Categories
เบเกอรี่

ขนมหวานแสนอร่อย บราวนี่ ฟัดจ์ เนื้อนุ่มแน่น ช็อคโกแลตเข้มข้น

บราวนี่ ฟัดจ์

มาเอาใจสายบราวนี่กันบ้างกับ ขนม บราวนี่ ฟัดจ์ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล สำหรับขนมบราวนี่ฟัดจ์ คือ ขนมที่มีเนื้อช็อคโกลแลต รสชาติหวาน เนื้อนุ่มฉ่ำ ที่มีความโดดเด่นด้วยกลิ่นช็อคโกแลตเน้นๆ อร่อยจนต้องขอทานเพิ่มสักชิ้นเลยทีเดียว และที่สำคัญขนมสูตรฟัดจ์ บราวนี่มีให้เลือกทานทั้งสูตหวานปกติ และสูตรหวานน้อย เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่อยากทานขนมแต่กำลังลดน้ำหนักสุดๆ ดังนั้นหากใครอยากลองทำขนมฟัดจ์บราวนี่ไว้ทานเล่นๆ วันนี้เรามีสูตร บราวนี่ฟัดจ์มาให้ได้ลองทำตามกัน

เปิดขั้นตอนการทำขนม บราวนี่ ฟัดจ์ เนื้อแน่น ทำง่ายๆ สไตล์โฮมเมค 

บราวนี่ ฟัดจ์

อีกหนึ่งขนมที่มักจะมีขายตามร้านคาเฟ่ และร้านขายเบเกอรี่ทั่วไปอย่างขนมบราวนี่ ฟัดจ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่มีเนื้อแน่น นุ่มละมุน ที่มาพร้อมช็อคโกแลตฉ่ำๆ เข้มข้น ทานคู่กับเครื่องดื่มอย่าง ชา กาแฟ หรือจะทานคู่กับไอศครีมซอสเบอรี่ยิ่งทำให้รสชาติของขนมอร่อยยกกำลังสองไปเลย เรียกว่าเป็นขนมที่สามารถทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ แต่ถ้าจะให้ซื้อขนมฟัดจ์บราวนี่ทานทุกวันคงจะเสียเงินมากเยอะมากเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้เราจะมาสอนวิธีทำ บราวนี่ สูตรบราวนี่ หนึบหนับ เนื้อแน่น มาให้คนที่ชอบบราวนี่ได้ลองทำดู ว่าแล้วไปดูกันเลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

บราวนี่ ฟัดจ์
  1. ดาร์คช็อคโกแลต 300 กรัม
  2. น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
  3. เนยจืด 20 กรัม
  4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  5. กลิ่นวนิลลา 3 ช้อนชา
  6. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  7. ผงโกโก้ 30 กรัม
  8. เกลือป่น 1 ½ ช้อนชา

สำหรับส่วนผสมของบราวนี่ ฟัดจ์จะเป็นส่วนผสมที่สามารถลดปริมาณส่วนผสมได้ตามใจชอบ ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่ชอบหวาน และอยากคุมน้ำหนักสามารถลดปริมาณลงตามที่ต้องการได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนม บราวนี่เนื้อฟัดจ์กับชิววี่ต่างกันยังไง ซึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ เนื้อสัมผัสของบราวนี่ชิววี่จะมีความเบากว่าชัดจ์บราวนี่นั้นเอง

บราวนี่ ฟัดจ์
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรก นำช็อคโกแลตที่เตรียมไว้มาแบ่งครึ่งออกมาละลายในไมโครเวฟ หรือถ้าไม่มีไมโครเวฟให้ละลายในน้ำร้อนแทนได้ เมื่อช็อคโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียวกันเรียบร้อยแล้ว นำมาพักไว้ให้เย็น
  2. นำเนย และน้ำตาลมาเทลงในภาชนะขนาดใหญ่ จากนั้นใส่เครื่องตีขนมตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่ลงไป ตามด้วยกลิ่นวนิลลา จากนั้นตีส่วนผสมให้เข้ากันประมาณ 1 นาที เสร็จแล้วเติมช็อคโกแลตที่ละลายเรียบร้อยลงไป ใส่แป้ง ผงโกโก้ และเกลือ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกรอบ
  3. หลังจากนั้นเติมส่วนผสมที่เป็นช็อคโกแลตก้อนที่หั่นไว้ลงไป ทำการคนตะล่อมๆ ให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้เทลงไปในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ทำการอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที 
  4. เมื่ออบขนมเสร็จแล้วให้นำขนมออกมาพักไว้ให้เย็น พร้อมทานได้ทันที 
บราวนี่ ฟัดจ์

ขนมบราวนี่ฟัดจ์หากทานตอนที่อบใหม่ขนมจะมีรสชาติหวานหอมละมุนลิ้นอร่อยสุดๆ นอกจากนี้ยังทำเป็นขนมที่ดูเหมือนจะทำยาก แต่แท้จริงแล้วทำง่ายนิดเดียว ส่วนบราวนี่เนื้อฟัดจ์ เป็นยังไง ต้องบอกเลยว่าขนมเนื้อแน่น และอัดแน่นไปด้วยช็อคโกแลตเข้มข้นจัดเต็ม

รวมเคล็ดลังทำขนมบราวนี่ฟัดจ์ให้อร่อย รสชาติหวานละมุน เนื้อแป้งนุ่มนิ่ม

บราวนี่ ฟัดจ์

สำหรับการทำ บราวนี่ฟัดจ์ เนื่อแป้งนุ่มนิ่ม ในขั้นตอนการผสมแป้งจะต้องนำแป้งมาร่อนให้เรียบร้อยจะทำให้เนื้อแป้งมีความเนียนมากขึ้น และต้องใช้น้ำทรายป่นในการทำขนมจะช่วยให้น้ำตาลละลายได้ดีมากขึ้น อีกทั้งฟัดจ์บราวนี่ อบกี่นาทีถึงจะทำให้สีสวยน่าทาน ควรอบประมาณ 20-25 นาที จะทำให้ขนมมีกลิ่นหอมและสีขนมสวยงามน่าทานสุดๆ นอกจากนี้เวลาเทขนมใส่พิมพ์จะต้องเกลี่ยให้เท่ากันจะทำให้ขนมสุก และเนื้อแป้งจะฟูอย่างสม่ำเสมอ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

Categories
อาหารญี่ปุ่น อาหารนานาชาติ

แจกสูตรเมนู ไข่หวาน ญี่ปุ่น เนื้อนุ่มนิ่ม หอมอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น

ไข่หวานญี่ปุ่น

สำหรับคนที่ชอบทานอาหารเช้าเป็นประจำ และอยากลองทำอาหารเองที่บ้าน แต่ไม่รู้จะทำเมนูไหนดีที่ไม่ต้องใช้เวลานาน ขอแนะนำ ไข่หวาน ญี่ปุ่น เป็นเมนูที่ทำง่ายๆ แถมรสชาติอร่อย เนื้อนุ่มนิ่มฟินทุกคำ โดยวิธีทำ ไข่หวานมีแค่ไข่ก่ และกระทะใบเล็กๆ หนึ่งใบก็สามารถทำไข่หวาน หรือไข่ม้วนญี่ได้แล้ว ที่สำคัญสามารถทำเป็ยชูชิไข่หวานได้อร่อยสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นมื้อเช้าที่ทานแล้วอิ่มนานไปจนถึงเที่ยงเลยทีเดียว

เข้าครัวชวนทำ ไข่หวาน ญี่ปุ่น สไตล์โฮมเมค ทำง่ายๆ มือใหม่ก็ทำเป็น 

ไข่หวานญี่ปุ่น

วันนี้เราจะชวนทุกคนมาทำเมนูง่ายๆ ที่สามารถทำเองได้บ้านอย่าง ไข่หวาน ญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมค โดยใช้วัตถุเพียงไม่กี่อย่างก็สามารถทำได้แล้ว หรือถ้าใครเบื่อไข่เจียวแบบธรรมดาสามารถทำลองทำไข่หวานญี่ปุ่น ง่าย ๆ ทีมีเนื้อแน่น นุ่มนิ่ม และเพิ่มอร่อยด้วยซอสโซยุลงไปเล็กน้อยก็อร่อยจนติดใจทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่เตรียม

ไข่หวานญี่ปุ่น
  1. ไข่ไก่ 5 ฟอง
  2. ซอสญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำเปล่า ½ ถ้วย
  4. มิริน 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 1½ ช้อนชา
  6. เกลือป่น ¼ ช้อนชา

ในส่วนของเมนูไข่หวาน ญี่ปุ่นโฮมเมคที่จะทำเองนั้นตามสูตรไข่หวานญี่ปุ่นจะมีรสชาติหวานนำ ดังนั้นหากไม่ชอบหวานสามารถลดปริมาณน้ำตาลลงได้ และกระทะที่ใช้ทำควรจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจะทำให้สามารถทอดไข่ได้ง่ายมากขึ้น และเมื่อเตรียมวัตถุดิบ และอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่วิธีทำ ไข่หวานญี่ปุ่นอย่างดังนี้

ไข่หวานญี่ปุ่น
  1. นำไข่ไก่ที่เตรียมไว้ตอกใส่ถ้วยตีให้ไข่พอแตก ปรุงรสด้วยซอสญี่ปุ่น มิริน น้ำตาลทราย และน้ำสะอาดเล็กน้อย จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน 
  2. นำกระทะตั้งเตาใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไป เช็ดน้ำมันให้ทั่วกระทะ จากนั้นตักไข่ใส่ลงไปพอเป็นแผ่นบางๆ ให้ทั่วกระทะ และหมุนกระทะไปมา เพื่อให้ไข่นั้นสุกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อไข่สุกแล้วให้ใช้ไม้พายค่อยๆ ม้วนไข่เข้าหากันจนเกือบสุดขอบกระทะ หลังจากนั้นตักไข่ลงไปทอดทำเหมือนกับที่ทำตอนเริ่มต้น และทำการม้วนไข่เข้ากันจนได้ไข่ม้วนก้อนใหญ่ตามที่ต้องการ
  3. เมื่อได้ไข่ม้วนแล้ว นำมาไข่มาพักใส่จาน เพื่อจัดทรงให้เป็นสี่เหลี่ยม และให้ไข่หวานแน่น จากนั้นนำกระดาษซับมันซับลงไปที่ไข่ม้วนเบาๆ เพื่อเอาน้ำมันส่วนเกินออก และหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ จัดใส่จานพร้อมทานได้เลย
ไข่หวานญี่ปุ่น

หากบ้านไหนไม่กระทะทรงสี่เหลี่ยมในการทำเมนูไข่หวานญี่ปุ่นสามารถใช้กระทะเทฟลอนทั่วไปได้ โดยใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะจากนั้นตักไข่ลงไปเกลี่ยไข่ให้ทั่งกระทะ เมื่อไข่สุกแล้วให้พับขอบไข่ให้เป็นรูปสีเหลี่ยม และม้วนเข้าหากัน ทำแบบนี้ไปจนกว่าจะได้ไข่ม้วนตามที่ต้องการ เพียงแค่นี้ก็จะได้ไข่หวานญี่ปุ่นสไตล์อาหารญี่ปุ่นโฮมเมคเนื้อนุ่มนิ่ม หวานอร่อยกำลังดี

วิธีทำเมนู ไข่หวาน ญี่ปุ่นโฮมเมค สไตล์ชูชิญี่ปุ่น หอมอร่อย พอดีคำ

ไข่หวานญี่ปุ่น

หลังจากที่ทำเมนู ไข่หวานญี่ปุ่น ไปแล้ว หากใครอยากทำเป็นเมนูอื่นก็สามารถทำได้ เพราะเมนูไข่หวานกินกับอะไรก็อร่อย และวันนี้เราจะมาทำชูชิไข่หวานสไตล์ญี่ปุ่น โดยเริ่มจากตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อน จากนั้นใส่ที่ปรุงไว้ลงไป ตามด้วยปูอัด จากนั้นม้วนไข่เข้าหากัน เมื่อได้ไข่ม้วนตามขนาดที่ต้องการแล้ว ให้นำมาตัดเป็นท่อนเล็กๆ ขนาดพอดีคำ เสร็จแล้วใส่มายองเนสลงไป พร้อมเสริฟกับเครื่องเคียง ญี่ปุ่นอย่างซอสโซยุ สาหร่าย รสชาติหวาน เค็มอร่อยกลมกล่อม 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

Categories
อาหารนานาชาติ

เปิดสูตร (ไม่) ลับ ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด ทงคัตสึ ทำง่าย อร่อยด้วย 

ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด

เปิดเมนูอาหารญี่ปุ่นที่หลายคนชอบทานเป็นประจำอย่าง ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด กรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยน้ำซอสผงกระหรี่รสชาติกลมกล่อมอร่อยจนต้องทานเพิ่ม ที่สำคัญข้าวแกง กระ หรี่ หมู ท ง คั ต สึสามารถหาทานได้ง่ายตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป หรือจะลองทำทานเองก็สามารถทำได้ง่าย และอิ่มอร่อยทั้งครอบครัว

รวมขั้นตอนทำ ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด กรอบนอกนุ่มใน อิ่มอร่อยทั้งครอบครัว

ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด

หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่นที่ทานแล้วอิ่มอร่อยต้องยกให้ เมนูข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอดทงคัตสึ ถูกยกให้เป็นเมนูโปรดของคนชอบทานอาหารที่มีเครื่องเทศแรงเลยทีเดียว อีกทั้งน้ำซอสเข้มข้น พร้อมทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์ สูตรแกงกระ หรี่เข้มข้น รสชาติกลมกล่อม และวิธีทำหมูทอดคัตสึที่กรอบนอกนุ่มใน และไม่อมน้ำมัน โดยก่อนที่เราจะไปดูวิธีการทำแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสูตรดั้งเดิม ก่อนอื่นจะต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนดังนี้

ส่วนผสม และวัตถุดิบของข้าวแกงกระหรี่

  1. เครื่องแกงกะหรี่สำเร็จรูป 200 กรัม
  2. เนื้อหมูส่วนสันคอ 400 กรัม
  3. มันฝรั่ง 200 กรัม
  4. แครอท 2 หัว
  5. แอปเปิ้ล 1 ลูก
ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด

ส่วนผสม และวัตถุดิบของหมูทอดทงคัตสึ

  1. แป้งทออดกรอบ 1 ถ้วย
  2. หมูสันนอก 500 กรัม
  3. พริกป่น ½ ช้อนชา
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  6. เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วย

เมื่อเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมของเมนูข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอดอย่างง่ายเรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อมาเราจะมาดูวิธีการทำแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตสึอย่างง่าย สำหรับมือใหม่ไม่ต้องกังวลว่าจะทำไม่ได้ เพราะเมนูนี้ทำง่ายมากๆ 

ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด
  1. มาเริ่มกันที่ขั้นตอนการทำขาวแกงกรหรี่กันเลย โดยเริ่มแรกนำหัวหอมใหญ่มาผ่าครึ่ง และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ จากนั้นนำแครอทที่ล้างทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วมาหั่นเป็นเล็กๆ และตามด้วยมันฝรั่งปอกเปลือกหั่นเป็นลูกเต๋าพอดีคำ
  2. ต่อมานำเนื้อหมูล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ จากนั้นนำกระทะมาตั้งไฟ และใส่น้ำมันลงไปประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ รอจนกว่าน้ำมันจะร้อนใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก 
  3. นำผักต่างๆ ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปผัดให้เข้ากันจนผักเกือบสุก จากนั้นใส่น้ำเปล่าลงไปในกระ จากนั้นคนส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน เคี่ยวด้วยไฟปานกลางประมาณ 20 นาที จากนั้นนำผงกระหรี่ก้อนใส่ลงไปคนให่ละลาย และทำการเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วปรุงรสตามใจชอบ 
  4. ต่อมาเราจะมาทำหมูทอดตัตสึ โดยการทำเนื้อหมูมาทำความสะอาด และทุบหมูทั้งด้าน เพื่อให้หมูเนื้อนุ่มขึ้น จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยดำ ไข่ไก่ ใช้มือขยำให้ส่วนผสมเข้าเนื้อหมู นำมาชุปเกร็ดขนมปัง 
  5. นำกระทะตั้งเตาใส่น้ำมันสำหรับทอด รอให้น้ำมันร้อนใส่หมูลงไปทอดจนกว่าเนื้อหมูจะมีสีเหลืองทอง ตักขึ้นมาพักไว้ให้เย็น ทำการหั่นหมูทอดเป็นชิ้นพอดีคำ
  6. ตักข้าวสวยใส่จาน ตามด้วยแกงกระหรี่ และหมูทอดคัตสึ พร้อมเสริฟได้เลย
ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด

การทำข้าวหน้าข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอดคัตสึ ในส่วนของขั้นตอนการทำแกงกระหรี่จะต้องเคี่ยวให้น้ำซุปข้นหนืดเล็กน้อย เพราะจะทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้น กลมกล่อมเหมือนซื้อทานที่ร้านเลยทีเดียว อีกทั้งสูตรข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอดที่นำมาแชร์ถือเป็นสูตรทำง่ายแลไม่ยุ่งยากอีกด้วย

รวมเคล็ดลับทำ ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด อย่างง่าย และอร่อยกลมกล่อม 

ข้าวหน้าแกงกะหรี่ หมูทอด

เคล็บลับการทำเมนูข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอดให้อร่อย ในส่วนการทำข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอดง่าย ๆ ควรเติมสาเกปรุงอาหารญี่ปุ่น หรือถ้าไม่มีสามารถใช้เบียร์ลงไปต้มกับเนื้อสัตว์ เพื่อให้เนื้อนุ่ม และยังทำให้แกงกระหรี่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนู ข้าวหน้าแกงกะหรี่มือใหม่ก็ทำได้ อร่อยด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.com/ 

Categories
อาหารนานาชาติ

เข้าครัวชวนทำ ต๊อกโบกี เมนูยอดนิยม สูตรออริจินอล ทำง่าย อร่อยถูกใจ

ต๊อกโบกี

สำหรับใครที่อยากลองทำเมนูอาหารเกาหลีทานกับครอบครัว ขอแนะนำ ต๊อกโบกี ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตของคนเกาหลีที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะมีร้านขายเมนูนี้อยู่ตลอด เพราะเป็นเมนูนูที่ทำง่ายและมีรสชาติอร่อยกลมกล่อม จึงทำให้เป็นที่นิยมของลูกค้า ซึ่งต๊อกโบกี คือ แป้งที่ผสมกับโคชูจังที่มีความเผ็ดนิดๆ อร่อยอย่างลงตัว และที่สำคัญต๊อกบกกีหากทานร้อนๆ ในช่วงหน้าหนาวจะฟินสุด 

เปิดวิธีทำ ต๊อกโบกี ตามสูตรดั้งเดิมสไตล์เกาหลี อร่อยกลมกล่อม 

ต๊อกโบกี

สำหรับใครที่ชอบไปเที่ยวเกาหลีจะต้องได้ลองชิม เมนูยอดฮิตอย่างต๊อกโบกี หนึ่งเมนูสุดโปรดของใครหลายคน อีกทั้งยังเป็นเมนูที่มีรสชาติหอมอร่อย และกลมกล่อมอีกด้วย ที่สำคัญแป้งต๊อกโบกีมีความนุ่มนิ่ม หนึบหนับ แถมรชาติของน้ำซอสเข้มข้นเข้ากันสุดๆ แต่ถ้าใครอยากลองทำเมนูอาหารเกาหลีชนิดดูสามารถหาซื้อแป้งต๊อกโบกี และวัตถุดิบชนิดอื่นตามร้านสะดวกซื้อชั้นนำได้ สำหรับสูตรต๊อกโบกี ง่ายๆ ที่เราจะพาทำในวันนี้เป็นสูตรดั้งเดิมที่สามารถทำทานด้วยตัวเองได้ง่ายมากๆ 

ต๊อกโบกี
  1. แป้งต๊อกโบกี 2 ถ้วย 
  2. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  3. ซอสโคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. พริกปุ่นเกาหลี 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  8. ต้นหอม 1 ต้น
  9. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  10. เบคอน 50 กรัม
  11. แครอท 20 กรัม
  12. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
  13. พริกปุ่นเกาหลี ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ไข่ต้ม 1 ฟอง

สำหรับส่วนผสมที่กล่าวมา เป็นวัตถุดิบของ สูตร ต๊อกโบกีไข่ต้ม หากใครไม่ชอบไข่ต้มสามารถไม่ใส่ก็ได้ และในส่วนของวิธีการทำ ต๊อกโบกีคือง่ายมาก โดยขั้นตอนมีดังนี้

ต๊อกโบกี
  1. ขั้นตอนแรกเริ่มจากการนำกระทะมาตั้งเตาใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่หัวหอมใหญ่ แครอท เบคอน ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนเบคอนสุก และมีกลิ่นหอม ต่อมาให้ใส่ซอสโคชูจัง โซยุ น้ำเชื่อม น้ำส้มสายชูหมัก พริกป่นเกาหลี และน้ำเปล่า คนในห้เข้ากันดี 
  2. ใส่แป้งต๊อกโบกีลงไป หลังจากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันกับน้ำซอส ต้มไปเรื่อยๆ ด้วยไฟแรงจนกว่าแป้งต๊อกจะนิ่ม และน้ำงวดลง
  3. เมื่อน้ำซอสเข้มข้นแล้ว ต่อมาให้โรยต้นหอมซอย งาคั่ว และตามด้วยไข่ต้มหั่นแบ่งครึ่ง เสร็จแล้วตักใส่จาน หรือกระทะร้อนให้เรียบแล้ว
ต๊อกโบกี

สำหรับวิธีการทำต๊อกโบกีจะต้องต้มแป้งให้สุกนิ่มนุ่มดีก่อนยกออกจากเตา เพราะแป้งต๊อกจะต้องต้มให้นาน หากแป้งไม่สุกดีจะทำให้เมื่อรับประทานแล้วจะแป้งแข็งไม่อร่อย ส่วนรสชาติของต๊อกโบกีไข่ต้มจะมีความเผ็ดเข้มข้น นอกจากนี้ขั้นตอนทำอาหารเกาหลีง่ายๆ อย่าง เมนูต๊อกโบกีที่ทำเอง ยังสามารถทำทานได้แบบไม่อั้น และยังสามารถทำแจกเพื่อนๆ ได้อีกด้วย หรือจะทำขายก็สามารถสร้างรายได้เสริมให้อีกทางหนึ่ง หรือจะทำเป็นอาชีพหลักก็สามารถทำได้ รับรองว่าลูกค้าแน่นร้านทุกวัน

แนะนำ สูตรต๊อกโบกีชีส เยิ้มๆ หอมละมุน อร่อยฟินทุกคำ

ต๊อกโบกี

หลังจากที่รู้จักสูตรต๊อกโบกีไข่หนึ่งในอาหารเกาหลียอดฮิตไปแล้ว แต่เรามีอีกหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำคือ ต๊อกโบกสูตรชีส ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มแรกใส่แป้งต๊อกโบกีลงไปในกระทะที่เติมน้ำเปล่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้น ใส่ซอสโคชูจัง ปูอัด ลูกชิ้นเนื้อ เต้าหู้ขาว กิมจิ และหอมหัวใหญ่ซอย ต้มส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน รอจนน้ำซอสเข้มข้น จากนั้นตักใส่กระทะ แล้วเปิดไฟปานกลาง หลังจากนั้นโรยชีสลงไป เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟได้แล้ว ซึ่งเมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ทำได้ง่าย และมีส่วนผสมที่เพียงน้อยนิด หากใครไม่อยากไปหาซื้อทานที่ร้านสามารถทำทานได้เอง อร่อยไม่แพ้ที่ขายในร้านอาหารเกาหลีดังๆ เลยทีเดียว 

ต๊อกโบกี

เมนูต๊อกโบกี มักจะพบได้บ่อยในฉากซีรีย์เกาหลี ซึ่งในซีรีย์มักจะมีการทำอาหารเกาหลีให้ดูกันบ่อย ซึ่งเมนูอาหารเกาหลีในซีรีส์แต่ละอย่างนั้นน่าทานทั้งนั้น อีกทั้งนักแสดงยังทานอาหารน่าอร่อยสุดๆ จนต้องอยากลองทานตามเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าใครเป็นคอซีรีย์อยากตามลองทำอาหารเกาหลี แนะนำให้ทำเมนูที่ยอดนิยมตลอดกาลอย่างต๊อกโบกีที่ไม่ว่าจะทำช่วงไหนก็อร่อยทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ และถ้าหากทานคู่กับกิมจิแล้วยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นหลายเท่า และที่สำคัญรสชาติที่ทำเองยังอร่อยตามสูตรอาหารเกาหลีดั้งเดิมอีกด้วย เพราะสูตรที่เรานำมาแชร์นั้นเป็นต๊อกโบกีสูตรต้นฉบับจากเกาหลีที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมโคชูจังที่มาพร้อมกับความเผ็ดอร่อย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

แนะนำเมนูอาหารเกาหลี บุลโกกิ เนื้อนุ่มฉ่ำๆ น้ำซอสเข้มข้น หอมละมุนลิ้น

บุลโกกิ

มาเอาใจสายเนื้อกันบ้างกับ บุลโกกิ หนึ่งในเมนูอาหารเกาหลีที่หลายคนยังไม่เคยลองทาน สำหรับเมนูนี้มีให้เลือกทานหลายสูตร อาทิ บุลโกกิหมู บุลโกกิเนื้อ เป็นต้น สำหรับบุลโกกิ คือ อาหารประเภทย่างเกาหลีมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ โดยเนื้อที่ใช้เป็นเนื้อเกรดเอพรีเมี่ยม ทำให้เมื่อนำเนื้อเหล่านี้มาปรุงอาหารจะทำให้เนื้อมีความนุ่มนิ่มอร่อยกว่าเนื้อชนิดอื่น นอกจากนี้ บุลโกกิ ประวัติที่น่าสนใจ คือ พุลโกกี มีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของเกาหลีของคาบสมุทรเกาหลี แต่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเกาหลีใต้สามารถพบได้ทั่วไปตามร้านอาหารหรูๆ ตลอดจนร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป 

รวมขั้นตอนการทำ บุลโกกิ เมนูสายเนื้อเกาหลี อร่อย ทำง่าย 

บุลโกกิ

สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อต้องไม่พลาด เพราะเรามีอีกหนึ่งเมนูสไตล์เกาหลีเกาใจมาให้ได้ติดตาม อย่างบุลโกกิ เกาหลี เนื้อนุ่มนิ่มที่มาพร้อมกับความฉ่ำของน้ำซอสละมุนละไมลิ้นสุดๆ ซึ่งซอสบูลโกกิ มีส่วนประกอบของโชยุ ทำให้เนื้อมีความกลมกล่อมมากขึ้น ซึ่งหลายคนสงสัยว่า เนื้อบุลโกกิ คือเนื้อส่วนใดที่นำมาทำอาหาร ซึ่งส่วนที่นำมาทำเมนูนี้คือ เนื้อสันนอก และเนื้อริบอาย นั่นเอง เพราะเป็นส่วนที่เนื้อมีความนุ่มไม่เหนียว ทำให้เมื่อรับประทานแล้วมีความนุ่มละมุน ส่วนวิธีเมนูเนื้อสไตล์เกาหลีก็ง่ายๆ มาก โดยเริ่มจากเตรียมวัตถุดิบ ส่วนผสมสำคัญดังนี้

บุลโกกิ
  1. เนื้อวัวสไลด์ 500 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  3. พริกไทย 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
  5. โคชูจัง 4 ช้อนโต๊ะ
  6. หัวหอม 1 หัว
  7. ลูกสาลีขูด ½ ลูก
  8. กระเทียม 7-8 กลีบ
  9. น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
  10. งาขาวคั่ว ½ ช้อนโต๊ะ
  11. ต้นหอมใหญ่ 1 ต้น
  12. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม และวัตถุดิบสำหรับน้ำจิ้ม

  1. โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำเชื่อม ½ ช้อนโต๊ะ
  3. งาขาวคั่ว ½ ช้อนโต๊ะ
  4. มิโชะ ½ ช้อนโต๊ะ

จบไปแล้วกับการเตรียมอส่วนผสม และวัตถุดิบในการทำเมนูเนื้อสไตล์อาหารเกาหลีง่ายๆ ซึ่งเมนูนี้จะมีส่วนผสมค่อนข้างมากพอสมควร แต่รับรองว่าหากทำออกมาแล้ว รับรองว่ารสชาติอร่อยสมกับที่ทำด้วยตัวเองแน่นอน อีกทั้งวัตถุดิบสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าชั้นนำทั่วไป และในลำดับต่อเรามาลงมือทำเนื่อสไตล์เกาหลีกันเลย 

บุลโกกิ
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรก นำกระเทียม หอมหัวใหญ่ และต้นหอมใหญ่มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำซอสโชยุ น้ำตาลทราย น้ำมันงา โคชูจัง พริกไทย และงาขาวคั่ว ใส่ลงไปในถ้วย จากนั้นคนทุกอย่างให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำสาลี่มาขูด หรือบดด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด นำสาลี่ปั่นมาเทในภาชนะที่มีส่วนผสมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ 
  2. นำเนื้อวัวสไลน์เกรดพรีเมี่ยมที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปหมักไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง
  3. หลังจากหมักเนื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำเนื้อหมักมาเทลงในกระทะ แล้วผัดจนกว่าเนื้อจะสุกได้ที่ดี เทใส่จานที่เตรียมไว้
  4. ทำน้ำจิ้ม โดยเริ่มจากนำ โคชูจัง น้ำเชื่อม งาขาวคั่ว และมีโชะ ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้จากนั้น จากนั้นคนส่วนผสมทั้งให้เข้ากัน เสร็จแล้วเสิร์ฟคู่กับเนื้อที่ผัดไว้ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ ได้เลย
บุลโกกิ

บุลโกกิอาหารเกาหลีอีกหนึ่งเมนูอาหารเกาหลียอดฮิตที่คนเกาหลีนิยมทำทานกันครอบครัว ด้วยรสชาติที่กลมกล่อมที่มาพร้อมกับความนุ่มละมุนของเนื้อทำให้เป็นเมนูที่ทุกคนในบ้านยกให้เป็นเมนูโปรดกันเลยทีเดียว และหากทานร่วมกับกิมจิยิ่งเพิ่มรสชาติให้มีความมากขึ้นอีกด้วย 

เมนู บุลโกกิหมูเกาหลี เนื้อนุ่ม รสชาติกลมกล่อม ละมุนละไม

บุลโกกิ

บุลโกกิเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่มีสองสูตร คือ สูตรเนื้อ และหมู ดังนั้นวันนี้เราจะมาเอาใจคนที่ไม่ชอบทานเนื้อกัน โดยสูตร และวิธีการทำนั้นสามารถใช้ร่วมกับบุลโกกิเนื้อได้เลย เพียงแต่เปลี่ยนจากเนื้อวัวเป็นหมูแทน ซึ่งหมูที่ใช้คือ เนื้อสันคอหมูสไลด์ เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้พุลโกกิที่มีรสชาติกลมกล่อม พร้อมทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจนต้องทานทำทานอีกเลยทีเดียว

บุลโกกิ

เมนูอาหารเกาหลีอย่างบุลโกกิเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเกาหลีในซีรีส์เกาหลีชอบทานร่วมกับเมนูอาหารชนิดอื่น หรือตามร้านอาหารทั่วไป สำหรับเมนูนี้สามารถหาทานได้ตามร้านอาหารเกาหลีชื่อดังในไทย โดยไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีก็สามารถหาทานได้ หรือถ้าอยากลองทำทานเองที่บ้านก็สามารถทำได้เพราะวิธีทำไม่ยากอย่างที่คิด แถมสูตรที่นำมาแชร์เป็นสูตรดั้งเดิมของเกาหลี ดังนั้นรสชาติอาหารที่ได้มีความกลมกล่อมไม่แพ้ขายที่ร้านแน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แนะนำสูตร บานอฟฟี่ หวาน นุ่ม หอมกลิ่นคาราเมล อร่อยไม่มีเบื่อ

บานอฟฟี่

สาย บานอฟฟี่ ไม่ควรพลาด เพราะวันนี้เราจะมาแชร์สูตร บานอฟฟี่ที่ทำง่ายๆ ขั้นตอนไม่ยาก แถมทำแล้วรสชาติอร่อยเหมือนไปทานที่ร้านเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถทำเป็นอาชีพเสริมก็สามารถสร้างกำไรได้ตั้งแต่เริ่มต้นขายขนมกันเลยทีเดียว หรือจะทำขนมสำหรับเป็นของฝากกับเพื่อน หรือคนพิเศษก็ได้ เพราะบานอฟฟี่ คือ ขนมเค้กที่มีรูปร่างหน้าสวยงาม แถมรสชาติอร่อยจนอดใจทานไม่ไหว ที่สำคัญเป็นขนมที่สามารถทานได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แถมยังทานได้ทุกวันอีกด้วย

แชร์วิธีการทำ บานอฟฟี่ อย่างง่าย มือใหม่ก็ทำได้ ทำง่ายไม่ยุ่งยาก 

บานอฟฟี่

ขนมเค้กบานอฟฟี่ ถือว่าเป็นขนมที่รสชาติหวาน หอมกลิ่นคาราเมลที่ยั่วยวนใจ จนไม่สามารถหยุดทานได้ อีกทั้งยังมีวิปปิ้งครีมที่นุ่มละลายในปากอร่อยสุดๆ ดังนั้นถ้าใครชอบทานขนมเค้กบานอฟฟี่ และอยากทำทานเองที่บ้าน วันนี้เรามีบานอฟฟี่ สูตรไหนอร่อย รสชาติหวานหอม ทำง่ายๆ และที่สำคัญวัตถุดิบ และส่วนผสมของขนมยังหาง่าย โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แถมราคาวัตถุดิบของขนมเค้กยังราคาไม่แพงอีกด้วย 

บานอฟฟี่

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมของฐานขนม

  1. บิสกิต 300 กรัม
  2. เนยสดจืด 100 กรัม

วัตถุดิบ และส่วนผสมชั้นช็อกโกแลต

  1. ดาร์กช็อกโกแลต 120 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 130 กรัม
  3. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

ส่วนผสมของชั้นที่ 3 กล้วย และคาราเมล

  1. น้ำตาลทรายแดง ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลคาราเมล ½ ถ้วยตวง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. วิปปิ้งครีม 2/4 ถ้วยตวง
  5. เนยรสจืด 30 กรัม
  6. กล้วยหอม 3-4 ลูก
บานอฟฟี่

ส่วนผสม ชั้น 4 วิปปิ้งครีม

  1. วิปปิ้งครีม 200 กรัม
  2. กลิ้นวานิลลา ½ ช้อนชา

ส่วนผสม ชั้นที่ 5 ผงโกโก้

  1. ผงโกโก้ชนิดไม่หวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบของบานอฟฟี่เรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำ บานอฟฟี่ ง่ายๆ โดยขั้นตอนของเรานั้นจะไม่ซับช้อนมากนัก โดยวิธีทำมีดังต่อไปนี้

บานอฟฟี่
  1. เรามาเริ่มต้นทำขนมที่ชั้นที่ 1 กันเลย โดยเริ่มจากนำบิสกิตไปปั่น หรือใส่ถุงทุบให้ละเอียด จากนั้นเทเนยละลายลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วใส่ในเป็นรูปร่าง โดยเทใส่พิมพ์แล้วอัดให้แน่น นำไปแช่ในตู้เย็น 1 ชั่วโมง เพื่อให้ขนมเซตตัว
  2. หลังจากนั้นมาทำชั้นที่ 2 นำวิปปิ้งครีม และดาร์กซ็อกโกแลตไปทำให้ละลายด้วยไฟอ่อนๆ คนส่วนผสมให้ละลาย พอซ็อกโกแลตละลายดีให้ยกลงจากเตา เติมกลิ่นวานิลลา คนให้ข้ากันอีกรอบ จากนันนำบิสกิตที่แช่ตู้เย็นออกมา เทซ็อกโกแลตที่ทำการละลายใส่ลงไป จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้ขนมเชตตัวอีกรอบ
  3. ต่อมาจะมาทำขนมชั้นที่ 3 นำหม้อใส่น้ำ น้ำตาลคาราเมล และน้ำตาลทรายแดง กับเกลือ จากนั้นนำไปตั้งไฟปานกลาง เมื่อน้ำตาลละลายหมด จะได้ส่วนผสมที่เหนียว และมีกลิ่นไหม้เล็กน้อย เทวิปปิ้งครีมลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วยกออกจากเตา ใส่เนยสด และกลิ่นวานิลลา ทำการคนจนกว่าเนยจะละลายหมด พักไว้ให้เย็น
  4. นำกล้วยมาปลอกเปลือก นำไปเรียงในพิมพ์ จากนั้นราดด้วยคาราเมล จากนั้นนำไปแช่เย็นให้คาราเมบแข็งตัว สักพักนำมาใสวิปปิ้งครีม 
  5. ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการทำชั้นที่ 4 โดยการใส่วิปปิ้งครีมลงในอ่าง เติมกลิ่นวานิลลาลงไป เสร็จแล้วตีวิปปิ้งครีมให้ฟู นำไปเทใส่พิมพ์บิสกิต 
  6. หลังจากนั้นโรยผงโกโก้ลงไป นำเอาไปแช่ในตู้เย็นให้คาราเมล และวิปปิ้งครีมเซตตัว จากนั้นโรยด้วยผงโกโก้ เพียงเท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
บานอฟฟี่

เมื่อทำขนม เค้กบานอฟฟี่ เสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในตู้เย็นสักพัก เพื่อให้คาราเมล และวิปปิ้งครีมเซตตัวดีก่อน จากนั้นนำออกมาตัดเป็นชิ้นๆ ให้สวยงาม เพียงเท่านี้ก็จะได้เค้กบานอฟฟี่ที่มีรสชาติแสนอร่อยน่าทาน แถมวิธีทำบานอฟฟี่ ง่ายๆ ด้วยตัวเอง อยู่บ้านก็ทำได้ 

ชวนทำ บานอฟฟี่ ถ้วยจิ๋ว หอมอร่อยกำลังดี ไม่ต้องใช้เตาอบ 

บา นอฟ ฟี่ เป็นเมนูขนมเค้กที่สามารถทำได้หลายสูตร และอีกหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำอย่าง บานอฟฟี่ ถ้วยจิ๋ว เพียงแค่ใส่คุกกี้บด ตามด้วยทอฟฟี่คาราเมล และวิปปิ้งครีมใส่ในถ้วย เสร็จแล้วพร้อมเสิร์ฟได้เลย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งที่รสชาติอร่อยไม่แพ้กันอย่าง บานอฟฟี่โอริโอ้ โดย วิธีทํา บานอฟฟี่ โอริโอ้ นั้นง่ายมากๆ เพียงทำตามสูตรเรานำมาแชร์ได้เลย โดยเปลี่ยนจากบิสกิต เพียงเท่านี้ก็สามารถทานได้แล้ว 

บานอฟฟี่

บานอฟฟี่คือหนึ่งในเบเกอรี่ ที่มีวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ โดยสามารถทำเองมาสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่า เค้กบานอฟฟี่ ที่เป็นเบเกอรี่ทำเองจะมีความอร่อยถูกปากตัวเอง และคนในครอบครัว และที่สำคัญขนมชนิดนี้ยังเป็นเมนูเบเกอรี่ที่สามารถทำขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

แชร์สูตรเด็ด ไก่ทอด เกาหลี กรุบกรอบนอก นุ่มใน รสชาติจัดจ้าน

ไก่ทอด เกาหลี

มาเอาใจสายชอบทานไก่ทอดกันบ้าง สำหรับใครที่เบื่อไก่ทอดธรรมดาๆ แล้ว วันนี้เรามีเมนูเด็ดอย่าง ไก่ทอด เกาหลี รสชาติหวานปนเผ็ดนิดๆ มาให้ทุกคนได้ลองทำทานเองได้ที่บ้าน ซึ่งเมนูไก่ทอดเกาหลีจะมีความแตกต่างจากไก่ทอดทั่วไปตรงที่มีการราดน้ำซอสลงไปหลังทอดเสร็จ ทำให้ไก่ทอดมีหลากหลายรสชาติมากขึ้น แถมยังสามารถทานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย

เปิดขั้นการทำ ไก่ทอด เกาหลี เมนูสุดฟิน ทานได้แบบไม่อั้น 

ไก่ทอด เกาหลี

เชื่อว่าหลายคนที่ชอบทานไก่ทอดเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะไก่ทอดขึ้นว่าเป็นเมนูที่สามารถหาทานได้ง่าย และรสชาติมีความกลมกล่อม และยิ่งได้ทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ ยิ่งทำให้ไก่ทอดเพิ่มความหอมอร่อยกลมกล่อมฟินทุกคำ แต่วันนี้เรามีอีกหนึ่งเมนูไก่ทอดมาแนะนำให้ลองทำทานที่บ้านก็คือ ไก่ทอดเกาหลี ราดด้วยซอสโคซูจัง เพิ่มความเผ็ดให้กับไก่ทอดได้เป็นอย่างดี ซึ่งสูตรไก่ทอดซอส เกาหลีที่เรานำมาแชร์นั้น เป็นสูตรต้นฉบับที่มีรสชาติอร่อยมานั่งทานที่ร้านแน่นอน

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมทำไก่ทอดสไตล์เกาหลี

ไก่ทอด เกาหลี
  1. น่องไก่ และปีกไก่ 7-8 ชิ้น
  2. พริกไทย ½ ช้อนชา
  3. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  4. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ซอสโคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมันสำหรับทอด
  8. น้ำเปล่า ½ ถ้วย
  9. งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  10. ต้นหอมซอย (ใส่ได้ตามใจชอบ)
  11. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดในการทำไก่ทอดสไตล์เกาหลี หากใครไม่ชอบทานงาขาวสามารถไม่ใส่ก็ได้ เพราะรสชาติของไก่ทอดยังคงอร่อยเหมือนเดิม เพียงแต่ไก่ไม่มีความหอมของกลิ่นงาคั่ว ในส่วนของวิธีทำไก่ทอดไลตล์เกาหลี และซอส ไก่ทอดเกาหลีสูตรเข้มข้นสามารถทำตามได้ดังนี้

ไก่ทอด เกาหลี
  1. นำปีกไก่ และน่องไก่ ใส่เกลือ และพริกไทย คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเทแป้งทอดกรอบลงไป คลุกเคล้าแป้งกับไก่ให้เข้ากัน หมักไก่ที่ไว้ประมาณ 10-15 นาที
  2. นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันลงไป ใช้ไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนได้ที่ใส่ไก่ที่เตรียมไว้ลงไป ทอดไก่ให้เหลืองกรอบ จากนั้นเมื่อไก่สุกแล้วให้ตักไก่ทอดมาวางพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน 
  3. ในขั้นตอนต่อมาทำซอสเกาหลีคลุกไก่ โดยเริ่มจากเทน้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย จากนั้นตามด้วยกระเทียมสับลงไปผัดให้กระเทียมหอม ตามด้วยซอสโคชูจัง น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู ซอสมะเขือเทศ ใช้ไฟอ่อนแล้วผัดส่วนผสมให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเริ่มหนืดให้เติมน้ำเปล่าลงไป คนส่วนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง
  4. เมื่อน้ำซอสเริ่มงวดขึ้น ให้นำไก่ที่ทอดไว้ใส่ในกระทะ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำตักไก่ใส่จาน โรยงาขาว และต้นหอมซอยลงไป เพียงแค่นี้เป็นอันเสร็จ
ไก่ทอด เกาหลี

ไก่ทอดเกาหลี มีขั้นตอนการทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แต่ต้องระวังในเรื่องการทอดไก่ต้องรอให้น้ำมันร้อนก่อน จากนั้นค่อยๆ ใส่ไก่ลงไปทอด และที่สำคัญต้องใส่น้ำมันให้ท่วมไก่ ไม่เช่นนั้นไก่จะติดกระทะได้ แถมไก่ไม่สุกอีกด้วย ดังนั้น วิธี ทำ ไก่ ทอด เกาหลีจะต้องใช้ความชำนาญ และต้องใจเย็น เพื่อที่จะได้ไก่ทอดที่หอมกรอบอร่อย รสชาติเผ็ดหวานจากโคชูจังอร่อยสุดๆ

แชร์สูตร ไก่ทอด เกาหลีหนังกรอบ ราดด้วยซอสสไตล์เกาหลีสูตรเข้มข้น

ไก่ทอด เกาหลี

สำหรับไก่ทอด เกาหลี มีให้เลือกทานหลากหลายสูตร หากใครไม่ชอบไก่ทอดสไตล์เกาหลีสูตรซอสโคชูจังที่มีความเผ็ดเล็กน้อย ขอแนะนำสูตร ไก่ทอดเกาหลี ไก่ทอดหนังกรุบกรอบราดด้วยน้ำซอสหวานกลมกล่อมไม่เผ็ด แต่รสชาติอร่อยกลมกล่อมไม่แพ้สูตรโคชูจังเลยทีเดียว ส่วนวัตถุดิบในการทำไก่ทอดเกาหลี ง่ายๆ สามารถใช้ตามสูตรโคชูจังได้เลย เพียงแต่เปลี่ยนจากโคชูจังซีอิ้วขาวเคี้ยวกับกระเทียมสับ น้ำตาล และงาคั้ว จากนั้นนำไก่ทอดลงไปคลุกเคล้าในน้ำซอสอีกทั้ง เพียงเท่านี้ก็จะได้ไก่ทอดกรอบเคลือบด้วยน้ำซอสหวานกลมกล่อมแบบอร่อยฟินทุกคำ 

ไก่ทอด เกาหลี

ไก่ทอด เกาหลีถูกจัดว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีง่ายๆ ที่สามารถหาทานได้ง่าย เพราะมีขายทั่วไปตามร้านอาหารเกาหลียอดฮิตดังๆ ทั่วไป อีกทั้งยังมีขายตามตลาดนัดโซนอาหารตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ทำได้ง่าย มีขั้นตอนยุ่งยากสามารถลองทำตามได้ไม่ยาก ส่วนรสชาติอร่อยไม่สูตรดั้งของเกาหลีเลยทีเดียว แถมยังสามารถทานได้แบบไม่อั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาที่ต้องจ่าย เพราะเราทำทานเอง อยากทานเยอะแบบจัดหนักจัดเต็มก็สามารถทำได้ หรืออยากตามรอยอาหารเกาหลีในซีรีส์ก็สามารถทำไก่ทอดสไตล์ทานพร้อมกับเบียร์เย็นดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนฟินสุดๆ 

อ่านบทความอื่นๆ: