Categories
อาหารไทย

ผัดกะเพรา อาหารจานด่วนแสนอร่อย ง่าย ๆ

ผัดกะเพรา

ผัดกะเพรา เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยจานเดียวที่เราต้องพูดถึง ไม่ว่าจะนำมากินในมื้อไหน ก็อร่อยโดนใจ ใครชิมเป็นต้องติดใจ ด้วยลักษณะของรสชาตินั้น เผ็ดร้อนจากพริกสดตำพอแหลกนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อหมู แม้กระทั่ง อาหารทะเลอย่าง กุ้ง ปลาหมึกก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ

อีกทั้งในส่วนของคุณค่าทางสารอาหารนั้น ใบกะเพรามีฤทธิ์ช่วยในเรื่องของการขับลม ใครที่มีปัญหาแน่น จุกเสียด ควรหันมาสั่งข้าวกะเพรากินนะคะ  เวลารับประทาน เราจะรู้สึกได้เองว่า อาการจุกเสียดและแน่นท้องในบางจุด จะบรรเทาลงมาได้ ภายหลังรับประทานข้าวกะเพราค่ะ

วัตถุดิบ ส่วนผสมในการทำผัดกะเพรา

ผัดกะเพรา

เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เรามีความต้องการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน ๆ ให้อร่อย วัตถุดิบต้องพร้อมอยู่เสมอค่ะ ดังนั้น ก่อนจะเข้าครัวทำผัดกะเพรา เมนูเด็ดมารับประทาน เรามาเตรียมความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบกันก่อนดีกว่าว่า มีอะไรบ้างที่ต้องเตรียม ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ เห็นรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องเตรียม จะร้องว้าว ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เพราะวัตถุดิบดังกล่าวที่ว่า เป็นอะไรที่หาได้ง่ายมาก ๆ ในครัวเรือน

วัตถุดิบ (สำหรับ 3-4 คน)

  • เนื้อหมูบดประมาณครึ่งกิโลกรัมหรือ 500 กรัม
  • กระเทียม 5 กลีบ นำมาสับหยาบ
  • พริกชี้ฟ้า 4-5 เม็ด นำมาหั่นให้ละเอียด
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย 2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายแดง ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำซุป หรือ น้ำเปล่า 
  • ใบกะเพรา 1 กำมือหรือตามชอบ
  • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ดาว 

ผัดกะเพรา อุปกรณ์ต้องเตรียม

ผัดกะเพรา

ไม่ว่าจะเป็นกะเพราเนื้อ และอื่น ๆ เมนูนี้จะเป็นเมนูอาหารจานเดียวจานด่วนพื้นฐานที่มีขั้นตอนในการเตรียมที่แสนง่าย ซึ่งอาหารภาคกลาง สูตรนี้ ใช้อุปกรณ์พื้นฐานในการทำเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น อันได้แก่ กะทะ ตะหลิว เครื่องบดเนื้อสัตว์ หรือในบางรายที่ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว สามารถเตรียมเขียงและมีดปังตอเอาไว้ ทั้งนี้เป็นไปเพื่อใช้ในการสับเนื้อที่เราเตรียมไว้ได้เลยค่ะ  

วิธีทำผัดกะเพรา

มาถึงขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย นั่นก็คือ วิธีทำผัดกะเพรา แสนอร่อย ที่ใครชิมเป็นต้องติดใจจนต้องมีการสั่งซ้ำมากิน ภายหลังจากเตรียมในส่วนของวัตถุดิบกันไปแล้ว เรามาเริ่มต้นวิธีทำกันดีกว่าค่ะ

ขั้นตอนแรก เตรียมครกหรือเขียงแล้วนำกระเทียมและพริกสด จะเป็นพริกขี้หนูหรือพริกชี้ฟ้าก็ดี นำส่วนผสมดังกล่าว มาโขลกพอหยาบ ๆ ในส่วนของเหตุผลนั้น  เป็นการกระจายความเผ็ดให้ลดน้อยลงมาจากเดิม จากนั้นตั้งไฟกลาง เทน้ำมันลงในกะทะ ผัดกระเทียม รอกระทั่งเหลือง อย่าปล่อยให้กระเทียมไหม้เป็นอันขาด เพราะอาจทำให้เมนูกะเพราจานนี้เสียอรรถรสลงมาได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 มาถึงขั้นตอนสำคัญในการทำเมนูผัดกะเพรา  ให้อร่อย จนใคร ๆ ก็อยากสั่งมากินซ้ำ นั่นก็คือ ให้นำหมูบดมาผัดลงในกะทะ ผัดกระทั่งหมูสุกทั่วถึง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว และน้ำมันหอย คลุกเคล้าให้พอเข้ากันดี จากนั้นเติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อยเพื่อทำให้สูตรผัดกะเพรา ดูฉ่ำๆ และอร่อยขึ้นมาได้ค่ะ


ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทำผัดกะเพราโดยที่ก่อนจะนำใบกะเพรามาใส่ลงในกะทะ สำหรับใครที่ต้องการรับประทานผักอื่นเพิ่ม เช่น หอมหัวใหญ่ ถั่วฝักยาวหั่น ก็สามารถใส่ลงไปได้เลย จากนั้นผัดให้เข้ากันจนผักสลบ ตามด้วยใบกะเพราหนึ่งกำมือปิดท้าย ผัดแต่พอสุก ให้มีกลิ่นหอมจากใบกะเพรา ถือว่า เป็นอันเสร็จพิธี จัดใส่จาน กินคู่กับไข่ดาวกรอบ ๆ พร้อมพริกมะนาว น้ำปลา เพียงเท่านี้ ฟินแล้วค่ะ

ผัดกะเพรา

ผัดกะเพรา จะเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ในดวงใจของใครหลายคนกันได้เลยนะคะ เพราะไม่ว่าจะนำมารับประทานมื้อไหน ๆ ก็อิ่มและอร่อย กันถ้วนหน้า ที่มาพร้อมสารอาหารครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ดาว แร่ธาตุชนิดต่าง ๆ จากผัก เช่น ใบกะเพรา ถั่วฝักยาว หัวหอมใหญ่ พริกชี้ฟ้า รวมถึง ไขมันจาก น้ำมันที่ใช้ในการผัดค่ะ รู้แบบนี้ เรามาเตรียมทำเมนูนี้กันเลยดีกว่านะคะ อร่อย ง่าย ๆ ด้วยมือเรา

Categories
ขนมไทย

ลูกชุบ ผลไม้จิ๋ว อร่อยละมุน กินดีไม่มีหยุด

ลูกชุบ

เพื่อน ๆ คงเคยเห็น ลูกชุบ ขนมหวานแบบไทย ๆ ที่นำมาปั้นเป็นสารพัดรูปทรงไม่ว่าจะเป็นรูปผลไม้ เช่น มะม่วง พริกสดสีแดง แครอท มะเขือม่วง มังคุด ไปจนถึง ทำออกมาเป็นชุดอาหารอย่าง ชุดน้ำพริกปลาทูไปจนถึงรูปทรงสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ หลายชนิดตามแต่ผู้ปั้นจะรังสรรค์ออกมาเป็นรูปทรงจากนั้นถึงนำมาเคลือบกับผงวุ้นซึ่งรูปทรงดังกล่าวที่เราเห็นนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราที่เป็นลูกค้าจนนำมาสู่การตัดสินใจสั่งซื้อมากินค่ะ ซึ่งในส่วนของรสชาตินั้น เป็นขนมหวานไทยแสนอร่อย ที่มีรสหวานกำลังดี ละมุน ๆ ด้วยส่วนผสมของน้ำกะทิ กัดกินแต่ละคำ ทำให้มีรอบสอง รอบสามตามมาเรื่อย ๆ ค่ะ

ลูกชุบ วัตถุดิบและส่วนผสม

ลูกชุบ

วัตถุดิบในการทำขนมลูกชุบ หลัก ๆ เลย ทำมาจากถั่วเขียวต้มสุกจากนั้นนำมากวนแล้วถึงจะปั้นเป็นก้อนกลม ส่วนจะเป็นรูปทรงอะไรนั้น ตามแต่ผู้ปั้นรังสรรค์ขึ้นมาได้เลยค่ะ ถ้าจะถามว่า วิธีการทำนั้น ยากหรือเปล่า ก็ขอให้ลองติดตามอ่านจากบทความดูนะคะ แล้วจะรู้เองว่า สามารถทำได้หรือเปล่า มาถึงหัวข้อนี้ เกี่ยวกับวัตถุดิบที่ต้องเตรียม มีอะไรบ้าง ?  ตามมาได้เลยค่ะ 

วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำถั่วกวน

  • ถั่วเขียวเราะเปลือกนำไปนึ่งประมาณ ครึ่งกิโลกรัมหรือ  500 กรัม
  • น้ำตาลทรายประมาณ 250 กรัม
  • กะทิประมาณ 250 มิลลิลิตร
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา

ส่วนผสมในการทำ ลูกชุบ

  • ถั่วกวน 500 กรัม
  • สีผสมอาหาร (ตามสีจริงของรูปทรงที่ปั้น 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร (สำหรับแช่วุ้น)
  • ผงวุ้น (ตรานางเงือก) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 450 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนโต๊ะ

อุปกรณ์ในการทำลูกชุบ

ลูกชุบ

เป็นอีกหนึ่งของหวานไทย แสนอร่อยที่เราไม่ควรพลาดที่จะลองฝึกทำดูนะคะ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนนำมาใช้งานได้เลย ซึ่งอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมนั้น มีดังนี้

  • กะทะทองเหลือง ไว้สำหรับกวนถั่ว
  • ไม้พาย
  • โถปั่น
  • ลังถึงไว้สำหรับนึ่ง

วิธีในการทำลูกชุบ

และแล้วก็มาถึงวินาทีที่สาวกขนมไทย ต่างกำลังตั้งตารอคอยนั่นก็คือ ขั้นตอนในการทำ อยากรู้เสียเหลือเกิน จะมีความยากหรือง่ายประการใด ต้องลองศึกษาดูนะคะ ไม่แน่ว่า พอลองทำไปสักพัก ใครจะไปรู้ ทำคล่องและอร่อยขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็สามารถดัดแปลงรับสั่งทำขนมขายเนื่องในโอกาสพิเศษ ๆ ได้เลยค่ะ เช่น รับจัดเลี้ยง จัดเบรคเบา ๆ ระหว่างประชุม เป็นต้น

ขั้นตอนการทำลูกชุบ ขั้นตอนแรก ให้นำถั่วเขียวที่ทำการเราะเปลือกแล้ว ไปแช่น้ำประมาณ 3 ชั่วโมง พอครบตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า จากนั้น นำไปนึ่งในลังถึง นึ่งให้ถั่วเขียวเราะเปลือกสุกและนิ่มกำลังดีค่ะอันเป็นอีกหนึ่งวิธีทําลูกชุบ เบื้องต้นค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 ก่อนจะนำมาปั้นเป็นตัวขนมลูกชุบ นำถั่วเขียวเทลงในโถปั่น ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ กะทิ ปั่นส่วนผสมดังกล่าวทั้งหมดให้เนียน ดูเข้ากันดีจากนั้นเทใส่กะทะ ขั้นตอนนี้ให้ใช้ไฟอ่อน กวนกระทั่ง ถั่วเขียวแห้ง เวลาปั้นแล้วต้องรู้สึกว่า ไม่ติดมือ 

ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสำคัญเสียทีนะคะ กว่าจะได้ขนมลูกชุบ สวย ๆ มากิน ก็ต้องนำถั่วเขียวกวนขึ้นมาจากกะทะ จากนั้นพักให้เย็น แล้วนำไปอบควันเทียนประมาณ 30 นาที ประมาณ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ก็ให้นำถั่วกวนมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามชอบได้เลย แล้วนำรูปทรงที่ปั้นแล้ว ไปเสียบในไม้เสียบลูกชิ้น นำขนมลงไปชุบสีผสมอาหารที่เราได้เตรียมเอาไว้แล้วนำมาปักลงบนกล่องโฟม รอกระทั่งแห้ง ระหว่างนั้น เตรียมน้ำเปล่า 200 มล.ผสมผงวุ้น แช่น้ำไว้แล้วรอผงวุ้นเซ็ทตัวประมาณ 20 นาที เทน้ำวุ้นลงไปในหม้อที่มีส่วนผสมของน้ำเปล่าประมาณ 450 มล ใช้ไฟอ่อน ผสมน้ำตาลลงไปอีกครั้ง ต้มจนวุ้นละลายแล้วยกลงจากเตา รอจนน้ำวุ้นอุ่น ๆ ก็ให้นำขนมมาชุบน้ำวุ้นกันได้เลย 1-2 รอบ รอจนแห้ง ก็ให้เอาขนมออกจากไม้เสียบลูกชิ้น จากนั้นตัดแต่งขนมให้สวยงามตามชอบ นี่คือขั้นตอนสุดท้ายในการ ทําลูกชุบ จากนั้นประทานได้เลย

ลูกชุบ

ลูกชุบ ขนมอร่อยที่ใครได้ลองชิม เป็นต้องติดใจกันทุกคน และยิ่งสำหรับใครที่มีหัวครีเอทเกี่ยวกับการปั้นแต่งขนมเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ ยิ่งเป็นการดี ในส่วนของประวัติลูกชุบ คราวหน้าจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร ? แล้วเหตุใดถึงเป็นที่นิยมค่ะ

Categories
อาหารไทย

ส้มตำ เมนูอาหารสุดพิเศษ ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ

ส้มตำ

เมื่อพูดถึง ส้มตำ ใคร ๆ ก็ต่างชื่นชอบเมนูนี้อย่างแน่นอน ที่ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติต่างก็ต้องหลงใหลเมนูนี้ ใครต่างก็ต้องชื่นชอบและอยากที่จะลิ้มลองความแซ่บด้วยกันทั้งนั้น เมนูนี้นับว่าเป็นเมนูที่โด่งดังมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยรสชาติที่มีเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หอมปลาร้า เส้นมะละกอกรอบ ๆ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่สุดแสนจะลงตัวเอามาก ๆ หากใครที่ชอบกินปลาร้าเป็นชีวิตจิตใจเมนูนี้ต้องเป็นเมนูโปรดของคุณอย่างแน่นอน ไม่ว่าคนชาติไหน ๆ ที่เดินทางมายังประเทศไทยก็ต้องเลือกที่จะไปลิ้มลองเมนูรสแซ่บนี้อย่างแน่นอน ทางเว็บไซต์ของเรามีเรื่องเล่าของเมนูแซ่บ ๆ นี้มาฝากทุกคนกันค่ะ

ส้มตำ นับว่าเป็นเมนูอันดับหนึ่งของท้องถิ่นภาคอีสาน อัดแน่นไปด้วยความจัดจ้านแบบลงตัวมีรสชาติแบบครบเครื่องไม่ต้องปรุงรสอะไรเพิ่มเติม เมนูนี้เป็นเมนูที่มีกลิ่นเฉพาะตัวเอามาก ๆ เพราะน้ำปลาร้ามักจะมีกลิ่นหอมเย้ายวน แต่ละร้านก็จะใช้น้ำปลาร้าในแบบที่แตกต่างกันออกไป บางร้านใช้แบบสำเร็จรูปซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ บางร้านใช้ปลาร้าต้ม หรือบางร้านก็ใช้ปลาร้าแบบไม่ต้ม แต่ในทุก ๆ ร้านมักจะมีเอกลักษณ์และรสชาติที่เฉพาะตัวนั่นเอง

ส้มตำ

ส้มตำ กับความอร่อยที่หลากหลาย กับรสชาติอันจัดจ้านของส้มตำ

การคัดเลือกวัตถุดิบเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ของวิธีทำส้มตำ ต้องใช้ส่วนผสมที่มีแต่ความสดใหม่และสะอาดเท่านั้น ส่วนมากมักจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ตามท้องถิ่นพื้นบ้านที่มีมากในอาหารภาคอีสานและหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามท้องตลาด การทำเมนูนี้ให้อร่อยได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่นเดียวกัน ต้องใช้ความชำนาญในการตำเป็นอย่างมากเพื่อให้รสชาติมีความอร่อยและลงตัวมากที่สุด สิ่งที่ใช้หลัก ๆ ในเมนูส้มตำปูปลาร้าก็คงจะเป็นมะละกอดิบ, น้ำปลาร้า, ปูนา, ถั่วฝักยาว, มะกอก, มะเขือเทศ และวัตถุดิบส่วนมากสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเมนูที่ชอบตามต้องการ

ส้มตำ

เมนูอาหารสุดจัดจ้า ที่ใครก็สามารถทำให้อร่อยลงตัวได้

การทำส้มตำให้อร่อยจัดจ้านตามฉบับความเป็นคนอีสานแท้ ๆ ต้องมีความแม่นยำในการใส่เครื่องปรุง เพราะบางครั้งถ้าหากใส่พลาดอาจจะทำให้สูตรส้มตำผิดเพี้ยนไปมากพอสมควร

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. มะละกอดิบ 1 ลูก
  2. ปลาร้าสำเร็จรูป 1 กระบวย
  3. ปูเค็ม 2 ตัว
  4. มะเขือเทศสด 2 ลูก
  5. มะกอก 2 ลูก
  6. ถั่วฝักยาว 2 ต้น
  7. ผงชูรส 1 หยิบมือ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  10. มะนาว 2 ลูก
  11. พริกชี้ฟ้า 3 เม็ด
  12. พริกแห้ง 3 เม็ด
  13. กระเทียม 3 กลีบ

วิธีทำ

  1. นำมะละกอมาปอกเปลือกล้างให้สะอาด นำไปสับละเอียดจนมะละกอออกมาเป็นเส้นไม่ให้มากนักเพื่อให้พอดีคำแล้วนำไปแช่ตู้เย็นสักพักเพื่อให้มีความกรอบ
  2. นำปูดองไปลวกเพื่อกำจัดเชื้อโรค
  3. นำพริก มะเขือเทศ มะกอก มะนาว ถั่วฝักยาวไปล้างให้สะอาด
  4. เตรียมครกแล้วทำการใส่กระเทียม พริกชี้ฟ้า และพริกแห้งลงไปตำพอหยาบ
  5. จากนั้นทำการใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะนาว ผงชูรส คนจนน้ำตาลละลายดีแล้ว ให้ใส่น้ำปลาร้าสำเร็จรูปตามลงไปคนจนเข้ากันอีกครั้ง
  6. หยิบมะละกอมาใส่ครกประมาณ 1 หยิบมือใหญ่ ๆ หรือประมาณ 100 กรัม ตำผสมคนให้น้ำเข้าไปอยู่ในเส้นมะละกอ 
  7. หั่นมะเขือเทศ ถั่วฝักยาว และมะกอกใส่ลงไป ทำการตำสลับคนอีกครั้ง แล้วจึงแกะปูดองที่ทำการลวกแล้วใส่ตามลงไปเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ส้มตำ

สุดยอดเมนูของคนไทย ที่ดังไปไกลถึงทั่วโลก

เมนูสุดแซ่บที่เรานำมาฝากทุกคนน่าทำทานมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ หากคุณเป็นคนชอบอาหารไทย เมนูนี้เป็นอีก 1 เมนูที่ไม่ควรพลาด เพราะขนาดที่ว่าชาวต่างชาติที่ได้เดินทางมาประเทศไทยยังอดไม่ได้ที่จะทานเมนูนี้ หากใครอยากทำตำถาดก็สามารถนำเมนูไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มที่เลยนะคะ เพราะทุกสูตรอาหารของเราเป็นสูตรที่ได้รับการขนานนามมาแล้วว่าอร่อยสุด ๆ

Categories
เบเกอรี่

เค้กกล้วยหอม ขนมอบกล้วย ๆ ทำแล้วอร่อย ใครกินก็ติดใจ

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม ขึ้นชื่อที่ใครต่างก็รู้จักเจ้า เบเกอรี่ ชนิดนี้กันเป็นอย่างดีนะคะ โดยใช้วัตถุดิบง่าย ๆ อย่างกล้วยหอมหง่อม ๆ รับประทานไม่ทัน มาใช้เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับขนมที่ใครต่างก็สามารถรับประทานได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนทำงาน การนำขนมชนิดนี้มากินคู่กับชากาแฟในผู้ใหญ่ ดูเหมือนเป็นการสร้างรูปแบบการกินที่ทำให้การดื่มในช่วงสาย ๆ หรือในช่วงเบรคค่อนข้างได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ

เค้กกล้วยหอม วัตถุดิบ

เค้กกล้วยหอม

ถ้าพูดถึงวัตถุดิบ กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่าย หรือจะปลูกเองก็ได้ และโดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะกินไม่ทัน เลยมีการนำมาทำของหวานกินกันค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่ง่ายมาก ใครก็ทำได้ ดังนั้น เรามาเตรียมวัตถุดิบกันให้พร้อมดีกว่าค่ะ

ส่วนผสม

  • กล้วยหอมสุกบด 1+1/2 ถ้วย 
  • นมสด 4 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ประมาณ 2 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  • เนยเค็มประมาณ 250 กรัม ให้นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 
  • น้ำตาลทรายชนิดละเอียด สำหรับทำขนมอบ ประมาณ 1+1/2 ถ้วย 
  • ไข่ไก่สดเบอร์ 2 จำนวน 4 ฟอง
  • พิมพ์มัฟฟิน

เค้กกล้ายหอมอุปกรณ์

เค้กกล้วยหอม

อุปกรณ์พื้นฐานในการทำเมนูเบเกอรี่มือใหม่ มีเพียงไม่กี่อย่างและดูเหมือนเมนูขนมชนิดนี้ จะเป็นเมนูพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้นจะทำขนมอบดูด้วยตนเองก่อนจะก้าวกระโดดเพื่อไปทำขนมที่มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น  เรามาเตรียมความพร้อมให้กับอุปกรณ์ของเรากันดีกว่าค่ะ

  • เตาอบ 
  • แม่พิมพ์มัฟฟิน
  • เครื่องตีไข่ เตรียมหัวตีตะกร้อ
  • อุปกรณ์ช่วงตวงวัด เช่น ช้อนตวง ถ้วยตวง 

เค้กกล้วยหอมวิธีทำ

เค้กกล้วยหอม

ขั้นตอนการทำเค้กดังกล่าวที่เรากำลังจะพาเพื่อน ๆ ไปลองนั้นเป็นการทำเค้กง่ายๆ ที่บรรดามือใหม่ทั้งหลายสามารถทำได้เลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 การทำเค้กกล้วยหอม ในขั้นตอนแรก ให้วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส จากนั้นนำกล้วยหอมมาบดไปพร้อมกับนมสดและกลิ่นวานิลลา แล้วให้ผสมแป้งเอนกประสงค์ ผงฟู เบกกิ้งโซดา เตรียมไว้ให้พร้อมก่อนได้เลย โดยส่วนผสมดังกล่าวควรร่อนผ่านตะแกรงประมาณ 1 ครั้ง 

ขั้นตอนที่ 2 ในส่วนของการเตรียมความพร้อมให้กับเค้กกล้วยหอม ขั้นตอนนี้ได้บอก

วิธีทำเค้กกล้วยหอม เอาไว้ว่า ให้นำเนยเค็มที่เราเตรียมไว้มาตีกับหัวตีตะกร้อจนขึ้นฟู ทยอยใส่น้ำตาลทราย โดยการแบ่งใส่ประมาณ 3 ครั้ง 

ขั้นตอนที่ 3 มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทำเค้กกล้วยหอม ให้นำไข่ไก่ใส่ลงไปในโถ ตีทีละฟองจนครบ จากนั้นใส่ส่วนผสมกล้วยบดลงไป ผสมให้เข้ากัน ตามด้วยการนำส่วนผสมแป้งทยอยใส่ลงไปจนหมด ซึ่งถ้าใครได้ทำตามสูตรทำเค้กกล้วยหอม เราก็จะได้ส่วนผสมที่พอดีและลงตัวค่ะ จากนั้น ตักใส่พิมพ์มัฟฟินแล้วนำเข้าเตาอบ ใช้เวลาอบ 15-20 นาที ก็สามารถนำออกมาจากเตาอบ พักไว้ให้เย็น แล้วนำมารับประทานได้เลย

เค้กกล้วยหอม มีประโยชน์ทั้งโปรตีนจากไข่และเพลังงานจากกล้วยรวมถึงเนย เมื่อเรานำวิธีทำเค้กง่ายๆ มาปรับใช้และหมั่นฝึกทำจนคล่อง เชื่อเถอะค่ะ บางครั้งอร่อย จนสามารถใช้ต่อยอดสร้างอาชีพได้ค่ะ

Categories
ขนมไทย

ลอดช่องอัญชัน ขนมหวานคลายร้อน

เมนูขนมไทยสูตรโบราณวันนี้แนะนำ ลอดช่องอัญชัน เมนูขนมหวานคลายร้อนต้อนรับหน้าร้อนอันแสนทรหดด้วยความหอมหวานสดชื่นไปกับลอดช่องอัญชันที่ทำขึ้นจากสมุนไพรอย่างเช่นดอกอัญชันที่ให้ทั้งประโยชน์และให้สีที่สวยงามอย่างสีฟ้านั่นเองโดยทั่วไปเมนูขนมลอดช่องจะได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงขนมจนกลายเป็นขนมที่ไม่ใช่ขนมไทยแบบโบราณที่เคยเป็นมาแต่ก่อน ซึ่งวันนี้เราได้นำเมนู ขนมไทยโบราณ ชนิดนี้มาทำการเผยแพร่ให้คนชอบทานลอดช่องได้ทำทานกันง่ายๆที่บ้านทั้งได้ความหอมอร่อยลงตัวทั้งได้สุขภาพที่ดีไปด้วยแม้จะไม่ได้ มีประโยชน์ มากแต่อย่างใดแต่ก็ยังได้รับประโยชน์บ้างจากการทานของหวานเพื่อคลายความร้อนของเมืองไทยเราเลยจ้า

ลอดช่องอัญชัน

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ ลอดช่องอัญชัน

     สำหรับขนมไทยอย่าง ลอดช่องอัญชัน เป็นขนมที่ต้องใจเย็นในการทำเพราะต้องกลั่นกลองออกมาจากความรู้สึกและความชอบในการทำจริงๆวัตถุดิที่ใช้ทำขนมไม่ใช่เส้นลอดช่องสำเร็จแต่เป็นวิธีการนำแป้งมาผสมน้ำอัญชันและบีบลงในน้ำร้อนเดือดเพื่อให้ เส้นลอดช่องอัญชัน แบบที่เราได้จัดนำเสนอขึ้นแบบที่เรียกว่าร้อนๆหอมๆลงตัวในหนึ่งถ้วยเลยนั่นเองค่ะ

สัดส่วนและส่วนผสม

  1. แป้งมัน 2 ถ้วย 
  2. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ 
  3. น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร 
  4. ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม 
  5. แป้งมัน สำหรับนำมาทำเป็นแป้งนวล 
  6. ตัวลอดช่องอัญชัน ตามต้องการ 
  7. ขนุนสุกฉีกเป็นเส้นยาว ตามต้องการ 
  8. น้ำเชื่อม ตามต้องการ (น้ำตาลทรายแดง 2 ถ้วย+น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย)
  9. กะทิสด ตามต้องการ 
  10. น้ำแข็งบดละเอียดตามต้องการ
ลอดช่องอัญชัน

ขั้นตอนและวิธีการทำ “ลอดช่องอัญชัน”

     สำหรับขั้นตอนและวิธีการทำ ลอดช่องอัญชัน ถือเป็นเมนูทำง่ายหนึ่งเมนูขอเพียงมีเวลาในการทำและเข้าใจหลักการในการทำเพียงเท่านี้ก็ทำให้สามารถทานลอดช่องเพื่อสุขภาพนี้ได้เลยง่ายๆที่บ้าน โดยการทำลอดช่องนี้เป็นการผสมผสานเเป้งเข้ากับอัญชันเพื่อเป็นรสสัมผัสแบบโบราณ และเป็นความอร่อยที่ถูกปากคนทุกวัยซึ่งเราวิธี การทำลอดช่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาฝากซึ่งสามารถทำได้เลยตามขั้นตอนด้านล่างนี้

ขั้นตอนการทำลอดช่องอัญชัน

  1. นำหม้อขึ้นตั้งบนเตาแก๊ส จากนั้นใส่น้ำเปล่าลงไปเปิดไฟกลาง เมื่อน้ำเริ่มเดือดให้ใส่อัญชันอบแห้งลงไป เมื่อน้ำเริ่มเปลี่ยนสีให้ช้อนอัญชันอบแห้งออกแล้วปิดไฟ
  2. นำแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันเทลงในชามผสม จากนั้นเทน้ำอัญชันที่ร้อนจัดลงไปในแป้งอย่างรวดเร็ว 
  3. ถ้าหากน้ำไม่ร้อนจัดจะทำให้แป้งอุ้มน้ำ และไม่สามารถทำลอดช่องได้ ต้องเททิ้งอย่างเดียวเลยค่ะ
  4.  รอให้แป้งอุ่นแล้วใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นก้อนเดียว ใช้แป้งนวลโรยเขียงตอนนวดแป้งจะทำให้  แป้งไม่ติดเขียงค่ะ เมื่อแป้งได้ที่แล้วคลุมด้วยแร็ปเพื่อนำไปรีดและตัดเป็นเส้น 
  5. นำแป้งลอดช่อง (STEP 1) มารีดให้เป็นแผ่นความหนา 1/4 ซม. แล้วนำไปตัดเป็นเส้น ๆ ขนาดความยาว 3 นิ้ว 
  6. ต้มน้ำให้เดือดจัดแล้วใส่เส้นลอดช่องลงในหม้อ รอจนแป้งสุกและลอยขึ้นค่อยตักแป้งแช่น้ำในน้ำเชื่อมเย็น เพื่อให้เส้นลอดช่องเหนียวไม่ติดกันและเละค่ะ
  7. ตักเส้นลอดช่องอัญชันลงในแก้วที่ต้องการจัดเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำแข็งบด ต่อด้วยการราดด้วยน้ำเชื่อมและกะทิ โรยขนุนฉีกด้านบน เท่านี้ก็พร้อมฟินกันแล้ว
ลอดช่องอัญชัน