Categories
ขนมไทย

สูตร ข้าวหลาม รสต้นตำรับ หวาน มัน เค็ม ข้าวเนียวนุ่ม หอมกลิ่นกะทิสด

ข้าวหลาม

เชื่อว่าหลายคงต้องเคยทาน ข้าวหลาม อย่างแน่นอน โดยเฉพาะข้าวหลามหนองมน หนึ่งในขนมไทยประจำบ้านหนองมน จังหวัดชลบุรี ซึ่งมักจะมีนักท่องเที่ยวสัญจรผ่านไปจะต้องซื้อขนมชนิดนี้ทานเป็นประจำ เพราะข้าวหลามของบ้านหนองมนจะมีความหวาน มัน เค็ม และข้าวเหนียวหอมนุ่มมีกลิ่นกะทิสดอ่อนๆ และรับประทานง่ายข้าวไม่ติดไม้ไผ่อร่อยฟินสุดๆ สำหรับใครที่อยากลองทำเมนูขนมข้าวหลามทานเองที่บ้านในวันว่าง เรามีวิธี ทำ ข้าวหลามอย่างง่าย ข้าวเหนียวไม่ติดกระบอกไม้ไผ่ และรสชาติอร่อยเหมือนซื้อทานที่ร้านดังๆ เลยทีเดียว

ขั้นตอนทำ ข้าวหลาม ขนมอร่อย ทำง่าย ข้าวเหนียวไม่ติดกระบอกไม้ไผ่ 

ข้าวหลาม

สำหรับใครที่คิดว่าข้าวหลามทำยาก และมีขั้นตอนที่ซับซ้อน แถมยังใช้เวลานานเกินไป แต่แท้จริงแล้วข้าวหลาม ถือว่าเป็นเมนูขนมไทยโบราณที่ทำง่ายๆ อยู่บ้านก็ทำได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาแจกสูตร และเทคนิคการทำข้าวหลามไม่ให้ติดกระบอกไม้ไผ่ และวิธี ทํา ข้าวหลาม ให้ อร่อยรสกลมกล่อม อีกทั้งใช้เวลาในการทำเพียงน้อยนิด โดยก่อนที่จะลงมือทำต้องเตรียมกระบอกไม้ไผ่ และวัตถุดิบให้พร้อมก่อน

ข้าวหลาม
  1. ข้าวเหนียวขาว 2 ถ้วยตวง
  2. กะทิสด 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. น้ำเปล่า 1 ลิตร
  6. ใบเตย 15 ใบ
  7. กาบมะพร้าว 3-4 กาบ
  8. กระบอกไม้ไผ่ 6-7 กระบอก
  9. ถั่วดำต้มสุก ½ ถ้วยตวง

สำหรับการทำ ข้าว หลาม อันดับแรกจะต้องนำไม้ไผ่มาตัดเป็นท่อนๆ เท่าๆ กัน จากนั้นล้างให้สะอาด ตากให้แห้งเตรียมไว้ ก่อนจะเข้าสู่วิธี ทํา ข้าวหลามตามฉบับมือใหม่ดังนี้

ข้าวหลาม
  1. นำข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาดประมาณ 2 รอบ เสร็จแล้วให้แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้นำข้าวมากพักไว้ในกระชอนให้สะเด็นน้ำ
  2. ต่อมาให้นำถั่วดำมาล้างทำความสะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที นำไปต้มให้สุก ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นตักมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  3. นำถั่วดำ และข้าวเหนียวที่เตรียมไว้มาผสมรวมกันในภาชนะที่เตรียมไว้ นำกะทิมาเทใส่หม้อจากนั้น นำไปตั้งเตา ใส่น้ำตาล เกลือป่น คนส่วนผสมให้เข้ากันจนกว่าน้ำตาลจะละลาย 
  4. นำกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ ใส่ข้าวเหนียวทีละ 1 กำมือ สลับกับหยอดน้ำกะทิ จากนั้นกระแทกกระบอกไม้ไผ่ให้น้ำกะทิ และข้าวเหนียวเข้ากัน เสร็จแล้วใส่ข้าวเหนียวลงไปอีกครั้งตามด้วยน้ำกะทิ ทำแบบเดิมไปจนกว่าข้าวจะเต็มกระบอก ปิดปากกระบอกได้ใบเตย
  5. นำกระบอกไม้ไผ่มาเผา โดยใช้ไฟปานกลาง กลับด้านกระบอกไปเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที หลังจากที่ข้าวสุกแลเวให้ยกออกจากเตา เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ข้าวหลาม

หลังจากที่เผาข้าวหลามสุกเรียบร้อยแล้ว ให้พักไว้ให้เย็น จากนั้นนำมีดมาเหลากระบอกให้บาง เพื่อที่จะแกะข้าวหลามได้ง่ายขึ้น จากนั้นนำมาจัดใส่จาน พร้อมทานได้เลย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าขั้นตอนการทำขนมข้าวหลามเมนูขนมไทยทำง่ายมากๆ แถมรสชาติหวาน มัน เค็มเล็กน้อย แต่อร่อย และอิ่มท้องนานทั้งวัน 

รวมเคล็ดลับทำข้าวหลามให้อร่อย กลิ่นหอม อร่อยครบทุกรสชาติ

ข้าวหลาม

สำหรับเคล็ดลับความอร่อยของข้าวหลามจะต้องใช้วัตถุดิบที่มีความสด สะอาด และจะต้องไม่ค้างคืนจะทำให้รสชาติของขนมมีอร่อยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้จะต้องเลือกไม้ไผ่ที่สะอาด และขนาดพอดี เมื่อนำมาเผาจะทำให้ได้กลิ่นของไม่ไผ่ด้วย ในส่วนของถั่วดำตามสูตรขนมไทยจะต้องนำไปแช่น้ำก่อนประมาณ 2 ชั่วโมง จะช่วยให้ถั่วนุ่มนิ่มยิ่งขึ้น และที่สำคัญกะทิในสูตรขนมไทยโบราณควรใช้กะทิสดแทนกะทิกล่องจะช่วยให้ข้าวเหนียวไม่ติดไม้ไผ่ ทำให้ง่ายต่อการแกะข้าวเหนียวออกจากกระบอกไม้ไผ่นั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
อาหารนานาชาติ

เปิดต่อมรับรส ซุปมิโสะ สไตล์ญี่ปุ่น รสชาติ หวาน เค็ม อร่อยคล่องคอ

ซุปมิโสะ

อีกหนึ่งเมนูอาหารญี่ปุ่นที่อยากแนะนำให้ลองทานหากได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นนั่นก็คือ ซุปมิโสะ หนึ่งในเมนูน้ำซุปญี่ปุ่นที่มีรสชาติกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมละมุนทานง่าย แถมมิ โซะ ซุปร้อนๆ ยังซดคล่องคอ เหมาะสำหรับทานในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็นท่ามกลางหิมะตกได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญอาหารชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้น้ำซุปมิโซะ ยังเป็นเมนูแรกที่หลายๆ คนเลือกในการฝึกทำอาหารญี่ปุ่น เพราะมีขั้นตอนทำง่าย และมีส่วนผสมน้อยกว่าเมนูอาหารญี่ปุ่นชนิดอื่นๆ 

ชวนทำอาหารญี่ปุ่น ซุปมิโสะ ทำง่าย ทำอร่อย รสชาติหอมกลมกล่อม

ซุปมิโสะ

ซุป มิโสะ ถือว่าเป็นเมนูอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม และสามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการทานกันในครอบครัวอีกด้วย นอกจากนี้วัตถุดิบยังหาซื้อได้ตามร้านซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้าน ดังนั้นหากใครอยากลองทำเมนูนี้ทานเอง เรามีวิธี ทำ ซุป มิ โซะง่ายแสนง่ายมาให้ได้ฝึกทำด้วยตัวเอง และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปลงมือเตรียมส่วนผสมที่ต้องทำน้ำซุปกันเลย

ซุปมิโสะ
  1. ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ 50 กรัม
  2. น้ำเปล่า 1 ลิตร
  3. เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  4. สาหร่ายสด 100 กรัม
  5. ต้นหอมซอย ½ ถ้วยตวง

การทำซุปมิโสะสามารถทำน้ำซุปเองได้ เพียงแค่มีปลาแห้งคัสสึโอะบุชิ และที่ขาดไม่ได้เลยคือผ้าขาวบาง สำหรับกรองน้ำซุปให้ใสน่าทาน อีกทั้งน้ำซุปที่เหลือสามารถเก็บไว้ทำอาหาร ญี่ปุ่นชนิดนี้ได้อีกในวันถัดไป ต่อมาจะเข้าสู่กระบวนการทำน้ำซุปมิโซะอย่างง่ายดังนี้

ซุปมิโสะ
  1. นำสายหร่ายมาล้างทำความสะอาด เพื่อเอาสิ่งสปรกออกให้หมด จากนั้นใช้ผ้าชุบสาเกเช็ดแผ่นสาหร่ายให้สะอาดอีกครั้ง จากนั้นนำหม้อใส่น้ำสะอาดที่เตรียมไว้ ใส่สาหร่ายคอมบุลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือจะแช่ทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ยิ่งทำให้สาหร่ายนิ่มนุ่มมากขึ้น
  2. นำหม้อสาหร่ายมาตั้งเตา เปิดไฟปานกลาง ใส่น้ำเปล่าที่เตรียมไว้ลงไป ต้มเป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วตักสาหร่ายคอมบุออกใส่ถ้วย 
  3. ต่อมาจะมาทำน้ำซุป โดยการนำหม้อตั้งเตา ใส่น้ำเปล่าลงไป เปิดไฟปานกลาง รอให้เดือดใส่ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้ปลาจมลงไป หลังจากนั้นนำน้ำซุปมากรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำซุปที่ใส และมีความหอมกลมกล่อม
  4. ตักน้ำซุปดาชิ นำไปตั้งเตา นำเต้าหู้ขาวญี่ปุ่นมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นเทใส่ลงไปหม้อน้ำซุปต้มให้เดือด ใส่ปลาแห้งคัตสึโอะบุซิ ตามด้วยสาหร่ายคอมบุ ต้มต่อไปให้เดือด ใส่เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น คนให้เข้ากัน รอให้น้ำเดือด ปิดไฟ พร้อมยกออกจากเตา ต่อมาให้ตักน้ำซุปใส่ถ้วย และโรยด้วยหอมซอย พร้อมเสิร์ฟ
ซุปมิโสะ

น้ำซุปมิโสะที่ได้จะมีความหอมกลิ่นปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ รสชาติหวาน เค็ม กลมกล่อม พร้อมเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ อร่อยเต็มคำ ในส่วนของน้ำซุปดาชิที่เหลือสามารถเก็บใส่ตู้เย็นได้ประมาณ 2 วัน ดังนั้นหากจะทำเมนู อาหาร ญี่ปุ่นอย่างซุปมิโซะทานก็สามารถใช้น้ำซุปดาชิที่เก็บไว้นำออกมาทำได้เลยประหยัดเวลาอีกด้วย

เมนูยอดนิยม ซุปมิโสะรสต้นตำรับ อร่อยดี มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ 

ซุปมิโสะ

ซุป มิโสะ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปซื้อทานที่ร้านให้เสียเวลา อีกทั้งการทานซุปมิโซะเป็นประจำจะทำให้มีสุขภาพที่ดี เพราะน้ำซุปประกอบไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีแร่ธาตุที่ช่วยสร้างกระดูก ได้แก่ แคลเซียม แมกกานิส ป้องกัน และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย หากใครอยากทำอาหารเอง แนะนำซุปมิโซะอาหารเพื่อสุขภาพมีประโยชน์ต่อร่างกาย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
อาหารนานาชาติ

อาหารญี่ปุ่นรสเลิศ ยากิโซบะ เส้นเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นซอสเทอริยากิ

ยากิโซบะ

อาหารญี่ปุ่น เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเมนูประเภทข้าว หรือเส้น เพราะรสชาติที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้นักท่องเที่ยวมักจะแวะชิมตามสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น และหนึ่งในเมนูที่กำลังมาแรงอยู่ตอนนี้คือ ยากิโซบะ เป็นอาหารประเภทผัดหมี่มีรสชาติที่กลมกล่อม หอมหวานอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ ที่สำคัญเส้นหมี่มักจะเป็นเส้น ยา กิโซ บะเหนียวนุ่มมากๆ เคี้ยวเพลินสุดๆ ดังนั้นหากใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องลองเมนูนี้สักครั้ง รับรองว่าต้องติดใจ และอยากลองทำทานเองที่บ้านอย่างแน่นอน

เปิดครัวญี่ปุ่นทำเมนูยอดฮิต ยากิโซบะ รสเข้มข้น สูตรต้นตำรับ 

ยากิโซบะ

มีหลายคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ และอยากลองทำทานเองสักครั้ง แต่ไม่รู้จะทำเมนูอะไรดีที่ทำได้ง่ายๆ และมีส่วนผสมเพียงน้อยนิด ขอแนะนำ ยากิ โซบะ เมนูเส้นๆ อาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นที่สามารถทำได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องไปซื้อทานที่ร้าน เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าอาหารญี่ปุ่นราคาค่อนข้างแพง ถ้าจะให้ซื้อทานทุกวันคงหมดเงินหลายบาทอย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาดูสูตร ยา กิโซ บะอย่างง่ายกันเลย 

ยากิโซบะ

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. เส้นยากิโซบะ 500 กรัม
  2. หมูหมัก 200 กรัม
  3. แครอท 100 กรัม
  4. ต้นหอม 20 กรัม
  5. กะหล่ำปลี 100 กรัม
  6. ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
  7. เห็ดหอม 100 กรัม
  8. ซอสเทอริยากิ 2 ช้อนโต๊ะ
  9. พริกไทย 1 ช้อนชา
  10. ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

ก่อนที่จะไปลงมือทำเมนูยากิโซบะจะต้องนำวัตถุดิบจำพวกเห็ดหอมมาแช่น้ำให้นิ่มก่อน และนำเส้นโซบะมาลวกในน้ำร้อนประมาณ 5 นาที ตักเส้นออกมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ เมื่อเตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยดีแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธี ทํา ยา กิโซ บะสไตล์โฮมเมค ทำง่ายๆ อร่อยด้วย

ยากิโซบะ

1.ขั้นตอนแรก นำเส้นยากิโซบะที่ลวกจนสุกดีแล้วมาคลุกด้วยน้ำมันงา เพื่อให้เส้นไม่ติดกัน พักไว้ก่อน จากนั้นนำกระทะมาตั้งเตา ใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยหมูหมัก เห็ดหอมซอยที่เตรียมไว้ใส่ลงไปผัดให้เข้ากัน ปรับไฟใหแรงขึ้น 

2. นำเส้นยากิโซบะใส่ลงไปผัดให้เข้ากัน ตามด้วยกะหล่ำปลี แครอท คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน ทำการปรุงรสชาติด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรสเทอริยากิ น้ำตาลทราย พริกไทยป่น และซีอิ้วดำหวาน คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง หลังจากทุกอย่างสุกแล้วให้ปิดไฟ และยกออกจากเตา หลังจากนั้นตักใส่จาน โรยด้วยต้มหอม

ยากิโซบะ

สำหรับสูตรยากิโซบะที่เรานำมาแชร์ ถือว่าเป็นสูตรอาหาร ญี่ปุ่นที่ทำง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แถมรสชาติอร่อย หอมกลิ่นซอสเทอริยากิได้อย่างลงตัว แถมหมูหมักมีความนุ่มละมุนผสมผสานกับเส้นหมี่ที่เหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินเต็มคำ สำหรับคนไหนที่มีเวลาทำอาหารเองแนะนำให้ทำเส้นโซบะเอง เพราะเส้นยากิโซบะสดจะมีรสสัมผัสที่นุ่มกว่า และอร่อยกว่าเส้นยากิโซบะแห้ง 

ที่สุดของความอร่อย ยากิโซบะเจ ทำง่าย อร่อยถูกใจ 

ยากิโซบะ

ยากิโซบะเป็นเมนู อาหาร ญี่ปุ่นที่สามารถทำสูตรเจได้ด้วย โดยเริ่มจากนำเส้นมาลวกให้สุก จากนั้นนำมาผัดกับกะหล่ำปลี แครอท เห็ดฟาง เห็ดหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงสูตรเจ 1 ซ้อนโต๊ะและซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จแล้ว สำหรับผัด ยา กิโซ บะเจ รสชาติกลมกล่อมอร่อยถูกใจชาวเจทานได้ไม่มีเบื่อ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
เบเกอรี่

แจกขนมแห่งความสุข ขนม พานาคอตต้า เนื้อเนียนเด้ง หอมกลิ่นผลไม้

พานาคอตต้า

มาทำความรู้จักกับขนม พานาคอตต้า กันบ้าง สำหรับพานาคอตต้า คือ ขนมหวานอิตาลีที่ทำมาจากครีม ทำให้มีกลิ่นหอมของวานิลลาผสมผสานกับกลิ่นนมสด ที่มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสเด้งดึ๋งละมุน และตกแต่งด้วยผลไม้ หลากหลายชนิดสีสันสวยงามแปลกตาน่าทาน นอกจากนี้ยังมีหลายคนสังว่าพานาคอตต้า กับ พุดดิ้ง แตกต่างกันอย่างไร สำหรับขนมพานาคอตต้าจะมีความหวานอมเปรี้ยวตามผลไม้ที่ใส่ และมีกลิ่นนมหอมคละคลุ้งอบอวลอยู่ในปากอร่อยฟินเต็มกว่าพุดดิ้งนั่นเอง 

วิธีทำ พานาคอตต้า ขนมอิตาเลียนสุดน่ารัก ทำง่าย ไม่ซับซ้อน

พานาคอตต้า

มาเอาใจสาวกขนมพานาคอตต้ากันบ้าง สำหรับใครที่สนใจเรียนทำขนมสุดน่ารัก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพต้องไม่พลาดกับสูตรพานาคอตต้าสตรอเบอรี่ รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อสตรอเบอร์รี่ฉ่ำๆ ทานอร่อยไม่มีเบื่อ อีกทั้งวิธีทํา พานาคอตต้าง่ายๆ สามารถทำได้เอง แถมยังใช้เวลาทำน้อยมาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาแต่อยากทำขนมทานเอง นอกจากนี้ส่วนผสมสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายวัตถุดิบเบเกอรี่ใกล้บ้าน และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มเตรียมวัตถุดิบกันเลย

  1. ผงเจลาติน 40 กรัม
  2. วานิลลา ½ ช้อนชา
  3. นมสด 500 กรัม
  4. วิปปิ้งครีม 500 กรัม
  5. น้ำเปล่า 200 กรัม
  6. น้ำตาลทราย 150 กรัม
พานาคอตต้า

ส่วนผสม และวัตถุดิบของซอสสตรอเบอร์รี่

  1. สตรอเบอร์รี่ 500 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 120 กรัม

เมื่อเตรียมวัตถุดิบของขนมพานาคอตต้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ สไตล์มือใหม่ฝึกทำขนมครั้งแรก รับรองว่าทำอร่อยเหมือนสูตรดั้งเดิมแน่นอน 

พานาคอตต้า
  1. นำเจลาตินใส่ในน้ำที่เตรียมไว้ คนส่วนผสมให่ละลาย พักไว้ประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นนำเจลาตินเข้าไมโครเวฟให้เจลาตินละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. ต่อมาจะเป็นการทำพานาคอตต้า เริ่มจากนำวิปปิ้งครีมสด น้ำตาลทราย และวานิลลาใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปเคี่ยวให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วใส่เจลาตินที่เตรียมไว้ลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาหยดลงถ้วยแก้วเล็กๆ ประมาณครั้งถ้วย นำไปแช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง
  3. ทำซอสสตรอเบอร์รี่ ด้วยการนำสตรอเบอร์รี่เทลงหม้อ ใส่น้ำตาลทราย นำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ในระหว่างนั้นบี้ เพื่อให้เนื้อสตรอเบอร์รี่นิ่มมากขึ้น ทำการเคี่ยวต่อไปประมาณ 10 นาที 
  4. นำพานาคอตต้าออกมาจากตู้เย็น ใส่ซอสที่เย็นแล้วลงไป ทำการเกลี่ยหน้าขนมให้เรียบเนียน จากนั้นใส่เนื้อ สตรอเบอร์รี่ตกแต่งให้สวยงาม เสร็จเรียบร้อย
พานาคอตต้า

หลังจากที่ได้ขนมพานาคอตต้าหนึ่งในขนมเบเกอรี่ทำเองง่ายๆ แล้ว ก่อนที่จะนำขนมมารับประทานควรนำไปแช่เย็นประมาณ 15 นาที เพื่อให้ขนมมีความเย็น และเพิ่มอรรถรสในการทานได้อร่อย และชื่นใจสุดๆ เรียกได้ว่าขนมพานาคอตต้าเป็นเมนูเบเกอรี่ยอดนิยมที่สามารถทานคลายร้อนได้เป็นอย่างดี 

แจกพานาคอตต้า สูตรชาเขียว ผสมผสานความเป็นไทย อร่อยอย่างลงตัว

พานาคอตต้า

อีกหนึ่งเมนูพานาคอตต้าขนมหวานแสนอร่อยที่หลายคนยังไม่เคยทานอย่าง พา นาค อ ต ต้า ชาเขียว ที่มีกลิ่นหอมของชาเขียวอบอวลชวนหลงใหล และสีสวยน่าทานสุดๆ ในส่วนของวิธีทำก็ง่ายมากๆ และขั้นตอนไม่ซับช้อนอย่างที่คิด โดยส่วนผสม และวัตถุดิบสามารถใช้ร่วมกับสูตรสตรอเบอร์รี่พานาคอตต้าเมนูเบเกอรี่โฮมเมด เนื้อเนียนเด้งได้เลย จากนั้นเปลี่ยนสตรอเบอร์รี่เป็นชาเขียว โดยนำชาเขียวมาเทใส่ถ้วย และตามด้วยส่วนผสมของเจลาตินเหลว คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เทใส่ถ้วยเล็กๆ นำไปแช่ในตู้เย็นให้เนื้อขนมเซ็ตตัว พร้อมนำมารับประทานแบบฟินๆ ได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมไทย

ขนม โป๊งเหน่ง ขนมโบราณ สุดคลาสสิก ก้อนกลม แป้งนุ่มยั่วยวนใจ

ขนม โป๊งเหน่ง

ขนม โป๊งเหน่ง เป็นขนม โบราณที่มีลักษณะที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นขนมที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล อีกทั้งยังเป็นขนมที่ทำให้หลายๆ คนนึกถึงวัยเด็กสมัยเป็นนักเรียนที่ต้องแย่งกันต่อแถวซื้อขนมทานหน้าโรงเรียนหลังเลิกเรียนเป็นประจำ สำหรับขนมชนิดนี้จะมีรูปร่างกลม เนื้อแป้งเป็นสีเหลืองสวยงามน่าทาน และมีไม้เสียบ ทำให้สะดวกแก่การรับประทาน และยังสามารถถ่ายรูปแบบชิกๆ คูลล์ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้น่ารักสุดๆ ปัจจุบันขนมชนิดนี้มีการปรับปรุงให้น่าทานด้วยการสอดไส้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไส้หมูสับ ไส้กรอกซีส เป็นต้น 

วิธีทำ ขนม โป๊งเหน่ง อย่างง่าย สูตรโบราณ ก้อนกลม สีเหลืองสวยงาม 

ขนม โป๊งเหน่ง

ขนมโป๊งเหน่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทย โบราณที่หาทานได้ยาก เพราะคนไม่ค่อยทำขายกันมากนัก ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาย้อนรอยทำขนมวัยเด็กกัน โดยสูตร และวิธีการทำขนม ไทย ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด นอกจากนี้อุปกรณ์ทำขนมก็ใช้เพียงกระทะใบเดียวก็สามารถทำขนมก้อนกลมสุดน่ารักได้อย่างชิวล์ๆ เลยทีเดียว แถมยังสามารถทำขนมโป๊งเหน่งขาย เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพได้เป็นอย่างดี

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ขนม โป๊งเหน่ง
  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 450 กรัม
  2. เนยสด 36 กรัม
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  5. ผงฟู 10 กรัม
  6. น้ำมันพืชสำหรับทอด 1 ขวด
  7. ไส้กรอก 15 ท่อน
  8. ไม้เสียบลูกชิ้น 15 ไม้

ในส่วนของขนม โป๊งเหน่งที่ทำเองสามารถใช้ไส้กรอกชนิดใดก็ได้ตามใจชอบ แต่วันนี้เราจะใช้ไส้กรอกสีชมพู เพื่อให้เป็นไปตามสูตร ขนม ไทยโบราณ ในส่วนของวิธีการทำโป๊งเหน่งขนม ไทย ทำ ง่ายๆ สามารถทำตามได้ดังนี้

ขนม โป๊งเหน่ง
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย โดยนำแป้งสาลี ไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า ผงฟู เกลือป่น ใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วใช้เครื่องตีส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  2. นำหม้อมาตั้งเตา จานั้นใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟแรง รอให้น้ำมันร้อน จากนั้นลดไฟลงปานกลาง นำไม้เสียบลูกชิ้นมาเสียบไส้กรอกที่เตรียมไว้แล้วนำไปจุ่มในน้ำแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้ว โดยวิธีการจุ่มแป้งจะต้องจุ่มในแนวตั้งตรง เพื่อจะได้คัดแป้งที่เป็นส่วนเกินออก เสร็จแล้วนำไปจุ่มในน้ำมันร้อนๆ รอประมาณ 10 วินาที หลัวจากที่แป้งสุกแล้ว ให้เอียงไม้ในแนวนอน และหมุนไปกับน้ำมัน เพื่อให้แป้งสุกทั่วกัน เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
  3. นำไม้ที่ทอดรอบแรกมาจุ่มในแป้งอีกรอบ จากนั้นนำไปทอดให้แป้ง ใช้เวลาประมาณ 10 วินาที หมุนไม้ทอดกับน้ำมันให้แป้งสุกทั่วกัน เสร็จแล้วนำมาจุ่มแป้งอีกรอบ ทำแบบเดิมประมาณ 4-5 รอบ หรือจนกว่าจะได้ขนมก้อนกลมสวยกำลังดี 
ขนม โป๊งเหน่ง

จบไปเรียบร้อยแล้วกับวิธีทำขนม โป๊งเหน่งอย่างง่ายๆ แถมเนื้อแป้งนุ่มนิ่ม และรสชาติหวาน หอมกลมกล่อมอร่อยถูกใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เลยทีเดียว เรียกได้ว่าโป๊งเหน่งขนมไทยที่แสนอร่อยทานได้ทั้งครอบครัว และที่สำคัญยังได้สานฝันขนม หวาน ไทยในวัยได้ฟินสุดๆ 

ข้อควรระวัง และเทคนิคการทำขนม โป๊งเหน่ง ทำง่าย อร่อยโดนใจ ไม่มีเบื่อ

ขนม โป๊งเหน่ง

โป๊งเหน่ง เป็นขนมไทย ทำเองได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ควรระวังในการทำขนม โดยเฉพาะขั้นตอนการทอดจะต้องให้น้ำมันร้อนพอดี และไม่ควรใช้ไฟแรงเกินไปจะทำให้แป้งไหม้ได้ และในส่วนของการจุ่มแป้งจะต้องค่อยๆหมุนแป้งที่เป็นส่วนเกินออกจะได้ก้อนขนมกลมๆ อีกทั้งภาชนะที่ใช้ทอดขนมควรใช้หม้อทรงสูง เพื่อประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ให้ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นปลายแหลม เพื่อให้แป้งขนมไม่หลุดออกจากไม้ เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมงานวัดที่อร่อย และเนื้อแป้งนุ่มน่าทาน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net