  2. พริกชี้ฟ้าแดงแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
  3. พริกชี้ฟ้าแดงแห้งเม็ดเล็ก 10 เม็ด
  4. ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ข่าหั่น 5 แว่น
  6. หอมแดง 3 ช้อนโต๊ะ
  7. ผิวมะกรูด 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  8. เกลือ 1 ช้อนชา
  9. กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
ฉู่ฉี่ปลาทู

ส่วนผสม และวัตถุดิบของฉู่ฉี่

  1. ปลาทูสด 5 ตัว
  2. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  3. พริกชี้ฟ้าซอย 1 เม็ด
  4. ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
  5. น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กะทิ 400 กรัม

สำหรับเมนูฉู่ฉี่ที่จะทำวันนี้เป็นสูตรฉู่ฉี่ปลาทูสด หรือถ้าบ้านไหนมีปลาทูนึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกัน และพริกแกงจะใช้แบบทำเอง เพราะจะทำให้อาหารมีความหอมน่าทานมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่อยากทำพริกแกงเองสามารถใช้แบบสำเร็จรูปได้ และในลำดับต่อมาจะเป็นการการทำอาหาร ไทยแสนอร่อยอย่างฉู่ฉี่สูตรปลาทูสดดังนี้

ฉู่ฉี่ปลาทู
  1. มาเริ่มเตรียมพริกแกงกันก่อน โดยเริ่มจากนำส่วนผสมต่างๆ ที่เตรียมไว้มาโขลกให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน
  2. นำปลาทูมาล้างทำความสะอาด ควักไส้ที่ท้องออกให้หมด ล้างทำความสะอาดอย่างเบามือ ต่อมานำกระทะมาตั้งเตา ใช้ไฟปานกลาง จากนั้นนำกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป เคี่ยวให้กะทิแตกมัน ใส่พริกแกง คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่ น้ำปลา น้ำตาลปิ๊บ คนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน
  3. เมื่อได้น้ำกะทิเดือดแล้วให้ใส่ปลาทูลงไป ในขั้นตอนนี้ห้ามคนเพราะจะทำให้ปลาทูมีความคาวมากขึ้น จากนั้นทำการเคี่ยวไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำแกงซึมเข้าเนื้อปลาทู หลังจากน้ำเริ่มงวดให้ทำการปิดเตา และตักฉู่ฉี่ใส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้
ฉู่ฉี่ปลาทู

ต่อมาจะเป็นการชิมฉู่ฉี่ปลาทู เมนูอาหาร ไทย ยอด นิยมที่ทำเองได้ง่ายๆ ซึ่งรสชาติที่ได้จะมีความหวาน เค็ม และมีความมันของน้ำกะทิ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอบอวลของเครื่องแกงที่ซึมเข้าเนื้อปลาทูได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่ารสชาติของฉู่ฉี่ ปลา ทู สดที่ทำเองนั้นมีความอร่อย และถูกปากที่สุด 

เคล็ดลับความอร่อยฉู่ฉี่ปลาทูกับการเลือกปลาทูสด สะอาด ไม่เหม็นคาว

ฉู่ฉี่ปลาทู

การทำฉู่ฉี่ปลาทูสด เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมให้อร่อยสิ่งสำคัญคือจะต้องเลือกใช้ปลาทูสดที่สะอาด โดยสังเกตจากตาปลาจะต้องนูนสีดำสดใส ไม่ขุ่น เหงือกมีสีแดงออกชมพู และเนื้อปลานุ่ม เด้ง เมื่อใช้มือกดเนื้อปลาจะต้องคืนสู่สภาพเดิม ไม่เป็นรอยบุ๋ม อีกทั้งในส่วนของลำตัวจะต้องมีสีเขียว ท้องปลาตึงไม่แตก ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า เพียงแค่นี้ก็จะได้ปลาทูที่สดใหม่พร้อมนำมาทำเมนู อาหาร ไทยอย่างฉู่ฉี่ได้แล้ว แถมยังทำขายได้กำไรดีอีกด้วย เพราะเมนูฉู่ฉี่สูตรปลาทูสดเป็นอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานมากที่สุด 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
อาหารไทย

เมนูแนะนำ หมึกผัดไข่เค็ม เนื้อหมึกเด้งหนึบหนับ หอมกลิ่นไข่เค็ม มัน กำลังดี 

หมึกผัดไข่เค็ม

สำหรับใครที่ชอบทานอาหารทะเลเป็นประจำ อีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำให้ลองทานรับรองว่าต้องติดอกติดใจอย่างแน่นอน นั่นก็คือ หมึกผัดไข่เค็ม ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูโปรดปรานของหลายๆ คน เพราะรสชาติที่เค็ม มัน และมีกลิ่นไข่แดงเค็มอ่อนๆ ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งสามารถทานได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ และถ้าจะให้อร่อยต้องทานร่วมกับข้าวสวยร้อนๆ ยิ่งเพิ่มความอร่อยได้อย่างลงตัว นอกจากนี้หมึกผัด ไข่เค็ม ยังเป็นเมนูที่ทำเองได้ง่ายๆ แถมทำแล้วอร่อยเหมือนสั่งทานที่ร้านอาหารเลยทีเดียว 

เปิดครัวทะเลทำอาหารสุดโปรด หมึกผัดไข่เค็ม รสชาติอร่อย ทำง่าย วัตถุดิบน้อย

หมึกผัดไข่เค็ม

วันนี้ขอเสนอเมนูหมึกผัดไข่เค็ม เนื้อหมึกแน่นๆ หนึบหนับ ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญยังใช้วัตถุดิบน้อย แถมคนที่ไม่เคยทำอาหารก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยสูตร หมึก ผัด ไข่เค็มที่เรามาแนะนำเป็นสูตรน้ำซอสไข่เค็มเข้มข้น รับรองว่าทำแล้วอร่อยแน่นอน โดยก่อนที่จะไปลงมือทำผัด ปลาหมึก ไข่เค็มต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อน ว่าแล้วไปเตรียมกันเลย

หมึกผัดไข่เค็ม
  1. ปลาหมึกหั่นเป็นแว่น 400 กรัม
  2. ไข่แดงเค็ม 5 ฟอง
  3. ไข่แดงเค็มหั่นเป็นชิ้น 1 ฟอง
  4. พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. ขึ้นฉ่ายหั่น 1 ต้น
  10. ต้นหอมหั่น 3 ต้น
  11. พริกชี้ฟ้าแดงซอย 3 เม็ด

ในขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ โดยเฉพาะหมึกสดจะต้องนำมาล้างทำความสะอาด โดยใส่น้ำส้มสายชูล้างให้สะอาด และนำไปล้างน้ำ 2-3 รอบ ก่อนที่จะนำมาทำหมึกผัดไข่เค็ม หนึ่งในเมนู อาหาร ไทยแสนอร่อย และหลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นขั้นตอนทำอย่างง่ายดังนี้

หมึกผัดไข่เค็ม
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนแรก นำไข่แดงเค็มที่เตรียมไว้มาทำน้ำซอสไข่เค็ม โดยใส่ไข่แดงเค็มลงในถ้วย และใส่น้ำเปล่าลงไป บดให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกเผา ซีอิ้วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  2. นำกระทะมาตั้งเตา เปิดไฟปานกลาง หลังจากที่กระทะร้อนดีแล้วให้ใส่น้ำมันพืชลงไป ตามด้วยกระเทียมสับ เจียวให้กระเทียมเป็นสีเหลืองจนหอม หลังจากนั้นให้ใส่น้ำซอสไข่แดงเค็มลงไป ใส่ปลาหมึกสด ตามด้วยไข่แดงหั่นเป็นชิ้น ทำการผัดหมึกให้สุก และให้น้ำซอสไข่แดงเคลือบกับตัวหมึก แล้วให้ใส่ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และตามด้วยพริกชี้ฟเ ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน จากนั้นตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพริกฟ้าสีแดงสดใส พร้อมรับประทานได้เลย
หมึกผัดไข่เค็ม

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการทำหมึกผัดไข่เค็ม เมนูอาหาร ไทยที่ขึ้นชื่อว่าทำง่ายมากๆ แถมรสชาติยังอร่อยติดอกติดใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบทานปลาหมึกผัดไข่เค็มแบบแห้งสามารถทำน้ำซอสให้เข้มข้น และผัดให้แห้งได้ตามใจชอบ และถ้าใครอยากลองทำให้คนที่บ้านทานก็สามารถทำตามสูตรของเราได้เลย รับรองทำแล้วอร่อยชัวร์ 

เมนูยอดนิยม หมึก ผัดไข่เค็ม ที่มาพร้อมกับประโยชน์มากมาย 

หมึกผัดไข่เค็ม

หมึก ผัดไข่เค็ม นอกจากรสชาติจะอร่อยไม่จำเจแล้วยังเป็นเมนูอาหาร ไทย ยอด นิยมที่สามารถทำทานเองได้ และที่สำคัญเมนูนี้ยังเป็นอีกหนึ่งอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานมากที่สุด เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 รวมทั้งวิตามินอี และโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ขึ้นฉ่าย ยังช่วยลดไขมันในเลือด และยังมีสารฟลาไลด์ที่สามารถช่วยให้การทำงานของหลอดเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งขึ้นฉ่ายยังมีกากใยสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet