Categories
เบเกอรี่

เบเกอรี่แสนอร่อยง่าย ๆ ทำเองที่บ้าน ใช้เพียงหม้ออบลมร้อน

คนไทยส่วนใหญ่ชอบรับประทานขนมประเภทเบเกอรี่อย่างมาก รับประทานกันทุกเพศทุกวัย และส่วนใหญ่นิยมซื้อรับประทาน เพราะหาซื้อง่าย และมีความเชื่อว่าเบเกอรี่นั้นทำยาก หาซื้อวัตถุดิบยาก มีหลายอย่าง หลายขั้นตอน ใช้เวลาในการทำหลายชั่วโมง และต้องมีอุปกรณ์การทำที่ราคาแพง อย่างเช่นเครื่องผสมแป้ง เครื่องนวดแป้ง และโดยเฉพาะเครื่องอบเบเกอรี่ 

แต่แท้ที่จริงแล้วการทำขนมจำพวกเบเกอรี่นั้นมีความยืดหยุ่นอย่างมาก เราสามารถที่จะทำเบเกอรี่อร่อย ๆ กินเองได้ไม่ยากเลยเพียงแค่ดัดแปลง ปรับอุปกรณ์ครัวที่มีอยู่แล้วในบ้านมาทำ อาทิเช่นการใช้หม้ออบลมร้อนมาใช้ในการอบเค้กแทนการใช้ตู้อบราคาแพง เพียงเท่านี้ก็จะได้เค้กหอมอร่อยไม่แพ้การอบเค้กด้วยตู้อบเลย 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

เบเกอรี่แสนอร่อย ใช้วัตถุดิบไม่กี่อย่าง ทำเค้กลูกเกดหม้ออบลมร้อนง่าย ๆ 

1.แป้งเค้ก 30 มิลกรัม (ช่วยทำให้เบเกอรี่คัพเค้กมีเนื้อสัมผัสละมุนขึ้น)

2.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 50 กรัม 

3.ไข่ไก่ 2 ฟอง 

4.น้ำตาลทราย 50 กรัม 

5.ผงฟู 1/2 ช้อนชา 

6.เกลือป่น 1 ช้อนชา

7.เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา

8.เนยสดละลาย 30 มิลลิกรัม 

9.SP สารเสริมคุณภาพแป้ง 1 ช้อนชา 

10.สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา 

11.นมจืด 20 มิลลิลิตร 

12.ลูกเกด (เป็นวัตถุดิบ เบเกอรี่ยอดนิยม เพราะมีรสชาติอร่อย สีสันสวยงาม) 

13.มาการีน 10 กรัม (สำหรับทารองแป้งเค้ก)

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ขั้นตอน และวิธีการทำเบเกอรี่คัพเค้ก ลูกเกดหม้ออบลมร้อนง่าย ๆ

1.ผสมส่วนผสมที่เป็นของแห้งของเบเกอรี่เข้าด้วยกัน ได้แก่ แป้งเค้ก แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย เบกกิ้งโซดา ผงฟู เกลือป่น จากนั้นใช้ตะแกรงตาถี่ร่อน 2 รอบ เพื่อเพิ่มช่องอากาศให้กับแป้ง ทำให้เนื้อเค้กมีความนุ่มฟู

2.เมื่อทำการรร่อนส่วนที่เป็นของแห้งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทำการผสมส่วนที่เป็นของเหลวลงไปในส่วนผสมที่ร่อนแล้ว อาทิ SP สารเสริมคุณภาพแป้ง ไข่ไก่ เนยเหลว สารสกัดวานิลลา นมสด 

3.นำส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องผสมแป้ง ใช้หัวตะกร้อในการผสมแป้ง ปรับระดับความแรงของเครื่องที่ระดับ 2 ทำการตีส่วนผสมเป็นเวลา 5 – 10 นาที หรือเมื่อส่วนผสมของแป้งเค้กผสมเข้ากันดีแล้ว 

4.เตรียมถาดใส่เค้กสำหรับใส่ส่วนผสมของเค้ก โดยการทามาการีนบนกระดาษไขวางรองก้นถาดเค้กเค้ก แล้วเทส่วนของแป้งเค้กที่ปริมาณ 3/4 ของถาด โรยหน้าเค้กด้วยลูกเกดให้ทั่วถาด

5.เตรียมหม้ออบลมร้อนด้วยการใส่น้ำไว้ด้านล่างเพื่อให้เนื้อคัพเค้กไม้แห้ง จากนั้นนำคัพเค้กลงไปอบในหม้ออบลมร้อน ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 – 40 นาที เพียงเท่านี้ก็ได้คัพเค้กลูกเกด เบเกอรี่หม้ออบลมร้อนโดยไม่ต้องง้อตู้อบแล้ว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
เบเกอรี่

เบเกอรี่ทำเองง่าย ๆ แม้ไม่มีไมโครเวฟ

หากจะกล่าวถึงขนมที่คนไทยชื่นชอบรับประทาน นอกจากขนมแบบไทย ๆ แล้ว เบเกอรี่ก็เป็นขนมอีกชนิดที่คนไทยชอบรับประทานกันมาก รับประทานกันทุกเพศทุกวัย รับประทานได้ทุกวัน ทุกเวลาอีกด้วย เรียกได้ว่าขนมเบเกอรี่ไม่ใช่ขนมประจำชาติไทย แค่สามารถครองใจคนไทยได้ไม่น้อยทีเดียว 

โดยส่วนใหญ่ขนมเบเกอรี่ อาทิเค้ก ขนมปัง โดนัท พาย และขนมชนิดอื่น ๆ สามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ ได้ทั้งสถานที่ร้านขนม ร้านนำทั่วไป อีกทั้งในห้างสรรพสินค้าก็มีขนมเบเกอรี่มากมาย 

แต่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 นี้เชื่อว่าหลายคนอาจจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน นึกอยากจะรับประทานขนมเบเกอรี่ก็ไม่อยากออกไปซื้อนอกบ้าน ทางเว็บไซต์มีวิธีการทำเบเกอรี่ด้วยไมโครเวฟง่าย ๆ ที่น่าสนใจมาฝากท่านผู้อ่าน ไม่ต้องลงทุนซื้อเตาอบกันให้สินเปลือง จะมัวัตถุดิบอะไรบ้าง ทำยากง่ายแค่ไหนไปดูกันเลย 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เบเกอรี่ เตรียมวัตถุดิบทำเค้กช็อกโกแลตง่าย ๆ ใช้เพียงไมโครเวฟ 

1.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม 

2.แป้งเค้ก 50 กรัม (การใช้แป้งผสมจะทำให้ เบเกอรี่ มีรสสัมผัสนุ่มขึ้น) 

3.น้ำตาลทรายเกล็ดละเอียด 75 กรัม ชอบหวานเพิ่มได้อีก 10 -20 กรัม) 

4.ผงฟู 1 ช้อนชา 

5.กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา 

6.ไข่ไก่ 1 ฟอง (เบอร์ 2) 

7.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา 

8.SP 1 ช้อนชา 

9.เนยสดเหลว 15 กรัม 

10.ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ (แบบเข้ม) 

11.นมจืด 2 ช้อนโต๊ะ 

12.เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา 

13.น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ( เพื่อเพิ่มความนุ่มของ เบเกอรี่ไมโครเวฟ

14.น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหาร 1 ช้อนชา (ช่วยให้ฟูนุ่ม)

15.วิปครีม (ชนิดแดรี่) 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน และวิธีการทำเมนุเค้กช็อกโกแลตไมโครเวฟ 

1.ผสมแป้งอเนกประสงค์ แป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา น้ำตาลทราย เกลือป่น ผงโกโก้ ลงในภาชนะ 

2.ทำเมนูเบเกอรี่ไมโครเวฟนั้น ระดับความฟูหรือประสิทธิภาพความฟูจะน้อยกว่าการอบด้วยเตาอบสำหรับอบเค้กโดยพาะ ดังนั้นจึงควรใช้ตะแกรงร่อนแป้งอเนกประสงค์ และแป้งเค้ก ร่วมกับส่วนผสมที่เป็นผงทั้งหมดเพื่อเพิ่มความฟูของเนื้อเค้ก 

3.ผสมส่วนที่เป็นของเหลวลงไปได้แก่ ไข่ไก่ เนยสดเหลว SP กลิ่นวานิลลา นมจืด น้ำมันมะพร้าว ตามด้วยน้ำมะนาว จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องสำหรับผสมอาหาร เลือกวัสดุตีเป็นแบบตะกร้อ ปรับความแรงระดับ 2 ใช้เวลาในการตี 10 -15 นาที จนส่วนผสมทุกอย่างผสมเข้ากัน 

4.เตรียมชามที่มีลักษณ์สี่เหลี่ยม ก้อนไม่ลึกจนเกินไป ปูกระดาษไขลงบนถาด เทส่วนผสมของเนื้อเค้กช็อกโกแลตลงไป เกลี่ยให้เนื้อแป้งเท่ากันทั้งภาชนะ จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ เปิดระดับไฟประมาณ 800 – 900 วัตต์ นานประมาณ 5 -10 นาที นำออกมาตักพักให้หายร้อนด้านนอก 

5.ขั้นตอนสุดท้ายตีวิปครีมด้วยตะกร้อมือจนวิปครีมตั้งยอด จากนั้นแต่งหน้าเค้กไมโครเวฟตามชอบ เพียงเท่านี้ก็ได้รับประทานเค้กช็อกโกแลตที่ใช้เพียงไมโครเวฟโดยไม่ต้องง้อตู้อบกันแล้ว เรียกได้ว่าเป็น เบเกอรี่ประยุกต์ของใช้ในบ้านที่มีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกันเลยทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
เบเกอรี่

เบเกอรี่ เมนูขนมหวานชาติตะวันตก ที่คนไทยโปรดปราณ

สำหรับประเทศที่หลงใหล และชื่นชอบการรับประทานขนมหวานอย่างประเทศไทยนั้น นอกเหนือจากขนมหวานสไตล์ไทย ๆ ที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว รูหรือไม่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ แทบจะทุกวัยชื่นชอบการรับประทานขนมประเภทเบเกอรี่อย่างมาก เพราะเป็นขนมที่มีความหวานกำลังดี มีความมันของนม เนย แป้ง 

อีกทั้งยังมีขนมเบเกอรี่มากมายหลายชนิดให้เลือกรับประทาน อาทิ โดนัท ขนมปัง เค้ก คัพเค้ก และอีกมากมายหลายชนิด เรียกได้ว่าเป็นขนมที่ครบองค์ประกอบความถูกใจคนไทยไปเต็ม ๆ เรียกได้ว่าคนไทยนิยมรับประทานเบเกอรี่กันมากมายขนาดนี้ 

ด้วยเหตุนี้เองทำให้การหาซื้อเบเกอรี่ในประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องยาก มีทุกสถานที่ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เรียกได้ว่าอยากกินเมื่อไรก็สามารถหาซื้อรับประทานกันได้อย่างทันใจ

ขอบคุณภาพจาก unsplash

เบเกอรี่ง่าย ๆ เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำขนมชูครีม สตรอว์เบอร์รี่ 

1.แป้งสาลี 70 กรัม 

2.ไข่ไก่เบอร์ 1 จำนวน 2 ฟอง (ใช้ไข่สดจะช่วยทำให้เบเกอรี่ชูครีมนั้นพองตัวน่ารับประทาน)

3.เนยสด 60 กรัม 

4.เกลือป่น 1 ช้อนชา 

5.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ 

6.นมสด 60 มิลลิลิตร 

7.สตรอว์เบอร์รี่ 3 ผล (ใส่ได้ปริมาณตามชอบ)

8.วิปปิ้งครีมแบบ Dairy 90 กรัม (แบบ Dairy ตีวิปครีมออกมาแล้วทำให้ เบเกอรี่น่าทาน มากกว่าแบบ Non Dairy )

9.น้ำสะอาด 50 มิลลิลิตร 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ขั้นตอนทำเมนูขนมชูครีม สตรอว์เบอร์รี่ แบบง่าย ๆ 

1.ขั้นตอนแรกของการทำเมนูเบเกอรี่ ชูครีม สตรอว์เบอร์รี่ เริ่มจากการใส่นมสด น้ำสะอาด เกลือป่น ผสมกัน เเล้วนำขึ้นตั้งไฟระดับอ่อน ค่อย ๆ เคี่ยวจนส่วนผสมเข้ากัน

2.ทยอยร่อนแป้งสาลีใส่ทีละน้อยจนหมด ค่อย ๆ คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เมนูนี้เหมาะมากสำหรับเป็นเมนุฝึกทำเป็น เมนูเบเกอรี่มือใหม่ 

3.ตีไข่ไก่ลงในเครื่องตีไข่ ใช้ความแรงระดับ 2 จนไข่มีความฟู จากนั้นค่อย ๆ ทยอยใส่ไข่ไก่ลงในส่วนผสมที่ละส่วน เพราะถ้าใส่ไข่ไก่ลงไปทีเดียวจะทำให้เละ คนไม่ทันทำให้ไข่ไก่สุกได้ 

4.เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเนียนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ใช้เครื่องตีไข่แบบมือตีด้านออกอีกจนกว่าเนื้อครีมต้องเนียนได้ที่ ตีจนกว่าเนื้อแป้งจะไม่ขาดเป็นริ้ว ๆ 

5.เมื่อแป้งได้ที่แล้วให้ใส่ถุงบีบ โดยใส่หัวบีบตามความสะดวกได้เลย (สามารถใส่หัวแบบดอกไม้ได้) 

6.นำเข้าตู้อบ อบด้วยไฟบน พัดลม อุณหภูมิ 190 – 200 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนาดของก้อนขนมด้วย ใช้เวลาอบ 30 – 40 นาที 

7.ตีวิปปิ้งครีม Dairy กับเครื่องตีไข่จนตั้งยอด ตักวิปปิ้งครีมใส่หัวบีบเตรียมบีบ 

8.ขั้นตอนสุดท้ายคือการประกอบร่างแป้งชูที่อบเสร็จแล้ว บีบวิปปิ้งครีม และผลสตรอว์เบอร์รี่ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูเบเกอรี่แสนอร่อยไว้รับประทานกันแล้ว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
เบเกอรี่

ช็อกโกแลต เสน่ห์ความอร่อยครองใจคนทั้งโลก

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เรื่องขนม ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผู้คนชอบรับประทานของหวานกันมากพอสมควร นอกจากขนมไทยโบราณแล้ว ขนมจากชาติตะวันตกที่คนไทยนิยมชมชอบรับประทานกันอย่างมากเลย อันดับต้น ๆ นั้นคือขนมช็อกโกแลต 

ไม่เพียงแต่เด็ก เท่านั้นที่ชอบรับประทาน แต่คนทุกเพศทุกวัยชอบรับประทานขนมชนิดนี้ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย วัยหนุ่ม วัยสาว หรือแม้กระทั่งวัยสุงอายุ เรียกได้ว่าเป็นขนมที่มีรสชาติหวาน ผสานกลิ่นช็อกโกแลต กินแล้วช่วยให้สดชื่น อารมณ์นี้ 

และความมหัศจรรย์ของขนมชนิดนี้ไม่เพียงแต่ครองใจคนไทยเท่านั้น ยังครองใจคนทั้งโลกอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นขนมที่ทรงอิทธิพลอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ช็อกโกแลตนั้นยังสามารถดัดแปลงทำเมนูขนมต่าง ๆ ได้มากมายมหาศาล ยิ่งมีไอเดียมาก ก็มีขนมช็อกโกแลตที่สร้างสรรค์น่าสนใจมาก 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ช็อกโกแลตลาวา สตรอว์เบอร์รี่วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างก็สามารถทำได้ 

1.เนยสด 60 กรัม (สำหรับเมนูช็อกโกแลตลาวาสามารถใรสจืด หรือเค็มก็ได้) 

2.ช็อกโกแลต 70 กรัม (สามารถใช้ช็อกโกแลตยี้ห้ออะไรก็ได้)

3.แป้งสาลี 20 กรัม

4.แป้งเค้ก 20 กรัม

5.ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์ 2) 

6.น้ำตาลทรายเนื้อละเอียด 40 กรัม 

7.มาการีน (สำหรับทาพิมพ์ก่อนอบช็อกโกแลตลาวา) 

8.พิมพ์คัพเค้กขนาดที่ต้องการ 3 – 5 ถ้วย 

9.สตรอว์เบอร์รี่ 1 – 2 ผล 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน และวิธีการทำเมนูช็อกโกแลตลาวา 

1.เริ่มจากการใส่น้ำสะอาดในภาชนะใบใหญ่ตั้งไฟจนร้อน จากนั้นทำการละลายช็อกโกแลต กับเนยสดผ่านความร้อน ใช้ช้อนคนช็อกโกแลต และเนยสดจนละลาย ตั้งพักไว้จนหายร้อน 

2.ร่อนแป้งสาลี และแป้งเค้กใส่ในภาชนะเนยสด และช็อกโกแลตเหลว

3.ตอกไข่ไก่ใส่โถตีไข่ จากนั้นเปิดความแรงของเครื่องระดับ 2 จนไข่ฟุ จากนั้นผสมขาฟูลงในส่วนผสมต่าง ๆ โดยเร็ว โดยใช้ไม้พายคนอย่างเบามือ 

4.ทามาการีนบริเวณก้นพิมพ์ป้องกันการติดของเนื้อแป้งช็อกโกแลต จากนั้นตักส่วนผสมของช็อกโกแลตใส่พิมพ์ถ้วย 2/3 ของพิมพ์ ไม่ควรใส่จนเต็มถ้วย เพราะเนื้อแป้งช็อกโกแลตเมื่ออบเสร็จจะมีความฟู 

5.ก่อนทำการอบช็อกโกแลตลาวาให้ทำการวอร์มเตาอบทิ้งไว้ 10 นาที ในอุณภูมิ 180 องศาเซลเซียส เพื่อให้เตาอบมีความร้อนพร้อมการอบเปิดไฟบน ไฟล่าง พัดลม 

6.สำหรับการอบช็อกโกแลตลาวานั้น จุดประสงค์ในการอบต้องการให้เนื้อแป้งเค้กช้อกโกแลตด้านนอกสุก แต่ด้านไหนมีความเยิ้มของช็อกโกแลตเป็นลาวา ดังนั้นในการใช้เวลาอบจึงต้องอบไฟค่อนข้างแรง และอยู่ในระยะเวลาสั้น สำหรับเมนูช็อกโกแลตลาวาใช้เวลาอบประมาณ 15 นาที ใช้ไฟที่อุณหภูมิ 180 – 190 องศาเซียลเซียส 

7.เมนูช็อกโกแลตลาวา เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมผลไม้รสเปรี้ยวหวานเพื่อตัดความหวาน อย่างสตรอว์เบอร์รี่หั่นชิ้น เป็นทั้งเมนูที่อร่อย อีกทั้งถ้ารับประทานในปริมารที่พอดี ช็อกโกแลต ประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
เบเกอรี่

มาการองช็อกโกแลต ง่าย ๆ ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส ราคาไม่ธรรมดา

ขอบคุณภาพจาก unsplash

มาการองเป็นขนมหวานยอดนิยมโดยเฉพาะวัยรุ่น เป็นขนมสัญชาติฝรั่งเศสมีสีสันสดใสสวยงาม น่ารักน่ารับประทาน มีหลากหลายรสหลากหลายรสชาติ มีลักษณะเป็นขนมแผ่นกลม ๆ ข้างในมีไส้ต่าง ๆ ในส่วนของราคานั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดา อาจจะเป็นเพราะวัตถุดิบที่พรีเมี่ยม และกระบวนการทำหลายขั้นตอน จึงทำให้มีราคาสูง 

สำหรับรสชาติยอดนิยมนั้นมีหลายรสชาติที่คนไทยนิยมรับประทาน แต่รสชาติที่คุ้นชิน และได้รับความนิยมอย่างมากได้แก่ มาการองช็อกโกแลต สำหรับใครที่อยากลองลิ้มชิมรสมาการองแต่หวั่นใจเรื่องราคา ก็สามารถทำมาการองรับประทานเองได้ไม่ยากเลยค่ะ 

วัตถุดิบ ส่วนผสมการทำส่วนของไส้ และส่วนของแป้ง มาการองช็อกโกแลต 

  1. แป้งอัลมอนด์ป่น 90 กรัม
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 200 กรัม
  3. ไข่ขาว 90 กรัม (ใช้ไข่ขาวจากไข่ 2 ใบ)
  4. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
  5. น้ำตาลทรายขาวเกล็ดเล็ก 20 กรัม
  6. เกลือ 1/2 ช้อนชา 
  7. ผงโกโก้ 20 กรัม (สามารถใช้ผง ช็อกโกแลต แทนได้)
  8. เนยสด 70 มล. (ส่วนผสมทำไส้)
  9. ครีมชีส 40 มล. (ส่วนผสมทำไส้)
  10. ช็อกโกแลตคอมพราวด์ 120 กรัม (ส่วนผสมทำไส้) (ถ้าอยากได้ไส้มาการองละมุนก็ใช้ ช็อกโกแลตลินด์ หรือสามารถใช้แบบ ช็อกโกเลตชิพ ก็ได้เช่นกัน 

ขั้นตอน และวิธีการทำส่วนของไส้ และส่วนของแป้ง มาการองช็อกโกแลต 

  1. เริ่มทำแป้ง มาการองช็อกโกแลต ด้วยการร่อนแป้งอัลมอนด์ป่น น้ำตาลไอซิ่ง ผงโกโก้ เกลือป่นลงในหม้อผสมแป้ง เปิดเครื่องผสมแป้งให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ตักขึ้นมาพักไว้ 
  2. ใส่ไข่ขาวครีมออฟทาร์ทาร์ น้ำตาลทรายขาวใส่ในเครื่องตีไข่ ตีจนขึ้นยอดเป็นโดว์
  3. แบ่งส่วนของแห้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วออกมาครึ่งหนึ่ง เทส่วนผสมของฟองไข่ขาวกับน้ำตาลทรายค่อย ๆ ผสมจนเข้ากัน แล้วผสมส่วนของแห้งที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันอีกหนึ่งรอบ
  4. ใส่เนื้อที่ผสมเรียบร้อยแล้วลงที่บีบครีม หัวบีบเบอร์ 8 หรือ 10 แล้วบีบลงถาด ลองถาดด้วยกระดาษไข
  5. นำเข้าตู้อบ อบไฟ 140 องศาเซลเซียส เวลา40 – 60 นาที เปิดไฟบน ไฟล่าง พัดลม เพื่อความร้อนในตู้อบกระจายทั่วทิศทาง อบเสร็จพักไว้ให้เย็นรอใส่ไส้

หมายเหตุ : ส่วนของทำให้เนื้อแป้งมาการองให้มีความเป็นช็อกโกแลตนั้น สามารถใช้ ช็อกโกแลตยี่ห้อ อะไรก็ได้ที่สามารถหาได้ หรือจะเป็น ช็อกโกแลตเซเว่น ที่เป็นแบบผงชงก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

  1. เริ่มวิธีทำไส้มาการอง ละลายช็อกโกแลตคอพราวด์แบบตุ๋น หรือเข้าไมรโครเวฟประมาณ 3 – 5 นาที 
  2. ตีเนยสดกับครีมชีสด้วยเครื่องตีไข่ ใส่ช็อกโกแลตคอมพราวด์ลงไปตีให้เข้ากัน 
  3. ตักไส้ช็อกโกแลตใส่ถุงบีบใช้หัวบีบ เบอร์ 8 หรือ 10 ก็ได้ 
  4. บีบไส้ช็อกโกแลตใส่มาการองที่เย็นแล้ว ประกบด้วยแป้งมาการองอีกอัน ออกแรงกดนิดหน่อยเพื่อให้ไส้ขายออกทั่วมาการอง รอให้ไส้เซ็ตตัวแข็งก็รับประทานขนมมาการองแสนอร่อยได้แล้ว 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

Categories
เบเกอรี่

โดนัท ช็อกโกแลต ขนมยอดฮิตของคนไทย

ขอบคุณภาพจาก pixabay

โดนัทเป็นขนมที่มีลักษณะทรงกลม เนื้อของโดนัทเป็นเนื้อแป้งทอด รสสัมผัสคล้ายขนมปังมาก แต่จะมีความนุ่มหนืด หนึบหนับกว่าขนมปัง ปัจจุบันโดนัทมีหลายรสชาติ หลายรูปแบบมาก โดนัทที่คนไทยคุ้นชินก็จะเป็นโดนัทคลุกน้ำตาล โดนัทเคลือบน้ำตาล 

สำหรับประเทศไทยสามารถหาซื้อโดนัทได้ง่าย เพราะมีจำหน่ายทุกที่ทั้งร้านเบเกอรรี่ ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า สี่แยกไฟแดง ตลาดนัด ตลาดสดก็สามารถหาซื้อ โดนัท รับประทานได้ไม่ยาก สำหรับใครที่อยากทำรับประทานเองก็สามารถทำได้ แต่อาจจะมีขั้นตอนหลายขั้นตอน แต่ถ้ามีความตั้งใจ และฝึกทำบ่อย ๆ สามารถทำได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบ ส่วนผสมการทำโดนัทช็อกโกแลต

  1. แป้งอเนกประสงค์ (แป้งสาลี) 500 กรัม
  2. ไข่ไก่ 2 ใบ ( เบอร์ 2 )
  3. น้ำตาลทราย 70 กรัม (
  4. สารเสริมคุณภาพแป้ง 1 ช้อนชา (มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความนุ่มให้เนื้อ โดนัท นุ่มละมุน)
  5. ผงฟู 1 ช้อนชา 
  6. นมรสจืด 130 มล.
  7. ยีสต์แห้ง 8 กรัม
  8. น้ำสะอาด 70 มล.
  9. เนยสด 90 กรัม
  10. 10.เกลือป่น 1 ช้อนชา
  11. น้ำมันปาล์มสำหรับทอด 3 ลิตร 
  12. ช็อกโกแลตคอมพราวด์ 400 กรัม 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขั้นตอน วิธีการทำ พร้อมวิธีการเคลือบ โดนัท ช็อกโกแลต 

  1. ร่อนแป้งสาลี ผงฟู สารเสริมคุณภาพแป้ง เกลือป่น และน้ำตาลทรายลงในเครื่องนวดแป้ง
  2. ละลายยีสต์แห้งกับน้ำสะอาดเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของยีสต์ ถ้ามีเสียงซู่ซ่าเมื่อยีสต์แห้งโดนน้ำถือว่ายีสต์ใช้งานได้ปกติ จากนั้นใส่ลงในหม้อของส่วนผสม
  3. ใส่เนยสด นมจืด ไข่ไก่ น้ำสะอาด ลงไปในส่วนผสมที่ร่อนเรียบร้อยแล้ว
  4. เปิดเครื่องนวด ใช้ความแรงปานกลาง นวด 15 – 20 นาที (การนวดแป้งทำโดนัทถ้าทำรับประทานเองสามารถนวดมือได้แต่จะใช้เวลานานมาก แต่ถ้าเปิดขายเป็นร้านโดนัทแนะนำให้ใช้เครื่องนวดจะเหมาะสมกว่า)
  5. เมื่อได้แป้งได้ที่แล้วนำมานวดอีกครั้งให้แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน ตัดแบ่งแป้งเป็นก้อนแล้วแต่ความชอบ 50 – 60 กรัม (แต่ละร้าน สูตรโดนัท มีวิธีทำต่างกัน)
  6. ใช้มือคลึงแป้งให้เป็นวงกลม เจาะรูโดนัทโดยการใช้นิ้วชี้จิ้มลงตรงกลางของแป้ง แล้วม้วนแป้งโดนัทให้สวยงาม
  7. ใช้ผ้าขาวบาง หรือแผ่นพลาสติกปิดเพื่อป้องกันการแห้งของเนื้อแป้ง 
  8. เมื่อโดนัทขึ้นโดว์ ทดสอบโดยการยกโดนัทขึ้นมาแล้วรู้สึกเบาเป็นอันใช้ได้ 
  9. ทอดโดนัทนั้นต้องแข่งกับเวลา ใช้น้ำมันอุณหภูมิ 165 -170 องศาเซลเซียสคงที่ตลอดการทอด
  10. ทอดโดนัททีละด้าน พลิกแค่ด้านเดียวตอนพลิกทอดอีกด้าน ไม่ทอดแบบพลิกไปพลิกมา ไม่คนโดนัทจะทำให้โดนัทอมน้ำมัน เมื่อสุกทั้ง 2 ด้านตักพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
  11. ขั้นตอนเคลือบ โดนัท ตั้งน้ำไฟปานกลางในภาชนะใบใหญ่ ใช้ภาชนะใบเล็กอีก 1 ใบละลายช็อกโกแลตคอมพราวด์จนละลาย ยกออกมาพัก เป็นการเคลือบแบบง่ายแตกต่างจากแบบ โดนัทญี่ปุ่น จะเป็นวิธีเคลือบที่ลงละเอียด)
  12. นำโดนัทที่ทอดเสร็จแล้วมาเคลือบด้วยช็อกโดแลตคอมพราวด์ที่ละลายเรียบร้อยแล้ว จากนั้นพักให้ช็อกโกแลตคอมพราวด์แข็งตัว เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ช็อกโกแลตคอมพราวด์นั้นเป็นช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตกับน้ำตาลอยู่แล้ว เป็นการเคลือบสำหรับ สูตรโดนัททอด ทำขาย สูตรจึงไม่ต้องผสมน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติหวาน 

Categories
เบเกอรี่

ซอส ช็อกโกแลต วัตถุดิบสำคัญมากสำหรับเมนูขนมหวาน และเบเกอรี่

ขอบคุณภาพจาก unsplash

สำหรับสาวกสายขนมหวาน สายเบเกอรี่นั้น ซอสช็อกโกแลตถือว่าเป็นท้อปปิ้งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะใช้ราดไอศครีม แต่งหน้าเค้ก ท้อปปิ้งขนมแพนเค้ก ท้อปปิ้งขนมปัง รสชาติของซอสช็อกโกแลตนั้นจะมีรสช็อกโกแลตมีความขมเล็กน้อย และความหวานกำลงดี นิยมนำมาแต่งหน้าเบเกอรี่ต่าง ๆ และเป็นส่วนประกอบในการเพิ่มความน่าสนใจให้ขนม 

สำหรับใครที่กำลังมองหาซอส ช็อกโกแลต สำหรับไว้แต่งหน้าขนมหวาน สามารถซื้อได้ทั้งแบบสำเร็จรูป ส่วนใครที่อยากทำไว้ใช้เองแบบสดใหม่ได้รสชาติตามต้องการสามารถทำเองได้ง่าย ๆ

ขอบคุณภาพจาก pixabay



วัตถุดิบ ส่วนผสมสำหรับทำเมนูซอส ช็อกโกแลต 

1.ดาร์ก ช็อกโกแลต แบบคอมพราวด์ 35 กรัม (ลักษณะเป็นก้อนไม่ใช่ผง)

2.ผงโกโก้ 70 กรัม (ใช้สัดส่วนมากกว่าดาร์ก ช็อกโกแลต ประโยชน์ ต่อสุขภาพมากกว่าเพราะไม่ผสมน้ำตาล)

3.นมจืด 350 กรัม

4.เกลือป่น 1 ช้อนชา

5.เนยสดรสจืด 25 กรัม

6.กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา 

7.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 20 กรัม

8.น้ำตาลทรายขาว 170 กรัม (สามารถเพิ่มได้ถ้าต้องการเพิ่มความหวาน)

ขั้นตอน วิธีการทำ พร้อมเคล็ดลับทำเมนูซอส ช็อกโกแลต ให้น่ารับประทาน

  1. ขั้นตอนแรกเริ่มจากร่อนส่วนผสมที่เป็นของแห้งได้แก่ แป้งสาลี เกลือป่น ผงช็อกโกโก้ น้ำตาลทรายขาว เพื่อให้ส่วนผสมต่าง ๆ ไม่ติดกันเป็นก้อน 
  2. ใส่น้ำสะอาดในภาชนะใบใหญ่ (กะละมัง) นำขึ้นตั้งไฟโดยใช้ไฟอ่อน เมื่อน้ำร้อนให้นำภาชนะที่ใส่ส่วนผสมที่ร่อนเตรียมไว้มาว่างบนภาชนะใบใหญ่ (เป็นลักษณะวิธีการตุ่น เพื่อป้องกันการไหม้ของส่วนผสม)
  3. เมื่อวัตถุดิบเริ่มละลาย ค่อย ๆ ใส่ดาร์คช็อกโกแลตคอมพราวด์ (ใช้ช็อกโกแลตยี่ห้ออะไรก็ได้)ตามด้วยนมจืดลงไปทีละน้อย ขั้นตอนนี้ต้องใช้พายยางซิลิโคนเคี่ยวตลอดเวลาเพราะในส่วนผสมมีน้ำตาล และช็อกโกแลตนั้นจะไหม้ง่ายมาก 
  4. 4.เมื่อส่วนผสมทุกอย่างละลาย มีความหนืดพอสมควร ให้ใส่เนยจืดสดลงไปเพื่อเพิ่มความแวววาวให้กับซอสช็อกโกแลต จากนั้นยกลงจากเตา ใส่กลิ่นวานิลลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ตั้งพักให้เย็นจากนั้นนำไปบรรจุขวด หรือโหลเก็บไว้แต่งหน้าขนม เบเกอรี่ในโอกาสถัดไป (เก็บในตู้เย็นสามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 2 สัปดาห์)

ขอบคุณภาพจาก unsplash

ปัญหาในการทำ ซอสช็อกโกแลต คือเนื้อซอสช็อกโกแลตเป็นตุ่มเป็นก้อน เกาะกันเป็นพวงไม่สวยงาม เคล็ดลับง่าย ๆ คือต้องร่อนส่วนผสมผง ของแห้งก่อนนำลงไปละลายในความร้อน จากนั้นขั้นตอนสุดท้ายเพิ่มเนยสดลงไปจะช่วยทำให้เนื้อของซอสสวยงามแววขึ้น 

สามารถใช้ ช็อกโกแลตเซเว่น ก็ได้ หรือช็อกโกแลตแบ่งขายก็ได้ และถ้าใครอยากได้รสชาติพรีเมี่ยมสามารถใช้ ช็อกโกแลตลินด์ ก็ได้ จะได้ซอสที่อร่อยแบบละมุน และมีรสสัมผัสที่ดีมาก 

Categories
เบเกอรี่

แพนเค้ก เมนูอาหารเช้ายอดฮิตของชาวตะวันตก

ขนมแพนเค้กเป็นขนมประเภทเบเกอรี่ชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นแผ่นวงกลม มีหลายรสชาติหลายท้อปปิ้ง เนื้อแป้งจะมีความนิ่ม รสหวาน หอม มัน อร่อย รับประทานง่าย เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงเทียบเท่ากับการรับประทานข้าวเลยทีเดียว สำหรับคนไทยนิยมรับประทาน แพนเค้ก เป็นอาหารว่าง ขนมทานเล่น แต่คนแถบประเทศตะวันตกจะรับประทานเป็นอาหารมื้อหนัก อาหารเช้าคู่กับนม หรือกาแฟ และอาหาว่างทานเล่น 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

วัตถุดิบ ส่วนผสมขนม แพนเค้ก (สำหรับแพนเค้ก 6 – 7 แผ่น)

1.แป้งสาลี 1 ถ้วย (สามารถใช้แป้ง แพนเค้ก อเนกประสงค์ได้)

2.น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

3.ไข่ไก่ 1 ฟอง (เบอร์ 0)

4.กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา

5.เกลือป่น 1 ช้อนชา

6.เนยสดละลาย 3/4 ถ้วยตวง

7.นมสด 1/2 ถ้วยตวง 

8.ผงฟู 1/2 ช้อนชา

9.ท้อปปิ้งที่ชอบ 

ขั้นตอน วิธีการทำ พร้อมเคล็ด (ไม่) ลับ ทำขนม แพนเค้ก สูตรพื้นฐาน

  1. ขนม แพนเค้ก วิธีทำ ไม่ยาก เริ่มจากการผสมวัตถุดิบแป้งสาลี ผงฟู เกลือป่น น้ำตาลทราย จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดร่อนด้วยตะแกรงร่อนแป้งพร้อมกัน การร่อนจะช่วยเพิ่มช่องอากาศให้แป้ง จะช่วยให้เนื้อแป้งแพนเค้กนุ่มขึ้น
  2. จากนั้นค่อย ๆ เทนมสด สลับการเทเนยเหลวลงไปใช้ไม้ตีไข่ค่อย ๆ ตีจนเนื้อแป้งผสมเป็นเนื้อเดียวกับนม และเนยเหลว คนจนกว่าเนื้อแป้งไม่เกาะกันเป็นก้อน
  3. จากนั้นใส่ไข่ไก่ลงไปในส่วนผสม ใช้ไม้ตีไข่ค่อย ๆ ตี จนเข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลาเป็นลำดับสุดท้าย 
  4. มาถึงขั้นตอนในการนำแป้งแพนเค้กมาทำให้สุก เริ่มจากการตั้งกระทะเทฟล่อนบนเตาเปิดไฟเบา เทแป้งแพนเค้กลงไปบนกระทะเทฟล่อน (ขั้นตอนนี้ค่อนช้างสำคัญเพราะแป้งแพนเค้กจะใหม้ง่ายมาก ต้องควบความร้อนของเตาไม่ให้ร้อนจนเกินไป)
  5. พลิกแป้งแพนเค้กให้สุกทั้ง 2 ด้าน เพียงเท่านี้ก็ได้ขนมเบเกอรี่แพนเค้ก เมนูอาหารเช้า ของว่างทานเล่น เสิร์ฟพร้อมท้อปปิ้งที่ต้องการ (สำหรับ แพนเค้กสูตรดั้งเดิม สมัยโบราณจะนิยมใส่ท้อปปิ้งเป็นการราดน้ำผึ้ง)

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เคล็ดลับทำ แพนเค้ก ให้อร่อยต้องเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ใช้นมสดสำหรับตีฟอง และเนยสดแท้จะช่วยให้แป้งเนื้อเนียนฟูนุ่ม เคล็ดลับ ขนมเบเกอรี่ แพนเค้กที่หลายคนมองข้าม ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือร่อนแป้ง และส่วนผสมที่เป็นผง ของแห้ง จะช่วยเพิ่มความฟูของเนื้อแป้งอย่างชัดเจน

แพนเค้กนั้นนอกจากเป็นอาหารว่างในครอบครัวแล้ว เป็นขนมที่สามารถเพิ่มลูกเล่นเพิ่มท้อปปิ้ง ใส่ไอเดียเพิ่มความหลากหลายให้ขนมแพ้นเค้ก อาทิทำเป็น แพนเค้กญี่ปุ่น แพนเค้กเกาหลีเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ความแปลกใหม่ 

ขอบคุณภาพจาก unsplash

Categories
เบเกอรี่

เมนูอาหารว่างง่ายๆ ขนมจากชาติตะวันตกยอดนิยมของคนไทย

    นิสัยการรับประทานอาหารของคนไทยค่อนข้างที่จะมีความแปลก มีความยืดหยุ่นสูง มีความแตกต่างจากชาติอื่น ๆ อย่างมาก เพราะคนไทยนั้นสามารถรับประทานอาหารได้ทุกเวลาตามต้องการ และการรับประทานอาหารของคนไทยนั้นก็ไม่ตายตัว อาหารทุกอย่างสามารถรับประทานได้ทุกเวลา เช่นอาหารเมนูข้าวผัด สามารถรับประทานเป็นอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น 

     หรือแม้กระทั่งจะรับประทานข้าวผัดเป็นเมนูอาหารว่างง่ายๆ รับประทานเล่น ๆ ก็ยังได้เลย แล้วแต่ว่าอยากจะเรียกอาหารมื้อนั้นว่าเป็นอาหารอะไรเท่านั้นเอง โดยเฉพาะเมนูขนม เบเกอรี่ หรือของหวานนั้นคนไทยสามารถรับประทานอาหารเหล่านี้ได้ตลอดเวลา และค่อนข้างมีความนิยมอาหารเหล่านี้มากกว่าอาหารหลักเลยด้วยซ้ำ เพราะรับประทานได้สะดวกกว่าอาหารหลัก มีรสสัมผัสของความนุ่ม ละมุน รวมถึงรสชาติ หวาน มัน กลมกล่อมของส่วนผสม ไข่ เนย นม

ขอบคุณภาพจาก pixabay

ขนมเบเกอรี่เมนูอาหารว่างง่าย ๆ คนไทยรับประทานได้ทุกเวลา 

จะว่าไปแล้วคนไทยเป็นชาติที่มีนิสัยสุขนิยมอย่างสุด ๆ เลยทีเดียว จะค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารมากประเทศหนึ่งเลยทีเดียว คนไทยไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลา แต่คนไทยสามารถรับประทานอาหารทุกประเภทได้ทุกเวลา อาหารไทยจึงมีเมนูอาหารว่างง่ายๆ จำหน่ายเยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารว่างทำเงิน  สำหรับคนที่ประกอบธุรกิจอาหารเลยก็ว่าได้ เพราะทำออกมาเท่าไรก็ไม่พอกับความต้องการ 

ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลาเย็น ๆ ไปจนถึงช่วงค่ำ คนไทยจะนิยมออกมาหาอาหาร ขนม สังสรรค์นอกบ้าน หรือคนส่วนใหญ่จำนวนไม่น้อยชอบเดินเที่ยวตลาดนัด เพราะตลาดนัดส่วนใหญ่จะมีอาหาร ง่าย ทานเล่น จำหน่ายจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็จะมีเบเกอรี่ ซึ่งเป็นขนมที่คนไทยจะนิยมรับประทานกันมาก และนิยมซื้อเป็นของฝากติดติดมือฝากคนในครอบครัว ไปปาร์ตี้รับประทานนอาหารกันต่อกับสมาชิกในครอบครัวที่บ้านอีก เรียกได้ว่าเป็นขนมที่สามารถรับประทานกันได้ทุกเวลา และทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ ครองใจคนไทยอย่างสุด ๆ เลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก pixabay

เมนูเบเกอรี่ ขนมที่ยืนหนึ่งในใจคนไทย

เมนูเบเกอรี่กับคนไทยนั้นเป็นของคู่กัน คนไทยนิยมรับประทานเบเกอรี่เป็นเมนูอาหารว่างง่ายๆ รับประทานได้ทุกเวลา และได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเทศกาลอะไร วาระไหน เบเกอรี่สามารถแทรกซึมเข้าไปได้ในทุกบริบท ไม่ว่าจะงานเลี้ยงรับรองแขก งานประชุม งานสัมมนา ไปจนกระทั่งเป็นขนมเลี้ยงแขกในงานขาวดำ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีอาหารแปลกใหม่ ทำง่าย ผุดขึ้นมามากมาย แต่คนไทยก็ยังให้ความนิยมขนมเบเกอรี่อย่างเหนียวแน่น ยังคงยกตำเหน่งเมนูอาหารว่างไทย ในดวงให้เบเกอรี่ยืนหนึ่งไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว 

ขอบคุณภาพจาก pixabay

Categories
เบเกอรี่

เคล็ดลับทำเมนูอาหารว่างง่ายๆ โดนัทยีสต์ อร่อยละมุนเหมือนต้นตำรับ

https://mykitchencook.com/wp-content/uploads/2021/07/เคล็ดลับทำเมนูอาหารว่างง่ายๆ-โดนัทยีสต์-อร่อยละมุนเหมือนต้นตำรับ.jpg

โดนัทยีสต์เป็นขนมเบเกอรี่ชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายขนมปัง มีรูปร่างเป็นก้อนแป้งวงกลม มีรูอยู่ตรงกลาง ต้นกำเนิดมาจากชาติตะวันตกขยายอิทธิพลมาจนถึงประเทศไทย และคนไทยก็ชื่นชอบขนมชนิดนี้มากส่วนใหญ่นิยมรับประทานเป็นเมนูอาหารว่างง่ายๆ เป็นขนมที่อร่อยแต่ค่อนข้างที่จะทำให้อร่อยนั้นยากพอสมควร 

เคล็ดลับในการทำโดนัทอยู่ที่ขั้นตอนของการเตรียมแป้งโดนัท และขั้นตอนของการทอดแป้งโดนัท ถ้าทำโดนัทยีสต์แล้วไม่มีเทคนิคการทำสองขั้นตอนนี้ โดนัทที่ได้อาจจะไม่มีความอร่อย เนื้อแป้งไม่นุ่มละมุนตามความต้องการ หรือถ้าโชคร้ายกว่าโดนัทที่ได้อาจจะไม่สามารถรับประทานได้เลยก็ได้

วิธีการเตรียมแป้งโดนัทยีสต์ เมนูอาหารว่างง่ายๆ ให้ออกมานุ่มสุดๆ

สำหรับคนที่กำลังมองหากิจกรรมทำอาหาร เมนูอาหารว่างง่ายๆ ทำกันในครอบครัว การทำอาหารว่าง ทำขาย ง่ายๆ หรือกำลังมองหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ขนมโดนัทยีสต์ ถือเป็นอีกหนึ่งขนมประเภทเบเกอรี่ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจ และเป็นอาหารว่างทำเงิน ได้แบบเป็นกอบเป็นกำเลยก็ว่าได้ เพราะคนไทยนิยมชื่นชอบการรับประทานโดนัทเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และเสียของในการลองผิดลองถูกในการทำโดนัทยีสต์นั้น การรู้เคล็ดลับในการเตรียมแป้งโดว์ หรือแป้งโดนัทนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

โดยหัวใจของการเตรียมแป้งโดนัทนั้นอยู่ตรงที่การชั่ง ตวงที่ถูกต้องแม่นยำตามสัดส่วนที่ถูกต้อง และการนวดแป้งหรือผสมส่วนผสม วัตถุดิบทุกอย่างโดยใช้เครื่องนวดประมาณ 15 -20 นาที หรือจนส่วนผสมทุกอย่างเป็นก้อนแป้งที่ไม่เหลว หรือแห้งจนเกินไป เพราะถ้าส่วนที่ผสมเหลวเกินไป ก็ไม่สามารถนำมาปั้นเป็นโดนัทได้ และถ้าส่วนผสมร่วนจนเกินไปก็ไม่สามารถนำมาปั้นเป็นโดนัทได้ 

วิธีการการประเมินแป้งโดนัทก่อนนำลงทอด เพื่อให้โดนัทออกมาแป้งนุ่มอร่อย

ขั้นตอนอีกหนึ่งขั้นตอนที่คนทำเมนูอาหารว่างง่ายๆ โดนัทยีสต์นั้น สิ่งที่ต้องรู้ต้องฝึกคือการประเมินลักษณะการขึ้นโดว์ของแป้งโดนัทก่อนที่จะนำลงทอด ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ควบคุมยากมากถ้าขาดทักษะ ทำไม่ง่ายเหมือนการทำอาหารว่างของคาว ทั่วไป เพราะต่อให้เราจะทำแป้งโดนัทออกมาดีขนาดไหน ถ้าทำขั้นตอนนี้พลาดอาจสูญเสียวัตุดิบโดยใช่เหตุ 

 เมื่อเสร็จขั้นตอนการปั้นเป็นแป้งรูปโดนัทแล้ว จะต้องทำการใช้พลาสติกสำหรับปิดอาหารเพื่อป้องกันผิวของแป้งโดนัทแห้ง ขั้นตอนนี้ถ้าอุณหภูมิอากาศต่ำ(อากาศเย็น) แป้งจะเป็นโดว์ช้ามาก ดังนั้นควรใช้พลาสติกหน้าคลุมเพื่อกระตุ้นให้เป็นโดว์ในระยะเวลาปกติคือ 15 -20 นาที แต่ในกรณีที่พบปัญหามาคืออุณหภูมิอากาศสูง (อากาศร้อน) แป้งโดนัทเป็นโดว์เร็วเกินไป ถ้าไม่รีบทอดระหว่างโดนัทเป็นโดว์ โดนัทจะแบนเสียรูปทรง 

ดังนั้นถ้าวันที่ทำโดนัทมีอากาศร้อนจัด ควรมีคนมาช่วยทอดโดนัทให้ทันต่อแป้งโดนัทที่เป็นโดว์เร็ว จะทำให้ได้โดนัทตามต้องการ ไม่เสียรูปทรง เนื้อแป้งนุ่มฟูอ่อนละมุน เรียกได้ว่าการทำขนมประเภทเบเกอรี่นั้นมีขั้นตอนวิธีการทำที่แตกต่างจากเมนูอาหารว่างไทย อย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าหมั่นฝึกฝน ฝึกทำบ่อย ๆ ก็จะสามารถทำโดนัทยีสต์ออกมาอร่อยน่ารับประทาน