Categories
ขนมไทย

เข้าครัวชวนทำ กล้วยบวชชี ขนมหวานไทยๆ รสชาติหวานจัดจ้าน 

กล้วยบวชชี

สำหรับบ้านไหนที่มีกล้วยเยอะก็ไม่หมด และไม่รู้จะนำไปทำอะไรดี ขอแนะนำเมนู กล้วยบวชชี ขนมหวานของไทยที่มีรสชาติหวานอร่อยโดนใจทุกคน และยังเป็นเมนูที่สามารถได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่อีกด้วย เรียกว่ากล้วยบวชชี สูตรโบราณ เป็นอีกหนึ่งเมนูสุดโปรดของใครหลายคนเลยทีเดียว และที่สำคัญวิธีทำเมนูกล้วยๆ ก็ไม่ได้ยุ่งยากอีกด้วย ส่วนใครที่กำลังมองหาขนมหวานเมนูแสนอร่อยๆ อยู่ตอนนี้ ต้องลองทำกล้วยบวชชีสูตรดั้งเดิม รับรองตอบโจทย์แน่นอน

รวมขั้นตอนการทำ กล้วยบวชชี เมนูกล้วยๆ แสนอร่อย ทำง่าย ประหยัดเวลา 

กล้วยบวชชี

กล้วยบวชชีเป็นเมนูที่หลายคนชอบทานมากที่สุด และยังนิยมทำทานกันทั้งครอบครัว เพราะกล้วยเป็นวัตถุดิบที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้าน และสวนมากที่สุด อีกทั้งรสชาติมีความหวาน เนื้อนุ่มนิ่ม เรียกว่าจะแค่กล้วยเพียว หรือจะทำเป็นเมนูขนมหวานก็อร่อยทั้งนั้น ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาลองทำเมนูกล้วย บวชชีแบบสูตรโบราณไว้ทานกัน โดยวิธีทำกล้วยบวชชี แบบ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และประหยัดเวลาอีกด้วย ดังนั้นคนที่มีเวลาน้อยแต่อยากลองทำขนมทานที่บ้านในช่วงวันหยุดยาวก็สามารถทำได้เช่นกัน

วัตถุดิบ และส่วนผสมสำคัญที่ต้องเตรียม

กล้วยบวชชี
  1. กล้วยน้ำว้า (ห่ามๆ ไม่สุกมาก) 7 ลูก 
  2. ใบเตย 1-2 ใบ 
  3. หัวกะทิ 200 กรัม
  4. น้ำตาลปิ๊บ 20 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 10 กรัม
  6. หางกะทิ 200 กรัม
  7. เกลือ ½ ช้อนชา
  8. แป้งมัน 1 ช้อนชา

เมนูขนมหวานอย่างกล้วยบวชชี ประวัติมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมไม่เคยเปลี่ยน ส่วนวิธีทำบวชชี กล้วยที่ใช้จะเป็นกล้วยน้ำว้าที่ห่ามๆ ไม่สุกมาก และถ้าใครชอบกล้วยที่หวานมากๆ สามารถเลือกใช้กล้วยน้ำสุกๆ ได้ แต่เนื้อกล้วยจะเละๆ แต่ก็รสชาติอร่อยเหมือนกัน และสูตรที่เราจะพาทำในวันนี้เป็นสูตรกล้วยบวชชี กะทิกล่อง เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีมะพร้าวสด ซึ่งวิธีทำมีดังนี้

กล้วยบวชชี
  1. นำกล้วยน้ำว้าที่เตรียมไว้มานึ่งในน้ำเดือดใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที หรือจะใช้วิธีสังเกตดูจากผิวของเปลือกกล้วย ถ้าเปลือกกล้วยแตกออกแสดงว่ากล้วยสามารถใช้ได้แล้ว จากนั้นเปิดเตา ยกหม้อนึ่งออกมา นำกล้วยมาปลอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 
  2. ในขั้นตอนต่อมา นำนางกะทิไปต้มในหม้อ จากนั้นใส่ใบเตยลงไป เพิ่อให้น้ำกะทิมีความหอมมากขึ้น หลังจากที่น้ำกะทิเดือดให้ใส่น้ำตาลปิ๊บ น้ำตาลทรายขาว และตามด้วยเกลือ คนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน ใส่กล้วยที่หั่นไว้ รอให้น้ำกะทิเดือด ให้ใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยให้เดือดรอประมาณ 2-3 นาที
  3. เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วให้ปิดเตา พร้อมยกหม้อออกจากเตา จากนั้นตักขนมใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ 
กล้วยบวชชี

สำหรับใครที่อยากทำให้กล้วยบวชชีความหนืดมากขึ้น ให้แป้งมันลงไปในขั้นตอนต้มน้ำกะทิจะทำให้น้ำกะทิมีความหนืดมากขึ้น นอกจากนี้อย่าต้มกล้วยนานกินไปเพราะจะทำให้กล้วยมีความเละไม่น่ายรับประทาน ในส่วนของขนมไทยโบราณที่ได้จะมีรสชาติที่หอมกลิ่นกะทิ เนื้อกล้วยแน่น หนึบหนับ หวานอร่อยฟินทุกคำกำลังดี และที่สำคัญวิธีทำขนมไทย ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ และทำอร่อยอีกด้วย

เทคนิคทำ กล้วยบวชชี ง่ายๆ เนื้อกล้วยแน่น หนึบหนับ ที่มาพร้อมกับประโยชน์มากมาย 

กล้วยบวชชี

กล้วย บวชชี เป็นของหวานไทยที่ทำง่ายมากๆ เพราะมีวัตถุดิบที่ใช้ในการทำเพียงน้อยนิด แต่จะทำอย่างไรให้กล้วยมีเนื้อแน่นอร่อยเหมือนทานที่ร้าน เรามีเทคนิคการทำของหวานง่ายๆ อย่าง กล้วยบวชชีแบบดั้งเดิม โดยเริ่มจากการคัดเลือกกล้วยควรใช้กล้วยห่ามๆ ไม่สุกเกินไป และต้องเป็นกล้วยน้ำว้า นำมานึ่งให้เปลือกกล้วยแตกออกจากกัน ไม่ควรนึ่งกล้วยนานเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละได้ อีกยังทำไห้รสชาติมีความผิดเพี้ยนไปจากสูตรโบราณอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็จะได้เนื้อกล้วยแน่นๆ เคี้ยวหนึบหนับสุดๆ 

กล้วยบวชชี

นอกจากที่เป็นเมนูของหวานไทยที่อร่อย และยังเป็นเมนูของหวานไทยง่ายๆ ที่มือใหม่ก็ทำได้ แล้วยังมีประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ช่วยระงับกลิ่นปาก ช่วยรักษาโรคกระเพาะ อีกทั้งกล้วยน้ำว้ายังมีสารแทนนินอยู่จำนวนมาก ซึ่งสามารถรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ อีกทั้งสามารถแก้ท้องผูกได้ด้วย นอกจากนี้กล้วยน้ำว้ายังมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ น้ำตาลซูโครส ฟรุคโตส และกลูโคส แถมยังมีเส้นใย และกากอาหารที่ช่วยในการขับถ่ายง่ายขึ้น และสามารถช่วยแก้อาการท้องเดินได้ ที่สำคัญยังอุดมไปด้วย วิตามินบี 6 ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน ป้องกันโรคความดันอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

แชร์สูตรต้นตำรับ ขนมชั้นใบเตย หวานละมุน หอมกลิ่นใบเตย ชื่นใจ 

ขนมชั้นใบเตย

สำหรับใครที่อยากทานขนมมงลง ขอแนะนำ ขนมชั้นใบเตย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขนมมงคลที่มีความเชื่อว่า หากทานขนมชั้น ใบเตยแล้วจะมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนขั้น แถมยังได้เลื่อนตำแหน่งอีกด้วย อีกทั้งสมัยก่อนได้นำขนมชั้นมาจัดทำเลี้ยงแขกในงานมงคลอีกด้วย แต่ปัจจุบันเราสามารถทำขนมชั้นทานได้ทุกวัน และทุกเวลา โดยสูตรขนมชั้นใบเตยโบราณนั้นมีวิธีทำขนมชั้น ใบเตย ง่ายๆ สามารถทำเองได้ที่บ้าน รสชาติอร่อยไม่แพ้ซื้อทานที่ร้านเลยทีเดียว

เผยขั้นตอนการทำ ขนมชั้นใบเตย ฉบับมือใหม่ ทำง่าย ไม่ซับซ้อน 

ขนมชั้นใบเตย

เปิดเมนูขนมหวาน ขนมมงคลยอดนิยม แถมยังหาทานง่ายตามร้านขายขนมทั่วไป อย่าง ขนมชั้นmใบเตย ที่เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น รวมไปถึงรสชาติที่หวานหอมกลิ่นใบเตยอร่อยติดใจจนอยากทานทุกวัน สำหรับใครที่อยากลองทำขนมชั้นในช่วงว่างๆ วันเรามีสูตรขนมชั้นทำเองฉบับมือใหม่ ใครๆ ก็ทำได้ แถมวัตถุดิบก็สามารถหาได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป นอกจากนี้สูตรขนมชั้นที่เรานำมาแชร์สามารถทำไว้เป็นเมนูของหวานในงานมงคลได้ด้วย หรือทำให้คนในครอบครัวทานในวันหยุดก็ได้เช่นกัน

ส่วนผสม และวัตถุดิบที่ต้องเตรียม 

ขนมชั้นใบเตย
  1. แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง
  2. แป้งมัน 2 ถ้วยตวง
  3. แป้งท้าวยายม่อม ½ ถ้วยตวง
  4. น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วยตวง
  5. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
  6. น้ำตาลทรายขาว 3 ถ้วยตวง
  7. น้ำใบเตย 3 ช้อนโต๊ะ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบของขนมชั้นใบเตย สูตรขนมไทย ดั้งเดิม เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของน้ำดอกมะลิ ถ้าบ้านไหนไม่ชอบกลิ่นดอกมะลิจะไม่ใส่ก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าตามสูตรโบราณน้ำดอกมะลิจะช่วยให้ขนมมีความหอมเพิ่มมากขึ้น และในลำดับต่อมาเราจะมาลงทำขนมไทยโบราณชนิดนี้ในแบบฉบับง่ายๆ ดังนี้

ขนมชั้นใบเตย
  1. ขั้นตอนแรกเทแป้งมัน แป้งข้าวโพด แป้งท้าวยายม่อม และแป้งข้าวเจ้า ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  2. ในลำดับต่อมาทำน้ำเชื่อมด้วยการนำหม้อในมาตั้งเตา ใส่น้ำดอกมะลิ และน้ำตาลทราย คนส่วนผสมให้เข้ากัน รอให้น้ำตาลละลายหมด ยกหม้ออกจากเตา พักไว้ให้เย็น
  3. หลังจากที่น้ำเชื่อมเย็น ใส่หัวกะทิลงในหม้อน้ำเชื่อม คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  4. ต่อมาเทส่วนผสมของหัวกะทิที่ผสมน้ำเชื่อมลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้มือขยำแป้งให้เข้ากันกันดี นวดต่อไปประมาณ 20-30 นาที เมื่อนวดแป้งเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้นำกระชอนมากรองแป้ง เพื่อนำเม็ดแป้งออก หลังจากกรองเสร็จจะได้น้ำแป้งที่มีเนื้อเนียนสวย 
  5. นำแป้งที่กรองแล้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เท่าๆ กัน โดยส่วนที่ 1 ไม่ต้องผสมอะไรทั้งนั้น แต่ส่วนที่ 2 ให้เทน้ำใบเตยลงไปผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  6. นำหม้อนึ่งมาตั้งเตาเปิดไฟปานกลาง จากนั้นรอให้น้ำร้อนแล้วค่อยๆ เทแป้งที่เป็นสีเขียวลงไปให้มีความหนาประมาณ 20 มิลลิเมตร นึ่งแป้งประมาณ 10 นาที จากนั้นเทแป้งส่วนที่เป็นสีขาวทับลงไปให้ได้ความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 9 ชั้น เมื่อแป้งสุกดีแล้วให้ปิดเตา และยกออกถาดขนมออกจากเตา ทิ้งไว้ให้เย็น เสร็จแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 
ขนมชั้นใบเตย

ขนมชั้นใบเตยกับวิธีขนมไทย ง่ายๆ ที่ทำเสร็จแล้วจะได้แป้งขนมเป็นชั้นที่สวยงาม อีกทั้งยังสามารถดึงออกมาเป็นแผ่นๆ ได้โดยที่แผ่นแป้งไม่ติดกัน และเนื้อแป้งมีความนุ่มนิ่มหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นใบเตยละมุนสุดๆ ส่วนรสชาติหวานอร่อยตามฉบับของหวานไทยมงคลที่สามารถทานได้ทั้งครอบครัว และทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ

เปิดสูตรลับ ขนมชั้นใบเตยรูปดอกกุหลาบ เนื้อแป้งนุ่มนิ่ม สวยจนไม่กล้าทาน 

ขนมชั้นใบเตย

หลังจากที่ลองทำขนมชั้นใบเตยแบบธรรมดาไปแล้ว สำหรับใครที่อยากลองเปลี่ยนเมนูของหวานไทย อย่าง ขนมชั้นให้ดูสวยงามมากขึ้น แต่ไม่รู้จะทำเป็นรูปอะไรดี วันนี้เรามี ขนมชั้นดอกกุหลาบสวยๆ โดยมีวิธีทำ และขั้นตอนทำของหวานง่ายๆ โดยเริ่มจากนำแป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเจ้า และแป้งมัน มาลงภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นผสมแป้งให้เข้ากัน เติมน้ำกะทิ น้ำตาลทราย ค่อยนวดให้เข้ากัน นำแป้งมากรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่น้ำใบเตยลงไปเพื่อให้ขนมมีสีสวยงาม เสร็จแล้วนำไปนึ่งให้สุก หลังจากนั้นพักไว้ให้เย็น เมื่อแป้งเย็นแล้วกรีดให้เป็นสี่เหลี่ยมยาวๆ ม้วนแผ่นแป้งให้เป็นรูปกุหลาบ เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูของหวานไทยง่ายๆ ขนมชั้นรูปดอกกุหลาบสวยงาม 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์ขนมหวาน สูตร ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อนุ่มเด้ง หอมกลิ่นเนยสด หวานละมุนลิ้น

ชิฟฟ่อนเค้ก

สำหรับใครที่เบื่อที่เบื่อเค้กธรรมดาแล้วอยากลองทานเค้กสูตรอื่นบ้างวันนี้เรามีอีกหนึ่งขนมเค้กที่เป็นที่นิยม และโปรดปรานของใครหลายคน นั่นก็คือ ชิฟฟ่อนเค้ก ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูขนมเค้กที่มีไขมันน้อย และรสชาติหวานละมุนละไมจนไม่สามารถหยุดทานได้ อีกทั้งยังชิฟฟ่อน เค้กเนื้อนุ่มฟูทานแล้วไม่เลี่ยน แถมยังอิ้มท้องนาน ถือว่าเป็นขนมเค้กที่สามารถทานเป็นเมนูรองท้องในวันที่เร่งรีบได้ดีสุดๆ และที่สำคัญขนมเค้กชิฟฟ่อนเป็นขนมที่ทำขายในร้านขายขนมชั้นนำทั่วไปที่ขายดีสุดๆ จนทำขายไม่ทันเลยทีเดียว และถ้าอยากลองทำขนมเค้กชิฟฟ่อนก็สามารถทำได้ เพราะขั้นตอน และสูตรที่ใช้ทำขนมนั้นไม่ยุ่งยากอีกด้วย

สอนวิธีทำ ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อเค้กนุ่มฟู ไขมันต่ำ อบอวลด้วยกลิ่นเนยสด

ชิฟฟ่อนเค้ก

เชื่อว่าหลายคนคนที่ชอบทาน ชิฟฟ่อน เค้ก อยากลองทำขนมเค้กชิฟฟ่อนทานเองที่บ้านดูบ้าง แต่แน่นอนว่าการทำเค้กสักชิ้นทุกคนคิดว่าต้องทำยาก และขั้นตอนยุ่งยากแน่เลย แต่แท้จริงแล้วขนมชิฟฟ่อนนั้นทำไม่ยากอย่างที่คิด แถมคนที่เป็นมือใหม่ฝึกทำขนมก็สามารถได้เช่นกัน ซึ่งสูตรชิฟฟ่อนมีให้เลือกทำหลากลหลายสูตรตามใจชอบ อาทิ สูตรชิฟฟ่อนวนิลา ซึ่งสูตรนี้ขนมจะมีกลิ่นหอมอบอวลไปด้วยดลิ่นวนิลาตัดกลับรสชาติหวานละมุนลิ้นสุดๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมอย่าง ชิฟฟ่อนเนยสด มีรสชาติหวานหอมกลิ่นเนยสด เรียกว่ายิ่งทานยิ่งหยุดไม่ได้กันเลยทีเดียว ว่าแต่วิธีทำขนมเค้ก ชิฟฟ่อนต้องมีส่วนผสมอะไรบ้างไปดูกันเลย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของขนมเค้ก 1 ปอนด์ 

ชิฟฟ่อนเค้ก

ส่วนผสมของไข่ขาว

  1. ไข่ขาว 3 ฟอง
  2. แป้งข้าวโพด 15 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 60 กรัม
  4. ครีมออฟทาร์มาร์ หรือน้ำมะนาว ½ ช้อนชา

ส่วนผสมของไข่แดง

  1. ไข่แดง 3 ฟอง
  2. แป้งเค้ก 70 กรัม
  3. น้ำมันพืช 30 กรัม
  4. นมข้นจืด 50 กรัม
  5. กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมของชิฟฟ่อนเค้ก สำหรับทำ สูตร ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อนุ่ม เรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อไปเป็นขั้นตอนการทำเค้กชิฟฟ่อนแบบไม่ยาก และใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากทำขนมทานเอง โดยวิธีทำมีดังต่อไปนี้

ชิฟฟ่อนเค้ก
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย เตรียมส่วนผสมของไข่แดง โดยเริ่มจากนำส่วนเทน้ำมันใส่หม้อ เปิดไฟปานกลาง รอให้น้ำมันร้อน ปิดไฟและยกออกจากเตา
  2. จากนั้นนำเค้กใส่ลงไปในหม้อน้ำมัน ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำแป้งเทใส่ภาชนะที่เตรียมสำหรับผสม ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน ใส่น้ำตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไปทีละฟอง และเติมกลิ่นด้วยวินิลลาตะล่อมให้เข้ากันและพักไว้ 
  3. ต่อมาเตรียมส่วนผสมของไข่ขาว โดยเริ่มจากนำไข่ขาวมาตีจนเป็นฟองหยาบ จากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปตีให้เข้ากันอีกรอบ ต่อมาให้เติมแป้งข้าวโพดลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง จนไข่ขาวตั้งยอด 
  4. นำส่วนผสมที่เป็นไข่ขาวบางส่วนผสมในส่วนผสมที่เป็นไข่แดง เสร็จแล้วตะล่อมเบาๆ จนเข้ากัน ตักส่วนผสมทั้งหมดลงไปในพิมพ์ที่ทาเนยไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำถาดเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที เมื่อได้อบเสร็จแล้วให้นำเค้กมาตัดแบ่งออกเป็น 6 ส่วน จากนั้นนำเค้กเข้าอบต่ออุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที 
  5. หลังจากอบเสร็จแล้ว นำกระดาษไขวางด้านบน และคว่ำหน้าขนมเค้กในถาดที่มีขนาดแบน จากนั้นพลิกกลับด้าน ตักใส่จานแล้วนำไปเสิร์ฟได้เลย
ชิฟฟ่อนเค้ก

เสร็จไปแล้วกับขั้นตอนการทำชิฟฟ่อนเค้ก ก้อนกลมที่มีกลิ่นหอมของเนยสด เนื้อนุ่มฟู รสชาติหวานละมุน นอกจากนี้ชิฟฟ่อนเค้ก คือ เค้กที่สามารถนำไปปรับสูตรที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความน่าทาน และมีความอร่อยมากขึ้น เรียกว่าเป็นเมนูเบเกอรี่ชวนทานสุดๆ 

แชร์เทคนิคทำชิฟฟ่อนเค้กให้น่าทาน เนื้อแป้งนุ่ม รสชาติหวานหอม 

ชิฟฟ่อนเค้ก

สำหรับเทคนิคการทำชิฟฟ่อนเค้ก ซึ่งวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ ให้มีเนื้อนุ่มนิ่ม เริกแรกให้นำมันที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปตั้งเตาให้หม้อร้อน หรือจะเอาน้ำมันเข้าเตาไมโครเวฟก็ได้เช่นกัน หลังจากนั้นใส่แป้งเค้กลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากัน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะทำให้เค้กมีเนื้อนุ่มขึ้น เพราะไขมันจะช่วยเคลือบเม็ดแป้งไว้ เวลาใส่ส่วนผสมที่เป็นน้ำจะทำให้แป้งไม่จับตัวเป็นเม็ด และเหนี่ยวมากขึ้นนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมเบเกอรี่ที่มีเนื้อนุ่มฟู และที่สำคัญยังเป็นเมนูเบเกอรี่ทำเองได้ง่ายๆ ไม่ยาก 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

เข้าครัวเปิดสูตรเด็ด บิบิมบั บ ส่งตรงจากเกาหลี ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก

บิบิมบั บ

สำหรับใครที่อยู่บ้านเบื่อๆ ในช่วงวันหยุดอยากทานอาหารเมนูสไตล์เกาหลี แต่ไม่อยากออกจากบ้านในสภาพอากาศร้อนๆ แบบนี้ วันนี้เรามีหนึ่งเมนูเด็ดที่สามารถทำทานได้ง่ายๆ นั่นก็คือ บิบิมบั บ เป็นอาหารชื่อดังของเกาหลีที่รสชาติกลมกล่อม ที่มาพร้อมกับข้าววสวยเกาหลีนุ่มๆ อร่อยอย่างลงตัว ซึ่งบิ บิ ม บั บ ทำเองนั่นสามารถทำได้เยอะและ ทานได้ทั้งครอบครัว ที่สำคัญสามารถทำขาย สร้างรายได้เสริมได้ดีสุดๆ

ขั้นตอนการทำ บิบิมบั บ อย่างง่าย ได้ที่บ้าน อร่อยฟินทุกคำ 

บิบิมบั บ

บิบิมบับ หรือข้าวยําเกาหลี เป็นเมนูอาการเกาหลีที่ทานแล้วอิ่มท้องนาน และสามารถทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ ส่วนวิธีการทำก็ง่ายนิดเดียว และใช้วัตถุดิบเพียงเล็กน้อย เรียกว่าทำทานเองอร่อย แถมเครื่องแน่นทานแบบไม่อั้น ซึ่งบิบิมบับคือ เมนูอาหารเกาหลีที่สามารถทำเป็นข้าวกล่องฝากเพื่อน หรือห่อไปทานที่ทำงานก็ได้เช่นกัน เรียกว่าเป็นเมนูที่ทำเองได้ง่ายๆ แถมประหยัดเงินไปหลายบาทอีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนการทำอาหาร เราต้องเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารก่อน 

บิบิมบั บ
  1. โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
  2. ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย
  3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกไทย 1 ช้อนชา
  5. ผักโขม 90 กรัม
  6. ถั่วงอก 50 กรัม
  7. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. เห็ดเข็มทอง 70 กรัม
  9. แตงกวา 50 กรัม
  10. แครอท 100 กรัม
  11. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย
  13. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  14. กิมจิ 100 กรัม
  15. หมูสไลด์ 300 กรัม

สำหรับวัตถุดิบ และส่วนผสมของบิบิมบับ หากใครไม่ชอบผักเยอะสามารถใส่แค่พอทานหมด และสามารถเลือกผักที่อยากทานได้ตามใจชอบ ซึ่งส่วนที่นำมาแชร์นั้นเป็น สูตร บิบิมบับส่งตรงจากเกาหลี ส่วนขั้นตอนการทำมีดังนี้

บิบิมบั บ
  1. ขั้นตอนแรกเตรียมหมูสไลด์ใส่ลงไปในชามสำหรับหมัก จากนั้นตามด้วยพริกไทย ซอสปรุงรส น้ำมันงา เสร็จแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 30 นาที 
  2. ในขั้นตอนต่อมาเรามาทำน้ำซอส โดยเริ่มจากนำน้ำตาลผสมกับน้ำส้มสายชู คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย และราดลงบนผักทั้งหมดที่เตรียมไว้ 
  3. นำกระทะมาตั้งไฟปานกลาง จากนั้นนำหมูสไลด์ที่หมักไว้นำไปผัดจนสุก เทใส่จานผักไว้ก่อน หลังจากนั้นทำการตั้งกระทะสำหรับเตรียมผัดผัก โดยเริ่มจากเทน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่ผักผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน สำหรับขั้นตอนผัดผักนั้นจะต้องผัดผักทีละอย่าง เตรียมใส่จานให้เรียบร้อย 
  4. เมื่อเตรียมวัตถุดิบไว้ทั้งหมดแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นการจัดข้าวญี่ปุ่นใส่ชามหินสไตล์เกาหลี ตกแต่งข้าวด้วยผักโขม เห็ดหอม ถั่วงอก เห็ดเข็มทอง แตงกวา แครรอท และหมูสไลด์ หลังจากนั้นใส่กิมจิ และโคชูจัง ตามด้วยไข่ไก่ตรงกลาง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 
บิบิมบั บ

บิ บิม บับ เป็นอาหารที่จานเดี่ยวที่สามารถทานอิ่มท้องนาน แถมข้าวยํา บิบิมบับ ยังเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมาย และที่สำคัญสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการอีกด้วย เรียกว่าเป็นอาหารเกาหลีง่ายๆ แต่รสชาติอร่อยถูกปากทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ส่วนใครที่ชอบทำอาหารอยู่แล้วสามารถลองทำอาหารเกาหลียอดฮิตสูตรนี้ดู รับรองจะติดใจ  

บิบิมบั บ เมนูสุดฮิต รสชาติอร่อย อิ่มท้องนาน ทำก็ได้ สร้างรายได้

บิบิมบั บ

บิบิมบับ หนึ่งในอาหารเมนูเกาหลีที่สามารถทำทานเองได้ เพราะสูตร และขั้นตอนการทำนั้นง่ายมากๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากทำเมนูอาหารเกาหลีสุดๆ อีกทั้งรสชาติที่ทำเองยังมีความเข้มข้นโคชูจังที่อร่อยตามสูตรดั้งเดิมเลยทีเดียว แถมยังมีความหอมของกลิ่นน้ำมันงา และไข่ไก่ พร้อมกับผักที่กรุบกรอบอร่อยอย่างลงตัว ที่สำคัญการทำอาหารทานเองสามารถลดปริมาณผักได้ตามที่ต้องการได้เลย และยังประหยัดเงินในการทานอาหารเกาหลีได้เยอะเลยทีเดียว เพราะอาหารเกาหลีแพงสุดๆ เมื่อเที่ยบกับอาหารที่เราทานทั่วไป ดังนั้นถ้าอยากทานอาหารเกาหลีสามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าสามารถทานได้แบบไม่อั้นฟินทุกคำ

บิบิมบั บ

บิบิมบับเป็นเมนูที่ทำทานเองก็อร่อย และยังสามารถห่อไปทานที่ทำงานในมื้อกลางวันได้ดีเลยทีเดียว แถมยังทานได้ทุกวันแบบไม่เบื่ออีกด้วย ส่วนใครที่อยากลองทำขายก็สามารถทำได้ เพราะขั้นตอนการทำง่ายนิดเดียว แถมใช้เวลาไม่นานอีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้แต่ละวันได้ดีสุดๆ ที่สำคัญเมนูนี้ยังเป็นเมนูอาหารเกาหลีในซีรีส์ที่เรามักจะเห็นนักแสดงทานกันอยู่บ่อยๆ ดังนั้นถ้าใครอยากตามรอยอาหารของซีรีย์ และอยากทำทานเองสามารถทำตามที่นำมาแชร์รับรองว่ารสชาติอร่อยไม่แพ้ในซีรีย์เลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

ที่สุดของความอร่อย มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ รสชาติเปรี้ยว หวาน อร่อยโดนใจ

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหนึ่งในเมนูมัฟฟินที่ไม่ว่าจะทานกี่ชิ้นก็อร่อยไม่มีเบื่ออย่าง มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ เนื้อแน่น นุ่มฟู รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เนื้อบลูเบอรรี่แบบจัดเต็ม หอมอร่อย เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากนี้ยังมี มัฟฟิน สูตรมัฟฟินบลูเบอรี่ครัมเบิ้ล ที่มีเต็มไปด้วยบลูเบอรรี่ฉ่ำๆ จัดเต็มทุกชิ้น และที่สำคัญใครที่กำลังอยากทำมัฟฟินไว้ทานเองที่บ้าน หรือมอบให้กับคนพิเศษ แต่ไม่มีเวลาไปเรียนทำขนม ดังนั้นเรามีสูตรทำมัฟฟิน เนื้อนุ่มละมุนลิ้นมาให้ได้ทำตามกัน

เปิดวิธีการทำ มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ เนื้อบลูเบอรรี่แบบจัดเต็ม ฟินทุกคำ 

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

บ้านไหนมีบลูเบอรรี่สดในตู้เย็น ทานไม่หมดไม่รู้จะไปทำอะไรทานดี ขอแนะนำเมนูขนมหวานยอดนิยม อย่าง มัฟฟินบลูเบอร์รี่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่หวานละมุนละไม ที่มาพร้อมกับรสชาติเปรี้ยวของบลูเบอรรี่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอบอวลของของเนยสดอร่อยจนเลยลืมนับปริมาณแคลลอรี่กันเลยทีเดียว ส่วนสูตรมัฟฟินจะนำมาแชร์นี้มีความพิเศษตรงที่เติมกลิ่นให้ขนมมีความหอมเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งวิธีการทำขนมก็ทำง่ายมากๆ เพียงมีเตาอบก็สามารถทำได้แล้ว อีกทั้งขนมทำเองยังสามารถปรับลดความหวานได้ตามใจชอบ พร้อมจัดเต็มด้วยบลูเบอรรี่แบบไม่อั้นกันเลยทีเดียว 

วัตถุ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่
  1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  2. นมสดรสจืด 100 กรัม
  3. แป้งเค้ก 200 กรัม
  4. ผงฟู 1 ช้อนชา
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  7. กลิ่นเมลม่อน 1 ช้อนชา
  8. บลูเบอรรี่สด 170 กรัม
  9. น้ำมันรำข้าว 100 กรัม

สำหรับส่วนผสมที่ใช้ทำขนม มัฟฟิน สูตรบลูเบอรรี่ หากชอบความหวานแบบจัดเต็มสามารถปรับเพิ่มอัตราส่วนของน้ำตาลได้ตามใจชอบ และหลังจากที่เตรียมวัตถุดิบทั้งหมดแล้ว ในส่วนขั้นตอนการทำขนมเบเกอรี่ง่ายๆ ดังนี้

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่
  1. ในขั้นตอนแรกเรามาเริ่มกันที่นำไข่ไก่มาตอกลงชาม และตีให้เข้ากัน เสร็จแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน หลัวจากนั้นเติมกลิ่นเลมอนลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตามด้วยน้ำมันรำข้าว นมสดรสจืด ทำการคนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. นำแป้งเค้ก มาผสมกับผงฟู และเกลือ จากนั้นเทใส่ส่วนภาชนะที่มีส่วนผสมอื่นๆ อยู่แล้ว เสร็จแล้วใช้เครื่องตีส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวเข้ากัน และเมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่บลูเบอรรี่ลสดที่ล้างน้ำเรียบแล้วใส่ในถ้วยพิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข หลังจากนั้นตำบลูเบอรรี่ให้แตกเบาๆ เสร็จแล้วตามด้วยแป้งเค้กที่ผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้วลงไปในถ้วยพิมพ์ จากนั้นโรยด้วยหน้าเค้กด้วยบลูเบอรรี่สด
  3. นำถาดขนมเข้าเตาอบที่อุณหถูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที เมื่อครบกำเวลาแล้ว ให้ใช้ไม้จิ้มขนมเค้กถ้าเนื้อเค้กไม่ติดไม้ออกมาแสดงว่าขนมสุกดีแล้ว นำถาดขนมออกมาจากเตาอบได้เลย และพักไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟได้เลย
มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

ขนมมัฟฟิน บลูเบอร์รี่ ที่ทำเสร็จใหม่ๆ จะมีความหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเลม่อน และกลิ่นเนยสด และมีเนื้อแป้งที่นุ่มฟู ผสมผสานกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของบลูเบอรรี่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งหน้าตาน่าทานจนอดใจไม่ไหวกันเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นเบเกอรี่อีกหนึ่งเมนูที่ต้องลองทำทาน เพราะสามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว โดยไม่ต้องไปซื้อทานที่ร้าน ที่สำคัญยังประหยัดเงินในกระเป๋าไปหลายบาทเลยทีเดียว 

ชวนทำ มัฟฟิน บลูเบอร์รี่รีครีมชีส หวานอร่อย หอมกลิ่นชีสเข้มข้น 

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ เป็นเมนูเบเกอรี่ที่หลายคนทานแล้วติดอกติดใจในความหวานตัดเปรี้ยวหน่อยๆ ทำให้สามารถทานขนมได้เยอะขึ้น เพราะรสชาติของขนมไม่เลี่ยน แถมยังหอมอร่อยฟินทุกชิ้น แถมยิ่งดป็นสูตรบลูเบอรรี่ทำเองจะยิ่งมีความอร่อยเพิ่มมากขึ้น แถมทานได้หลายชิ้น โดยไม่ต้องจ่ายแพงอีกด้วย และเรามีอีกหนึ่งสูตรเบเกอรี่ทำเองง่ายๆ อย่าง มัฟฟิน บลูเบอร์รี่รีครีมชีส ที่มีความโดดเด่นของชีสแบบจัดเต็ม ไม่เพียงเท่านั้น รสชาติของขนมยังอร่อยแบบเข้มข้นอีกด้วย 

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

จบไปแล้วกับมัฟฟิน บลูเบอร์รี่ หนึ่งในเมนูมัฟฟินที่หาทานได้ในร้านขนมทั่วไป และยังเป็นเมนูขนมสุดโปรดของใครหลายคน เพราะรสชาติอร่อยไม่เหมือนขนมชนิดอื่น และเป็นขนมที่ทานแล้วไม่หยุดทานกันเลยทีเดียว ส่วนวิธีทำก็ง่ายมากๆ ไม่ยุ่งยากใหม่ทำได้แน่นอน

อ่านบทตวามอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

ขอแนะนำ ถั่วแปป ขนมหวานเนื้อนุ่มฟู เหนียวหนึบหนับ หอมกลิ่นงาคั่ว 

ถั่วแปป

สายหวาน สายขนมโบราณ ไม่ควรพลาด เพราะวันนี้เรามีขนมหวานที่ทำจากแป้งเนื้อเหนียวนุ่มอย่าง ขนม ถั่วแปป เป็นขนมที่เนื้อแป้งนุ่มฟูเหนียวหนึบหนับ และมีรสชาติหวาน หอมกลิ่นงาคั่วที่มีความลุนละไมสุดๆ อีกทั้งยังเป็นขนมที่ทานแล้วอิ่มท้องนานสามารถทานเป็นเมนูลองท้องในวันที่เร่งรีบได้ด้วย สำหรับชนิดนี้มีนำถั่วแปบสดมาคลุกเคล้ากับแป้งทำให้ขนมมีสีเหลืองสวยงามน่ารับประทานสุดๆ และหากใครชอบทานถั่วแปป รับรองว่าเมนูนี้ตอบโจทย์แน่นอน 

วิธีทำขนม ถั่วแปป แป้งเหนียวหนึบ โรยด้วยถั่วสีเหลืองสวยงาม น่าทาน 

ถั่วแปป

ขนมหวาน ถือเป็นเมนูของหวานที่ขาดไม่ได้ของคนไทย ซึ่งนิยมทานกันหลังจากทานอาหารคาวอิ่มแล้วมักตบท้ายด้วยของหวานเสมอ ดังนั้นจะเห็นหลายคนที่ทำอาหารเสร็จแล้วมักจะทำขนมหวานเพิ่มมากอีกหนึ่งเมนู นอกจากนี้ของหวานสูตรโบราณยังเป็นที่นิยมมากที่สุดอีกด้วย ดังนั้นใครที่คิดไม่ออกว่าจะทำขนมหวานสูตรไหนดีที่มีความแปลกใหม่ วันนี้เรามีขนมอีกหนึ่งชนิดที่น่าสนใจคือ ถั่ว แปป รสชาติหวาน นุ่มนิ่ม ที่มาพร้อมกับงาขาวคั่วอร่อยสุดๆ และที่สำคัญ ขนมถั่วแปบ เป็นอีกหนึ่งสูตรที่ทำง่ายๆ และมือใหม่สามารถทำตามได้ โดยไม่ต้องเป็นเรียนทำขนมให้เสียเวลา แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอน ถั่ว แปบ เราต้องมาเตรียมวัตถุดิบของ สูตรถั่วแปบโบราณกันก่อน 

ถั่วแปป
  1. ถั่วเขียวซีกสำเสร็จรูป 500 กรัม
  2. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  3. มะพร้าวทึนทึก 1 ลูก
  4. น้ำอัญชัน 1 ถ้วยตวง
  5. น้ำกระเจ็ยบเข้มข้น 1 ถ้วยตวง
  6. งาขาวคั่ว ½ ถ้วยตวง
  7. งาดำคั่ว ½ ถ้วยตวง
  8. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
  9. เกลือป่น ½ ช้อนชา

ขนมถั่วแปบ คือ ขนมหวานที่ต้องใช้ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก ซึ่งจะมีลักษณะสีเหลืองเม็ดเล็กๆ โดยมีขายทั่วไปตามร้านค้าชั้นนำ หรือร้านขายของชำทั่วไป หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบทุกอย่างพร้อมแล้วในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำขนม ตามสูตรขนมถั่วแปบที่กล่าวมาดังนี้ 

ถั่วแปป
  1. ทำการนำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกมาสะละมัง จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาดประมาณ 2-3 ครั้ง เสร็จแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อครบกำหนดเวลาให้นำถั่วที่แช่น้ำมาทำให้สะเด็ดน้ำ หลังจากนั้นนำไปนึ่งที่ไฟปานกลาง เป็นเวลาประมาณ 20 นาที 
  2. ในขณะที่รอถั่วนึ่ง ในขั้นตอนต่อมาให้นำมะพร้าวทึนทึกมาขูดให้เป็นฝอย ใส่เกลือลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน และนำไปนึ่งด้วยไฟปานกลางเป็นเวลา 10 นาที
  3. หลังจากที่นึ่งถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก และมะพร้าวทึนทึกเสร็จแล้ว ให้นำทั้งสองอย่างมาผสมกันในถาด แล้วพักไว้ให้เย็น 
  4. ขั้นตอนต่อมา นำแป้งข้าวเหนียวมาแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน โดยนำอัญชัน และน้ำกระเจี๊ยบมาผสมในแป้งที่เตรียมไว้ นวดแป้งให้เนื้อเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน 
  5. นำหม้อมาต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำแป้งที่นวดเสร็จแล้วมาปั้นเป็นแผ่นทรงรีขนาด 2-3 นิ้ว นำไปต้มรอจนแป้งรอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำ ตักแป้งมาพักไว้ รอให้เย็น
  6. นำถั่วนึ่ง และมะพร้าวทึนทึกมาผสมให้เข้ากันในถาด จากนั้นนำแป้งมาคลุกเคล้ากับส่วนผสมในถาด จัดใส่จาน เสร็จแล้วให้นำงาขาวคั่ว และน้ำตาลมาผสมให้เข้ากัน โรยส่วนผสมที่เตรียมไว้ในแป้งที่คลุกถั่วเขียวซีก เพียงเท่านี้ก็เป็นเสร็จเรียบร้อย
ถั่วแปป

สำหรับขั้นตอนการทำขนมหวานถั่วแปป อาจจะมีขั้นตอนที่เยอะเล็กน้อย แต่ไม่ซับซ้อน และถ้าได้ลองทำแล้วจะรู้ว่าขนมไทยทำง่ายมากๆ ส่วนรสชาติของถั่วแปปขนมไทยโบราณนั้นจะมีรสชาติ หวาน หอมงาคั่ว เนื้อแป้งนุ่มนิ่ม และอัดแน่นไปด้วยถั่วสีเหลืองสวยงาม น่ารับประทาน

แชร์วิธีทำถั่วแปป หลากสี หวานนุ่ม อร่อยฟินทุกคำ

ถั่วแปป

ขนมถั่วแปปสามารถทำให้มีหลากหลายสีให้ดูน่าทานได้ โดยสูตรที่เราจะนำมาแนะนำเป็นสูตรวิธีทำขนมไทย ง่ายๆ และสามารใช้สีผสมอาหารทำของหวานไทยได้ตามใจชอบ โดยขั้นตอนแรกนำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับสีผสมอาหาร จากนั้นนำแป้งที่นวดเสร็จมาปั้นให้มีขนาด 3 นิ้ว มาต้มด้วยไฟปานกลาง เมื่อแป้งสุกแล้วตักออกมาพักไว้ให้เย็น และนำไปคลุกกับถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกนึ่ง และมะพร้าวนึ่ง ตามด้วยงาคั่ว และน้ำตาล เป็นเสร็จสิ้น

ถั่วแปป

ถั่วแปปเป็นเมนูของหวานไทยที่เนื้อแป้ง และส่วนผสมที่ไม่เหมือนกับเมนูขนมชนิดอื่น อีกทั้งรสชาติยังแต่มีความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์จากงาคั่วที่หอมละมุนทุกคำ นอกจากนี้ยังเป็นเมนูของหวานไทยง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มือใหม่ทำตามได้แน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมไทย

แชร์สูตรลับ ขนมหวานยอดฮิต ครองแครง แป้งนุ่มนิ่ม รสชาติหวาน มัน

ครองแครง

ขนม ครองแครง อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน โดยสมัยอดีตนิยมทำขนมครองแครงกะทิสดถวายแก่ท่านขุนนางในวังเท่านั้น และงานมงคลต่างๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีการทำขนมทานเองในครอบครัวมากขึ้น อีกทั้งยังทำขายตามท้องตลาด หรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีครองแครงมะพร้าวอ่อน เนื้อกรุบกรอบอร่อยฟินทุกคำ แต่สำหรับใครที่อยากทำขนมสูตรนี้ทานเองที่บ้านก็สามารถทำได้ง่ายๆ และขั้นตอนต่างๆ ไม่ยุ่งมากนัก คนที่กำลังฝึกทำขนมทำได้แน่นอน

เปิดตำรา ครองแครง ตามฉบับมือใหม่ รสชาติหวานละมุนละไม 

ครองแครง

ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบนี้ต้องหาขนมหวานอร่อยๆ รสชาติหวานสดชื่นพร้อมเปิอแอร์เย็นๆ นั่งทานอยู่บ้านแบบสบายใจ ว่าแต่จะทำเมนูไหนดีที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว ขอแนะนำ ครอง แครง ขนมหวานของไทย รสชาติหวาน มัน ราดด้วยกะทิเข้มข้น หอมมุนลิ้น สำหรับครองแครงคือ เมนูขนมหวานยอดนิยมตลอดกาล ไม่ว่าจะผ่านมากี่ก็ยังคงความอร่อยเหมือนเดิม ในส่วนของวิธีการทำขนมชนิดไม่ยาก จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบทำขนมทานเอง และสูตรขนมที่เราจะนำมาแชร์นั้นคือ ครองแครงอัญชัน ที่มีสีสันสวยงามสดใสน่าทาน

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ครองแครง
  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  2. แป้งมัน 2 ถ้วย
  3. ดอกอัญชัน 15-20 ดอก
  4. น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วย
  5. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  6. กะทิควันเทียน 1 ลิตร
  7. เกลือ 1 ช้อนชา
  8. งาขาวคั่วใส่ได้ตามใจชอบ

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทุกอย่างพร้อมแล้ว ในขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนการทำขนมไทยตามฉบับขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย ตามด้วยกลิ่นกะทิสดหอมๆ ชื่นใจ 

ครองแครง
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย โดยการนำแป้งมัน และแป้งข้าวเจ้ามาเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ผสมแป้งเข้ากัน จากนั้นแบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน เท่าๆ กัน
  2. ขั้นตอนต่อมาต้มดอกอัญชันจนกว่าน้ำจะเปลี่นนเป็นสีน้ำเงิน เสร็จแล้วกรองเอาน้ำ จากนั้นแบ่งน้ำอัญชันออกเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยแรก 2/2 ส่วน และส่วนสอง 1/3 ส่วน 
  3. นำถ้วยที่สองมาเติมน้ำร้อน เพื่อทำให้สีของดอกอัญชันจางลง หลังจากที่เตรียมส่วนน้ำอัญชันเสร็จแล้ว ต่อมาเทน้ำอัญชันลงไปในถ้วยแป้งที่ทเตรียมไว้ทั้งสองถ้วย ใช้ไม่พายตะล่อมให้แป้งเข้ากัน และใช้มือนวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  4. นำแป้งที่ที่นวดเสร็จแล้ว มาแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ ประมาฯเท่านิ้วก้อย แล้วนำไปกดบนพิมพ์ครองแครง แล้วรูดไปข้างหน้า เสร็จแล้วจะได้แป้งที่เป็นรูปคล้ายตัวหนอนอ้วนๆ 
  5. นำแป้งที่ขึ้นรูปเสร็จปล้วนำมาต้มในน้ำเดือด เมื่อแป้งสุกแล้วจะลอยขึ้นมา จากนั้นตักแป้งใส่ในน้ำแข็งที่เตรียมไว้ เพื่อน็อคแป้งให้มีนุ่มเด้ง
  6. ต่อมาตั้งหม้อโดยใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่กะทิ น้ำตาล และเกลือลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นตักครองแครงที่ต้มไว้ใส่ลงไปในถ้วย และทำการราดกะทิ พร้อมโรยด้วยงาขาวคั่วลงไป เพียงนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ครองแครง

สำหรับขั้นตอนการทำ ขนมครองแครง ที่นำมาแชร์แบบวิธีขนมไทย ง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งยังสามารถทำได้ในปริมาณมาก เรียกว่าทำครั้งเดียวสามารถทานได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว ถ้าอยากให้ขนมมีความอร่อยมากขึ้น แนะนำให้เอาขนมไปแช่ในตู้เย็น เพื่อให้ขนมมีความเย็น เมื่อรับประทานแล้วจะมีความสดชื่น และอร่อยเพิ่มขึ้นอีกด้วย 

แชร์สูตร ครองแครงแก้วใบเตยมะพร้าวอ่อน เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ 

ครองแครง

สำหรับใครที่ชอบทานมะพร้าวอ่อน ขอแนะนำ ครองแครงแก้ว สูตรมะพร้าวอ่อน หนึ่งในของหวานไทย ที่มีความอร่อยไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังสัมผัสถึงความกรุบกรอบของมะพร้าวอ่อน และกลิ่นหอมของกะทิเข้มข้น และกลิ่นใบเตยอ่อนๆ กำลังดี ส่วนเนื้อแป้งมีความนุ่มนิ่มอร่อยลงตัวสุดๆ ส่วนวัตถุดิบ และวิธีทำสามารถทำตามสูตรเรานำมาแชร์ได้เลย เพียงแต่เติมน้ำใบเตย และมะพร้าวอ่อนลงไปด้วย เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมครองแครงแก้ว สูตรมะพร้าวอ่อน พร้อมเสิร์ฟได้เลย 

ครองแครง

ขนมครองแครง ถือว่า เป็นเมนูของหวานไทยที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว หรือจะทำเป็นของหวานวันงานเลี้ยง งานสำคัญต่างๆ ได้ด้วย เพราะเป็นขนมที่สามารถทำได้ในปริมาณมากๆ โดยที่รสชาติของขนมยังคงความอร่อยเช่นเดิม และหากใครได้ทานแล้วรับรองจะต้องติดใจแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถทำขายได้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูสร้างอาชีพ และต่อยอดธุรกิจ เพิ่มยอดขาย สร้างรายได้ให้เราตั้งแต่งช่วงแรกที่ทำขายเลยทีเดียว เรียกได้เป็นขนมหวานที่ทำกำไรได้ปังสุดๆ ดังนั้นถ้าอยากหารายได้เสริมสามารถทำขนมสูตรนี้ตามที่เรานำมาแชร์ได้เลยรับรองไม่ผิดหวัง 

เว็บบาคาร่า อันดับ1 ที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ ให้คุณเล่นเกมบาคาร่าออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย และมีระบบการเดิมพันที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะเดิมพันของคุณ

อ่านบทความอื่นๆ: