Categories
อาหารนานาชาติ

แชร์เมนู ซุป กิมจิ รสชาติเปรี้ยว อร่อยกลมกล่อม ส่งตรงจากเกาหลี

ซุป กิมจิ

วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำเมนูอาหารประเภทซุปอย่าง ซุป กิมจิ อาหารสไตล์เกาหลี รสชาติกลมกล่อมอร่อยสุดๆ สำหรับเมนูนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของเกาหลีที่สามารถหาทานได้ตามร้านอาหารเกาหลีในไทย แต่ราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นการทำอาหารเมนูนี้ทำเองถือว่าเป็นการประหยัดเงินได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งสูตรซุปกิมจิเต้าหู้อ่อนนั้นทำตามได้ง่ายๆ มือใหม่หัดทำอาหารก็ทำได้ แถมวิธีการทำก็ง่ายมากๆ และไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด และสามารถทำทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ

วิธีทำอาหารเกาหลี ซุป กิมจิ แสนอร่อย ทำง่ายมากๆ มือใหม่ก็ทำได้

ซุป กิมจิ

ซุปกิมจิ เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่มีรสชาติเปรี้ยวนำ แต่ยังมีความกลมกล่อมอร่อย และโดดเด่น และเป็นซุปที่สามารถทานได้ทุกวัน สำหรับใครที่ชอบทานอาหารเกาหลี และอยากลองทำทานเองที่บ้าน แต่คิดว่าคงทำยากแน่ๆ แท้จริงแล้วเมนูซุปสไตล์เกาหลีนี้สามารถทำทานเองได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง แถมรสชาติยังอร่อยเหมือนทานที่ร้านเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์สูตร ซุปกิมจิตามฉบับต้นตำรับของเกาหลีที่สุดแสนอร่อย เหมือนทานอยู่ร้านอาหารในเกาหลีเลยทีเดียว แต่ก่อนที่เราจะลงมือทำซุปกิมจิ เกาหลี หมูสามชั้น เต้าหู้อ่อน เราต้องมาเตรียมวัตถุดิบดังนี้

ซุป กิมจิ
  1. เต้าหู้อ่อน 1 ก้อน
  2. กิมจิ 400 กรัม
  3. หมูสามชั้น 500 กรัม
  4. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. ต้นหอมญี่ปุ่น 1 ต้น
  7. หอมหัวใหญ่ ½ หัว
  8. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
  9. ซอสโซยุ 2 ช้อนโต๊ะ
  10. ซอสโคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
  11. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  12. เห็ดเข็มทอง 200 กรัม
  13. ผงปรุงรส ½ ช้อนโต๊ะ

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเสร็จแล้ว ในส่วนของซอสโคชูจัง ถ้าไม่ชอบสามารถไม่ใส่ก็ได้อร่อยเหมือนเดิม และซุป กิ ม จิ กิน คู่กับ อะไรก็อร่อย แถมรสชาติของน้ำซุปมีความกลมกล่อมทำให้หลายคนเลือกเป็นเมนูอาหารเกาหลีสุดโปรดกันเลยทีเดียว และในส่วนของวิธีทำนั้นง่ายๆ สามารถทำตามได้ที่บ้านดังนี้

ซุป กิมจิ
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรก โดยนำกระทะเปิดไฟปานกลาง จากนั้นใส่หมูสามชั้นลงไป ตามด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อย ผัดหมูให้พอสุก จากนั้นตามด้วยน้ำมันงา ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. ในลำดับต่อมา ให้ใส่กระเทียมสับ ต้นหอมซอย รวมถึงหอมหัวใหญ่ ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนกว่าจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากนั้นปรุงรสด้วยซอสโคซูจัง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่กิมจิที่เตรียมไว้ลงไป ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน หลังจากนั้นเติมน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยผงปรุงรส พร้อมเคี่ยวไฟอ่อนๆ เป็นเวลา 15 นาที
  3. เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วให้ใส่ ซอสโซยุ น้ำตาลทราย เกลือป่น คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นตามด้วยเห็ดเข็มทอง พร้อมเต้าหู้อ่อนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ปิดฝาแล้วต้มต่อไปอีก 5 นาที เพียงแค่นี้ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ซุป กิมจิ

จบไปแล้วกับวิธีการทำซุป กิมจิ หนึ่งในเมนูอาหารเกาหลีง่ายๆ ที่มีขั้นตอนที่ง่ายมากๆ แถมยังใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด นอกจากนี้ซุปสไตล์เกาหลีที่ทำทานเองรสชาติที่ได้ยังมีความกลมกล่อม เปรี้ยวเล็กน้อย ตามสูตรซุปกิมจิเกาหลีเลยทีเดียว สำหรับใครที่ชอบอาหารไตล์เกาหลีเกาใจ แนะนำให้ทำเมนูง่ายๆ อย่าง ซุปกิมจิ ที่ไม่ว่าจะทำทานตอนไหนก็อร่อยเหมือนเดิม แถมยังสามารถทานได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

แชร์สูตรเด็ด ซุปกิมจิ หอมอร่อย รสชาติกลมกล่อม

ซุป กิมจิ

สำหรับซุป กิมจิ ซึ่งเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเมนูอาหารเกาหลียอดฮิตนี้มีหลากหลายสูตรให้ลองทำมากมาย อย่างเช่น ซุปกิมจิเต้าหู้อ่อนทะเล ซึ่งวิธีทำก็ง่ายมากมาก เพียงทำตามสูตร และวิธีการทำที่เราได้นำมาแชร์ได้เลย จากนั้นแค่เปลี่นยจากหมูเป็นกุ้ง ปลาหมึก และหอย หรือเป็นอาหารทะเลชนิดอื่นได้ตามใจชอบ ส่วนใครที่ไม่ชอบเห็ดเข็มทองสามารถไม่ใส่เห็ดเข็มทองก็ได้เช่นกัน ส่วนรสชาติของสูตรนี้ก็อร่อยไม่แพ้สูตรดั้งเดิมเลยทีเดียว 

ซุป กิมจิ

เมนูอาหาร ซุปกิมจิเกาหลี เป็นเมนูอาหารเกาหลีในซีรีส์หลายเรื่องที่มักจะมีให้เห็นบ่อยๆ แถมหน้าตาของอาหารนั้นน่ารับประทานอีกด้วย ที่สำคัญคนเกาหลียังทานอาหารที่ดูน่าอร่อยจนอยากหาซื้อทานเลยทีเดียว แต่ถ้าใครอยากลองทำซุปสไตล์เกาหลีที่มีขึ้นตอนไม่ยุ่งยากสามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่ารสชาติอร่อย และหน้าตาน่าทานเหมือนในซีรีย์เกาหลีแน่นอน ดังนั้นถ้าใครอยากตามรอยซีรีย์ หรือชื่นชอบอาหารเกาหลี แนะนำให้ลองทำซุปสไตล์เกาหลีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยที่มาพร้อมกับความอร่อยกลมกล่อมไม่เหมือน รับรองไม่ผิดหวัง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

เผยสูตร ข้าวผัด กิมจิ สไตล์แดนกิมจิ รสชาติกลมกล่อม

ข้าวผัด กิมจิ

สำหรับใครที่ชอบเมนูข้าวผัด ต้องไม่พลาดกับเมนู ข้าวผัด กิมจิ ซึ่งถือว่าเป็นเมนูยอดนิยมของคนเกาหลีเลยก็ว่าได้ อีกทั้งรสชาติก็มีความอร่อยที่มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากกิมจิที่รสชาติเปรี้ยวหวานอร่อยสุดๆ แถมยังเป็นข้าวผัดสไตล์เกาหลีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำข้าวผัดกิมจิ เกาหลียังมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม แถมอร่อยตามสูตรต้นฉบับเลยทีเดียว

ชวนทำ ข้าวผัด กิมจิ เมนูยอดนิยมส่งตรงจากเกาหลี ทำง่าย อร่อยด้วย

ข้าวผัด กิมจิ

เมนูข้าวผัด กิมจิ เป็นหนึ่งในเมนูข้าวผัดที่รสชาติโดดเด่น แถมรสชาติอร่อยสุดๆ ส่วนใครที่ชอบทานข้าวผัดสไตล์เกาหลี และอยากลองทำทานเองที่บ้าน วันนี้เราจะพาทำเมนูอาหารอย่างข้าวผัดจิมสูตรดั้งเดิมที่มีรสชาติอร่อยที่มาพร้อมกับความหอมของกิมจิที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน นอกจากนี้ยังเป็นเมนูที่กินได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่อีกด้วย ว่าแต่ข้าวผัดกิมจิ ใส่อะไรบ้าง เราไปเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมของข้าวผัดกิมจิ โดยกิมจิที่เราจะทำนั้นเป็นสูตรออริจินอลแท้ส่งตรงจากเกาหลี รับรองว่าข้าวผัดที่ทำเองนั้นอร่อยตามสูตรต้นฉบับแน่นอน

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ข้าวผัด กิมจิ
  1. กิมจิ ½ ถ้วย
  2. ข้าวญี่ปุ่นหุงสก หรือข้าวสวย 1 ถ้วย
  3. ซอสโคชูจัง หรือโซยุ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. หอมหัวใหญ่หั่นบางๆ ½ ถ้วย
  5. กระเทียมสับ ½ ช้อนโต๊ะ
  6. แครอทซอย ½ ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  8. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  9. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
  10. เบคอน หรือเนื้อหมู 100 กรัม

ในส่วนของวัตถุดิบที่เป็นข้าวที่จะนำมาผัด ถ้าบ้านไหนไม่มีข้าวญี่ปุ่นสามารถใช้ข้าวสวยในการทำข้าวผัด กิมจิได้เหมือนกัน แถมยังอร่อยอีกด้วย ในส่วนของวิธีทำข้าวผัดกิมจิ ง่ายๆ สามารถทำทานได้ที่บ้านด้วยตัวเอง และขั้นตอนการทำไม่ซับช้อนสามารถทำตามได้ดังนี้

ข้าวผัด กิมจิ
  1. ขั้นตอนแรก เริ่มจากนำกระทะมาตั้งเตาใช้ไฟอ่อนๆ จากนั้นนำเบคอนไปผัดจนน้ำมันออกจากเบคอน ซึ่งจะได้เบคอนที่กรอบหอมมากขึ้น เสร็จแล้วนำกระเทียมที่สับระเอียดแล้วลงไปผัดกับเบคอนให้หอม และตามด้วหอมหัวหญ่ที่ซอยบางๆ และแครอทที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในกระทะ ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างสุกได้ที่
  2. เมื่อผักสุกแล้ว ปรุงรสด้วยซอสโคชูจัง น้ำตาลทราย และเกลือ ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย จากนั้นผัดส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง 
  3. ขั้นตอนสุดท้ายใส่ข้าวญี่ปุ่น หรือข้าวสวยลงไป ผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักใส่จาน โรยด้วยต้นหอมซอย หรือสาหร่ายซอย หรือจะใส่อย่างอื่นได้ตามใจชอบ 
  4. ต่อมาเรามาทำไข่ดาว โดยนำกระทะมาตั้งไฟอ่อนๆ จากนั้นตอกไข่ไก่ลงไป ทอดให้ไข่สุก เสร็จแล้วนำไปวางบนข้าวผัดที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟ
ข้าวผัด กิมจิ

เสร็จแล้วสำหรับขั้นตอนการทำ ข้าวผัดกิมจิ ซึ่งเป็นอาหารเกาหลีง่ายๆ สามารถได้ด้วยตัวเอง แถมรสชาติอร่อยตามสูตรต้นดั้งเดิมของเกาหลีเลยทีเดียว และไม่ต้องจ่ายแพงก็ได้ทานข้าวผัดสไตล์เกาหลีที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานอร่อยอย่างลงตัว และไม่เหมือนข้าวผัดทั่วไปอีกด้วย เรียกว่าเป็นเมนูข้าวผัดที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่มาพร้อมกับความอร่อยที่สามารถทำทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ 

เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ข้าวผัดกิมจิ ทานกับอะไรก็อร่อย 

ข้าวผัด กิมจิ

ข้าวผัดกิมจิเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเกาหลีโปรดของเด็กๆ และผู้ใหญ่ เพราะรสชาติของข้าวมีความกลมกล่อม และมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย จึงทำให้เด็กๆ ชอบทานเป็นพิเศษ ที่สำคัญยังเป็นอาหารเกาหลียอดฮิตที่ทานคู่กับอะไรก็อร่อยไปหมด อย่าง ซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน หรือจะเป็นกิมจิกรอบๆ ก็ได้เช่นกัน แถมยังช่วยเพิ่มรสชาติให้เขาผัดมีความอร่อยมากขึ้น แค่นั้นยังไม่พอ กิมจิยังมีประโยชน์มากมายที่หลายคนไม่รู้ อาทิ สร้างผิวให้กระจ่าง ชะลอความแก่ ป้องกันโรคเบาหวาน เพิ่มแบคทีเรียตัวดีให้กับร่างกาย ช่วยลดคลอเลสเตอรอล และป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร แถมยังดีต่อระบบลำไส้ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

ข้าวผัด กิมจิ

ข้าวผัด กิม จิ เมนูอาหารเกาหลีในซีรีส์สุดโปรดสไตล์เกาหลี ซึ่งมีวิธีทำที่ง่ายแสนง่ายสามารถทำทานเองได้ที่บ้าน แถมยังทานได้ทั้งครอบครัว สำหรับใครที่อยากลองทำข้าวผัดสไตล์เกาหลี สูตรดั้งเดิมสามารถลองทำทานเองได้ตามสูตร และวิธีทำตามที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่ารสชาติที่ได้นั้นตรงตามสูตรดั้งเดิม เหมือนไปทานที่เกาหลีเลยทีเดียว อีกทั้งยังใช้ส่วนผสมไม่มาก และยังสามารถซื้อตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป ที่สำคัญยังสามารถลองทำขายได้ด้วย รับรองว่าขายดี ได้กำไรชัวร์ๆ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

แนะนำเมนู อาหารสเปน ขึ้นชื่อ บ่งบอกถึงชาติตะวันตก อร่อยสไตล์แดนกระทิงดุ

อาหารสเปน

ถ้าพูดถึงอาหารยุโรปหรืออาหารตะวันตกที่ขึ้นชื่อ นอกจากอาหารอิตาเลียนและฝรั่งเศสแล้ว อีกหนึ่งชาติที่โดดเด่นในเรื่องอาหารไม่แพ้กันก็คือสเปน เรียกว่าเป็นประเทศที่มีฝีมือการปรุงอาหารที่ไม่ธรรมดา แถมวัตถุดิบบางเมนูยังไม่เหมือนใครด้วย เช่นนี้จึงทำให้ อาหารสเปน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองทานอาหารของชาตินี้ก็ควรหาโอกาสไปลองสักครั้ง หรือจะนำสูตรอาหารที่เราจะแนะนำไปทำตามก็ได้เช่นกัน 

แจกสูตรเมนู อาหารสเปน ยอดนิยม หน้าตาสวย อร่อยด้วยรสสัมผัส

อาหารสเปน

ต้องบอกเลยว่าสเปนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอาหารค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งถ้าจะให้ แนะนำอาหารสเปน ก็คงต้องบอกว่ามีหลายเมนูที่น่าสนใจไม่น้อยเลย อีกทั้งเมนูอาหารสเปน ส่วนใหญ่มักจะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วย เนื่องจากอาหารเหล่านั้นจะอุดมไปด้วยวัตถุดิบที่ให้สรรพคุณ แต่รสชาติก็ยังอร่อยถึงใจ บทความนี้ขอนำเสนอ สูตรอาหารสเปน เมนูเด็ดที่ขึ้นชื่อ ไปดูกันว่าจะมีเมนูใดบ้าง 

  • ปาเอญ่า
อาหารสเปน

ปาเอญ่า หรือ Paella จัดเป็น อาหารประจำชาติสเปน ที่มีหน้าตาน่าทานมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเมนูที่ไม่ได้ทำเหมือนข้าวผัดไปซะทีเดียว แต่ด้วยความที่มีหน้าตาคล้ายกับข้าวผัดบ้านเรา คนไทยจึงเรียกว่า ข้าวผัดสเปน เมนูนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากทะเลสาบอัลบูเฟรา ต้องบอกว่าเป็นเมนู อาหาร สเปน ที่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่เลยก็ว่าได้ ใครสนใจอยากทำเมนูนี้ก็สามารถดูสูตรที่เราแนะนำได้เลย 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ข้าวอาร์โบริโอ้ 1 ถ้วย
  2. ปลาหมึกหั่น (ตามความชอบ)
  3. กุ้ง (ตามความชอบ)
  4. หอยแมลงภู่ (ตามความชอบ)
  5. โซฟริโต้ 50 กรัม
  6. ผงปาเอญ่า 2 ช้อนโต๊ะ
  7. แซฟฟรอน 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ไวน์ 5 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำสต๊อกไก่ 1 ทัพพี
  10. พริกไทยกัมปอต 1 ช้อนชา
  11. เกลือ 1 ช้อนชา
  12. น้ำมันหัวกุ้ง 1 ทัพพี 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกเทน้ำมันหัวกุ้งที่ได้จากการเจียวหัวกุ้งลงในกระทะ ใส่โซฟริโต้หรือสามเกลอสเปนลงไปผัด เทข้าวอาร์โบริโอ้ลงไป ผัดให้เข้ากัน 
  2. จากนั้นใส่ผงปาเอญ่า ตามด้วยแซฟฟรอน และไวน์ ผัดให้เข้ากัน วางปลาหมึก กุ้งและหอยแมลงภู่ลงในกระทะ จากนั้นเติมน้ำสต๊อกไก่ให้พอท่วม
  3. ปรุงรสด้วยพริกไทยกัมปอตและเกลือ เสร็จแล้วปิดฝาและดงไว้ 30 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้เปิดฝาและปิดไฟ ถือเป็นอันเสร็จ
  • หมูหันสเปน
อาหารสเปน

หมูหันสเปน หรือ Cochinillo Asado ถือเป็นอาหารท้องถิ่นของสเปนที่หาทานได้ยากในเมืองไทย โดยจะนำหมูไปหมักกับเครื่องเทศนานาชนิด จากนั้นนำไปซูวีดเป็นเวลา 1 คืน ตบท้ายด้วยการนำเข้าเตาอบ ซึ่งจะให้ทั้งกลิ่นหอมและรสสัมผัสที่อร่อยฟิน ๆ เลยทีเดียว ถ้าหากพูดถึง อาหารนานาชาติ ที่ดูใกล้เคียงกับเมนูนี้ หลายคนอาจนึกถึงหมูหันของจีน แต่จริง ๆ แล้วขั้นตอนการทำจะแตกต่างกัน 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. หมูตัวเล็ก (อายุไม่เกิน 2-5 สัปดาห์) 1 ตัว
  2. เกลือ 6 ช้อนโต๊ะ
  3. พริกไทยดำ 6 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกไทยสีชมพู 6 ช้อนโต๊ะ
  5. ไทม์ 5 กิ่ง
  6. โรสแมรี่ 5 กิ่ง
  7. อบเชย 3 ชิ้น
  8. ส้มซันควิก 1 ลูก
  9. เลมอน 1 ลูก
  10. กระเทียม 5 กลีบ
  11. เนย 125 กรัม
  12. น้ำมันมะกอก 6 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ

  1. เตรียมหมูที่แล่เอาส่วนต่าง ๆ ออกหมดแล้ว จากนั้นหมักด้วยเครื่องเทศทั้งหมดในรายการส่วนผสม เมื่อหมักหมูเสร็จแล้วให้นำไปซูวีดไว้ 1 คืน ด้วยความร้อนอ่อน ๆ
  2. หลังจากหมักหมูไว้ 1 คืนแล้ว ให้นำไปเข้าเตาอบด้วยไฟแรง อบไว้ประมาณ 1.30 ชั่วโมง ย่างให้หอมและสุกได้ที่ เสร็จแล้วนำออกจากเตาอบ จัดเสิร์ฟ ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ 
  • โครเกตต์แฮมแอนด์ชีส
อาหารสเปน

โครเกตต์ ถือเป็นเมนูดั้งเดิมของสเปน โดยจะใช้มันฝรั่งเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุง เมื่อทอดจนสุกแล้วจะมีสีเหลืองทองน่าทาน จัดเป็นอาหารสเปนที่สามารถทำทานระหว่างวันได้ สำหรับ อาหารสเปนในไทย สูตรนี้เราจะนำมันฝรั่งไปนึ่งแทนการต้ม และจะเป็นการมิกซ์ด้วยแฮมและชีส เรียกว่าเป็นหนึ่งใน อาหารต่างประเทศ สัญชาติสเปนที่ทำได้ไม่ยากนัก อาจจะใช้วัตถุดิบเยอะหน่อย แต่บอกเลยว่าถ้าทำเสร็จแล้วคุ้มค่าแน่นอน

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. มันฝรั่ง 500 กรัม
  2. แฮม 80 กรัม
  3. หอมใหญ่ 80 กรัม
  4. ชีสเชดด้า 60 กรัม
  5. พาร์สลีย์ 2 ช้อนชา
  6. ลูกจันทน์ป่น 1/4 ช้อนชา
  7. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  8. พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
  9. น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
  10. น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ 
  11. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ
  12. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  13. เกล็ดขนมปัง 75 กรัม 
  14. มายองเนส 3 ช้อนโต๊ะ
  15. กระเทียม 1 กลีบ
  16. น้ำมะนาวเลมอน 1 ช้อนชา
  17. เกลือ 1/8 ช้อนชา 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกนำมันฝรั่งมาปอกเปลือกและล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก โดยใช้เวลาประมาณ 12-15 นาที เสร็จแล้วนำมันฝรั่งที่นึ่งสุกแล้วมาบดให้ละเอียด
  2. หั่นหอมใหญ่เป็นชิ้น ๆ จากนั้นตั้งกระทะโดยใช้ไฟอ่อน เทน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ตามด้วยหอมใหญ่ที่หั่นไว้เมื่อสักครู่ ผัดไปสักพักแล้วเติมน้ำเปล่าลงไป และผัดต่อจนหอมใหญ่เป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ และแห้งดี
  3. นำหอมใหญ่ที่ผัดเมื่อสักครู่มาสับเล็กน้อย จากนั้นนำไปผสมกับมันฝรั่งบด ใส่พาร์สลีย์ลงไป ตามด้วยแฮมและชีสเชดด้า คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  4. เพิ่มความหอมด้วยลูกจันทน์ป่นเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ปั้นส่วนผสมเป็นรูปวงกลม เสร็จแล้วนำไปชุบกับแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง จากนั้นนำไปทอดให้สุก
  5. เตรียมทำ Garlic Aioli โดยนำกระเทียมมาสับ จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ตามด้วยน้ำเลมอนและมายองเนส ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำโครเกตต์จัดใส่จานเสิร์ฟคู่กับ Garlic Aioli 
  • คาสปาโช่
อาหารสเปน

คาสปาโช่ เป็นซุปเย็นที่นิยมทำทานกันในฤดูร้อน เป็นเมนูที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศนานาชนิด แน่นอนว่าซุปนี้จะต้องมีกลิ่นหอมและรสชาติอร่อย แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็น อาหารสเปนแปลกๆ เพราะใช้เนื้อกระต่ายปรุงร่วมด้วย ทั้งนี้หากใครไม่สะดวกก็ไม่จำเป็นต้องใส่เนื้อกระต่ายก็ได้ สำหรับ ประวัติอาหารสเปน เมนูนี้ ต้องบอกว่ามีถิ่นกำเนิดจากภาคใต้ของคาบสมุทรไอบีเรีย ต่อมาก็ได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของสเปนและโปรตุเกส 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. น่องไก่ 1/2 กิโลกรัม
  2. เนื้อกระต่ายทั้งกระดูก 1/2 กิโลกรัม
  3. หอยทาก 250 กรัม
  4. เห็ดนางฟ้า 150 กรัม
  5. พริกหวานแดง 1 ลูก
  6. มะเขือเทศ 1 ลูก
  7. คาสปาโช่เค้ก 360 กรัม
  8. กระเทียม 4-5 กลีบ
  9. เม็ดพริกไทยดำ 1 ช้อนชา
  10. โรสแมรี่ 1 ช้อนชา
  11. ผงหญ้าฝรั่น 1 ช้อนโต๊ะ
  12. ผงพริกหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
  13. ผงจันทน์เทศ 1/2 ช้อนชา
  14. ใบกระวาน 2 ใบ
  15. เกลือ 15 กรัม
  16. ซุปไก่ 1 ก้อน
  17. หัวหอมใหญ่ 1 หัว
  18. น้ำเปล่า 2 ลิตร
  19. น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
  20. น้ำมันสำหรับทอด 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกเตรียมหม้อต้มซุป โดยตั้งหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไปต้ม รอให้เดือด ตั้งกระทะโดยใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป จากนั้นนำน่องไก่และเนื้อกระต่ายลงไปทอดจนสุก เสร็จแล้วพักไว้
  2. เมื่อน้ำที่ต้มเดือดแล้วให้ใส่ใบกระวาน และพริกไทย นำกระเทียม หอมใหญ่ มะเขือเทศและพริกหวานมาสับ จากนั้นตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยกระเทียบสับ ผัดจนมีกลิ่นหอม 
  3. จากนั้นใส่หอมใหญ่ มะเขือเทศ พริกหวาน โรสแมรี่ ผงพริกหวาน ผงหญ้าฝรั่น ผงลูกจันทน์เทศ หอยทาก และเห็ด ผัดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  4. นำน่องไก่ทอดและเนื้อกระต่ายทอดลงในกระทะ จากนั้นผัดต่ออีก 3-4 นาที กลับไปที่หม้อต้มน้ำซุป ตักน่องไก่และเนื้อกระต่ายที่อยู่ในกระทะลงหม้อน้ำซุป ตามด้วยส่วนผสมที่เหลือ
  5. เมื่อน้ำซุปเดือดแล้วใส่ซุปก้อนลงไป และคนเล็กน้อย เคี่ยวต่อด้วยไฟกลาง 45 นาที ใส่คาสปาโช่ลงไปในหม้อ คนให้เข้ากันเล็กน้อย และเคี่ยวต่ออีก 15 นาที ถือเป็นอันเสร็จ 
  • ชูโรส
อาหารสเปน

อีกหนึ่งเมนู อาหารสเปนแนะนำ ที่ขึ้นชื่อจากแดนกระทิงดุ เรียกได้ว่าเป็น เมนูอาหารสเปน ที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์มากทีเดียว โดยมีลักษณะคล้ายกับปาท่องโก๋ คนไทยจึงเรียกว่า “ปลาท่องโก๋สเปน” ทั้งนี้แต่ละพื้นที่ก็จะทำรูปทรงออกมาแตกต่างกัน หากใครกำลังนึกถึง อาหารสเปนทำง่าย ก็ต้องเป็นเมนูนี้เลย เพราะมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนนัก หากสนใจก็สามารถทำอาหารสเปนตามสูตรนี้ได้เลย

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ชอร์ทเทนนิ่งน้ำมันรำข้าว 50 กรัม
  2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. ผิวส้ม 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 180 กรัม
  6. เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
  7. ผงอบเชย 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร
  9. น้ำมันรำข้าว 

วิธีทำ

1.ขั้นตอนแรกให้ตักชอร์ทเทนนิ่งน้ำมันรำข้าวใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำเปล่า เกลือและผิวส้ม จากนั้นนำไปต้มให้เดือด

  1. ตอกไข่ใส่ภาชนะแล้วตีไข่ให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ โดยใช้เครื่องผสมอาหารนวดแป้งและไข่ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  2. นำส่วนผสมที่ได้ใส่ในถุงบีบที่มีหัวบีบรูปดาว จากนั้นบีบใส่กระดาษในลักษณะม้วนเป็นรูปวงกลมบรรจบกัน เสร็จแล้วใช้กรรไกรตัด นำน้ำตาลทรายและผงอบเชยมาผสมกัน เตรียมไว้
  3. เตรียมทอดแป้งชูโรส โดยตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันลงไป เปิดไฟกลาง จากนั้นนำชูโรสลงไปทอดจนสุกแล้วนำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน นำชูโรสมาคลุกกับน้ำตาลทรายและผงอบเชยที่ผสมไว้ ถือเป็นอันเสร็จ 

บทสรุป

ถ้าหากพูดถึงอาหารตะวันตกที่โดดเด่นในเรื่องของขั้นตอนการทำอย่างประณีต คงต้องยกให้ฝรั่งเศส เพราะอาหารชาตินี้ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก แถมยังถูกยกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วย แต่ทว่า อาหาร สเปน นั้นจะมีรสชาติที่ขึ้นชื่อและเป็นเอกลักษณ์ เพราะฉะนั้น วิธีทำอาหารสเปน จึงเน้นปรุงด้วยเครื่องเทศซะส่วนใหญ่ และนั่นก็ทำให้รสชาติของ อาหาร สเปน หลายเมนูมักจะมีความเข้มข้น หากใครที่อยากลอง ทำอาหารสเปน ก็สามารถนำสูตรที่เราแนะนำไปทำตามได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

5 สูตร อาหารจีน รสเลิศ เมนูยอดฮิตที่ให้ทั้งความอร่อยและความฟิน

อาหารจีน

อาหารถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการทานของประเทศนั้น ๆ ได้ สำหรับประเทศไทยก็ถือเป็นอีกหนึ่งชาติที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหาร ซึ่งมีมากกว่าหนึ่งเมนูที่อร่อยจนติดอันดับโลก ไม่ว่าจะของคาวหรือของหวานเราก็เอาอยู่ แต่ทว่านอกจากอาหารไทยแล้ว อาหารจีน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่คนไทยนิยมทานกัน เพราะได้รับอิทธิพลมาตั้งแต่ในอดีต อีกทั้งในประเทศไทยยังมีคนไทยเชื้อสายจีนอยู่กันเป็นจำนวนมากด้วย 

แจกสูตร 5 อาหารจีน ระดับตำนาน เมนูที่มีชื่อติดหู ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก

อาหารจีน

เมื่อพูดถึง อาหารนานาชาติ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยแล้ว แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี อาหาร จีน อยู่ด้วย อย่างไรก็ตามในเรื่องของรสชาติอาหารแต่ละประเทศนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป หากเป็น เมนูอาหารจีน สูตรดั้งเดิมอาจมีบางเมนูที่รสชาตินั้นไม่ถูกปากคนไทยอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มักจะถูกปรุงให้มีรสชาติแตกต่างไปจากต้นฉบับ วันนี้ขอแจกสูตร ทำอาหารง่ายๆ จากแดนมังกร มาดูกันว่าจะมีเมนูใดบ้าง 

  • ติ่มซำเต้าหู้ไข่หน้าหมูสับ
อาหารจีน

ติ่มซำ เป็นหนึ่งในเมนูที่คนทั่วโลกรู้จัก เรียกได้ว่าเป็น อาหารจีน ที่ขึ้นชื่อและต้องลิ้มลองสักครั้ง ซึ่งในประเทศไทยนั้นค่อนข้างหาทานได้ง่าย เพราะจัดเป็นเมนูที่ทำได้ไม่ยากนัก นอกจากนี้ยังเป็นเมนู ของว่างทานเล่น ที่ช่วยให้อิ่มท้องได้ด้วย ซึ่งนิยมทานคู่กับน้ำชา ส่วนคำว่า “ติ่มซำ” นั้นเป็น ชื่อเมนูอาหารจีน ที่เรียกรวมอาหารหลายอย่าง โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการนึ่งทั้งหมด 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. หมูบด 250 กรัม
  2. เต้าหู้ไข่ 2 หลอด
  3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  4. กระเทียม 3-5 กลีบ
  5. รากผักชี 2-3 ต้น
  6. พริกไทย 1 ช้อนชา
  7. ซีอิ้วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
  9. ผักสดลวก (ตามความชอบ) 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนการทำ อาหารจีนง่ายๆ ขั้นตอนแรกนำกระเทียมและรากผักชีมาตำในครกให้ละเอียด (แนะนำให้หั่นรากผักชีเป็นชิ้นเล็ก ๆ จะช่วยให้ตำได้ง่ายขึ้น) ใส่หมูสับลงไปแล้วตำให้เข้ากัน
  2. ปรุงรสด้วยพริกไทย ซีอิ้วขาวและน้ำมันงา จากนั้นใส่ไข่ไก่ลงไปแล้วตำให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย และนำไปหมักไว้ในตู้เย็น 30 นาที
  3. นำเต้าหู้ไข่มาหั่นเป็นชิ้นแล้วใส่ไว้ในถ้วยขนาดเล็ก ตักหมูสับที่หมักเรียบร้อยแล้ววางบนเต้าหู้ไข่ตามปริมาณที่ต้องการ
  4. นำผักสดมาลวกและหั่นเพื่อนำมาตกแต่งหน้าติ่มซำ เสร็จแล้วนำไปนึ่ง 5 นาที เมื่อนึ่งจนครบ 5 นาทีแล้ว ให้นำน้ำราดติ่มซำมาราดด้านบน จากนั้นนำไปนึ่งอีก 2 นาที ถือเป็นอันเสร็จ 
  • บ๊ะจ่าง
อาหารจีน

เมื่อพูดถึง อาหารจีนมงคล จะขาดเมนูนี้ไปไม่ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่หาทานได้ง่ายในกรุงเทพ ฯ แต่บางจังหวัดหรือบางพื้นที่อาจหาทานได้ยาก เนื่องจาก บ๊ะจ่าง เป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำอย่างพิถีพิถัน ซึ่งในสำเนียงภาษาจีนกลางจะเรียกขนมชนิดนี้ว่า “โร่วจ้ง” ต้องบอกว่าเมนูนี้ใช้วัตถุดิบเยอะ แถมมีขั้นตอนการทำค่อนข้างนานอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากใครอยากทาน อาหารจีนพื้นบ้าน ก็สามารถเลือกเมนูนี้ได้เลย นอจกากนี้ยังเป็นหนึ่งใน อาหารเสฉวน ที่มีรสชาติเข้มข้นและจัดจ้าน น่ารับประทานอีกด้วย 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ใบไผ่ 1/2 กิโลกรัม
  2. ข้าวเหนียว (แช่ 3 วัน 3 คืน) 500 กรัม
  3. พุทราจีนเชื่อม 1/2 ถ้วย
  4. กุนเชียงทอด 1/2 ถ้วย
  5. เกาลัดคั่ว 1/2 ถ้วย
  6. แปะก๊วยเชื่อม 1/2 ถ้วย
  7. ไข่แดงเค็ม 7 ฟอง
  8. เผือก 500 กรัม 
  9. เนื้อหมูสันคอ 200 กรัม
  10. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  11. เกลือ 1 ช้อนชา
  12. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  13. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา
  14. น้ำมันหอย 2 ช้อนชา 
  15. ไชโป้ว 1 ถ้วย
  16. ถั่วลิสงต้ม 1 ถ้วย
  17. เม็ดบัวต้มสุก 1 ถ้วย
  18. กุ้งแห้ง 1/2 ถ้วย
  19. พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  20. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  21. เห็ดหอมแช่น้ำ 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. นำใบไผ่มาแช่น้ำ 3 วัน 3 คืน โดยต้องเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกวัน จากนั้นนำมาต้มและล้างทีละใบ แล้วนำข้าวเหนียวแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน
  2. นำเนื้อหมูสันคอมาหมักกับน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว เกลือ น้ำตาล และพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น
  3. นำเห็ดหอมมาแช่น้ำ จากนั้นนำไปทอดจนหอมและสะเด็ดน้ำมัน เสร็จแล้วนำไปผัดในกระทะอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว เกลือ และพริกไทย ผัดให้เข้ากันแล้วตักใส่จาน พักไว้
  4. นำเผือกมาหั่นเป็นชิ้นแล้วนึ่งจนสุก นำมาบี้ให้ละเอียด เสร็จแล้วนำไปกวนในกระทะพร้อมกับปรุงรสด้วยน้ำตาล เมื่อกวนเสร็จแล้วนำมาปั้นเป็นลูกวงกลมแล้วห่อด้วยเปลวมันหมู
  5. ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมัน นำไชโป้วลงไปผัดโดยใช้ไฟอ่อน ตามด้วยข้าวเหนียว ถั่วลิสงต้ม เม็ดบัวต้มสุกและกุ้งแห้ง ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและซีอิ๊วขาว 
  6. ผัดให้เข้ากันไปเรื่อย ๆ ปรุงรสเพิ่มด้วยพริกไทย ตามด้วยน้ำตาลและเกลือ เมื่อผัดจนเข้ากันดีแล้วให้ตักใส่ถ้วย พักไว้
  7. นำใบไผ่มาขึ้นกรวย ใส่เผือกกวนที่เตรียมไว้ ตามด้วยข้าว พุทราจีนเชื่อม กุนเชียง เกาลัดคั่ว แปะก๊วย ไข่แดง เห็ดหอม และหมูหมักหั่นชิ้น เสร็จแล้วห่อเข้ากันแล้วมัดด้วยเชือกปอ จากนั้นนำไปนึ่ง 1 ชั่วโมง ถือเป็นอันเสร็จ 
  • เป็ดปักกิ่ง
อาหารจีน

เมื่อพูดถึงอาหารที่สะท้อนถึง วัฒนธรรมจีน ได้อย่างชัดเจน จะไม่นึกถึงเมนูนี้ก็คงไม่ได้ เพราะ เป็ดปักกิ่ง เป็นอาหารจีนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ซึ่งถูกจัดให้เป็น เมนูอาหาร ประจำชาติจีนด้วย โดยจะเสิร์ฟหนังเป็ดที่บางกรอบ ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ปรุงสำหรับเป็ดปักกิ่งโดยเฉพาะ หากใครที่อยากลิ้มรส อาหารจีนโบราณ ที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เมนูนี้คือ เมนูอาหารจีนง่ายๆ ที่ใช่เลยแหละ 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. เป็ดเชอร์รี่ 1 ตัว (น้ำหนัก 2 กิโลกรัม)
  2. น้ำเปล่า 5 ถ้วย
  3. แบะแซ 5 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำส้มสายชู 5 ช้อนโต๊ะ
  5. จิ๊กโฉ่ว 5 ช้อนโต๊ะ 
  6. น้ำเปล่า 2 ทัพพี
  7. เต้าเจี้ยว 1 ทัพพี
  8. น้ำตาลทราย 2 ทัพพี

วิธีทำ

  1. นำเป็ดมาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำไปเป่าลมเพื่อให้หนังเป็ดและตัวเป็ดลอกออกจากกัน เสร็จแล้วสับขา สับปีก และสับคอออก
  2. ตั้งหม้อแล้วใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยแบะแซ คนให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูและจิ๊กโฉ่วลงไป เสร็จแล้วคนไปเรื่อย ๆ จนเดือด
  3. ตักมาราดบนตัวเป็ดที่เตรียมไว้ โดยราดให้ทั่วตัวเพื่อให้หนังตึง จากนั้นนำไปเป่าลมอีก 8 ชั่วโมง เมื่อเป่าจนแห้งแล้วนำไปอบประมาณ 15 นาที
  4. เตรียมทำน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่ง ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยเต้าเจี้ยว และคนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนเหนียวได้ที่
  5. นำเป็ดที่อบไว้ออกจากเตาอบ จากนั้นนำมาแล่เอาแต่หนังใส่จาน ราดด้วยน้ำจิ้ม ถือเป็นอันเสร็จ พร้อมรับประทานได้เลย 
  • บะกุ๊ดเต๋ ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน
อาหารจีน

หากใครที่กำลังหา สูตรอาหารจีน เพื่อทำทานเองที่บ้าน เมนูนี้ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเลย ซึ่งถือเป็น อาหารจีน ที่ได้รับความนิยมในมาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง เพราะนอกจากรสชาติจะดีแล้ว ยังจัดเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ อีกด้วย เนื่องจากในเมนูนี้จะเต็มไปด้วยวัตถุดิบที่มีประโยชน์ สำหรับผู้ที่ดูแลสุขภาพก็สามารถทำเมนูนี้ทานเองได้เลย จะเรียกว่าทาน อาหารเป็นยา ก็คงไม่ผิด

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. กระดูกซี่โครงอ่อน 1 กิโลกรัม
  2. ชุดบะกุ๊ดเต๋ 2 ชุด (110 กรัม)
  3. เห็ดหอม 10-15 ดอก
  4. รากผักชี 3-4 ราก
  5. กระเทียมทุบ 6-7 กลีบ
  6. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
  7. น้ำตาลกรวด 1 ช้อนชา
  8. เกลือ 1 ช้อนชา
  9. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  10. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  11. เห็ดเข็มทอง (ตามความชอบ)
  12. ผักกาดขาว (ตามความชอบ)
  13. น้ำเปล่า 

วิธีทำ

  1. นำกระดูกซี่โครงอ่อนมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด และนำกระดูกซี่โครงอ่อนลงไปต้มพอเดือด เสร็จแล้วตักออกและพักไว้
  2. ตั้งหม้อแล้วใส่เครื่องบะกุ๊ดเต๋ลงไป ตามด้วยกระดูกซี่โครงอ่อนที่ต้มเมื่อสักครู่ จากนั้นเทน้ำเปล่าลงไปให้ท่วม ต้มด้วยไฟกลางค่อนไปทางอ่อนจนเดือด
  3. เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้ว ให้ใส่น้ำตาลกรวด เกลือ รากผักชี กระเทียม และพริกไทย ปรุงรสเพิ่มด้วยซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ
  4. ใส่เห็ดหอมลงไปตุ๋นประมาณ 1-2 ชั่วโมง เสร็จแล้วตักใส่หม้อตุ๋นยาจีน ใส่ผักกาดขาวลงไป ตามด้วยเห็ดเข็มทอง จากนั้นต้มให้น้ำเดือดแล้วปิดแก๊ส 
  • ปลานึ่งซีอิ๊ว
อาหารจีน

เมนูเอาใจคนชอบทานปลา แถมยังเป็น อาหารจีนทำง่าย อีกด้วย สำหรับใครที่อยากทำ อาหารจีนอร่อย ทานเองที่บ้านก็สามารถนำเมนูปลานึ่งซีอิ๊วไปพิจารณาได้เลย เพราะมีขั้นตอนการทำที่ไม่ค่อยยุ่งยากนัก เรียกได้ว่าเป็น อาหารจีน ที่มีรสชาติอร่อย แถมยังเป็น อาหารมีประโยชน์ อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้เราจะใช้ปลาทับทิมในการปรุง แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็สามารถใช้ปลาอื่นแทนได้เลย 

วัตถุดิบและเครื่องปรุง

  1. ปลาทับทิม 1 ชิ้น (50 กรัม)
  2. ต้นหอมซอย
  3. ขึ้นฉ่ายซอย
  4. เห็ดหอมหั่น 
  5. พริกจินดาแดงหั่น 5 เม็ด
  6. ขิงซอย 50 กรัม
  7. ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
  11. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  12. ผงปรุงรสหมู/ไก่ 1 ช้อนชา
  13. น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกนำปลาทับทิมมาทำความสะอาดเพื่อลดกลิ่นคาว โดยใช้เกลือถูให้ทั่วตัวปลา และล้างน้ำให้สะอาด เสร็จแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. เตรียมทำน้ำซอส โดยใส่น้ำมันหอยลงไปในถ้วยผสม ตามด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรสฝาเขียว น้ำตาลทราย ผงปรุงรสหมูหรือไก่ น้ำมันงาและน้ำเปล่า จากนั้นคนให้เข้ากัน
  3. ขั้นตอนการนึ่งปลา เทขิงซอยลงบนจานแล้วนำปลามาวางทับไว้ จากนั้นนำไปนึ่งประมาณ 10 นาที เมื่อครบ 10 นาทีแล้วให้เปิดฝา เทน้ำคาวปลาที่อยู่ในจานออก นำปลาลงไปนึ่งอีกครั้ง เทน้ำซอสที่เตรียมไว้ลงบนเนื้อด้วย
  4. เตรียมผักที่จะใช้ราดหน้าปลา ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมัน รอให้น้ำมันร้อนจัดแล้วใส่ต้นหอมซอย ขึ้นฉ่ายซอย เห็ดหอมหั่น และพริกจินดาแดงหั่น ผัดให้พอสุกแล้วนำไปราดบนปลานึ่งได้เลย 

บทสรุป

อาหารจีน

หากใครอยากลิ้มรสชาติ อาหาร จีน แบบขนานแท้ ต้นตำรับดั้งเดิม แต่ไม่สามารถเดินทางไปที่ประเทศจีนได้ และอยากจะลงมือ ทำอาหาร ทานเอง เรามีเคล็ดลับสำหรับการปรุง อาหารจีน ให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับ คือต้องเลือกวัตถุดิบที่นำเข้าจากประเทศจีนโดยเฉพาะ อาจไปหาซื้อได้ตามเยาวราชหรือแหล่งอื่น ๆ ที่มีสินค้าจีน แต่อย่างไรก็ตามเพราะเป็น อาหารต่างประเทศ จึงต้องศึกษา วิธีทำอาหารจีน ให้ละเอียดด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตร (ไม่) ลับ ขนมชู ครีม ไส้ทะลัก หวานเข้มข้น หอมกลิ่นเนย ชวนทาน

ชู ครีม

หลายคนคงจะเคยเห็นขนม ชู ครีม ที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ขนมชนิดนี้มีที่ไปที่มาด้วยนะ สำหรับขนมชูครีม เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศษ แต่เดิมทีขนมมีชื่อเรียกว่า ชู อา คลเคร์ม โดยคำว่า ชู ในภาษาฝรั่งเศษมีความหมายว่า กะหล่ำปลี และคลเคร์ม หมายถึง ครีม นั่นเอง ซึ่งวิธีทำขนนมีสองขั้นตอน นั่นก็คือ ตั้นตอนอบแป้ง และขั้นตอนทำไส้ครีม จึงทำให้ขนมที่ความนุ่มนิ่มน่าทาน ต่อมาชาวฝรั่งเศษได้มีการเดินทางเข้ามาประเทศไทย และได้นำขนมชนิดมาเผยแพร่ในกับชาวไทยได้เป็นรู้จักกับขนมชนิดนี้ และปัจจุบันขนมชูครีม เป็นขนมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ชู ครีม

ชูครีม เป็นขนมก้อนกลมสุดน่ารัก แต่เต็มไปด้วยไส้ครีมแน่นๆ ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานเข้ม อบอวลไปด้วยกลิ่นเนยสดอร่อยทานได้ไม่มีเบื่อ และยังเป็นขนมที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านคาเฟ่ หรือร้านขนมทั่วไป แต่จะให้ไปซื้อทุกวันคงยากมาก หรือจะทำทานเองคงยากแน่นอน ซึ่งแท้จริงแล้วขนมชนิดนี้ทำไม่ยากอย่างที่คิด และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราจะพาทุกคนมาทำขนมชู ครีม ไส้ครีมเน้นๆ หวาน หอม อร่อยกำลังดี

ขั้นตอนทำ ชู ครีม รสชาติหวานจัดจ้าน เนื้อครีมเข้มข้น อร่อยจนต้องทำขาย! 

ชู ครีม

สำหรับใครกำลังหาขนมหวานรูปร่างสุดน่ารัก และอร่อยด้วย ต้องไม่พลาดกับชูครีม หรือ Choux Cream หนึ่งในขนมมีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ สุดน่ารัก ที่ซ่อนเนื้อครีมเยิ้มๆ เข้มข้นไว้ข้างในตัวขนมได้อย่างพอดี แถมรสชาติหวานอร่อยพอดี แถมยังเป็นขนมที่เคี้ยวเพลินสุดๆ ในส่วนวิธีทำนั้นก็ง่ายมาก หากอยากลองทำทานเองสักชิ้น วันนี้เรามีวิธีทำชูครีม ญี่ปุ่นสุดน่ารัก เน้นไส้ ไม่เน้นแป้ง ที่สำคัญสูตร ชู ครีม ญี่ปุ่น เนื้อครีมหวานเข้มข้น และยังเป็นขนมที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้อีกด้วย โดยก่อนที่จะเข้าขั้นตอนการทำขนม เรามาดูส่วนผสมแป้งขนมกันก่อน

ส่วนผสมแป้ง

  1. เนยสดชนิดจืด 80 กรัม
  2. แป้งเค้ก 70 กรัม
  3. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  4. เกลือ ½ ช้อนชา
ชู ครีม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของไส้ครีม

  1. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
  2. แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ
  3. ไข่แดง 5 ฟอง
  4. นมสด 400 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. วิปปิ้งครีม 150 ครีม
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

การทำชู ครีม แบบญี่ปุ่นแบบต้นตำรับจะมีส่วนผสมตามกล่าวมาข้างต้น ขนมชูครีมจะมีรสชาติหวานเข้มข้น แต่ถ้าไม่ชอบหวานสามารถลดปริมาณน้ำตาลลงได้ ซึ่งรสชาติที่ได้จะมีความกลมกล่อม และหอมกลิ่นเนยเหมือนต้นตำรับแน่นอน ส่วนวิธีทำนั้นสามารถทำตามได้ดังนี้

ชู ครีม
  1. นำหม้อมาตั้งเตา จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไป เปิดไฟปานกลางรอให้น้ำเดือด ใส่เนยสดชนิดจืดลงไป ตามด้วยเกลือป่น คนส่วนผสมให้เข้ารอให้เดือด ปิดไฟ และยกออกจากเตา 
  2. นำแป้งข้าวโพด และแป้งเค้กมาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ ผสมให้เข้ากัน ใส่ไปในหม้อเนย จากนั้นตอกไข่ไก่ลงไป ตีส่วนผสมทั้งหมดด้วยเครื่องตีขนมจนกว่าแป้งจะเป็นเนื้อเนียน พักไว้ก่อน
  1. หลังจากนั้น นำแป้งที่เตรียมก่อนหน้านี้ ตักใส่ถุงบีบลงในถาดอบขนม เป็นก้อนกลมๆ โดยจะต้องบีก้อนขนมให้มีขนาดเท่าๆ เพราะขนมจะสุกพร้อมกัน
  2. เมื่อบีบแป้งใส่ถาดจนหมดแล้ว นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที นำออกมาพักไว้ให้เย็น เพื่อรอใส่ไส้ครีมต่อไป
  3. ต่อมาเราจะมาทำไส้ครีม โดยเริ่มแรกนำแป้งข้าวโพด และแป้งเค้กมาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ พักไว้ก่อน จากนั้นมาเตรียมหม้อใส่นมสดรสจืด รอให้เดือด ยกออกจากเตา
  4. นำไข่ไก่ ผสมกับน้ำตาลตีจนกว่าจะมีสีอ่อนๆ จากนั้นใส่แป้งที่เตรียมไว้ลงไป คนส่วนสผมให้เข้ากันอีกครั้ง 
  5. หลังจากนั้น นำน้ำตาลทราย และวิปปิ้งครีมมาตีจนส่วนผสมทั้งหมดฟู เทลงในส่วนผสมที่มีแป้งผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถุงแล้วนำไปบีบใส่แป้งชูครีมที่อบไว้ก่อนหน้านั้น
ชู ครีม

ชูครีม ที่ทำเสร็จแล้วจะมีลักษณะเป็นก้อนกลมสอดไส้ครีมนุ่มนิ่ม หอมกรุ่นไปด้วยทั่วห้องครัวเลยทีเดียว ขนมชูครีมสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ และยังเพิ่มรสชาติฉ่ำๆ อีกด้วย และก่อนที่จะนำมารับประทานต้องโรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่งบางๆ เพื่อเพิ่มรสชาติขนม และความสวยงาม 

เปิดความหลากหลาย แบบไม่รู้ลืม เบเกอรี่จากเมืองน้ำหอม สุดน่ารัก หลากรสชาติ

ชู ครีม

สำหรับขนมชู ครีมเป็นเมนูเบเกอรี่ยอดนิยมที่มีหลากสูตร โดยมีทั้งสูตรน้ำสะอาดเป็นส่วนผสมอย่างเดียว และสูตรที่ใข้น้ำ และนมสด ซึ่งทั้งสูตรจะให้ความอร่อยที่แตกต่างกัน และยังหลากหลายเวอร์ชั่นอีกด้วย อย่างเช่น ขนมชูครีมเนื้อแป้งกรุบกรอบ และเนื้อแป้งนุ่มนิ่ม อีกทั้งยังมีรสชาติ ไม่ว่าเป็น รสช็อกโกแลต หรือทำเป็นท๊อปปิ้ง โดยนำสตรอเบอรี่ มาตกแต่งกับขนมให้มีรสชาติอร่อยมากขึ้น

ชู ครีม

ดังนั้นจะเห็นว่าขนมชู ครีม เป็นขนมที่สามารถทานคู่กับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่ให้ความหอมกรุ่นละมุมละไม และในส่วนขั้นตอนการทำเบเกอรี่ง่ายนิดเดียว เพียงทำตามสูตรที่กล่าวมาข้างต้นก็สามารถทานได้เลย แถมเมนูเบเกอรี่ทำเองจะมีความหลากหลายเวอร์ชั่นไม่จำเจ ตามไสต์เบเกอรี่โฮมเมดที่มีความอร่อยไม่มีเบื่อ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ชวนทำ ขนม หม้อแกง เมนูขนมหวานชนชั้นสูง รสชาติหวานฉ่ำ หอมกรุ่นจากเตา

ขนม หม้อแกง

ขนม หม้อแกง ในสมัยก่อนเรียกว่า ขนมกุมภมาศ หรือขนมหม้อทอง คาดว่ามีมาตั้งแต่ในสมัยพระนารายณ์มหาราช โดยท้าวทองกับม้าเป็นผู้เริ่มคิดค้นสูตรหม้อแกง ขนมหวานของไทย และถูกถ่ายทอดให้กับกลุ่มแม่ครัวในห้องเครื่องที่จะทำถวายเป็นเมนูขนมหวานให้กับขุนนางชั้นสูงได้ทานพร้อมกับอาหารชนิดอื่นๆ ต่อมาเมื่อแม่ครัวห้องเครื่องได้ย้ายออกจากวังได้มีการเผยแพร่สูตรหม้อแกง ขนมชาววังให้กับชาวบ้านได้ทำทานกัน ซึ่งในสมัยก่อนจะใช้หม้อดินในการทำขนมหม้อแกง ทำให้ขนมมีเนื้อเนียนสีน้ำตาล รสชาติหวานจัดจ้าน และหอมกลิ่นหอมเจียว น่าทานสุดๆ 

ขนม หม้อแกง

ขนมหม้อแกง หรือขนมหม้อทอง เป็นขนมที่ใช้ ไข่ แป้ง น้ำตาล และกะทิ เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้เมื่ออบเสร็จแล้วเนื้อขนมมีความนุ่มฟู และมีกลิ่นหอมละมุนละไม รสชาติกลมกล่อม และยิ่งใช้เตาถ่านอบขนมจะยิ่งทำให้ขนมมีกลิ่นหอมมากขึ้น ปัจจุบันวิธีการทำ ขนม หม้อแกง มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดยมีการใช้เตาอบขนม จึงทำให้ง่ายต่อการขนมมากขึ้น แถมรสชาติหอมอร่อยตามแบบต้นตำรับ หากใครอยากลองทำขนมหวานชนิดนี้สามารทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพียงทำตามสูตรที่เราจะนำมาแชร์ก็สามารทำได้แล้ว

ขั้นตอนการทำ ขนม หม้อแกง ตามแบบต้นตำรับชาววัง หอมอบอวล จนอดใจไม่ไหว

ขนม หม้อแกง

วันนี้เราจะชวนทุกคนมาทำ ขนมหม้อแกง เมนูขนมหวานระดับตำนานที่มีความโดดเด่นด้วยรสชาติที่หวาน หอมกรุ่น เนื้อแป้งถั่วเหลืองเนียนนุ่ม และที่ขาดไม่ได้คือ หอมเจียว โรยหน้าบนขนมหม้อแกงอันเป็นเอกลักษณ์ แถมยังเป็นขนมที่ทานยังไงก็ไม่มีวันเบื่อ สำหรับสูตรหม้อแกงโบราณที่จะนำมาแชร์นั้นเป็นสูตรแบบนึ่งอย่างง่าย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเตาอบ และ ชอบเนื้อขนมแบบชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งจนเกินไป โดยวิธีทำ หม้อแกง แบบ นึ่งจะมีขั้นตอนที่ไม่ซับช้อน และทำง่ายมากๆ ว่าแล้วไปดูกันเลย

ขนม หม้อแกง

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่เตรียม 

  1. ถั่วเหลืองซีก 200 กรัม
  2. หัวกะทิ 300 กรัม
  3. น้ำตาลปิ๊บ 150 กรัม
  4. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  5. ใบเตย 2-3 ใบ
  6. หอมชอย 20 กรัม

เมื่อได้ส่วนผสม และวัตถุในการทำ ขนม หม้อแกง แล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็ยวิธีทำขนมหม้อแกงอย่างง่าย สำหรับมือใหม่สามารถทำตามได้ดังนี้

ขนม หม้อแกง
  1. ในขั้นตอนแรก เรามาเริ่มที่การนำถั่วเหลืองซีกมาล้างด้วยน้ำสะอาดประมาณ 1-2 ครั้ง จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง โดยวิธีสังเกตคือ ถ้าถั่วเหลืองสุกเนื้อจะนิ่มนุ่ม
  2. ในระหว่างที่รอถั่วเหลืองสุก ให้นำไข่เป็ดตอกลงในภาชนะสำหรับผสม จากนั้นตามด้วยน้ำตาลปิ๊บ เกลือ และใบเตยมัดเป็นจุก ใช้มือเขยำให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน และคนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย เมื่อได้ถั่วเหลืองสุกแล้ว ต่อมาให้นำถั่วเหลืองใส่ในโถปั่น ใส่กะทิลงไป ทำการปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้วนำไปผสมกับส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรงอีกครั้ง เพื่อให้เนื้อขนมเนียนน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
  3. จากนั้นนำขนมที่เตรียมไว้เทใส่ในพิมพ์ เสร็จแล้วนำไปนึ่ง ใช้ไฟปานกลางจนกว่าขนมจะฟู และสุกดี เสร็ลแล้วยอกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น ในระหว่างที่รอขนมเย็น ขั้นตอนสุดท้ายนำกระทะมาตั้งเตาเปิดไฟปานกลาง เมื่อน้ำมันเดือด ใส่หอมชอยลงไปเจียวจนกว่าจนจะมีกลิ่นหอม เสร็จแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน 
ขนม หม้อแกง

เมื่อได้ขนม หม้อแกง สูตรนึ่งแล้ว นำมาตักใส่จานโรยหน้าด้วยหอมเจียว พร้อมทานได้เลย สำหรับขนมหม้อแกง ทำเองจะมีรสชาติที่หวานอร่อยกำลังดี ที่มาพร้อมกลิ่นหอมเจียวทอดใหม่ๆ กรุบกรอบ ตัดกับเนื้อขนมที่นุ่มนิ่มเข้ากันสุดๆ สำหรับมือใหม่ฝึกทำขนมไทยครั้งแรกสามารถดูวิธีการทำหม้อแกงขนม โบราณที่กล่าวมาข้างต้นได้ โดยไม่ต้องไปเรียนทำขนมให้เสียเวลา อีกทั้งถ้าบ้านไหนไม่มีเตาอบสามารถทำตามสูตร และขั้นตอนขนมหม้อแกงสูตรนึ่งที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าอร่อยเหมือนใช้เตาอบเลยทีเดียว

เปิดสูตรขนมไทยโบราณ หม้อแกง แบบอบ ทำง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ขนม หม้อแกง

สำหรับใครที่ชอบขนมหม้อแกงแบบอบ ต้องไม่พลาด เพราะเรามีวิธีทำขนม หวาน ไทย อย่างหม้อแกง มาให้ได้ลองทำตาม แถมะยังเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายนิดเดียว สำหรับสูตรหม้อแกงสามารถใช้ตามที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย สำหรับขั้นตอนแรกนำถั่วเหลืองซีกล้างให้สะอาด และนำไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำมาปั่นผสมกับน้ำกะทิ ปั่นให้ละเอียด จากนำเกลือ น้ำตาล ไข่เป็ด และกะทิใส่ลงไปในภาชนะผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นใส่เหลืองปั่นลงไป ผสมให้เข้ากันแล้วนำกรองด้วยตะแกรง นำไปตักใส่พิมพ์ เข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้ให้เย็น พร้อมทาน 

ขนม หม้อแกง

ขนมหม้อแกงเป็นขนมหวานชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ แบบจัดเต็ม ถ้าอยากให้ทานขนมอร่อยมากขึ้นสามารถหาเครื่องดื้มจำพวกชา หรือกาแฟมารับประทาน เพื่อลดความหวานของขนมลงได้ หากใครอยู่บ้านไม่มีอะไรทำในวันว่าง แนะนำให้ลองทำเมนูขนมหวานหม้อแกงไว้ทานเล่นๆ ซึ่งวิธีทำขนม ไทย ง่ายๆ ไม่ยากแน่นอน อีกทั้งขนมไทย ทำเองที่บ้านยังมีความหอมละมุนลิ้นสุดๆ ส่วนสูตร ขนม ไทย ที่ใช้ในข้างต้นเป็นแบบต้นตำรับส่งตรงจากท้าวทองกีบม้าเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขอนำเสนอ บัวลอย เผือก ขนมยอดฮิตตลอดกาล หวานกลิ่นกะทิเข้มข้น 

บัวลอย เผือก

ขนม บัวลอย เผือก เป็นเมนูขนมหวานในสมัยเด็กที่สามารถทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังเป็นเมนูขนมโบราณยอดฮิตตลอดกาล และไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน รสชาติของบัวลอย สูตรเผือก ยังคงหอมละมุน หวานกลมกล่อม และหอมเผือก ตัดกับกลิ่นกะทิเข้มข้นได้พอดี แถมอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด สำหรับบัวลอย สูจรเผือกในปัจจุบันมีขายตามร้านอาหาร และร้านขนมหวานทั่วไป รวมถึงตลาดนัดแถวบ้านอีกด้วย เรียกได้ว่า ขนมบัวลอย เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่หาทานง่ายมากๆ 

บัวลอย เผือก

สำหรับใครที่ชอบทานขนมบัวลอยเป็นประจำ ต้องไม่พลาด เพราะวันนี้เราจะมานำเสนอบัวลอยสูตรพิเศษรสชาติหวานอร่อย หอมกรุ่น อวบอวบไปด้วยกลิ่นกะทิสด และเนื้อแป้งเหนียวนุ่มนิ่ม เคี้ยวเพลินสุดๆ และจะเป็นเมนูไหนไม่ได้เลย นั่นก็คือ บัวลอย เผือก ขนมหวานสายโบราณทานได้ตลอดทุกเวลาไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่สามารถทำขายได้ทุกวัน และขายได้กำไรปังสุดๆ เพราะเป็นขนมบัวลอย เผือก ใช้ต้นทุนต่ำมาก แถมยังใช้เวลาทำเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยที่ตอบโจทย์สุดๆ 

เปิดขั้นตอน บัวลอย เผือก เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม หนึบหนับ ทำง่าย และอร่อยด้วย

บัวลอย เผือก

สำหรับขนม บัวลอย เผือกเป็นสูตรที่ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ดังนั้นสายออร์แกนิคสามารถทานเมนูขนมบัว สูตรเผือกได้อย่างแน่นนอน และถ้าจะลองทำก็สามารทำได้ เพราะส่วนผสมใช้เพียงไม่กี่อย่าง อีกทั้งวัตถุดิบหาซื้อได้ง่ายตามตลาด หรือร้านซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้าน สำหรับวิธีทํา บัวลอย เผือกง่ายนิดเดียว มือใหม่ก็ทำได้ แถมขั้นตอนไม่ยุ่งยากอีกด้วย สำหรับสูตรเผือกบัวลอยที่จะนำแชร์เป็นสูตรแป้งเหนียวนุ่ม เคี้ยวง่าย และรสชาติหวานมัน เนื้อเผือกเน้นๆ แบบจัดเต็มไม่หวงเครื่อง ว่าแล้วเราไปทำขนม บัวลอยเผือก ชาววัง กันเลย

ส่วนผสมของแป้งบัวลอย

  1. แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม
  2. แป้งมัน 50 กรัม
  3. หัวกะทิ 50 กรัม
  4. น้ำมะพร้าว 250 กรัม
  5. เผือก 300 กรัม
บัวลอย เผือก

ส่วนผสมของน้ำกะทิ

  1. หัวกะทิ 300 กรัม
  2. น้ำมะพร้าว 200 กรัม
  3. หางกะทิ 150 กรัม
  4. เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาล 150 กรัม
  6. เนื้อมะพร้าวอ่อน 50 กรัม

สำหรับส่วนผสมที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นของสูตร บัวลอยเผือก สำหรับใครที่อยากเพิ่มความอร่อยมากขึ้น ขอแนะนำบัวลอยเผือกไข่หวาน รสชาติอร่อย หอมกลิ่นไข่ฟินทุกคำ โดยส่วนผสมที่ใช้เหมือนกับขนมไทยบัวลอย สูตรเผือก เพียงแค่เพิ่มไข่หวานเข้าไป เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมหวานบัวลอยแสนอร่อย แถมยังทำง่าย และขั้นตอนไม่ซับช้อนอีกด้วย

บัวลอย เผือก
  1. นำเผือกที่เตรียมไว้มาปอกเปลือกออก และล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟปานกลาง เมื่อเผือกนิ่มให้ยกหม้อออกจากเตา พักไว้ให้เย็น
  2. เตรียมแป้งข้าวเหนียว และแป้งมัน ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่เผือกนึ่งลงไป ใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นใส่หัวกะทิลงไป นวดต่อไปจนกว่าแป้งจะเนียนละเอียด เสร็จแล้วเติมน้ำมะพร้าวลงไป ทำการนวดจนกว่าแป้งจะไม่ติดมือ
  3. จากนั้นนำแป้งที่นวดเสร็จแล้ว มาปั้นเป็นเส้นๆ จากนั้นใช้มีดตัดเป็นท่อนเล็กๆ แล้วนำไปคลุกเค้ากับแป้งมัน เพื่อไม่ให้เม็ดแป้งที่ติดกันนั่นเอง
  4. ในขั้นตอนต่อมา เตรียมหม้อใส่น้ำ และนำไปตั้งไฟปานกลาง รอให้น้ำเดือดจัด แล้วใส่เม็ดแป้งลงไปคนให้เม็ดแป้งกระจายตัว และคนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้แป้งติดก้นหม้อ จากนั้นรอให้แป้งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ เมื่อบัวลอยสุกแล้วให้ตักมาแช่ในน้ำเย็น เพื่อลอดอุณหภูมิของแป้งไม่ให้แป้งเละเกินไป ทำการแช่ไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นตักขึ้นมาใส่ภาชนะ พักไว้
  5. เตรียมทำน้ำกะทิ โดยเริ่มแรกนำน้ำกะทิใส่ในหม้อ หรือกระทะทองเหลือง จากนั้นนำไปตั้งเตา เปิดไฟอ่อนๆ และใส่หางกะทิ เกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมะพร้าว คนให้น้ำตาลละลาย และรอให้น้ำกะทิเดือด ใส่แป้งบัวลอย และเนื้อมะพร้าวอ่อน คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นรอให้น้ำกะทิเดือดอีกครั้ง และในขั้นตอนสุดท้ายใส่ไข่หลงไป รอให้ไข่สุกก็เป็นเสร็จเรียบร้อย
บัวลอย เผือก

บัวลอยเผือก ที่ทำเร็จแล้วตักใส่ถ้วยเล็กๆ ตามด้วยไข่หวานฟองโตๆ พร้อมรับรับประทาน สำหรับวิธีขนม โบราณ อย่างบัวลอย สูตรเผือกแบบเครื่องแน่น จัดหนักจัดเต็ม เพียงแค่นำเผือกมาหั่นเป็นชิ้นๆ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด เมื่อเผือกสุกแล้วนำมาแช่ในน้ำเย็น เพื่อให้เผือกมีความกรุบกรอบ จากนั้นตักใส่ถ้วยขนมบัวลอย พร้อมรับประทาน

แชร์ เคล็ด (ไม่) ลับ บัวลอยขนม หวาน ไทย เนื้อเผือกเน้นๆ เคี้ยวกรุบกรอบ 

บัวลอย เผือก

สำหรับการทำบัวลอยเผือกให้อร่อยเหมือนทานที่ร้าน สิ่งสำคัญในการทำบัวลอยให้อร่อย ขั้นตอนการนึ่งเผือกให้สุกสามารถเช็คได้โดยใช้มีด หรือไม้จิ้มลงไปที่เผือก ถ้าไม้สามารถทะลุเผือกลงไปจนสุดแสดงว่าเผือกสุกดีแล้ว และนำไปผสมกับแป้งได้ง่ายขึ้น สำหรับขนมบัวลอย สูตรเผือกเป็นขนม ไทย ทำ ง่ายนิดเดียว ดังนั้นถ้าใครสนใจทำขนม ไทย ง่ายๆ ไม่ซับช้อน แนะนำให้ทำขนมบัวลอย สูตรเผือกที่นำมาแชร์ได้เลย 

บัวลอย เผือก

บัว ลอย เผือก เป็นสูตรขนมไทย ทำเองได้ที่บ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นสูตร ขนม ไทยที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว หรือจะทำในงานบุญต่างๆ ก็สามารถทำได้ แถมรชาติยังอร่อยอีกด้วย เรียกว่าเป็นบัวลอยขนมไทยชาววังที่ทานได้ตลอดเวลา และทุกช่วงเทศกาลเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ: