Categories
อาหารนานาชาติ

ซุปไก่ ของดีประจำชาติลาว

ซุปไก่

ถ้าใครยังเข้าใจว่าอาหารลาวคืออาหารภาคอีสานของไทย อาจต้องเปลี่ยนความคิดหน่อยแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าอาหารลาวนั้นที่จริงแล้วรสชาติไม่ได้จัดจ้านเหมือนอาหารอีสานของไทยเลย แต่จะเน้นไปที่รสธรรมชาติ ๆ และเครื่องปรุงหลักของอาหารพื้นบ้านแบบดั้งเดิมก็จะมี เกลือ เป็นเครื่องปรุงรสหลักเท่านั้น ซึ่งถ้าเปรียบกับอาหารภาคอีสานของไทยจะเน้นไปที่ผงชูรสมากกว่านั่นเอง แต่ทว่าการกินอาหารของคนลาว คนไทย นั้นก็จะคล้าย ๆ กัน นั่นแหละจนบางทีก็แยกไม่ออกเลยทีเดียว แต่สำหรับบทความนี้เรามาทำความรู้จักอาหารประจำชาติลาวกันดีกว่ากับ ซุปไก่ (CHICKEN SOUP) ที่บอกเลยว่าสูตรอาหารพื้นเมืองลาวสูตรนี้ให้รสอร่อยติดปากเอามาก ๆ จนอยากนำมาแบ่งปันวิธีทำสำหรับใครที่อยากลองทำทานกันที่บ้านแถมยังดีต่อสุขภาพด้วยสมุนไพรต่าง ๆ ที่เป็นส่วนผสมปรุงเครื่องอีกด้วย

ซุปไก่ (CHICKEN SOUP) สูตรอาหารลาวรสดั้งเดิมที่ทำได้จากครัวในบ้าน

ซุปไก่

ต้องบอกก่อนว่าการทานอาหารลาวให้ได้รสดั้งเดิมจริง ๆ นั้นเราจะเน้นเครื่องปรุงรสเป็นเกลือเท่านั้น เพื่อให้ได้รสอาหารแบบธรรมชาติ ๆ แต่สำหรับใครที่อยากปรุงรสเพิ่มให้ถูกปากก็อาจลองปรับสูตรได้ตามที่ต้องการได้ ว่าแล้วเราก็มาเข้าครัวลองทำซุปไก่ (CHICKEN SOUP) อาหารพื้นเมืองลาวรสดั้งเดิมมาชิมกันก่อนเลยดีกว่า เริ่มจาก

การเตรียมวัตถุดิบและส่วนผสม

  1. สะโพกไก่ (หากไม่อยากให้น้ำซุปออกมามันมาก อาจเลือกใช้ไก่พื้นเมืองที่มีมันไก่อน้อย ๆ ได้)
  2. กระเทียม
  3. ตะไคร้หั่น
  4. ใบสาระแหน่
  5. หอมแดง
  6. พริก
  7. มะนาว
  8. เกลือ หรือ น้ำปลา
  9. ผักชีลาว
  10. น้ำเปล่า

วิธีทำซุปไก่ (CHICKEN SOUP)

  1. นำสะโพกไก่มาล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้ (ไก่จะสับหรือไม่สับก็ได้) 
  2. ตั้งน้ำเปล่าบนไฟร้อนจนเดือด ระหว่างนั้นโขลกเครื่องต้มอย่าง กระเทียม หอมแดง พริก พอแหลกแต่ไม่ต้องละเอียดมาก
  3. นำเครื่องต้มใส่ในหม้อน้ำเดือด ต้มต่อสักครู่ให้ได้กลิ่นหอมเครื่องต้ม 
  4. ใส่ไก่ลงไป ต้มต่อไปจนไก่สุกได้ที่ชิมรสเพิ่มความเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ตามชอบ (ระหว่างต้มหากมีฟองอากาศเกิดขึ้นให้ตักออกเพื่อสีสันของซุปที่ใสน่าทาน)

5.เมื่อซุปสุกได้ที่แล้ว ตักใส่ถ้วย โรยด้วยใบสาระแหน่และผักชีลาว เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมข้าว 

เพียงเท่านี้เราก็ได้อิ่มอร่อยกับอาหารลาวรสเด็ดอย่างซุปไก่ (CHICKEN SOUP) ตามรสปากที่ชื่นชอบได้แล้วจากครัวที่บ้านแถมสนุกไปกับการปรับสูตรอาหารให้เข้าปากอีกด้วย 

เคล็ดลับความอร่อย

ซุปไก่

อย่างที่บอกว่าคนลาว-คนไทย นั้นทานอาหารหรือมีวิธีปรุงอาหารที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันหากใครที่อยากลองปรับสูตรอาหารลาวแบบดั้งเดิมอย่างซุปไก่ ให้มีสีสันน่าทานขึ้น อาจเพิ่มสมุนไพรหรือผักจะพวก แครอท มะเขือเทศ หรือ มันฝรั่ง เข้าไปได้และการปรุงรสก็จัดว่าไม่มีอะไรตายตัวเสียทีเดียว ซึ่งเราอาจเพิ่มพวกผงปรุงรสเข้าไปได้นั่นเอง แต่ทว่าหากมื้อใหนที่อยากลองทานรสธรรมชาติที่ได้จากอาหารจริง ๆ ลองทำซุปไก่ที่ใช้การปรุงรสแค่เกลือดูน่ะ บางทีรสอาหารจืด ๆ ที่เป็นรสธรรมชาติของวัตถุดิบสด ๆ จริง อาจทำให้คุณเปลี่ยนติดใจก็เป็นได้ แถมสมุนไพรในซุปยังจัดว่ามีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายคนเรามาก ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ตระไคร้ ที่มีฤทธิ์ช่วยให้เจริญอาหาร ดีต่อระบบย่อยอาหาร หรือ พริก ที่ช่วยขับเสมหะ กระตุ้นสารเอ็นดรอ์ฟินทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น 

สรุป

ซุปไก่เป็นอาหารลาวประจำชาติที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ทั้งคนลาวและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งถ้าใครได้เดินทางไปท่องเที่ยวลาวก็อย่าลืมลองสั่งมาทานเพื่อชิมรสมือแบบดั้งเดิมจริง ๆ ได้เลย แต่ทว่าใครที่ยังไม่ได้เดินทางไปเที่ยวก็อาจเข้าครัวลองทำชิมดูก่อนได้ตามสูตรอาหารลาวข้างต้น แถมงานนี้นอกจากได้โชว์ฝีมือแล้วยังได้สนุกไปกับการปรุงรสตามใจชอบได้อีกด้วย ว่าแล้วอย่าลืมชวนเด็ก ๆ หรือคนในครอบครัวเข้าครัวทำอาหารสนุก ๆ ไว้ทานกันน่ะ

สนับสนุนโดย : https://paperindustrymag.com

Categories
อาหารนานาชาติ

ซุปดอกผักติ้ว  อาหารลาวแซบ ๆ รสชาติได้ใจ

ซุปดอกผักติ้ว

ซุปผัก จัดเป็นอาหารลาวอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่คนลาว และจัดเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารหน้าตาแปลกแตกต่างไปจากซุปทั่ว ๆ ไปที่เราคุ้นเคย ซึ่งใครที่เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองลาวน่าจะเคยได้ลิ้มลองรสชาตินัว ๆ ของอาหารรสเด็ดที่มีหน้าตาคล้ายกับยำผักของไทยนี้บ้างแล้ว แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยได้ลองทานและอยากลองทาน เรามีสูตรอร่อย ๆ อย่าง ซุปดอกผักติ้ว มาฝาก รับรองรสนัว ๆ เปรี้ยว ๆ ของเมนูอาหารที่หน้าตาคล้ายกับยำชนิดนี้ ให้รสอร่อยเด็ดดวงแน่นอน แถมยังมาพร้อมกับคุณค่าทางอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย 

ซุปดอกผักติ้ว สูตรอาหารลาวแซบ ๆ นัว ๆ ของคนฝั่งลาวที่คนไทยก็นิยม

ซุปดอกผักติ้ว

ก่อนที่เราจะไปสู่วิธีทำอาหารลาวสูตรอร่อย ๆ อย่าง ซุปดอกผักติ้ว นั้น เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับ ณ กันก่อนดีกว่า โดยผักชนิดนี้จัดเป็นผักป่าพื้นบ้านที่นิยมเก็บยอดอ่อนและดอกมาประกอบอาหาร โดยคนไทยเรามันนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในแกงและต้มยำต่าง ๆ เช่น แกงหน่อไม้ ต้มยำปลา รวมไปถึงใช้เป็นเครื่องเคียงกับแกล้มน้ำพริกได้อร่อยอีกด้วย และเมนูรสเด็ดที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ วัตถุดิบที่สำคัญก็คือ ดอกและยอดอ่อนผักติ้ว นี่เอง ว่าแล้วเราไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลย

วัตถุดิบและส่วนผสม 

  1. ยอดอ่อนผักติ้ว และ ดอกผักติ้ว
  2. พริกป่น 
  3. ข้าวคั่ว
  4. กระเทียมย่างไฟ
  5. หอมแดงย่างไฟ
  6. ต้นหอม
  7. น้ำปลาร้า
  8. เนื้อปลาทู
  9. งาขาว งาดำ
  10. ใบสะระแหน่

วิธีทำ ซุปดอกผักติ้วแบบลาว

  1. นำยอดผักติ้วและดอกผักติ้วมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนไปลวกในน้ำเดือด(ให้พอสุก) จากนั้นยกออกจากเตา 
  2. ต้มน้ำปลาร้า ใส่ปลาทู เติมน้ำเล็กน้อย ต้มต่อให้สุกแล้วยกออกพักไว้ 
  3. โขลกกระเทียมย่างไฟ และหอมแดงย่างไฟ ให้ละเอียดพอประมาณ เสร็จแล้ว ใส่ยอดผักติ้วและดอกผักติ้วลงไปโขลกรวมกันพอหยาบ 
  4. ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ใส่เนื้อปลาทู ตำคลุกให้เข้ากัน ชิมรสและปรุงรสเพิ่มตามชอบ
  5. ตักใส่จาน โรยด้วยต้นหอม ใบสาระแหน่ งาขาวและงาดำ เป็นอันเรียบร้อย

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ซุปดอกผักติ้ว อาหารลาวรสเด็ดที่หน้าตาเหมือนยำผักพร้อมเสริมคู่กับเครื่องเคียงผักสดและข้าวเหนียวร้อน ๆ แล้ว ซึ่งบอกเลยว่ารสชาติเปรี้ยว ๆ นัว ๆ ที่ได้จากซุปผักนี้ให้รสอร่อยติดลิ้นดีมาก ๆ เลยทีเดียว รับรองได้ว่าทำแล้วครั้งหนึ่งจะติดใจหามาทำอีกในครั้งต่อ ๆ ไปอีกแน่นอน 

เคล็ดความอร่อย 

สำหรับเคล็ดลับความอร่อยของเมนูแซบ ๆ อย่าง ซุปผัก เราแนะนำว่าลองเพิ่มถั่วลิสงคั่วลงไปคลุกกับซุปในขั้นตอนสุดท้ายดูนะ รับรองว่าความมันอร่อยของถั่วลิสงคั่วเพิ่มรสชาติของซุปได้ดีเลยทีเดียว สำหรับเครื่องเคียงผักสดเราแนะนำให้กินคู่กับมะเขือเปราะ แตงกวาสด ถั่วฝักยาว เป็นต้น

คุณค่าทางอาหารและคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย

ซุปดอกผักติ้ว

รู้ไหมว่า ผักติ้ว จัดเป็นผักพื้นบ้านที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก ๆ อีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสรรพคุณเด่นของผักติ้วก็คือ ช่วยต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี แถมยังมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงเลือด บำรุงตา ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน และแก้ปวดเมื่อยได้ดีอีกด้วย และสำหรับเมนูอาหารลาวอย่างซุปดอกผักติ้วนี้ นอกเราจะได้คุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจากวัตถุดิบสำคัญนี้แล้ว เครื่องปรุงสมุนไพรพื้นถิ่นที่นำมาคลุกเคล้าเพิ่มรสความอร่อยในซุปยังดีต่อสุขภาพมาก ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์จากพริก กระเทียม หอมแดง หรือแม้แต่น้ำปลาร้าสุก และอาจจะพูดอีกอย่างหนึ่งได้เลยว่านี่คือเมนูอาหารสุขภาพอีกเมนูหนึ่งได้เลยทีเดียว

สรุป 

ซุปดอกผักติ้ว จัดเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจ และถ้าใครอยากลองทานก็ทำได้ง่าย ๆ จากครัวที่บ้านได้เลยตามสูตรอาหารข้างต้น แต่ถ้าใครอยากลองชิมฝีมือต้นฉบับจริง ๆ หากได้เดินทางท่องเที่ยวเมืองลาวก็อย่าลืมสั่งมาลองชิมกันนะ

สนับสนุนโดย : https://sa-game.bet

Categories
อาหารนานาชาติ

บาแกตต์ อาหารลาวหน้าตาดี สไตล์ขนมปังฝรั่งเศส

บาแกตต์

อย่างที่รู้กันว่าอาหารลาวนั้นส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอาหารฝรั่งเศสเมื่อครั้งยังเป็นอาณานิคมของเจ้าใหญ่และนั่นทำให้วัฒนธรรมการกินแบบเจ้าอาณานิยมยังหลงเหลืออยู่ แถมยังได้รับความนิยมในลาวมากมายาวนานจวบจนปัจจุบันด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเมนูอาหารเช้าน่าทาน ๆ อย่าง ข้าวจี่ปาเต้ หรือ ข้าวจี่ลาว ที่นำขนมปังฝรั่งเศสมาผิงไฟให้หอมแล้วนำมายัดใส้ต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศลาว และเรารู้จักกันในชื่อเมนู บาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่) นั่นเอง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นเมนูที่ทำได้ง่าย ๆ และใครที่อยากลองทำทานเองวันนี้เราก็มีสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อยของอาหารลาวสไตล์ฝรั่งเศสนี้มาฝากอีกด้วย ว่าแล้วไปดูกันเลย

วิธีทำอาหารลาวสไตล์ฝรั่งเศส บาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่)

บาแกตต์

อาหารลาวที่มีขนมปังฝรั่งเศสเป็นตัวยืนพื้นซึ่งดูเผิน ๆ หน้าตาคล้ายแซนด์วิชที่มีขายกันตามบ้านเรานั่นเอง โดยตัวขนมปังจะมีให้เลือกทั้งก้อนเล็ก กลาง ใหญ่ เรียกได้ว่าแค่ก้อนเล็กก็อิ่มท้องได้นานเลยทีเดียว และพอมาดูวิธีทำก็ง่าย ๆ ดังนี้ 

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับบาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่)

  1. ขนมปังฝรั่งเศส 2 ก้อน
  2. หมูยอหั่นเส้นลวกสุก 50 กรัม
  3. แฮมหั่นเส้นลวกสุก 50 กรัม
  4. หมูหยอง 1/4 ถ้วยตวง
  5. แครอทหั่นฝอย 1/4 ถ้วยตวง
  6. กะหล่ำปลีสีม่วงหั่นฝอย 1/4 ถ้วยตวง
  7. แตงกวาสไลซ์ยาวตามลูก 1 ลูก
  8. มะเขือเทศหั่นแว่น 1 ลูก
  9. หอมหัวใหญ่หัวเล็กหั่นแว่น 1 หัว
  10. มายองเนส
  11. ผักชี
  12. ซอสปรุงรส (เลือกเป็นซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกได้ตามชอบ)
  13. เนยสดชนิดเค็มพักไว้ให้อ่อนตัว
  14. ผักสลัดตามชอบ

วิธีทำบาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่)

  1. เตรียมส่วนวัตถุดิบและส่วนผสมให้พร้อม
  2. ขนมปังฝรั่งเศสไปจี่ไฟพอทั่วให้หอม จากนั้นนำมาผ่าครึ่งตามยาวแต่อย่าไม่ขาด ทาเนยสดและมายองเนสให้ทั่วเนื้อขนมปังด้านในทั้ง 2 ข้าง
  3. ใส่ผักต่าง ๆ ตามชอบ เช่น แตกกวา ผักสลัด หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ แครอท กะหล่ำปลี เป็นต้น 
  4. ใส่เครื่องอาทิ หมอยอ แฮม หมูหยอง ตามด้วยวางผักชีด้านบนสุด
  5. จัดใส่จานแบบบาแกตต์ทั้งก้อน หรือ หั่นเป็นชิ้น ๆ เสริฟพร้อมซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ หรือซอสพริก ตามชอบได้เลย 

แค่ขั้นตอนง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอนเราก็ได้อร่อยกับเมนูอาหารลาวสไตล์ฝรั่งเศสอย่างบาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่) แล้ว แถมยังได้เครื่องปรุงในแบบที่ถูกใจอีกด้วย ทั้งนี้สำหรับใส้ในบาร์แกตต์นั้นสามารถพลิกแพลงเครื่องเคียงได้ตามชอบอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำให้การเข้าครัวสนุกและเพลินได้เลยทีเดียว

สูตรความอร่อย

บาแกตต์

รู้ไหมว่าเคล็ดลับความอร่อยสำหรับบาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่) นั้น อยู่ที่ตัวขนมปังที่ลาวเขาจะใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปด้วยทำให้เนื้อขนมปังให้รสกรอบนอกนุ่มในและไม่เหนียวเท่าขนมปังฝรั่งเศส พอนำมาจี่ให้ทั่วเราจึงได้กลิ่นหอมของเนื้อขนมปังและหากใครอยากได้รสชาติที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้นแนะนำให้ยัดใส้ด้วยมะละกอดองหรือแตงกวาดองเข้าไปด้วย จะได้รสชาติอมเปรี้ยวติดลิ้นอร่อยอีกแบบหนึ่ง แถมยังสามารถพลิกแพลงใส้ซอสเป็นพวกน้ำพริกเผาก็อร่อยได้ด้วยเช่นกัน

สรุป

แน่นอนว่าใครที่เดินทางไปเที่ยวฝั่งลาวต้องได้ลองชิมรสอาหารลาวชนิดนี้แน่ ๆ เพราะหาซื้อได้ง่ายตามตลาดและริมทางซึ่งวางขายกันหลากหลาย และต้องบอกว่าแต่ละภูมิภาคของลาวก็จะปรับเปลี่ยนใส้และรสชาติที่แตกต่างกันออกไปด้วย และสำหรับใครที่อยากลองทำเองดูที่บ้าน เมนูบาแกตต์ (ข้าวจี่, แป้งจี่) ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารหน้าตาดีที่เหมาะสำหรับวันว่าง ๆ ที่อยากสนุกกับการเข้าครัว หรือวันที่เร่งรีบก็เหมาะมาก ๆ สำหรับอาหารรองท้องที่ทำให้อิ่มได้นานแถมยังได้คุณค่าทางอาหารแบบครบ 5 หมู่และมันก็เหมาะมาก ๆ สำหรับจัดเป็นอาหารปิกนิกในวันพักผ่อนที่อยากเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย

สนับสนุนโดย : https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
อาหารนานาชาติ

แจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง) อาหารลาวตำรับ

แจ่วเห็ดเฟือง

สำหรับใครที่กำลังมองหาเมนูอาหารลาวแซบ ๆ แบบน้ำพริกทานคู่กับผักสดแล้วล่ะก็ เมนูพื้นถิ่นอย่าง แจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง) เป็นอีกหนึ่งเมนูรสเด็ดที่เราอยากแนะนำและพาลงครัวกันในวันนี้ โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบเห็ดฟาง หรือ เห็ดเฟือง ด้วยแล้วเมนูนี้ห้ามพลาดเลยทีเดียวเพราะนอกจากรสอร่อยแซบนัวของแจ่วเห็ดแล้ว กลิ่นหอม ๆ ของเห็ดฟางย่างที่คลุกเคล้ากับกลิ่นสมุนไพรย่างนั่นบอกได้คำเดียวว่าเรียกน้ำลายสอได้ดีเอามาก ๆ เลยทีเดียว

แจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง) อาหารลาวสูตรเด็ดทำได้ง่าย ๆ อร่อยได้ทันที

เห็นอย่างนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าแจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง) อาหารลาวสูตรนี้เป็นตำรับเด็ดที่ทำได้ง่าย ๆ แต่ให้รสชาติดีต่อใจเอามาก ๆ เลยทีเดียวและมันก็เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบทานน้ำพริกคู่กับผักสดหรือผักลวก หรือใครที่ชอบทานเห็ดฟางเป็นทุนอยู่แล้วรับรองว่าการลงครัวปรุงเมนูแจ่วลาวในครั้งนี้จะทำให้เพื่อน ๆ ติดใจความแซบของแจ่วเห็ดเฟือง(เห็ดฟาง) นี้ได้อย่างแน่นอน ว่าแล้วลงครัวไปเตรียมส่วนผสมและลงมือทำกันเลย

แจ่วเห็ดเฟือง

วัตถุดิบและส่วนผสม สำหรับแจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง)

  1. เห็ดฟางย่าง
  2. พริกสดย่าง
  3. หอมแดงย่าง
  4. กระเทียมย่าง
  5. ต้นหอมซอย
  6. น้ำปลา
  7. น้ำปลาร้า
  8. ข้าวคั่ว

ขั้นตอนและวิธีทำแจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง)

  1. นำเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง) มาตัดเลาะเอาเศษดินและหญ้าที่ติดขาเห็ดออก จากนั้นนำไปล้างด้วยน้ำสะอาดประมาณ 3-4 น้ำเพื่อให้ดินที่ติดมากับเห็ดออกให้หมด
  2. นำเห็ดไปย่างไฟให้หอม และเห็ดแห้งจนได้ที่ จากนั้นยกลงมาพักไว้ให้เย็น (ในขั้นตอนนี้หากว่าไม่ได้ตั้งเตาถ่านสามารถนำเห็ดไปคั่วไฟอ่อน(ไม่ใส่น้ำ) จนเห็ดแห้งและมีกลิ่นหอมได้)
  3. นำส่วนผสมเครื่องแจ่ว กระเทียม พริก หอมแดง ที่ย่างไฟแล้วมาโขลกรวมกันให้พอหยาบ ใส่เห็ดฟางย่างลงไปตำกับเครื่องจนแหลกแบบพอดี ๆ ไม่หยาบมากและไม่ละเอียดจนเกินไป
  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ข้าวคั่ว ชิมรสปรับเพิ่มตามชอบ
  5. ตักใส่ถ้วย โรยต้นหอมผักชีหั่น พร้อมเสริฟกับข้าวเหนียวร้อน ๆ และเครื่องเคียงอย่างผักสดหรือผักลวกตามชอบได้เลย

เพียงเท่านี้เราก็ได้เมนูอร่อย ๆ อย่าง แจ่วเห็ดฟาง (เห็ดเฟือง) มาทานคู่กับผักสดตามชอบแล้ว ง่าย ๆ เลยใช่ใหมละกับเมนูอาหารลาวชนิดนี้ ที่ทำได้เองไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อมาทานแถมยังได้รสชาติที่ถูกปากเรามาก ๆ อีกด้วยเพราะปรุงรสด้วยตัวเอง ดังนั้น ใครที่ชอบทานเห็ดฟางอยู่แล้วอย่าลืมลองนำเมนูเด็ดสุดแซบนี้ไปลองทำกันนะ อีกอย่างแจ่วสามารถเก็บได้นานในตู้เย็นด้วยหิวเมื่อไหร่ก็หยิบมาทานให้อิ่มท้องได้เลยง่าย ๆ 

คุณค่าและประโยชน์ดี ๆ ที่มีต่อร่างกาย

แจ่วเห็ดเฟือง

แน่นอนว่า แจ่ว หรือ น้ำพริก เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวที่ส่วนผสมส่วนใหญ่คือสมุนไพรพื้นถิ่นที่ให้คุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ แถมยังสามารถปรับเปลี่ยนเมนูได้หลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น แจ่วพริกสด แจ่วพริกปลาย่าง แจ่วเห็ด แจ่วปลาร้าสุก แจ่วบ่องสมุนไพร เป็นต้น และแต่ละเมนูก็เสริฟพร้อมเครื่องเคียงดี ๆ อย่างผักสดอีกด้วย ซึ่งมากด้วยคุณค่าทางอาหารที่ดีต่อสุขภาพคนทานแน่นอน แถมคุณประโยชน์โดยรวมของแจ่วยังสามารถเพิ่มการสร้างเซลล์กำจัดเชื้อโรคได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือด และทำให้ร่างกายสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น อย่าพลาดเลยทีเดียวกับเมนูดี ๆ เพื่อสุขภาพที่คุณสามารถทำเองได้ง่าย ๆ จากครัวในบ้านอย่าง แจ่ว หรือ น้ำพริก สุดแซบนี้

สรุป

เมนูแจ่วเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่อยู่คู่กับสำรับอาหารลาวเกือบทุกสำรับ และประยุกต์วิธีปรุงให้เข้ากับวัตถุดิบต่าง ๆ นานาได้อย่างมีรสชาติ และแจ่วเห็ดเฟือง (เห็ดฟาง) ก็เช่นเดียวกัน นอกจากรสแซบนัวที่กินกับผักสดได้อร่อยติดลิ้นแล้ว ยังทรงคุณค่าทางอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาก ๆ อีกด้วย และแน่นอนว่าคุณไม่ควรพลาดลงครัวเพื่อรังสรรค์เมนูดี ๆ อย่างนี้ไว้ทานเล่นหรือทานกับข้าวให้อิ่มสบายท้องเลยทีเดียว

สนับสนุนโดย : https://sa-game.bet/เว็บบาคาร่าที่คนเล่นเย

Categories
อาหารนานาชาติ

Soto Betawi ซุปเนื้อรสชาตละมุนลิ้น

Soto Betawi เป็นซุปเนื้อที่ดูต่างจากที่เราเคยรู้จัก และเคยเห็นค่อนข้างมาก ด้วยเอกลักษณ์ของน้ำซุปที่สีดูข้นที่ไม่เหมือนใคร ทั้งสีสันของเมนู และรสชาติ แต่บอกได้เลยว่าอร่อยอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่อร่อยจริงแล้วหละก็มันคงไม่มีขายอยู่ทั่วประเทศอินโดนีเซียแน่ ๆ

Soto Betawi

ถ้าใครได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซียแล้วต้องห้ามลืมที่จะลองรับประทานเมนูSoto Betawi หรือ ซุปดั้งเดิมของอินโดนีเซีย โดยเด็ดขาด เพราะถ้าคุณไม่ได้ลองรับประทานแล้วหละก็ อาจจะเปรียบเสมือนว่าคุณไม่ได้มาเที่ยวที่นี่อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นหนึ่งในอาหารอินโดนีเซียสูตรดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานเมนูหนึ่ง อีกทั้งเมนูนี้ยังเป็นที่นิยมมาก ๆ ของคนประเทศนี้อีกด้วย โดยสามารถสังเกตได้จากร้านอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะร้านเล็ก ร้านใหญ่ หรือร้านสตรีทฟู้ดทั่วไป ก็มีเมนูนี้อยู่ในรายการอาหารแน่นอน 

สูตรและขั้นตอนการทำ Soto Betawi

ควานน่าสนใจหนึ่งของSoto Betawi คงเป็นหน้าตาของเมนูที่ต่างจากซุปบ้านเรา เพราะถ้าหากเป็นซุปของไทยเรานั้นมักจะจะมีน้ำซุปใสๆ สามารถซดได้อย่างคล่องคอ อีกทั้งกลิ่นเครื่องเทศก็ไม่ได้แรงมาก แต่ในส่วนของเมนูซุปดั้งเดิมของอินโดนีเซียนี้จะต่างกันตรงที่น้ำซุปนั้นจะใส่กะทิเล็กน้อย (หรือบางสูตรอาจจะเปลี่ยนเป็นใส่นมสดแทน) จึงทำให้ได้น้ำซุปที่ค่อนข้างออกไปทางข้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป ผสมเข้ากับเครื่องเทศที่ใส่มาในชามนี้ จึงช่วยให้ตัดความเลี่ยนของกะทิลงได้ นำทุกอย่างมาตุ๋นรวมกับเนื้อและ ผ้าขี้ริ้วรังผึ้ง จนเปื่อยนุ่ม เรียกได้ว่า เมนูSoto Betawi สมกับเป็นเมนูอาหารอินโดนีเซียที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวได้รับประทานกันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ หากใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยว หรือยังไม่มีแพลนจะไปเที่ยวที่อินโดนีเซีย วันนี้เรามีสูตร และขั้นตอนง่ายๆ ในการทำเมนูนี้มาฝากเพื่อน ๆ กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเตรียมวัตถุดิบ อุปกรณ์ และลงมือทำไปพร้อมกันเลยค่ะ

Soto Betawi

วัตถุดิบในการทำแกง

  • น่องเนื้อ 1 กิโลกรัม 
  • ผ้าขี้ริ้วรังผึ้ง 500 กรัม 
  • ตะไคร้ 5 ต้น ฟกช้ำและผูกปม
  • ใบกระวานอินโดนีเซีย 3 ใบ
  • นมสด 1 ลิตร
  • น้ำ 1 ลิตร
  • กะทิ 500 มล.
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูด 5 ใบ 

วัตถุดิบเครื่องเครื่องแกง

  • หอมแดง 100 กรัม
  • กระเทียม 4 กลีบ 
  • ขิง 1 นิ้ว 
  • ข่า 2 นิ้ว 
  • มะกรูด 5 ลูก
  • ถั่วแคนเดิล 5 เม็ด

ขั้นตอนการเตรียมเครื่องแกง

  • ปลอกหอมแดง และกระเทียม เสร็จแล้วล้างให้สะอาด
  • นำหอมแดง กระเทียม ขิง ข่า ถั่วแคนเดิล และใบมะกรูด มาตำให้ละเอียด
  • เสร็จแล้วตั้งพักไว้

ขั้นตอนการทำ

  • นำเนื้อวัว ผ้าขี้ริ้วรังผึ้ง ตะไคร้ ใบกระวาน นม และเครื่องปรุง ใส่งไปในหมอด้วยกัน และนำขึ้นตั้งเตาด้วยไฟแรงปานกลาง
  •  เมื่อเดือดแล้วให้ลดความร้อนลง เพื่อเคี่ยวต่อโดยปิดฝาหม้อ จนกระทั่งเนื้อ และผ้าขี้ริ้วรังผึ้ง นุ่ม หรือประมาณประมาณ 2 ชั่วโมง (ขั้นตอนนี้หากใครใช้หม้ออัดแรงดัน จะใช้เวลาเพียง 30 นาที)
  • นำเนื้อ และผ้าขี้ริ้วรังผึ้ง ออกจากหม้อเพื่อให้เย็นลง
  • เมื่อวัตถุดิบเย็นพอที่จะจับแล้ว ให้หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ หรือประมาณครึ่งนิ้ว
  • กรองน้ำซุปเพื่อเอาเครื่องเทศ และเศษวัตถุดิบออก จนได้น้ำซุปใส 
  • หลังจากนั้นนำซุปที่กรองแล้วกลับไปที่หม้อซุปตามเดิม
  • นำเนื้อ และผ้าขี้ริ้วรังผึ้ง ลงในหม้อ เติมน้ำ กะทิ เกลือ แล้วนำไปเคี่ยวต่ออีก 30 นาทีด้วยไฟกลาง
  • เมื่อครบเวลาแล้วให้ปิดไฟ ให้ใส่ตะไคร้ที่ทุบ และใบกระวาน ใบมะกรูดลงไป หลังจากนั้นก็คนอีกนิดหน่อย
Soto Betawi

เมื่อ ทำSoto Betawi  เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตักเสิร์ฟโดยโรยหน้าน้ำซุปด้วยซอยต้นหอมซอย หอมแดงเจียว ใบมะกรูดฉีกฝอย มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นๆ อีกทั้งเมนูซุปดั้งเดิมของอินโดนีเซียนี้นิยมรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ และเครื่องเคียงอีกหลายอย่าง แต่ที่นิยมมากที่สุดจะเป็นในส่วนของ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบมันฝรั่งทอด และผักดอง เท่านี้เราก็จะได้ลิ้มรสชาตเมนูอาหารอินโดนีเซียอย่างแท้จริง นอกจากนี้แล้วหากเราอยากได้รสชาตที่จัดจ้านถูกปากเรามากขึ้น ก็สามารถเติมเครื่องปรุงลงใน ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องปรุงที่จะเติมลงไปก็คือน้ำมะนาว และ kecap manis  ได้อีกด้วย

สนับสนุนโดย : https://ufaball.bet

Categories
อาหารนานาชาติ

Semur Ayam Medan สตูว์ไก่ในซอสหวาน

ช่วงนี้ถ้าใครเริ่มรู้สึกเบื่อกับอาหารไทยแล้วหละก็ เราอยากแนะนำให้รู้จักกับเมนู Semur Ayam Medan เป็นหนึ่งในอาหารที่อร่อย รับประทานง่าย และน่าจะถูกปากใครหลายคนอีกด้วย เพราะเมนูนี้ดูคล้ายกับเมนูไก่ตุ๋นของบ้านเรานั่นเอง แต่อาจจะต่างกันตรงเครื่องเทศที่ใช้ และรสชาตที่แตกต่างจากเครื่องอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นเมนูที่อร่อยเช่นเดียวกัน

Semur Ayam Medan

เมนูสตูว์ไก่ในซอสหวาน ซึ่งจุดเด่นของเมนูนี้จะอยู่ตรงที่ใช้ซีอิ๊วหวานของอินโดนีเซียนั่นคือ kecap manis เป็นวัตถุดิบหลัก เพราะเมนูนี้จะมีความโดดเด่นในเรื่องของรสชาตเฉพาะตัวที่ได้จากซีอิ๊วหวานชนิดนี้ ทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะรู้ได้เลยว่าอาหารจานนี้เป็นอาหารอินโดนีเซีย นอกจากนี้แล้วยังช่วยให้อาหารมีสีสีนน่ารับประทาน ไม่ดูจืดชืดอีกด้วย

สูตรและขั้นตอนการทำ Semur Ayam Medan

ความจริงแล้ว เมนูSemur Ayam Medan นี้มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่าSemur Ayam ซึ่งไม่ได้เจาะจงว่าเป็นสูตรที่มาจากเมืองไหน เพราะแต่ละเมืองในอินโดนีเซียก็มีเคล็ดลับการทำที่ต่างกัน วันนี้เราเลยอยากจะแนะนำสูตรเมืองเมดาน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่กำเนิดสูตรเด็ดอย่างSemur Ayam Medan ที่มีชื่อเสียง จนใครที่เคยได้ไปเที่ยวอินโดนีเซียเป็นอันต้องได้ลองเมนูนี้กัน แต่ถ้าใครยังไม่เคยได้ลองรับประทานอาหารอินโดนีเซียจานนี้แล้วหละก็ไม่ต้องเสียดายไปนะคะ เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำเมนูจานนี้ไปพร้อมๆ กัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปเตรียมวัตถุดิบ และลงมือทำไปพร้อมกันเลยค่ะ

Semur Ayam Medan

วัตถุดิบในการทำอาหาร

  • น่องไก่ติดหนัง 6-8 ชิ้น
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
  • น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงหรือหอมหัวใหญ่ หั่นเป็นแว่น 50 กรัม 
  • มะเขือเทศหั่นบางๆ 1 ลูก 
  • พริกแดงแห้งเมล็ด 3-5 เม็ด
  • กานพลู 5 ชิ้น
  • อบเชยแท่ง 1 นิ้ว 
  • ลูกจันทน์เทศบด 3/4 ช้อนชา 
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
  • kecap manis 6 ช้อนโต๊ะ 
  • กะทิ 400 มล.

วัตถุดิบในการทำเครื่องสวูตว์

  • กระเทียม 4 กลีบ
  • แคนเดิลนัท 10 กรัม (หรือถั่วแมคคาเดเมีย)
  • ขิง 1 นิ้ว 

ขั้นตอนการทำเครื่องแกง

  • นำกระเทียมมาปลอกเปลือก หลังจากนั้นก็ล้างให้สะอาด
  • เสร็จแล้วนำกระเทียม แคทเดิลนัท และขิงใส่ลงเครื่องปั่น ถ้าไม่มีเครื่องปั่นให้ใช้ครกตำแทนได้ 
  • ปั่นจนกระทั่งได้เครื่องแกงมีเนื้อเนียนละเอียดดีแล้ว
  • จากนั้นตั้งพักไว้เพื่อรอประกอบอาหาร

ขั้นตอนการทำอาหาร

  • นำน่องไก่มาหมักกับน้ำมะนาว เกลือ และพริกไทยป่นใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรืออาจจะเกินกว่านี้ได้นิดหน่อย เพื่อให้ไก่นุ่ม และไม่จืดจนเกินไป
  • ใส่น้ำมันลงในกระทะใหญ่ หรือหม้อ และนำขึ้นตั้งเตาด้วยไฟปานกลาง 
  • เมื่อน้ำมันร้อนแล้วก็ใส่น่องไก่ที่หมักทิ้งไว้ลงไป โดยคว่ำด้านหนังลงก่อน
  • ทอดจนกระทั่งหนังไก่กรอบ และเป็นสีน้ำตาลทองทีละด้าน เมื่อด้านหนึ่งได้ที่แล้วก็ให้กลับไปอีกด้านหนึ่ง จนทั่วทั้งชิ้น 
  • นำไก่ออกมาจากกระทะ เพื่อสะเด็ดน้ำมัน
  • นำน้ำมันใส่ลงในกระทะใหม่อีกครั้ง นำขึ้นตั้งไฟกลาง 
  • ใส่หอมแดงที่ซอยบาง ๆ ไว้แล้วลงไปผัดจนเปลี่ยนเป็นสีใส
  • หลังจากนั้นใส่เครื่องแกงที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ลงไป และใส่มะเขือเทศที่หั่นชิ้นบาง ๆ ตามลงไปผัดจนหอม
  • นำไก่ที่พักไว้ใส่กลับลงไปที่กระทะ ตามด้วยกับพริก กานพลู และอบเชย 
  • ปรุงรสด้วยลูกจันทน์เทศ เกลือ พริกไทยป่น และkecap manis คลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน
  • เทกะทิที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันดีอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มไฟให้แรงขึ้น
  • หลังจากนั้นลดไฟลงให้เหลือไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน เพื่อเคี่ยวต่อ
  • เคี่ยวจนนำสตูว์ลดลงครึ่งหนึ่ง และน้ำดูข้นขึ้น
  • ปิดไฟ ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย
Semur Ayam Medan

ไม่ยากเลยใช่ไหมหละคะสำหรับ เมนูSemur Ayam Medan จานนี้ เพียงแต่มันใช้เวลาในการทำสักนิดหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ว่ารสชาตนั้นถูกปาก ถูกใจอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าได้รับประทานตอนที่เสร็จใหม่ๆ พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วหละก็ อาหารอินโดนีเซียจานนี้ก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

สนับสนุนโดย : https://ufaball.bet/เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

Categories
อาหารนานาชาติ

Siomay อาหารทานเล่นที่อร่อยแบบจริงจัง

Siomay ที่หน้าตาเหมือนเกี๊ยวซ่า หรือขนมจีบนั่นเอง เป็นอาหารทานเล่นยอดนิยมทั้งคนในประเทศ และ นักท่องเที่ยวอีกด้วย ยิ่งรับประทานในขณะที่ยังอุ่นๆ แล้วหละก็ยิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีก ถึงแม้เมนูนี้จะเป็นเมนูที่เหมือนจะหารับประทานได้ง่ายๆ ทั่วไป และแต่รสชาตของมันนั้นเรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะทั้งตัวใส้ และตัวน้ำจิ้มมีเป็นอย่างมาก

Siomay

เอกลักษณ์ของเมนูSiomay หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ ติ่มซำเกี๊ยวปลาอินโดนีเซีย จะอยู่ตรงที่ไส้ด้านในของมันจะไม่ใส่หมู หรือมีส่วนผสมของเนื้อหมูเลย เนื่องจากประชากรณ์ส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นอิสลาม ดังนั้นมันจะถูกแทนที่ด้วยเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา กุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้แล้วน้ำจิ้มของSiomay ก็เป็นน้ำจิ้มถั่วสูตรเฉพาะของที่นี่อีกด้วย ดังนั้นจึงพูดได้เต็มปากเลยว่าเมนูเป็นเมนูอาหารอินโดนีเซีย อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนขนมจีบของชาวจีน หรือขนมจีบของประเทศไทยเราเองก็ตาม 

สูตรและขั้นตอนการทำ Siomay

หากใครเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซียนี้ ก็ไม่ยากที่จะหารับประทานเมนูSiomay เพราะเมนูนี้จัดว่าเป็นเมนูอาหารอินโดนีเซีย ที่อร่อย อีกทั้งยังหารับประทานได้ทั่วทั้งประเทศอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นตามร้านอาหารทั่วไป หรือร้านสตรีทฟู้ดก็ตาม จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นเมนูติ่มซำเกี๊ยวปลาอินโดนีเซีย ที่ห้ามพลาดในการไปเที่ยว แต่ถ้าใครยังไม่เคยไปเที่ยวที่อินโดนีเซีย หรือว่ายังไม่มีแพลนจะไปเที่ยวเร็วๆ นี้ แต่อยากจะลองรับประทานเมนูนี้ดูบ้าง วันนี้เราก็มี สูตรSiomay และวิธีการทำมาฝากเพื่อนๆ กัน แต่แอบบอกว่าอาจจะยุ่งยากไปสักหน่อย แต่รับรองเลยว่าอร่อยแน่นอนถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปลงมือทำไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

Siomay

วัตถุดิบในการทำเกี๊ยว

  • แผ่นเกี๊ยว 23 แผ่น
  • เนื้ออกไก่ 200 กรัม
  • กุ้งปอกเปลือก 75 กรัม
  • ปลาแมคเคอเรล 75 กรัม
  • หัวไชเท้า 50 กรัม 
  • กระเทียม 25 กรัม
  • ซอสหอยนางรม 10 กรัม
  • น้ำมันงา 10 กรัม
  • น้ำปลา 15 กรัม
  • ซีอิ๊วขาว 8 กรัม
  • ไข่ 1 ฟอง
  • เกลือ 5 กรัม
  • ผลปรุงรสไก่ 5 กรัม
  • ผงพริกไทยขาว 5 กรัม
  • น้ำตาล 5 กรัม
  • แป้งสาลี 40 กรัม
  • แป้งมัน 150 กรัม
  • กระเทียมดองหั่นบางๆ 50 กรัม
  • แครอทขูด 50 กรัม

 วัตถุดิบในการทำซอสถั่ว

  • หอมแดง 12 กรัม
  • กระเทียม 15 กรัม
  • ถั่วลิสง 250 กรัม
  • พริกแดงเม็ดใหญ่ 25 กรัม
  • ซอสพริก 50 กรัม
  • ซีอิ๊วหวาน 50 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  • น้ำสต๊อกไก่ 5 กรัม
  • เกลือ 10 กรัม
  • ใบมะกรูด 5 ใบ
  • มะกรูด 2 ลูก
  • น้ำมันปรุงอาหารสำหรับผัด 100 มล. 
  • น้ำมันปรุงอาหาร 1 ลิตร
  • น้ำ 300 มล. 

ขั้นตอนการทำเกี๊ยว

  • เตรียมเครื่องปั่นเพื่อเนื้ออกไก่ ปลาแมคเคอเรล และกุ้ง จนได้เนื้อเนียนละเอียด และปิดเครื่อง
  • จากนั้นใส่หัวไชเท้า กระเทียม ซอสหอยนางรม น้ำมันงา น้ำปลา ซีอิ๊ว ไข่ เกลือ ผงปรุงรสไก่ ผงพริกไทยขาว และน้ำตาล ตามลงไป หลังจากนั้นเปิดเครื่องปั่นอาหารอีกครั้ง ปั่นจนวัตถุดิบด้านในเนียนเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง
  • ต่อจากนั้นนำออกมาใส่ชามผสม เพิ่มแป้งมันสำปะหลัง และกระเทียมดอง ลงไป และนวดจะเข้ากันดี
  • จากนั้นชั่งไส้ 23 กรัม วางตรงกลางแผ่นเกี๊ยว พับเกี๊ยวโดยให้ด้านบนเปิดเล็กน้อยที่ คล้ายทรงภูเขา จากนั้นโรยแครอทขูดด้านบนเล็กน้อย 
  • เมื่อจับทรงเกี๊ยวเสร็จเรียบร้อยก็ นำเกี๊ยวใส่ในที่นึ่ง และนึ่งเป็นเวลา 20 นาที

 ขั้นตอนการทำซอสถั่ว

  • นำถั่วลิสงจนลงทอดในน้ำมันจนเป็นสีน้ำตาล และพักไว้
  • ทอดหอมแดง กระเทียม และพริกแดงเม็ดใหญ่ ให้สุกได้ที่ และใส่ถั่วลิสงกลับเข้าไป 
  • ปั่นผสมส่วนผสมทั้งหมดกับน้ำ 300 มล. จนเป็นเนื้อครีมเนียน จากนั้นผัดซอสถั่วลิสง และปรุงรสด้วยซอสพริก ซีอิ๊วหวาน น้ำตาลทรายแดง ผงปรุงรสไก่ และเกลือ 
  • เคี่ยวซอสถั่วลิสงเป็นเวลา 30 นาทีด้วยไฟปานกลาง และต้องคนตลอดเวลา
  • เมื่อเคี่ยวจนข้นได้ที่แล้วก็ตั้งพักไว้เตรียมเสิร์ฟ คู่กับเกี๊ยวที่นึ่งสุกแล้ว
Siomay

นอกจากไส้ของ เมนูSiomay  จะนิยมนำมาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวแล้วนั้น ไส้ของมันยังนิยมนำมาห่อด้วยกะหล่ำปลีนนึ่ง หรือยัดไส้ของมะระและนำไปนึ่งจนสุก เพื่อความหลากหลายของรสชาต นอกจากนี้เวลาที่เสิร์ฟเมนูติ่มซำเกี๊ยวปลาอินโดนีเซีย นี้ก็มักจะเสิร์ฟตอนที่มันกำลังร้อนๆ และเสิร์ฟคู่กับขนมปังปิ้งกรอบ และไข่ต้มหรือไข่ลวก เพื่อเพิ่มรสชาตให้น่าสนใจมากขึ้นไปอีกด้วย บอกได้เลยว่าเมนูอาหารอินโดนีเซียจานนี้หามพลาดอย่างแน่นอน

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com/hilo-thai/

Categories
อาหารนานาชาติ

สะเต๊ะอินโดนีเซีย อร่อยเพลินเกินห้ามใจไหว

ถ้าพูดถึงสะเต๊ะ แน่นอนว่าเป็นอาหารที่หลายคนรู้จักกัน เพราะในประเทศไทยของเราก็เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากๆ หรือจะที่มาเลเซียก็นิยมมากไม่แพ้กัน แต่ความเป็นจริงแล้วสะเต๊ะดั้งเดิมนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอินโดนีเซียนั่นเอง ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีรสชาต และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป โดยหนึ่งในสะเต๊ะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นคือ สะเต๊ะอินโดนีเซีย เพราะด้วยรสชาต หน้าตาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นนี้ทำให้มันเป็นที่นิยมมาก สำหรับคนในประเทศ และนักท่องเที่ยวอย่างเรา เพราะเมื่อไหร่ที่ไปเที่ยวอินโดนีเซีย เป็นอันต้องจดเมนูนี้อยู่ในลิสนั่นเอง

สะเต๊ะอินโดนีเซีย

สะเต๊ะอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในเมนูอาหารอินโดนีเซีย ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เพราะมีนักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศแห่งนี้เพื่อที่ได้จะได้ลิ้มลองมัน เนื่องจากเอกลักษณ์ของน้ำจิ้มถั่วที่กลมกล่อมมีครบทุกรสชาต หรือจะเป็นในส่วนของเนื้อสัตว์ที่หมักด้วยเครื่องเทศต่างๆ ได้อย่างเข้าเนื้อ จนได้ทั้งความหอม หวาน และเนื้อที่นุ่ม เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้ม เรียกได้ว่าไม่แปลกใจเลยว่าทำ เมนูสะเต๊ะอินโดนีเซีย ถึงเป็นเมนูที่ได้รับความชื่นชอบมากๆ เมนูหนึ่งของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้

สูตรและขั้นตอนการทำ สะเต๊ะอินโดนีเซีย

สะเต๊ะอินโดนีเซียนั้น เป็นเมนูที่หารับประทานได้ทั่วทั้งประเทศอินโดนีเซีย เพราะจัดว่าเป็นเมนูอาหารอินโดนีเซียยอดนิยม โดยรสชาติของเมนูจะก็จะมีความแตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาค แต่ความอร่อยนั้นเรียกได้ว่าอร่อยทุกสูตร ซึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นคือ สูตรสะเต๊ะอินโดนีเซีย จากบาหลี นั่นเอง เพราะไม่ว่าใครที่เคยได้ลองลิ้มชิมรสของสูตรนี้ก็ต่างพูดกันว่าอร่อยถูกปากมากที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็ไม่รอช้าทีจะชวนเพื่อนๆ มาลองทำเมนูสะเต๊ะสูตรบาหลี ไว้รับประทานกันเลย เพื่อบางคนที่เคยรับประทานแล้วติดใจจะได้ทำรับประทานให้หายคิดถึง และคนที่ไม่เคยได้ลองจะได้ลองรับประทานดูว่าทำไมมันถึงเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากๆ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปเตรียมอุปกรณ์ และเริ่มทำไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

สะเต๊ะอินโดนีเซีย

วัตถุดิบในการหมักเนื้อไก่

  • เนื้อน่องไก่ 500 กรัม 
  • kecap manis 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ 
  • ไม้เสียบขนาดเล็ก 12 – 14 ท่อน

วัตถุดิบในการทำน้ำจิ้มถั่ว

  • น้ำมันปรุงอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ 
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  •  หัวหอมเล็ก หรือใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 กรัม
  • พริกขี้หนู 3 เม็ด
  • เนยถั่ว 1/2 ถ้วย 
  • กะทิ 1 ถ้วยตวง 
  • kecap manis 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ถั่วลิสงคั่วบด 1/4 ถ้วยตวง 
  • น้ำมะนาวสด 1 – 2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการเตรียมน้ำจิ้มถั่ว

  • เริ่มทำน้ำจิ้มถั่วโดยใส่น้ำมันในกระทะนำขึ้นตั้งไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียม หอมใหญ่ และพริกลงไป และผัดจนกระทั่งส่งกลิ่นหอม หรือหัวหอมสุกดี
  • ลดไฟลงจากนั้นใส่เนยถั่ว กะทิ kecap manis ซีอิ๊วขาว และเกลือ เคี่ยวเป็นเวลา 10 นาที คอยคนเป็นระยะๆ และพักไว้
  • หลังจากนั้นคั่วถั่วลิสงบดในกระทะให้หอม
  • จากนั้นนำถัวคั่วใส่ลงในกระทะที่พักน้ำจิ้มไว้ และบีบน้ำมะนาวลงไป
  • สุดท้ายเคี่ยวต่ออีก 2 นาที ก็ปิดไฟ และปล่อยให้เย็นเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ เพื่อที่น้ำจิ้มจะได้ข้นขึ้น

ขั้นตอนการเตรียมไก่สำหรับย่าง

  • หั่นไก่เป็นชิ้นหนาประมาณ 1.5 ซม.
  • เสียบไม้ – 4 ถึง 5 ชิ้นต่อ 1 ไม้เสียบ
  • นำ kecap manis และเนย มาผสมรวมกันเพื่อเตรียมไว้สำหรับทาตอนย่าง
  • หลังจากนั้นนำไก่มาย่างบนตะแกรงไฟหรือ ถ้าไม่มีก็สามารถย่างในกระทะได้ โดยระหว่างย่างให้ทาเนยที่ผสมกับ kecap manis ทาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเนื้อไก่สุกดีแล้ว
  • เมื่อไก่สุกดีแล้วก็จัดใส่จานเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มถั่วได้เลย
สะเต๊ะอินโดนีเซีย

ถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซียลองไปหา เมนูสะเต๊ะอินโดนีเซีย นี้รับประทานกันได้ตามร้านอาหารทั่วไป หรือตามร้านสตีทฟู๊ดได้เลยนะคะ เพราะเมนูเรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารอินโดนีเซียอย่างแม้จริง จึงหารับประทานได้ไม่ยากเลย แต่ถ้าใครยังไม่มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวก็สมารถทำเมนูนี้ตามสูตรด้านบนไว้รับประทานกันในครอบครัว หรือใครจะนำ เมนูสะเต๊ะอินโดนีเซีย มาแทนเมนูบาร์บีคิวธรรมดาในงานปาร์ตี้ หรือเพื่อใช้สำหรับรับแขกก็น่าสนใจไปอีกแบบ

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com

Categories
อาหารนานาชาติ

Rendang เข้มข้นจัดจ้านทุกคำ

Rendang เมนูรสชาตจัดจ้าน หอมเครื่องเทศ และเนื้อสัตว์ที่ถูกเคี้ยวจนนุ่มละมุนลิ้นนี้ เป็นเมนูที่ชวนให้เจริญอาหารมาก และหลายคนที่เคยรับประทานแล้วต่างก็ยืนยันว่าเป็นเมนูที่อร่อย และเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าถูกปาก ถูกใจหลายๆ คนแน่นอน โดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างเรา

Rendang

ถ้าใครเคยไปเที่ยวอินโดนีเซีย ต้องเคยรับประทาน เมนูRendang หรือ แกงเผ็ดแห้ง กันอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารเผ็ดร้อนจัดจ้านอยู่แล้ว ก็คงจะไม่พลาดเมนูนี้ในการไปเที่ยว เพราะเมนูนี้เป็นหนึ่งใน เมนูอาหารอินโดนีเซีย ที่มีเครื่องแกงอินโดนีเซียไว้หลายชนิดจึงทำให้ได้รสชาติเข้มข้น และหอมมากๆ ซึ่งทำให้หลายคนที่ได้ลองรับประทานแล้วก็รู้สึกติดอกติดใจกันไปตามๆ กันอีกด้วย แต่ก็ยังมีหลายคนเข้าใจคิดผิดว่าเมนูนี้เป็นเมนูประจำชาติของมาเลเซีย เนื่องจากที่ประเทศมาเลเซียนี้ก็เมนูRendang อยู่เช่นกัน แต่ถ้าลองพิจารณาดีๆ จะรู้ว่ารสชาตของทั้ง 2 ประเทศมีความแตกต่างกัน อีกทั้งความเป็นจริงแล้วเมนูนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากอินโดนีเซีย และแพร่หลายไปยังมาเลเซียนั่นเอง รสชาต และวิธีการทำจึงใกล้เคียงกันมาก

สูตรและขั้นตอนการทำ Rendang

ความน่าสนใจของเมนูRendang นั้นคือเป็นการรวมตัวกันของสมุนไพรอินโดนีเซียหลายชนิด นำมาตำให้ละเอียดเป็นจนกลายมาเป็นเครื่องแกงเผ็ดอินโดนีเซียที่มีกลิ่นหอม คล้ายๆ กับพริกแกงเผ็ดของไทยเรานี่เอง อีกทั้งยังนำมาเคี่ยวกับกะทิจนได้เนื้อสัตว์ที่นุ่ม ละมุนลิ้น รวมถึงได้รสชาติที่เข้มขึ้นถึงใจ และสีสันที่สวยงามอีกด้วย เรียกได้ว่าเมื่อรับประทาน เมนูRendang จะทำให้คุณได้สัมผัสกับเมนูอาหารอินโดนีเซียแบบต้นฉบับเลยก็ว่าได้  เชื่อว่าหลายคนที่เคยรับประทานก็คงจะชอบอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าใครยังไม่เคยได้ลองรับประทานวันนี้เราก็มีสูตรเด็ด รวมถึงวิธีการทำมาฝากเพื่อนๆ กัน ถ้าอยากทำแล้วก็ไปเตรียมวัตถุดิบ อุปกรณ์ และลงมือทำไปด้วยกันเลยค่ะ

Rendang

วัตถุดิบในการปรุง

  • เนื้อวัวส่วนน่องหั่นเป็นชิ้นทรงลูกเต๋า 500 กรัม 
  • น้ำมันปรุงอาหาร ½ ถ้วย
  • โป๊ยกั๊ก 2 ฝัก (หากไม่ชอบไม่ใส่ก็ได้)
  • ผักชีฝรั่งสำหรับโรยหน้าตามชอบ

วัตถุดิบในการทำเครื่องแกง

  • กะทิ ½ กระป๋อง
  • ตะไคร้ (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ 
  • หอมหัวใหญ่ (หั่นเต๋า) 1 หัว 
  • กระเทียม 4 กลีบ
  • ข่าหรือขิง ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ
  • พริกแดง 1 ถึง 3 เม็ด
  • มะขามเปียก ¾ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  • น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  • ขมิ้น ½ ช้อนชา
  • ผักชีป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • ยี่หร่าป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • อบเชยป่น 1 ½ ช้อนชา
  • ลูกจันทน์เทศบด ¼ ช้อนชา
  • กานพลูบด ¼ ช้อนชา
  • กะปิ 1 ช้อนชา (ถ้าไม่มีใช้น้ำปลาแทนประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ)

ขั้นตอนการทำเครื่องแกง

  • ใส่ส่วนผสมในการทำเครื่องแกงทั้งหมดลงเครื่องปั่น
  • หลังจากนั้นปั่นจนกระทั่งส่วนผสมเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะได้เครื่องแกงเผ็ดอินโดนีเซีย

(หากใครไม่มีเครื่องปั่นสามารถนำวัตถุดิบแห้งๆมาต้มจนนิ่มและนำมาตำให้ลเอียด หลังจากนั้นจึงผสมลงในวัตถุดิบที่เป็นน้ำ)

ขั้นตอนการทำแกง

  • เทนน้ำมันลงกระทะ และนำขึ้นตั้งไฟกลาง (หากใครไม่ใส่ก็ได้ แต่ต้องระวังเครื่องแกงติดกระทะ)
  • เทเครื่องแกงลงในกระทะหรือหม้อ หลังจากนั้นใส่เนื้อวัว และโป๊ยกั๊กลงไปผัดให้เข้ากัน 
  • หลังจากนั้นลดไฟลง เคี่ยวจนกระทั่งน้ำแกงงวดลงจนเกือบแห้ง และเนื้อวัวเปื่อยนุ่มดีแล้ว หากว่ายังไม่นุ่มให้เติมน้ำสะอาด และเคี่ยวต่อได้ โดยระหว่างเคี่ยวให้คนเป็นระยะๆ 
  • เมื่อเคี่ยวจนได้ที่แล้วก็ชิมรสชาติให้กลมกล่อมอีกครั้งก็เป็นอันเรียบร้อย
  • ตักเสิร์ฟใส่จานและโรยหน้าด้วยผักชีฝั่งซอย
Rendang

ใน สูตรRendang ด้านบนนี้จะเป็นในส่วนของเนื้อวัว แต่ความจริงแล้วเราสามารถเปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นชนิดอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแพะ เนื้อแก หรือเนื้อไก่ แต่ถ้าเป็นในส่วนของเนื้อไก่ โดยปกติแล้วสูตรต้นตำหรับนั้นต้องลอกหนังไก่ออกไป เพื่อให้น้ำเครื่องแกงเผ็ดอินโดนีเซียเคลือบอยู่บนเนื้อไก่ และสามารถซึมเข้าไปในเนื้อได้ดีขึ้น เมนูRendang นั้นมักจะนิยมรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ เท่านี้คุณก็จะได้สัมผัสกับเมนูอาหารอินโดนีเซียในแบบต้นฉบับแล้ว

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com/hilo-thai/

Categories
อาหารนานาชาติ

Rawon ซุปเนื้อตุ๋นสูตรเข้มข้นจากอินโดนีเซีย

วันนี้เราอยากจะนำเสนออาหารที่ดูหน้าตาเหมือนกับเนื้อตุ๋นของไทยเรา นั่นก็คือ Rawon รียกได้ว่าเหมือนเป็นเมนูฝาแฝดกันเลยทีเดียว แต่ถ้าลองชิมดูสักครั้งแล้วหละก็จะบอกเลยว่ารสชาตินั้นไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน เพราะทั้ง 2 เมนูนั้นก็มีรสชาตที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน ต้องลองชิม และเปรียบเทียบด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่ามันอร่อยแตกต่างกันอย่างไร และรับรองได้เลยว่ามันน่าจะเป็นหนึ่งในเมนูที่อยู่ในใจอย่างแน่นอน

Rawon

Rawonหรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อของเนื้อตุ๋นอินโดนีเซีย แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในเมนูอาหารยอดนิยมที่หลายคนรู้จักกันดีเมื่อไปเยือนประเทศนี้ ซึ่งเมนูนี้ก็มีหลากหลายสูตร แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นก็คือ สูตรที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองสุราบายา อยู่ที่เกาะชวา ทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย เพราะด้วยความอร่อยของเมนู Rawon สูตรเมืองสุบารายานี้จึงทำให้เมนูนี้ได้รับความนิยมในการรับประทานมากทั้งกับคนในประเทศเอง และนักท่องเที่ยวอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารอินโดนีเซียประจำชาติเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครที่มาเที่ยวก็ต้องได้ลองสักครั้งหนึ่ง แต่ถ้าใครยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยววันนี้เราจะทำให้คุณได้สัมผัสกับเมนูนี้ด้วยตัวเอง 

สูตรและขั้นตอนการทำ Rawon

อย่างที่บอกไว้ข้างต้นฟว่าเมนูRawonนั้นหน้าตาช่างดูคล้ายกับเนื้อตุ๋นบ้านเราเสียเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่เหมือนกันเลย เพราะเสน่ห์ของเมนูนี้คือการใส่เมล็ด keluak ซึ่งเป็นผลของต้นไม้ที่มีอยู่มากในอินโดนีเซีย เมื่อใส่ลงไปในน้ำซุปที่ใช้เคี่ยวเนื้อจะทำให้น้ำซุปมีสีน้ำตาลเข้มสวยงาม อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีในส่วนของเครื่องเทศต่างๆ ที่ใส่ลงไปในขณะที่เคี่ยวเนื้อ ก็ยิ่งทำให้ได้น้ำซุปที่หอม หวาน และเข้มข้นมากอีกด้วย นับว่าเป็นหนึ่งในเมนูอาหารอินโดนีเซีย ที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก หากใครพลาดเมนูนี้ไปรับรองว่าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน  เพื่อไม่ให้เป็นการพลาดเมนูอร่อยนี้ วันนี้เราเลยอยากจะมาชวนเพื่อนๆ ทำRawon สูตรเมืองสุบารายานี้กัน รับรองเลยว่าอร่อยไม่แพ้ต้นตำหรับอย่างแน่นอน

Rawon

วัตถุดิบในการทำ

  • เนื้อวัวส่วนน่องหั่นลูกเต๋า 500 กรัม 
  • น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 6 ½ ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยดำ ¼ ช้อนชา
  • ใบมะกรูดซอย 6 ใบ
  • ตะไคร้ซอย 1 ช้อนชา 
  • ต้นหอมซอย 1 ต้น 
  • น้ำตาล 2 ½ ช้อนชา
  • มะขามเปียก 1 ช้อนชา (บวกกับน้ำสำหรับเจือจาง 1 ช้อนโต๊ะ)
  • หอมแดงสับ 7 หัว
  • กระเทียมสับ 3 กลีบ 
  • keluak แช่น้ำร้อน 5 ผล
  • ขมิ้นสด ½ นิ้ว
  •  ขมิ้นบด 1/4 ช้อนชา
  • ถั่วแคทเดิลสับหยาบ 4 เมล็ด

ขั้นตอนการทำ

  • เทน้ำมันใส่ลงในหม้อขนาดใหญ่ และนำขึ้นตั้งเตาด้วยไฟปานกลาน จนถึงแรง
  • เมื่อน้ำมันร้อนแล้วให้นำหอมแดงสับ กระเทียมสับ ใบมะกรูดซอย และตะไคร้ซอย ใส่ลงไปผัดจนส่วนผสมจนส่งกลิ่นหอม
  • หลังจากนั้นใส่เนื้อขาวัวหั่นเต๋าลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงต่อจนเนื้อค่อนข้างสุก
  • ใส่น้ำ keluak ขมิ้นสด ขมิ้นบด ถั่วแคทเดิลสับหยาบ เกลือ พริกไทย มะขามเปียก และน้ำตาลทราย ที่เตรียมไว้ลงไปทั้งหมด 
  • จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟอ่อน แล้วเคี่ยวจนซุปเดือด และเนื้อเปื่อย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  • เมื่อเคี่ยวจนได้ที่แล้วแนะนำว่าให้ลองชิมรสชาตอีกครั้งหนึ่ง หากยังไม่ถูกปากก็สามารถเติมได้ แต่ถ้าหากว่าชอบแล้วก็ปิดไฟ แล้วใส่ต้นหอมซอยลงไปในหม้อ และคนให้เข้ากันดีอีกครั้งหนึ่ง
  • หลังจากนั้นก็ตักใส่ถ้วยเตรียมรับประทานได้เลย
Rawon

อยากให้ทุกคนได้ลองทำเมนูRawon ตามสูตรด้านบนนี้กันดูนะคะ รับรองได้เลยว่าคุณจะอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารนี้อย่างแน่นอน แต่อยากจะบอกว่าเมนูนี้ชาวอินโดนีเซียมักจะรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ไข่ต้ม หอมแดงเจียว ถั่วงอก แครกเกอร์กุ้ง รวมทั้งปรุงรสด้วยพริก sambal terasi หรือ samba oelek  ซึ่งเป็นน้ำพริกพื้นเมืองของชาวอินโดนีเซียเพื่อให้ได้รสชาตเผ็ดร้อนเพิ่มขึ้นมา  อีกทั้งยังช่วยให้เมนู Rawon ของเรานั้นมีรสชาติที่เข้มข้นจนอยากรับประทานเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน เห็นไหมหละคะว่าเท่านี้เราก็จะได้รับประทานอาหารอินโดนีเซียที่เหมือนเจ้าของประเทศมาทำให้รับประทานเองถึงที่บ้านเลย

สนับสนุนโดย : https://hilospec.com