Categories
อาหารนานาชาติ

เอาใจสายเส้น ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูอาหารรสเด็ดส่งตรงจากดินแดนโสมขาว อร่อยบอกต่อ

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูยอดฮิตจากเส้นเหนียวนุ่ม เสริมทัพด้วยเครื่องแน่น ๆ แบบจัดหนัก จัดเต็ม หอมกลิ่นน้ำมันงาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียกได้ว่าเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถพบเห็นได้ง่าย ๆ ในซีรีย์เกาหลีที่มีโอกาสได้ดูกันอยู่บ่อย ๆ ด้วยหน้าตาชวนรับประทาน ทำให้หลายคนต้องไปตามล่าหาตำกันเป็นแถบ แน่นอนว่าเมนูวุ้นเส้นเกาหลีแบบต้นตำรับหาซื้อได้ยากในไทย เราจึงไม่พลาดแวะมาแชร์วิธีทำง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำตามทานเองที่บ้านได้เลยในบทความนี้

ที่มาที่ไปของอาหารยอดนิยม “จับแช” หรือ ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูที่หลายคนรู้จักผ่านซีรีย์จนต้องตามไปลิ้มลอง

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

ผัดวุ้นเส้นเกาหลีในภาษาเกาหลีมาจากการผสมรวมของคำศัพท์สองคำ คือ “Jap” แปลว่า ผสมรวมเข้าด้วยกัน และคำว่า “Chae” ที่แปลว่า ผัก กลายเป็น เมนุวุ้นเส้นเกาหลี ที่อ่านว่า “จับแช” นั่นเอง เป็นเมนูที่ชาวเกาหลีมักทำทานกันในงานเลี้ยง หรือโอกาสพิเศษ โดยจะเพิ่มเนื้อสัตว์เข้าไปด้วย ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่วัตถุดิบผักที่จะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล นิยมเสิร์ฟทานคู่กับข้าว หรือจะทานเป็น ผัดวุ้นเส้น เกาหลีเผ็ด จานหลักเลยก็ย่อมได้ 

พาส่องสูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับ ขั้นตอนการทำเมนูเส้นอย่าง ผัดวุ้นเส้นเกาหลีสันในหมูหมัก ทำง่ายได้ที่บ้าน

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

ก่อนจะไปเริ่มขั้นตอนการทำผัดวุ้นเส้นเกาหลีนั้น ตามเราไปดูความดีงามของวัตถุดิบของเมนูนี้กันก่อน เพราะวุ้นเส้น ไม่ได้ใช้วุ้นเส้นที่มีอยู่ในบ้านเรา แต่เป็นวุ้นเส้นแบบฉบับเกาหลี ความพิเศษของตัวเส้นเหนียวนุ่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำมาจากมันสำปะหลัง รสชาติเข้มข้นตามสไตล์เกาหลี อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของน้ำมันงา 

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

วัตถุดิบในการทำ

– ซีอิ๊วญี่ปุ่น 4 ช้อนโต๊ะ

– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

– สันในหมูหั่นเส้น 200 กรัม

– กระเทียมจีนสับ 1 ช้อนโต๊ะ

– วุ้นเส้นเกาหลี หรือ ทังมยอน 100 กรัม

– น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

– หอมใหญ่ซอย 1 ถ้วย

– แครอทหั่นเส้น ½ ถ้วย

– พริกหวานสีแดงหั่นเส้น ½ ถ้วย

– ผักโขมลวกหั่นท่อนขนาด 2 นิ้ว ½ ถ้วย

– เห็ดหอมแห้งดอกใหญ่ แช่น้ำจนนุ่มซอย 6 ดอก

– งาขาวคั่วและต้นหอมซอย สำหรับโรย ตามชอบ

– น้ำมันงา สำหรับปรุงรส ตามชอบ

ขั้นตอนและวิธีการทำ วุ้นเส้นเกาหลี

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

– เริ่มต้นด้วยการทำซอสหมัก เพียงผสมซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำตาลทราย และน้ำมันงาเข้าด้วยกัน ตักออกมาเพียง 2 ช้อนโต๊ะในชามผสม แล้วนำเนื้อหมูและกระเทียมจีนสับลงไปคลุกเคล้าเพื่อทำการหมัก

– ตั้งหม้อไฟปานกลาง เมื่อน้ำเดือนในใส่วุ้นเส้นเกาหลีลงไปต้ม ใช้เวลาประมาณ 6 นาที ระหว่างนั้น ให้สลับมาผัดหอมใหญ่ แครอท พริกหวานแดงและผักโขมผัดด้วยน้ำมันพืชให้พอสุก แล้วพักไว้

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

– หลังจากนั้นให้ใช้กระทะใบเดิมที่มีรอบน้ำมันอยู่ แล้วจึงนำหมูที่หมักไว้ใส่ลงไป ตามด้วยเห็ดหอมซอยผัดให้เข้ากัน ปิดท้ายด้วยการเติมซอสผสมส่วนที่เหลือและวุ้นเส้นที่เตรียมไว้ลงไป ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดี

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ต๊อกบกกี เมนูสตรีทฟู๊ดสุดฮอต รสชาติดี อร่อยเข้มข้นจนติดใจ ต้องกลับไปซ้ำทุกราย พลาดไม่ได้ต้องลอง!

ต๊อกบกกี

ต๊อกบกกี หนึ่งในเมนูสตรีทฟู๊ดสุดฮอตที่คนไทยหัวใจเกาหลีหลายคนติดอก ติดใจ จนต้องตามไปตำ ลิ้มลองรสชาติอร่อยเข้มข้นของน้ำรสซอสเผ็ดร้อน ราดบนแป้งต๊อกหนึบหนับ เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ ที่สำคัญในปัจจุบันยังหาทานได้ง่าย ไม่ต้องบินข้ามประเทศไปไกลถึงเกาหลีก็มีเมนูเด็ดให้ทานกันได้ทุกช่วง แต่สำหรับยุคที่เต็มไปด้วยมลภาวะ และโรคระบาด การออกไปตะลุยร้านอาหารเกาหลีแท้ ๆ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หลายคนจึงเริ่มหันมาทำเองเสียเลย เราจึงไม่พลาดพาไปทำความรู้จักเมนูนี้ก่อนชวนไปลองทำ

ทำความรู้จัก ต๊อกบกกี Tteokbokki เมนูอาหารยอดฮิตของเกาหลี ที่หลายคนหลังรักในรสชาติเผ็ดร้อนสุดจัดจ้าน

ต๊อกบกกี

ต๊อกบกกีเป็นเมนู อาหารเกาหลี ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเกาหลี แถมยังได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ตัวแป้งเหนียวนุ่ม เคี้ยวหนึบ โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์นั้นทำมาจากเค้กข้าว ราดด้วยซอสที่มีส่วนผสมของโคชูจังที่มักใส่ลงไปในอาหารต้นตำรับเกาหลีเกือบทุกชนิด กลายเป็นจานเด็ดเผ็ดร้อนที่ครองพื้นที่ในหัวใจของใครหลายคนได้เต็มอัตรา หาทานได้ง่าย ตามตลอดทั่วไปในเกาหลี รวมถึงในไทยเองด้วย

บอกต่อความอร่อย สูตรต๊อกบกกี แสนอร่อยแบบต้นตำรับ เหมือนบินไปกินถึงเกาหลี ทำเองได้ที่บ้าน 

ต๊อกบกกี

สำหรับใครที่ชื่นชอบและหลงใหลในรสชาติของต๊อกบกกี และกำลังมองหา สูตรต๊อกบกกี ทำกินเองง่าย ๆ ที่บ้าน ขอบอกเลยว่าสูตรที่เรานำมาฝากในวันนี้ จะได้รสชาติแสนอร่อยแบบออริจินัล แถมทำง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากอีกด้วย จะเป็นอย่างไร ต้องตามไปดู

ต๊อกบกกี

วัตถุดิบในการทำ

แป้งต๊อก 400 กรัม 

– ลูกชิ้นปลาแผ่น 3 แผ่น 

– ไข่ต้ม 2 ลูก 

– ต้นหอมซอย (ตามชอบ) 

– โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ 

– พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ 

– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ 

– น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ 

– ผงปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนและวิธีการ ทำต๊อกบกกี

ต๊อกบกกี

– เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการทำซอสราดต๊อก ให้นำซอสโคชูจัง น้ำตาลทราย พริกป่น น้ำเชื่อม และผงปรุงรสคนผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้

– จากนั้นให้ตั้งกระทะแล้วเทน้ำตามลงไป รอให้น้ำเดือดเล็กน้อย แล้วใส่ซอสที่เตรียมไว้ลงไปละลายน้ำ 

– ใส่ตัวแป้ง ลูกชิ้นปลาแผ่น และไข่ต้มลงไปตามชอบ หลังจากนั้นคนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วทิ้งไว้ให้แป้งสุก ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พร้อมเสิร์ฟ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

มันบด เมนูเครื่องเคียงยอดฮิต ที่ไม่ได้มีดีแค่การเป็นเครื่องเคียง

มันบด

ถ้าใครได้ทานอาหารฝรั่งหลาย ๆ จาน จะต้องเจอกับเครื่องเคียงที่พบเห็นได้บ่อย ๆ อย่าง มันบด แน่นอน ไม่ว่าคุณจะกินสเต็ก ไก่ทอด หรือเมนูอื่น ก็มักจะมีมันฝรั่งบดมาเป็นเครื่องเคียงอยู่ด้วยเสมอ บอกเลยว่าเมนูนี้เป็นเมนูที่หากินกันได้ง่ายมาก แถมยังเป็นเมนูที่มีคนชื่นชอบติดท็อปโลกกันเลย ด้วยรสชาติที่กินง่าย อร่อยแบบคลาสสิก นำไปกินกับอะไรก็อร่อยหมดทุกอย่าง กินเดี่ยว ๆ ก็ได้รสชาติและสัมผัสที่ละมุน อร่อยเกินกว่าจะเป็นแค่เครื่องเคียงขนาดนี้ เราจะพลาดการพาทุกคนไปดูเรื่องราวของมันบดได้อย่างไร

ที่มาของเมนู มันบด เมนูคลาสสิกสุดง่าย กินกับอะไรก็อร่อย ใครได้กินก็ชอบ

มันบด

มันบดเกิดขึ้นครั้งแรกในอเมริกาช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นอาหารที่จะอยู่ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าของศาสนาคริสต์นั่นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วเมนูนี้ก็ไม่ได้อยุ่เพียงแค่ในอเมริกาเท่านั้น เพราะทางฝั่งยุโรปก็ทำเมนูมันฝรั่งบดขึ้นมาหลากหลายรูปแบบ ใช้กินกันเป็นเครื่องเคียงกันเป็นปกติในชีวิตประจำวัน จนถึงขั้นที่หลาย ๆ คนพูดกันว่า มันบดกินกับอะไรก็อร่อย

มันบด

และอีกหนึ่งการเป็นเครื่องเคียงยอดฮิต ที่นำเมนูนี้โด่งดังกันไปทั่วโลกก็ต้อง มันบด KFC ที่เป็นมันฝรั่งบดเนื้อละเอียด กินคู่กับน้ำเกรวี่รสชาติดี นำไปกินพร้อมไก่ทอดบอดเลยว่าฟินขั้นสุด ใครที่ได้ลองก็ล้วนติดใจกันเป็นแถบ ๆ เลยจ้า

วิธีการทำมันฝรั่งบดแบบง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน พร้อมแชร์ทริคเด็ด กินมันฝรั่งบดให้อร่อยกว่าเดิม

มันบด

สำหรับวิธีการทำมันบด ที่เรานำมากในวันนี้ เป็น BASE มันฝรั่งบด ที่ได้รสชาติความอร่อยแบบออริจินอล ส่วนถ้าใครชื่นชอบความมีมิติของอาหารมากขึ้น ก็สามารถนำเจ้ามันฝรั่งบดตัวนี้ไปกินกับ ซอสมันบด เพิ่มรสชาติเข้มข้นถึงใจ หรือจะเป็นเมนู มันบดอบชีส ได้ความนัวชวนฟินไม่ไหว หรือแม้กระทั่งเป็นเมนู มันบดทอด ก็อร่อยไม่แพ้กัน เห็นไอเดียเมนูเพียบขนาดนี้ก็ไปเริ่มทำมันฝรั่งบดกันดีกว่า

มันบด

วัตถุดิบ

  1. มันฝรั่ง 2 ลูก
  2. เนยจืด 30 กรัม
  3. ครีม หรือนมสด 180 มล.
  4. เกลือ
  5. พริกไทย
มันบด

วิธีการทำ

  1. ตั้งหม้อใส่นำเปล่าลงไปในปริมาณที่จะท่วมมันฝรั่ง ใส่เกลือ ตั้งไฟรอจนเดือด กรีดผิวมันฝรั่งเพื่อให้ปอกเปลือกง่ายขึ้น แล้วนำมันฝรั่งลงไปต้มจนสุก แช่น้ำให้หายร้อน ปอกเปือกออกแล้วหั่นเป็นลูกเต๋า จะได้บดง่ายขึ้น
  2. ใช้ส้อม หรือที่บด บดมันฝรั่งให้มีเนื้อเนียนละเอียด ถ้าใครชอบให้มีเท็กเจอร์ก็สามารถบดให้ไม่ละเอียดมากได้
  3. ใส่ครีม หรือนมสดลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทย ผสมให้เข้ากัน เท่านี้ก็ได้มันฝรั่งบดพร้อมกินแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet เว็บพนันsagame ยอดนิยม

Categories
อาหารนานาชาติ

กิม จิ ผักดองแบบเกาหลี เครื่องเคียงข้างโต๊ะที่ขาดไม่ได้ ต้องมีคู่มื้อเด็ดประจำโต๊ะอาหารเกาหลี

กิม จิ

กิม จิ เมนูผักดองจากภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวเกาหลี วัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับแพร่หลายไปทั่วโลก ส่วนผสมของผักเข้มข้น เด่นในรสเปรี้ยวเผ็ด เคี้ยวกรุบกรอบ จะเลือกทานเป็นกับแกล้มในแต่ละมื้อ หรือจะนำมาเป็นส่วนผสมในการประกอบอาหารก็อร่อยลงตัวไม่แพ้กัน ที่สำคัญนี่เป็นวิธีการถนอมอาหารที่ทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถเก็บไว้ทานได้ตลอดทั้งปี 

ก่อนมาเป็น กิม จิ Kimchi เมนูผกที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทานแล้วมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย

กิม จิ

กิม จิเรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติของเกาหลีเลยก็ว่าได้ ยิ่งนานวันไป ยิ่งฮอตฮติดเทรนด์ ได้รับความนิยมจากสายกินทั่วโลก เป็นหนึ่งในเมนูแห่งวัฒนธรรม เพราะการทานเมนูนี้ เป็นประเพณีที่ทำกันมาเป็นเวลายาวนาน ถึงแม้ว่าหลายคนจะคุ้นตากับภาพวัตถุดิบผักกาดขาวแต่ยังมี กิมจิไชเท้า และ กิมจิแตงกวา ให้เลือกทานอีกด้วย ในอดีตมักจะหมักเก็บไว้ในโอ่งดินขนาดยักษ์แล้วนำไปฝังไปใต้ดินเพื่อรักษาอุณหภูมิ 

กิม จิ

ที่สำคัญเมนูนี้ยังอัดแน่น ไปด้วยประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ทั้งช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี บรรเทาอาการอักเสบได้ดี นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำ ช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย 

เปิดสูตรการทำ กิม จิ แบบต้นตำรับ ทำง่าย ๆ ได้ที่บ้าน อร่อย มีโประโยชน์ ไม่ต้องง้อร้านอาหารอีกต่อไป

สูตรการทำ กิมจิ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้เป็น กิมจิผักกาดขาว ที่สามารถเก็บไว้ทานเป็นเครื่องเคียง หรือใครอยากเอาทำเป็นส่วนผสมของเมนู อาหารเกาหลี สุดฮอต อย่างข้าวผัดกิมจิ หรือซุปเต้าหู้กิมจิก็สามารถทำได้

กิม จิ

วัตถุดิบในการทำ

– ผักกาดขาว 1,500 กรัม

– แครอท 170 กรัม 

– แตงกวา 350 กรัม 

– ต้นหอม 150 กรัม 

– ผักสดตามชอบ

กิม จิ

ส่วนผสมซอสหมัก 

– แป้งข้าวเหนียว 65 กรัม

– น้ำเปล่า 120 มิลลิลิตร

– น้ำตาลทรายแดง 40 กรัม 

– หอมหัวใหญ่ 1 ลูก 

– ขิง 2 ช้อนชา 

– ลูกแพร 1/2 ผล 

– กระเทียม 1 ถ้วย

– พริกเกาหลี 200 กรัม 

– น้ำปลา 1 ถ้วยตวง 

ขั้นตอนและวิธีการทำ

กิม จิ

– เริ่มต้นขั้นตอนแรกด้วยการเตรียมหั่นผักทั้งหมด แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นนำผักกาดขาวมาแช่เกลือเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วตามด้วยแตงกวาและต้นหอมลงไปแช่รวมกันอีก 1 ชั่วโมง ครบเวลาให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด พักไว้

– มาถึงขั้นตอนการทำซอสหมัก ทำการกวนแป้งข้าวเหนียวที่ผสมกับน้ำ ตั้งไฟอ่อน ๆ พอเริ่มเดือนให้ใส่น้ำตาลทรายตามลงไป พักไว้ให้เย็น จากนั้นมาเตรียมเครื่องปั่นใส่ส่วนผสมหอมหัวใหญ่ กระเทียม ขิง ลูกแพรสด และน้ำปลาลงไปแล้วปั่นให้ละเอียด

กิม จิ

-เททั้งหมดลงในชามผสม แล้วตามด้วยพริกเกาหลีและแครอทขูดฝอย คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วใส่ในขวดโหลที่ผ่านการลวกน้ำร้อนฆ่าเชื้อมาแล้ว พักไว้ 1 คืน จึงค่อยนำเข้าตู้เย็น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://paperindustrymag.com เว็บพนันมาใหม่

Categories
อาหารนานาชาติ

ฟัวกราส์ ตับห่านรสเลิศ เมนูสุดหรูจากประเทศฝรั่งเศส สัมผัสแบบละลายในปาก ยืนหนึ่งเรื่องความนัว

ฟัวกราส์

ฟัวกราส์ จานพิเศษสุดหรูจากประเทศฝรั่งเศส เมนูอาหารที่ให้สัมผัสแบบนุ่มละมุน ละลายในปาก ใครที่ชอบกินอาหารที่ได้ฟีลแบบนัว ๆ จะต้องชื่นชอบเมนูนี้อย่างแน่นอน กิน ฟัวกราส์ มูส คู่กับขนมปัง บอกเลยว่าอร่อยจนลืมหายใจ ชิมแล้วต้องซ้ำ ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้จริง ๆ ตามไปดูความดีงามของเมนูตับห่าน อาหารจานเด็ดส่งตรงจากฝรั่งเศส ส่องเรื่องราวความเป็นไปของเมนูที่มีตำนาน กินอร่อยแถมอุดมไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกายแบบแน่น ๆ เป็นเมนูที่หลายคนตั้งปณิธานไว้เลยว่าต้องลองสัมครั้งหนึ่งในชีวิต

พาส่องที่มาของเมนู ฟัวกราส์ ตับห่านจานเด็ดในมื้อพิเศษ ความตราตรึงที่ใครได้ลิ้มลองก็ต้องติดใจ

ฟัวกราส์

ฟัวกราส์ ทำมาจาก ตับห่าน หรือเป็ดที่ถูกเลี้ยงจนอ้วน โดยฟัวกราส์ จริง ๆ แล้วมาจากประเทศอียิปต์ เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่เป็นยาบำรุงของชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งถูกนำมาทำให้เป็นเมนูเด็ดเมนูดังของประเทศฝรั่งเศส จากครัวของพระสันตะปาปาที่รังสรรค์เมนูตับห่านให้ออกมาเป็นอาหารรสเลิศแบบที่เราได้กินกันในทุกวันนี้ ซึ่งขอบอกเลยว่า ฟัวกราส์ฝรั่งเศส มีการคัดเกรดกันด้วย ยิ่งถ้าเป็นตับแบบถูกกฎหมายก็จะยิ่งมีราคาแพงขึ้นไปเรื่อย ๆ เลยทีเดียว

ฟัวกราส์

ส่วนถ้าใครสงสัยว่า ฟัวกราส์กินกับอะไร เมนูนี้นิยมนำมาบดให้ละเอียดเป็นมูสแล้วกินคู่กับขนมปัง แยมผลไม้ หรือจะกินคู่กับไวน์ก็อร่อยเลิศไม่แพ้กัน นอกจากนี้ก็ยังมีการนำเมนูนี้ไปประยุกต์กินกันแบบสเต็ก หรือนำไปทำเป็นหน้าซูชิ ก็ได้ความแปลกใหม่แบบที่ใครลิ้มลองก็น่าจะติดใจกันทั้งนั้น

วิธีการทำตับห่าน ทำอย่างไรให้อร่อยจนลืมหายใจ เนื้อสัมผัสแบบไหนที่ใช่ วันนี้มีคำตอบ

ฟัวกราส์

สำหรับวิธีการปรุงฟัวกราส์นั้น สามารถทำได้โดยการนำตับห่านที่ได้มา มาเซียร์บนเตาให้มีความสุกที่พอดี โดยจะเซียร์ไปทีละข้าง ข้อสำคัญ คือต้องใช้กระทะที่แห้ง และร้อนจัด ซึ่งจะเซียร์ข้างละประมาณ 30 วินาที เพื่อไม่ให้ตับห่านสุกจนเกินไป และ วิธี ทำ ฟัวกราส์ มูสนั้น ก็นำตับห่านที่เซียร์แล้วไปบดให้เนื้อเนียนละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยเล็กน้อย นำไปกินคู่กับขนมปัง รับรองเลยว่าอร่อยจนลืมหายใจ

ฟัวกราส์

ส่วนถ้าใครกังวลเกี่ยวกับฟัวกราส์ การผลิต ที่มีการทารุณสัตว์นั้น เดี๋ยวนี้เขามีโรงงานที่เพาะตับห่านในห้องแล็บ ไม่สร้างอันตรายต่อสัตว์ และยังมีฟาร์มที่ผลิตตับห่านแบบถูกกฎหมายมารองรับอีกด้วย บอกเลยว่าปลอดภัยจากการทารุณกรรมสัตว์แน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://paperindustrymag.com ศูนย์รวมพนันออนไลน์

Categories
อาหารนานาชาติ

เสี่ยวหลงเปา อาหารจีนที่แสนน่าทาน น่าหลงไหล

เสี่ยวหลงเปา

อาหารจีน เป็นอีกหนึ่งเชื้อชาติทางการกิน ที่แพร่หลายไปทุกมุมโลก อาจเป็นเพราะประชากรชาวจีนที่กระจายไปตั้งรกรากอาศัย ทำการค้าอยู่ทุกแห่ง เสี่ยวหลงเปา ย่อมจะเป็นหนึ่งในเมนูที่หาทานง่าย เรียกได้ว่าเป็นอาหารด่านหน้า ของแทบทุกเมืองที่มีย่านไชนาทาวน์ตั้งอยู่ 

เสี่ยวหลงเปาเป็นติ่มซำชนิดหนึ่ง รูปร่างหน้าตาคล้ายขนมจีบผสมกับซาลาเปา ความหมายของมันคือซาลาเปาลูกเล็ก ในเข่ง ชื่อแต่เดิมคือ “ทางเปา” จนผ่านวันเวลามาเรื่อย ๆ ก็ปรับขนาดให้เล็กลงเหมือนปัจจุบัน อีกความหมายที่ตรงตัวของมันก็คือ เสี่ยว แปลว่าเล็ก , ลูก หลงแปลว่า มังกร , กษัตริย์ เปาแปลว่าซาลาเปา หมายถึงของทานเล่นของลูกกษัตริย์ที่ออกนอกวังในสมัยก่อนนั่นเอง

เสี่ยวหลงเปา

โดยเสี่ยวหลงเปาจะใช้แป้งอเนกประสงค์ผสมกับแป้งขนมปังในการทำ ด้านในจะเป็นน้ำซุปที่มาจากการเคี่ยวหนังไก่ หนังหมู ให้เป็นวุ้น หรือที่เรียกว่าเจลลี แล้วนำมาใส่เป็นไส้ เวลานำไปอบ ไปนึ่ง ไส้ด้านในจะละลายกลายเป็นน้ำซุปด้านใน ส่วนในปัจจุบันจะใช้เป็นเนื้อ เช่น หมูสับ หรือผักสอดไส้เข้าไปเลย สูตรนี้ว่ากันว่า เจ้าของร้าน “รื่อหัวเสวียน” ในมหานครเซี่ยงไฮ้ ช่วงปี ค.ศ. 1870 เป็นผู้คิดค้น ซึ่งว่ากันว่าขายดิบขายดีเอามาก ๆ ในช่วงเวลานั้น

เป็นเมนูที่หาทานไม่ยากเท่าไร แต่จะหาที่อร่อยถูกปากนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน เหตุเพราะพ่อครัวต้องมีความชำนาญมาก ตั้งแต่ส่วนผสมของแป้ง การปั้นแป้งในอัตราส่วนที่พอดีกับไส้ ถ้าแป้งบางไปก็ยุ่ย แป้งหนาไปก็จะสุกไม่ทั่ว เคี้ยวแล้วมีความหยาบในปาก

วัตถุดิบ ส่วนผสม และวิธีการทำ เสี่ยวหลงเปา

เสี่ยวหลงเปา

วิธีทำเสี่ยวหลงเปา ในสูตรนี้ จะเน้นที่เครื่องปรุงรส กับน้ำซุปที่เข้มข้นถึงเนื้อ ตามแบบฉบับ อาหารจีนพื้นบ้าน ตามร้านอาหาร แต่เสี่ยวหลงเปา จานนี้ก็สามารถทานเป็น อาหารว่าง ได้เช่นกัน

วัตุดิบของไส้เสี่ยวหลงเปา

เสี่ยวหลงเปา

1.หมูสับ 500 กรัม

2.เกลือสมุทรครึ่ง ช้อนชา

3.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

4.พริกไทยขาวป่นครึ่ง ช้อนชา

5.น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ 

6.ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

7.เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ 

8.ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ

9.ขิงขูดฝอย 1 ช้อนชา

10.ต้นหอมซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

11.น้ำซุปแช่เป็นวุ้นสับให้ละเอียด 300 กรัม

วัตุดิบของแป้งห่อเสี่ยวหลงเปา

เสี่ยวหลงเปา

1.แป้งขนมปัง 100 กรัม

2.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม

3.น้ำเปล่าอุ่น 150 กรัม

4.น้ำมันพืช 20 กรัม

5.แป้งสาลีอเนกประสงค์ สำหรับทำแป้งนวล 

วัตถดิบน้ำซุปหมู

เสี่ยวหลงเปา

1.หนังหมู 200 กรัม

2.โครงไก่ลอกหนังแล้ว 500 กรัม

3.กระดูกหมูส่วนเอียวเล้ง (กระดูกสันหลังหมู) 500 กรัม

4.น้ำเปล่าสะอาด 3.5 ลิตร

5.ต้นหอม 2 ต้น

6.ขิงหั่นแว่น 4 แว่น

7.เกลือสมุทร 1 ช้อนชา

8.เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ

9.เจลลาตินผง 60 กรัม

10.น้ำเย็น 300 กรัม

11.น้ำมันพืช 

12.จิ๊กโฉ่ว

13.ขิงซอย 

14.ไม้คลึงแป้ง เข่งไม้ไผ่แบบร้านขายติ่มซำ ผ้าขาวบาง ซึ้งนึ่ง หรือลังถึง กระดาษไขอุ่นอาหาร

วิธีทำเสี่ยวหลงเปา

เสี่ยวหลงเปา
  • อาหารเซี่ยงไฮ้ สูตรเด็ด เริ่มต้นด้วยการทำน้ำซุปไส้ เสี่ยวหลงเปา ก่อน ให้ล้างโครงไก่ หนังหมู กระดูกเอียวเล้ง 1 น้ำ จากนั้นแช่น้ำไว้ราว 10-15 นาที พักไว้จนสะเด็ดน้ำออกหมด นำหนังหมูไปต้มจนสุก น็อคน้ำเย็นแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ
  • นำเอียวเล้ง หนังหมู และโครงไก่ลงราดน้ำมันในกระทะไฟแรง ให้ผิวส่วนนอกสุก แล้วพักไว้ จากนั้นผิดขิงกับต้นหอมต่อ พอให้เริ่มมีกลิ่น ตักขึ้นมาพักไว้ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า 3.5 ลิตร ด้วยไฟปานกลาง ใส่ส่วนผสมทั้งหมดในข้อ 2 ลงไปต้มพร้อมกับเหล้าจีน และเกลือสมุทร ต้มนานประมาณ 2 ชั่วโมง ให้น้ำเหลือราว 1.5 ลิตร ระหว่างต้มคอยช้อนฟองทิ้งเป็นระยะ ต้มเสร็จแล้วกรองเอากากเสียออก
เสี่ยวหลงเปา
  • ทำการบลูมเจลลาติน (แช่น้ำเย็นให้ดูดน้ำ 5-10 นาที แล้วเอาน้ำออก) เมื่อเจลลาตินเซ็ตตัวดีแล้วใส่ลงในซุปโดยคนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วให้นำซุปแช่ตู้เย็นช่องปกติ จนวุ้นเซ็ตตัวเป็นก้อน ให้นำมาสับละเอียด ขั้นตอนนี้เป็นการทำในแบบ อาหารจีนโบราณ สูตรเซี่ยงไฮ้
  • เป็นขั้นตอนการทำแป้ง เสี่ยวหลงเปา ผสมแป้งสาลีกับแป้งขนมปังเข้าด้วยกัน ทยอยใส่น้ำอุ่น กับน้ำมันเข้าไปนวดด้วยทีละหน่อย นวดจนแป้งเริ่มนุ่มแล้วพักเอาไว้ก่อนราว 20 นาที
  • ระหว่างพักแป้ง นำอ่างผสมมาทำไส้ โดยใช้หมูสับ พร้อมกับ “วัตถุดิบในหมวดไส้” ผสมเข้าด้วยกัน นวดจนจับตัวกันดี ใส่ตัววุ้นน้ำซุปที่ทำไว้ผสมเข้าด้วยกันอีกครั้ง แล้วแช่เย็นไว้ในช่องปกติครึ่งชั่วโมง
  • มาถึงช่วง วิธีห่อเสี่ยวหลงเปา ใช้การบีบแป้งเป็นก้อนเล็ก ขนาดก้อนละ 8 กรัม ต้องระวังไม่ให้แป้งแห้งและแข็ง ทำได้โดยใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดมาคลุมเอาไว้ บนโต๊ะที่นวดก็ให้โรยแป้งนวลสำหรับรองนวดเอาไว้ จะทำให้แป้งขึ้นรูปสวยงาม เทคนิคการนวดคือใช้ฝ่ามือกดแป้งให้แบน จากนั้นใช้ไม้รีดแป้งจากขอบเข้าตรงกลาง พร้อมกับหมุน กะให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 นิ้ว ตวงไส้ใส่ชิ้นละ 15 กรัม จากนั้นใช้มือซ้ายถือแป้ง มือขวาชี้โป้ง จีบแป้งเข้าถี่ ๆ นิ้วโป้งซ้ายคอยกดไส้ลง หมุนเป็นวงกลมจนจีบครบรอบ ทำซ้ำจนไส้หมด คลุมด้วยผ้าขาวบางต่ออีกครั้ง
  • ตั้งน้ำลังถึงใช้ไฟกลางค่อนแรง จากนั้นจัดเรียง เสี่ยวหลงเปา ที่บรรจงปั้นมาด้วยความยากลำบากลงไป ในเข่งไม้ไผ่ที่รองด้วยกระดาษไข เมื่อน้ำในลังถึงเดือดแล้วนำเข่งไม้ไผ่งลงไปนึ่ง
  • จัดจานทานพร้อมจิ๊กโฉ่ว ขิงซอย อร่อยกับ อาหารจีน ติ่มซำ ฝีมือตนเองได้เลย

เคล็ดลับในการปรุงให้อร่อย น่ารับประทาน

เสี่ยวหลงเปา
  1. การนวดแป้งต้องคลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ไม่ให้แป้งแข็งตัว เพราะต้องใช้เวลาในการจีบแป้ง และต้องมั่นใจว่าก่อนนวดแป้ง มือเรานั้นแห้งสนิทจริง ๆ อีกประการ อาหารจีนยอดนิยม เมนูนี้แม้จะเป็น ของว่างทานเล่น แต่กรรมวิธีทำค่อนข้างทำยาก การนวดว่ายากแล้ว การถือแป้ง ใส่ไส้แล้วจับจีบให้เป็นทรงสวยงามนั้นยากยิ่งกว่า จะต้องอาศัยการฝึกฝนจนชำนาญ
  2. อาหารจีนอร่อย จานนี้ ควรทานเสร็จหลังจากนึ่งแล้วทันที เมื่อทิ้งเอาไว้นานแป้งจะเริ่มกระด้าง ความน่าทานจะหดหายลงไป

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://midwestrailplan.org/ เว็บพนันออนไลน์มาแรง

Categories
อาหารนานาชาติ

จาจังมยอน บะหมี่ผัดซอสดำสไตล์เกาหลี ความดีงามที่ครองพื้นที่ในใจใครหลายคน อร่อยจนร้องว้าว

จาจังมยอน

จาจังมยอน บะหมี่ผัดซอสดำสไตล์เกาหลีที่คอซีรีย์เกาหลีต้องเคยได้เห็นกันมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตในเกาหลี จนทำให้คนไทยหลายคนต้องตามไปลิ้มรสความอร่อย จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันจะมีร้านอาหารเกาหลีในไทย พร้อมเสิร์ฟเมนูนี้กระจายอยู่ทั่วไป แม้จะหาทานได้ง่าย แต่สำหรับบางคน การลองทำเมนูที่ชื่นชอบเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้ได้ฝึกทักษะและฝีมือการทำอาหาร ตามเราไปทำความรู้จักเมนูบะหมี่เส้นเหนียวนุ่ม ราดด้วยซอสดำเยิ้ม ๆ ใส่ผักได้ตามชอบ หน้าตาน่าทานเมนูนี้กัน

เปิดที่มาที่ไปของเมนูเส้นบะหมี่ดำอย่าง จาจังมยอน เมนูยอดฮิตที่เห็นได้บ่อยในซีรีย์เกาหลี ต้องลองสักครั้ง

จาจังมยอน

จาจังมยอนหรือ บะหมี่ดำเกาหลี เป็นเมนู อาหารเกาหลี ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1905 จากพ่อค้าชาวจีนที่มาทำการค้าขายในเมืองอินชอน แห่งเกาหลีใต้ ในระยะแรกรสชาติดั้งเดิมเป็นแบบฉบับของจีน แล้วจึงค่อย ๆ ถูกปรับสูตรให้มีรสชาติถูกปาก ถูกใจคนท้องถิ่นอย่างในปัจจุบัน โดยซอสสีดำซึ่งมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้น เป็น ซอสถั่วดำหมัก ที่เกิดจากการหมักถั่วดำ คาราเมล และแป้งสาลี เน้นรสเค็มบวกหวานนิด ๆ ติดขมหน่อย ๆ อร่อยแบบไม่ซ้ำใคร

แจกสูตรทำ จาจังมยอน เมนูเส้นแสนอร่อย อยู่บ้านก็ทำกินเองได้ วัตถุดิบหาง่าย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก

จาจังมยอน

สำหรับใครที่กำลังมองหาสูตรการทำจาจังมยอนเพื่อเข้าครัวฝึกฝนฝีมือด้วยตัวเองอยู่นั้น ขอบอกเลยว่าสูตรความอร่อยที่เราจะมาบอกต่อในวันนี้ เป็นสูตรง่าย ๆ ทำตามได้ไม่ยาก แต่ได้รสชาติความอร่อยแบบเมนูต้นตำรับ บะหมี่ซอสผัดจานนี้จะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

วัตถุดิบในการทำ

จาจังมยอน

– เส้นบะหมี่ 200 กรัม 

– ซอสถั่วดำ 2 ช้อนโต๊ะ

– หมู 100 กรัม 

– กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ

– หอมใหญ่หั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ

– แครอทหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ 

– ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมันเล็กน้อย

– โชยุหรือซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

– น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

– น้ำซุป 50 มิลลิลิตร

– แป้งข้าวโพด, แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ

– แตงกวาตามชอบ

ขั้นตอนและวิธีในการทำ

จาจังมยอน

– ขั้นตอนแรกให้นำกระทะมาตั้งไฟ แล้วใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ตามด้วยกระเทียมและหอมใหญ่ จากนั้นผัดให้มีกลิ่นหอม แล้วใส่หมูลงไปผัดคลุกเคล้าจนสุก

– หลังจากเนื้อหมูเริ่มสุกให้ใส่แครอทและต้นหอมลงไป ตามด้วยน้ำซุปและซอสถั่วดำ จากนั้นปรุงรสด้วยโชยุและน้ำตาล ผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

จาจังมยอน

– ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำไว้ลงในกระทะแล้วค่อย ๆ คนให้ส่วนผสมมีความข้นหนืด 

– ปิดท้ายด้วยการราดน้ำซอสลงบนเส้นบะหมี่ โรยแตงกวาสไลด์ตกแต่งจานแล้วเสิร์ฟได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://midwestrailplan.org/ เว็บพนันออนไลน์ปลอดภัยมั่นใจ 100%