Categories
อาหารไทย

คะน้าหมูกรอบ เมนูยอดฮิต ร้านตามสั่ง รสกลมกล่อม หมูกรอบฉ่ำๆ

มาต่อกันที่เมนูอาหารตามสั่งยอดฮิตตลอดกาลกันบ้าง และเชื่อว่าหลายๆ คนชอบทานอย่างแน่นอน นั่นก็คือ คะน้าหมูกรอบ เมนูอาหารจานเดียวที่มีรสชาติกลมกล่อม หมูสามชั้นทอดกรอบๆ อร่อยทานได้ทุกวัน และหากเพิ่มไข่ดาวด้วยบอกเลยว่าทานจนลืมคุมน้ำหนักเลยทีเดียว อีกทั้งเมนูผัดคะน้าหมูกรอบยังเป็นเมนูตามสั่งที่ราคาถูกอีกด้วย แต่หากใครไม่อยากออกนอกบ้านแต่อยากทานผัด คะน้า หมู กรอบ แสนอร่อย เรามีสูตร และวิธีทำ คะน้าหมูกรอบอย่างง่ายมาฝากด้วยนะ ว่าแล้วก็ไปดูเลย

วิธีทำ คะน้าหมูกรอบ รสเด็ด หมูกรอบนอกนุ่มใน แสนอร่อย 

คะน้าหมูกรอบ

สายหมูกรอบไม่ควรพลาดกับเมนูคะน้าหมูกรอบ รสเด็ด ที่มีวิธีทำอย่างง่ายๆ คนที่ไม่เคยทำหมูกรอบมาก่อนสามารถทำตามได้แน่นอน นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับการทำให้หมูกรอบนาน ทานได้อร่อย เคี้ยวมัน เคี้ยวเพลินเหมือนทานตามร้านอาหารตามสั่งเลยทีเดียว ซึ่งวัตถุดิบในการทำคะน้าหมูกรอบนั้นสามารถหาซื้อได้ตามตลาดนัดทั่วไปในราคาไม่แพงอีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่เตรียม

คะน้าหมูกรอบ
  1. หมูสามชั้น 250 กรัม
  2. พริกแดงจินดา 7-8 เม็ด
  3. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
  5. น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียม 25 กรัม
  7. ผักคะน้า 400 กรัม

คะน้าหมูกรอบในสไตล์เมนูอาหารไทยทำเองนั้น เราจะทอดหมูกรอบเอง เพราะจะได้หมูกรอบสดใหม่ๆ นำมาผัดกับเครื่องปรุงจะมีกลิ่นหอม เนื้อกรุบกรอบฉ่ำๆ อีกทั้งยังสามารถทำเมนูอื่นๆ ได้ด้วย และในขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธีทำผัดคะน้าหมูกรอบหนึ่งในอาหารไทยง่ายๆ ไม่ยุ่งยากดังนี้

คะน้าหมูกรอบ
  1. ขั้นตอนแรกเราจะมาทำหมูกรอบกันก่อน โดยนำเนื้อหมูสามชั้นล้างทำความสะอาด และหั้นในแนวยาวความประมาณ โรยเกลือให้ทั่วทุกด้าน ใช้กระดาษซับน้ำออกจากหมู เสร็จแล้วส้อมจิ้มหนังหมู ต่อมาให้เตรียมกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันพืชลงไป รอให้น้ำมันเดือด และค่อยนำหมูเอาด้านหนังลงก่อน ทอดไปเรื่อยๆ จนกว่าหนังหมูจะฟูกรอบ เสร็จตักออกมา สับเป็นชิ้นๆ พักไว้ก่อน
  2. นำคะน้ามาล้างทำความสะอาด ปลอกเปลือกก้านคะค้าที่แข็งออก และหั่นให้เรียบร้อย เสร็จแล้วนำกระเทียม พริกแดงจินดามาโขลกหยาบๆ 
  3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ใช้ไฟปานกลาง รอให้กระทะร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไป ผัดให้หอม ใส่น้ำเปล่าเล็กน้อย และตามด้วยหมูกรอบ ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส พริกไทย ผัดให้เข้ากัน ตามด้วยผัดคะน้า ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
คะน้าหมูกรอบ

เมนูคะน้าหมูกรอบ เป็นอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกล่อม เนื้อหมูกรอบๆ กลิ่นหอมละมุน พร้อมนำมาราดข้าวทานได้อร่อยเคี้ยวกรุบกรอบ เคี้ยวเพลินฟินสุดๆ นอกจากนี้สูตร คะน้าหมูกรอบที่ทำให้ดูนั้นสามารถทำขายเป็นอาหารตามสั่งได้กำไรงามอีกด้วย

เทคนิคง่ายๆ ทำคะน้าหมูกรอบ อร่อยเหมือนร้านอาหารตามสั่ง 

คะน้าหมูกรอบ

คะน้า หมูกรอบ เป็นสูตรอาหารไทยสุดคลาสสิกที่ทานตอนไหนก็อร่อยอิ่มท้องสุดๆ และหากชอบทานไข่ดาวต้องสั่งพิเศษเป็นเมนูคะน้าหมูกรอบไข่ดาวกรอบๆ ยิ่งฟินเพิ่มอีกเท่าตัวเลยทีเดียว หรือหากอยากทานแบบไม่อั้นก็สามารถทำทานได้ง่ายๆ ซึ่งเทคนิคการทำคะน้าหมูกรอบให้อร่อยนั้นส่วนสำคัญอยู่ที่การทอดหมูสามชั้น โดยก่อนที่จะนำหมูมาทอดจะต้องนำหมูไปต้มประมาณ 20 นาที จากนั้นซับให้แห้ง นำมาทอดในน้ำมันเดือดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นมาสับเป็นชิ้นๆ พร้อมนำไปผัดต่อรวมกับวัตถุดิบที่เตรียมไว้ได้เลย เพียงแค่นี้ก็จะได้ผัดคะน้าหมูกรอบๆ อร่อยฟินเต็มคำ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

แจกเมนูเด็ด แป๊ะซะปลาช่อน สูตรแกงส้ม เนื้อปลากรอบ รสแซ่บถึงใจ

ปลาช่อน เป็นปลาที่มีเนื้อแน่น ฟู รสชาติอร่อย และสามารถนำมาทำเป็นอาหารไทยได้หลากหลายชนิด และหนึ่งในนั้นคือ แป๊ะซะปลาช่อน สูตรแกงส้มรสเด็ด เปรี้ยวกลมกล่อม เนื้อปลากรุบกรอบ ผสมผสานกับผักนานาชนิดอร่อยแซ่บจัดจ้าน ทานแล้วฟินกำลังดี สำหรับแกงส้มแป๊ะซะ ปลาช่อนหากทานร้อนๆ ยิ่งซดคล่องคอทานได้ไม่เบื่อ อีกทั้งเมนูแกงส้มสูตรนี้เป็นเมนูอาหารไทยที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัวอิ่มท้องกันทุกคน 

ชวนเข้าครัวดูวิธีทำ แกงส้ม แป๊ะซะปลาช่อน สูตรเด็ด อร่อยจัดจ้าน 

แป๊ะซะปลาช่อน

สำหรับอาหารไทยประเภทแกงส้มอีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำให้ลองทำทานกันที่บ้าน อย่าง แกงส้มแป๊ะซะ ปลาช่อน รสชาติจัดจ้าน และน้ำแกงซึมเข้าเนื้อปลาได้เป็นอย่างดี ทำให้ทานแล้วรู้สึกถึงความกลมกล่อม ละมุนละไลอร่อยลงตัวสุดๆ ที่สำคัญวิธีทำเมนูแกงส้ม แป๊ะซะ ปลา ช่อนทอดกรอบง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่หลายๆ คนคิดไว้แน่นอน อีกทั้งเมนูนี้ทานแล้วไม่อ้วน คนที่กำลังลดน้ำหนักสามารถทำทานได้อิ่มท้องฟินสุดๆ ดังนั้น เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามีสูตรแกงส้มปลาช่อน แป๊ะซะ เนื้อปลานุ่มฟู รสชาติจัดจ้าน กลมกล่อม มาให้ลองทำตาม แต่ก่อนอื่นต้องเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมกันก่อน 

แป๊ะซะปลาช่อน
  1. ปลาช่อน 1 กิโลกรัม
  2. พริกแกงส้ม 200 กรัม
  3. น้ำตาลปิ๊บ 2 ½ ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลา 7 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมะขามเปียก 13 ช้อนโต๊ะ
  8. ปลานิล 500 กรัม
  9. ผักนานาชนิด 1 ถ้วยตวง

แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนตามสูตรอาหารไทยต้องใช้เนื้อปลานิลโขลกรวมกับพริกแกงส้ม เพื่อให้น้ำแกงเข้มข้น และมีกลิ่นหอมมากขึ้น อีกทั้งต้องใช้ปลาช่อนตัวโตจะมีเนื้อแน่นฟูอร่อย ในส่วนต่อมาจะเป็นการทำแกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน ฉบับเมนูอาหารไทยง่ายๆ ดังต่อไปนี้ 

แป๊ะซะปลาช่อน
  1. นำปลาช่อน และปลานิลมาขอดเกล็ด ควักไส้ออก ใส่เกลือ แป้งมัน ขยำปลา และนำมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นใช้มีดบั้งปลาเป็นรอยเฉียง เสร็จแล้วนำปลานิลมาต้มในน้ำเดือด รอให้ปลาสุก 
  2. หลังจากที่ปลานิลสุกแล้ว แกะเอาก้างออกนำมาโขลกกับพรกแกงส้มให้ละเอือดเป็นเนื้อเดียว พักไว้ก่อน ต่อมาให้ปลาช่อนมาทอดให้กรอบ ตักมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เสร็จแล้วเตรียมผักกาดขาว ถั่วฝักยาว ผักกะเฉด หั่นให้เรียบร้อย
  3. นำหม้อมาตั้งเตา นำน้ำสต๊อกปลานิลใส่ลงตัว ใช้ไฟปานกลาง รอให้น้ำเดือดใส่พริกแกงส้มลงไป คนให้ละลาย ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปิ๊ป เกลือ น้ำมะขามเปียก คนส่วนผสมให้เข้ากัน ใส่ถั่วฝักยาว ผักกาด และผัดกะเฉดหั่นที่เตรียมไว้ลงไปให้หมด เสร็จแล้วปิดไฟ นำมาราดกับปลาช่อนทอด เป็นกันทอดเรียบร้อย 
แป๊ะซะปลาช่อน

ถ้าอยากทานแกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน น้ำแกงร้อนๆ สามารถเปลี่ยนจากจานธรรมดาเป็นหม้อไฟร้อนๆ จะได้ซดน้ำแกงได้คล่องคอ ที่มาพร้อมกับรสชาติกลมกล่อม ทานคู่กับข้าวสวยนุ่มๆ ได้อร่อยลงตัวเป็นอย่างมาก สำหรับใครอยากทานแกงส้มรสชาติอร่อยสามารถทำตามสูตรแกงส้ม แป๊ะซะปลาช่อนของเราได้เลย รสแซ่บจัดจ้านแน่นอน

เผยเคล็ดลับสุดยอดทำแป๊ะซะปลาช่อน หอมอร่อย ปลาไม่เหม็นคาว 

แป๊ะซะปลาช่อน

แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อน ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารไทยโบราณที่มีความแปลกใหม่ไม่จำเจ และรสชาติจัดจ้าน อร่อยฟินทุกคำ และยังมีกลิ่นหอมรัญจวนใจสุดๆ สำหรับการทำแกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนไม่ให้มีกลิ่นคาวนั้น หลายคนจะข้ามขั้นตอนการล้างปลาไป แต่รู้หรือไม่ว่าการล้างปลาไม่ให้มีกลิ่นคาวจะต้องใช้เกลือ และแป้งมันขัดให้ทั่วตัวปลา จากนั้นนำมาล้างในน้ำสะอาด ใช้กระดาษทิชชูซับให้แห้งก่อนนำมาทอดให้กรอบ ในส่วนการทำน้ำแกงส้มจะต้องรอให้น้ำเดือดจัดแล้วค่อยใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปจะช่วยให้น้ำแกงไม่คาว จากนั้นนำมาราดบนตัวปลาช่อนทอดกรอบจะมีกลิ่นหอมละมุน รสชาติอร่อยถูกใจคนทานเป็นอย่างมาก 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

น้ำพริกอร่อยบอกต่อ น้ำพริกปลาทู รสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมถึงใจ

น้ำพริกปลาทู

สำหรับคนรักสุขภาพ และคนที่กำลังลดน้ำหนักแบบชิลล์ๆ สบายๆ มาทางนี้ โดยวันนี้เรามีเมนูอาหารแสนอร่อยมานำเสนอ นั่นก็คือ น้ำพริกปลาทู ถือว่าเป็นเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากรสชาติจะอร่อยนัวร์ กลิ่นหอมละมุนแล้วยังเป็นเมนูที่สามารถลดน้ำหนักได้อีกด้วย เนื่องจากน้ำพริกปลาทูมีปริมาณแคลน้อย ไขมันต่ำ และหากทานคู่กับผักยิ่งได้ประโยชน์สารอาหารครบถ้วนอีกต่างหาก แถมเมนูชนิดนี้สามารถหาทานได้ตามตลาดนัดทั่วไป หรือจะทำทานเองก็อร่อยเช่นกัน 

ขั้นตอนทำ น้ำพริกปลาทู สูตรต้นตำรับ รสชาติอร่อยนัวร์กำลังดี 

น้ำพริกปลาทู

ครัวไทยวันนี้ ขอเสนอ เมนูน้ำพริกปลาทู รสเด็ด เผ็ดกำลังดี เครื่องเคียงผักมากมาย ทานได้ทั้งบ้าน ทานอร่อยไม่มีเบื่อ อีกทั้งน้ำพริกปลาทูยังเป็นสูตรอาหารไทยที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยมีวิธีทำง่ายๆ ไม่ยาก และใช้วัตถุดิบเพียงเล็กน้อย แต่อร่อยเด็ดสุดๆ ดังนั้น หากใครที่กำลังหาเมนูน้ำพริกรสเด็ดไม่จำเจต้องทำสูตรน้ำพริก ปลา ทู แห้งคั่ว เผ็ดจัดจ้าน เนื้อปลาทูเน้นๆ รสนัวร์ครบเครื่อง 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. ปลาทู 5 ตัว
  2. กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
  3. หอมแดง 5 หัว
  4. กระเทียม 5 กลีบ
  5. มะนาว 1 ลูก
  6. ตะไคร้ 3 ต้น
  7. น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  8. พริกแดง 5 เม็ด
  9. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ

สำหรับสูตรน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งเราจะใช้ปลาทูขนาดกลาง เมื่อนำมาทำน้ำพริกจะได้รสชาติอร่อยกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมละมุน อีกทั้งส่วนผสมทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นของสูตรน้ำพริกปลาทู ไม่ใส่ ปลาร้า แต่จะใส่กะปิเพิ่มความนัวร์แทนปลาร้า ต่อมาเราจะเข้าสู่วิธีทำน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งดังต่อไปนี้

น้ำพริกปลาทู
  1. ในขั้นตอนแรกนำปลาทูไปย่างด้วยเตาถ่าน ใช้ไฟอ่อนๆ เมื่อปลาทูสุกแล้วมาแกะเอาก้างปลาออกจนหมด พักไว้ก่อน ต่อมาให้นำกะปิห่อใบตอง นำไปปิ้งให้มีกลิ่นหอม จากนั้นนำตะไคร้มาซอยบางๆ และนำคั่วให้หอม เทใส่ถ้วยเตรียมไว้
  2. นำหอมแดง พริกแดง และกระเทียม มาย่างให้หอม พักไว้ก่อน ต่อมานำเนื้อปลาทูย่าง กะปิย่าง ตะไคร้คั่ว หอมแดง พริกแดง และกระเทียม มาโขลกเข้าด้วยกันให้ละเอียด 
  3. ตั้งกระทะ ใช้ไฟปานกลาง นำส่วนผสมทั้งหมดมาคั่วให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว คนส่วนผสมให้เข้ากัน และเทใส่ถ้วย เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 
น้ำพริกปลาทู

น้ำพริกปลาทูคั่วแห้งที่ทำเสร็จใหม่ๆ จะหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นกะปิผสมผสานกับเนื้อปลาทูได้อย่างลงตัว จนอดใจไม่ไหวต้องลองชิมกันเลยทีเดียว สำหรับน้ำพริกปลาทูแห้ง เก็บได้นานประมาณ 2-3 วัน โดยนำไปแช่ในตู้เย็น หากอยากทานค่อยนำมาอุ่นด้วยไมโครเวฟจะได้รสชาติกลมกล่อม อร่อยนัวร์เหมือนเดิม พร้อมทานคู่กับผักสดกรอบ หรือผักต้มอร่อยกำลังสองทานได้ไม่เบื่อ ว่าแต่น้ำพริกปลาทูกินกับผัก อะไรดี ขอแนะนำ มะเขือเปราะ แตงกวา แครอทต้ม ถั่วฟู และหอมแดงสด เป็นต้น 

ขอนำเสนอน้ำพริกปลาทู สูตรปลาทูทอดคั่วแห้ง อร่อยจัดจ้าน ทำง่าย

น้ำพริกปลาทู

น้ำพริก ปลาทู ถือว่าเป็นเมนูอาหารที่มีหลากหลายสูตรรสชาติอร่อย แต่จะมีอยู่หนึ่งสูตรที่อยากแนะนำ อย่าง น้ำพริก ปลาทูทอด เป็นเมนูอาหารไทยง่ายๆ ที่สามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากนำปลาทูไปทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำมาแกะเอาก้างออก นำมาโขลกรวมกันกับพริก หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ กะปิคั่ว เมื่อส่วนผสมทั้งหมดละเอียดแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล มะนาว คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย ตามด้วยปลาทูทอดกรอบตัวโต นำมารับประทานคู่กับผักที่หาได้ตามสวนหลังบ้าน หรือจะทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเต็มอิ่ม ที่มาพร้อมคุณค่าโภชนาการครบถ้วน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

เมนูอาหารไทยรสเด็ด หลน ปู เครื่องแน่น สูตรต้นตำรับชาววัง

หลน ปู

เมนูอาหารไทยนอกจากอาหารประเภทผัด แกง ทอด แล้วยังมีอาหารประเภทน้ำพริก อย่าง หลน ปู เป็นน้ำพริกที่มีกลิ่นหอมละมุน และมีรสชาติออกเค็มเล็กน้อย สำหรับเมนูปู หลนแสนอร่อยจะนิยมทานคู่กับผักสด อาทิ แตงกวา ถั่วฟู มะเขือเปราะ และผักชนิดอื่นๆ ที่สามารถหาได้จากสวนครัวหลังบ้าน นอกจากนี้ชาวบ้าวในสมัยก่อนยังนิยมทานเมนูหลนปูเป็นอาหารเย็น เพราะเป็นเมนูที่ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และยังเป็นเมนูที่สามารถทานได้ทั้งบ้านอีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครยังไม่มีเมนูอาหารเย็นสามารถลองทำหลน ปู เค็มแสนอร่อยทานได้ง่ายๆ รับรองว่าอิ่มอร่อยได้สุขภาพอย่างแน่นอน 

วิธีทำ หลน ปู เค็ม แสนอร่อย หอมละมุน อย่างง่ายๆ มือใหม่ก็ทำได้ 

หลน ปู

ใครที่ชอบทานน้ำพริกรสเด็ดมาทางนี้ วันนี้เรามีเมนูหลน ปูเค็ม รสชาติกลมกล่อมอร่อยนัวร์ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมๆ เย้ายวนใจเรียกน้ำย่อยสุดๆ สำหรับวิธีทำปู หลน โบราณด้วยตัวเองนั้นง่ายมากๆ มือใหม่หัดทำอาหารก็สามารถทำได้แน่นอน ส่วนวัตถุดิบต่างๆ ใช้เพียงน้อยอีกด้วย ว่าแต่ส่วนผสมของหลนปูใส่อะไรบ้างตามไปดูกันเลย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

หลน ปู
  1. ปูดอง 200 กรัม
  2. หมูสับ 100 กรัม
  3. รากผีกซี 1 ต้น
  4. ข่าหั่นเป็นแว่น ½ ถ้วยตวง
  5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  6. ตะไคร้ซอย ½ ถ้วยตวง
  7. หอมแดง ½ ถ้วยตวง
  8. มะดันซอย ½ ถ้วยตวง
  9. หิวกะทิ 100 กรัม
  10. พริกชี้ฟู พริกเหลือง 1 ถ้วยตวง

สำหรับเมนูหลน ปูเค็มจะใช้ปูดองตัวขนาดพอดี จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาดก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการทำหลน ปู เค็ม สูตร โบราณ ทรงเครื่อง รสเด็ด ฉบับมือใหม่สามารถทำตามได้ดังนี้

หลน ปู
  1. นำปูที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว นำมาแกะจับปิ้งปูออกให้หมด และแกะกระดองปู ปากปู และนมปูออกให้หมด
  2. ในขั้นตอนต่อมาให้นำหัวกะทิผสมกับหมูสับคนส่วนผสมให้เข้ากันจะช่วยให้หมูสับไม่ติดกันเป็นก้อนพักไว้ นำหางกระทิใส่หม้อต้ม ตามด้วยผักซี ข่าหั่นเป็นแว่น คนส่วนผสมให้เข้ากัน ใช้ไฟอ่อน จากนั้นใส่ส่วนผสมที่เป็นหมูสับผสมกับกะทิลงไป
  3. หลังจากนั้น ใส่ปูดองที่แกะไว้ใส่ลงไปในหม้อ คนส่วนผสมให้เข้ากัน จนกว่าจะกระดองปูจะเปลี่ยนสีส้ม ใส่ไข่ไก่ลงไปคนให้เข้ากัน ใส่ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย มะกันซอย คนส่วนผสมเข้ากัน ตามด้วยมะดันซอย เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 
หลน ปู

สำหรับหลน ปูเค็มตามสูตรอาหารไทยชาววังสามารถใส่มะดันลงไปได้ เพื่อเพิ่มความเปรี้ยวเล็กน้อยผสมผสานกับรสชาติเค็มของปูดอง และความมันของกะทิได้อย่างลงตัว จากนั้นเสิร์ฟคู่กับผักสดกรอบๆ และข้าวสวยร้อนๆ ทานแล้วอร่อยฟินกำลังดี เรียกได้ว่าหลนปูเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยพื้นบ้านที่ทำง่าย และมีรสชาติอร่อยทานได้แบบไม่อั้น 

เคล็ดลับ! การทำ หลนปูเค็ม รสกลมกล่อม สูตรโบราณ อย่างง่าย 

หลน ปู

หลนปู เป็นหนึ่งในอาหารไทยพื้นบ้านที่มีความอร่อย รสกลมกล่อมทานได้ทุกวัน อีกทั้งยังเป็นอาหารเย็นจานเดียวที่ทานแล้วอิ่มท้องนานไม่หิวตอนกลางคืน แถมยังเป็นเมนูที่ทำทานได้ทั้งครอบครัว ซึ่งการทำปู หลน ชาววัง ให้อร่อยนั้นจะต้องใช้กะทิสดจะทำให้อาหารมีกลิ่นหอม มัน และอีกหนึ่งเคล็ดลับคือ นำหมูผสมกับหัวกะทิจะทำให้หมูไม่จับตัวเป็นก้อน นอกจากนี้หากต้องการให้ปูหลนมีความเข้มข้นมากขึ้นจะต้องใส่ไข่ไก่ลงไปด้วยจะช่วยให้ปูหลนมีความเข้มข้นมากขึ้น อีกทั้งการใส่มะดันซอยจะช่วยให้ปูหลนมีความเปรี้ยวอร่อยกลมกล่อมมากขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่อยากทำหลนปูเค็มทรงเครื่อง สูตรชาววัง รสชาติอร่อยกลมกล่อมสามารถทำตามเคล็ดลับที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่าอร่อยชัวร์แน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ข้าวคลุกกะปิ สูตรโบราณ อาหารไทยชาววัง รสเลิศ กลิ่นหอมรัญจวนใจ

ข้าวคลุกกะปิ

อาหารภาคกลางถูกจัดว่าเป็นเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ข้าวคลุกกะปิ ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นหอมอบอวล และอัดแน่นไปด้วยเครื่องเคียงหลากหลายชนิดให้ทานได้แบบไม่อั้น อีกทั้งยังมีความอร่อยฟินทุกคำไม่จำเจ และยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอาหารครบถ้วนในเมนูเดียว เท่านั้นยังไม่พอเมนูหมูหวาน ข้าวคลุกกะปิยังสามารถทำทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องออกไปซื้อทานให้เสียเวลา แถมอร่อยสะอาดถูกหลักอนามัยอีกต่างหาก 

วิธีทำ ข้าวคลุกกะปิ สูตรต้นตำรับ รสเด็ด เครื่องเคียงอร่อยจัดเต็ม 

ข้าวคลุกกะปิ

ข้าว คลุกกะปิ เป็นเมนูอาหารเย็นที่ทานคู่กับเครื่องเคียงได้หลากหลายชนิด รสชาติกลมกล่อมอร่อยถูกปากทานได้แบบไม่อั้น และยังสามารถรับประทานได้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้ข้าวคลุกกะปิยังสามารถทำทานเองได้ด้วย ซึ่งวิธีทํา ข้าวคลุกกะปิง่ายๆ แถมไม่ต้องใช้ความประณีต และยังใช้เวลาทำไม่นานก็ได้ทานข้าวคลุกกะปิแสนอร่อยจุกจุกอิ่มท้องไม่หิวตอนกลางคืนอีกด้วย ส่วนสูตรที่เราจะมาทำในวันนี้เป็นสูตร ข้าว คลุก กะปิ ชาววัง รสชาติอร่อยถึงเครื่อง ใครทานก็บอกอร่อยเหมือนซื้อมาจากร้านดังๆ เลยทีเดียว

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

  1. ข้าวหุงสุก 3 ถ้วยตวง
  2. กะปิ 2 ½ ช้อนโต๊ะ
  3. กุ้งแห้งทอด ½ ถ้วยตวง
  4. กุนเชียงทอด ½ ถ้วยตวง
  5. พริกทอด 3 เม็ด
  6. ไข่เจียวหั่นฝอน ½ ถ้วยตวง
  7. ถั่วฝักยาวซอย ½ ถ้วยตวง
  8. มะม่วงดิบสับเส้นยาว ½ ถ้วยตวง
  9. มะนาว 1 ลูก
  10. แตงกวา 2 ลูก
  11. ผักชี 1 ต้น
  12. น้ำมันพืช 1 ขวด
ข้าวคลุกกะปิ

วัตถุดิบ และส่วนผสมหมูหวาน

  1. หมูสามชั้น 600 กรัม
  2. น้ำปลา 3 ½ ช้อนโต๊ะ
  3. ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. ซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง
  7. น้ำตาลปิ๊บ 80 กรัม

สำหรับเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิ สูตรต้นตำรับชาววังจะมีหลากหลายชนิด ดังนั้นก่อนจะเข้าสู่วิธีทำข้าวคลุกกะปิ ง่ายๆ เราต้องเตรียมเครื่องเคียงต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นไปลงมือทำข้าวคลุกกะปิกันได้เลย 

ข้าวคลุกกะปิ
  1. ขั้นตอนแรกเราจะมาทำหมูหวานกันก่อน โดยนำกระทะมาตั้งเตาจากนั้นใส่น้ำมันพืช ตามด้วยหอมแดงไปผัดให้สุก ใส่หมูสามชั้นหั่นลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา และซีอิ้วดำ ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เคี่ยวต่อไปประมาณ 10 นาที ใส่น้ำตาลปิ๊บลง คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน
  2. ต่อมาจะเป็นการทำข้าวคลุกกะปิ โดยเริ่มจากนำกะทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมัน กะปิ ผัดให้หอม ใส่น้ำ ผัดต่อให้ได้น้ำกะปิเนื้อเดียวกัน ใส่ข้าวลงผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จาน จัดเสริฟด้วยเครื่องเคียงที่เตรียมไว้
ข้าวคลุกกะปิ

เสร็จแล้วเรียบร้อยกับเมนูข้าวคลุกกะปิ ฉบับสูตรชาววังที่มีรสชาติกลมกล่อม ข้าวนุ่มนิ่ม หอมกลิ่นกะปิอบอวลทั่วครัว และที่ขาดไม่ได้เลยกับเครื่องเคียงหลากหลายชนิด ทานคู่กันแล้วอร่อยกลมกล่อม ในส่วนวิธีทำข้าวคลุกกะปิ แบบ ง่ายๆ คนมือใหม่ก็สามารถทำตามได้สบายมาก 

ชวนมาดู ข้าวคลุกกะปิ อาหารจานเดียว แสนอร่อย มีประโยชน์มากมาย 

ข้าวคลุกกะปิ

ข้าวคลุกกะปิถือว่าเป็นอาหารจานเดียวที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องเคียงหลากหลายชนิด ทำให้อาหารมีรสชาติที่หลากหลายเช่นกัน และอร่อยทานได้ไม่มีเบื่อ นอกจากนี้ข้าวคลุกกะปิยังเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับทำเป็นข้าวกล่องห่อไปทานที่ทำงานได้อีกด้วย สำหรับสูตร ข้าวคลุกกะปิที่เรามาแชร์นั้น นอกจากรสชาติอร่อยแล้วยังอุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย อาทิ กะปิ มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรง ส่วนมะม่วงมีสารต้านอนุมูลอิสระ และถั่วฝักยาวสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป เป็นต้น 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

เมนู ข้าวผัดไข่ อาหารจานด่วน สุดคลาสสิก ข้าวนุ่มนิ่ม รสกลมกล่อม

ข้าวผัดไข่

อีกหนึ่งเมนูอาหารจานเดียวที่ได้รับความนิยมมีขายตามร้านอาหารตามสั่ง นั่นก็คือ ข้าวผัดไข่ รสชาติกลมกล่อม ข้าวนุ่มๆ สีสวยชวนทาน และหากบีบมะนาม พริกน้ำปลา ลงไปนิดหน่อยจะทำให้รสชาติข้าวผัดมีความเปรี้ยว เผ็ดเล็กน้อยอร่อยลงตัวเข้ากันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ข้าว ผัดไข่ยังเป็นอาหารเช้าสุดโปรดของเด็กๆ ทานก่อนไปโรงเรียนอีกด้วย ดังนั้น แม่บ้านคนไหนที่ต้องการอยากทำข้าวผัดไข่ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เรามีสูตร ข้าวผัดไข่ รสกลมกล่อม ข้าวนุ่ม และไม่อมน้ำมันมาฝากให้ทำตามกัน

วิธีทำอาหารเช้าจานเดียว ข้าวผัดไข่ ข้าวนุ่มนิ่ม หอมละมุน ไม่อมน้ำมัน 

ข้าวผัดไข่

ข้าวผัด ไข่ ถือว่าเป็นอาหารจานด่วนที่สามารถทำได้ง่ายๆ สะดวก และรวดเร็ว จึงทำให้แม่บ้านส่วนใหญ่จะนิยมทำเป็นอาหารเช้าให้กับคนในครอบครัวได้ทานกันเป็นประจำ แถมรสชาติกลมกล่อม อร่อยถูกใจทุกครั้งที่ได้ทาน อย่างไรก็ตาม เมนูข้าวผัดเป็นเมนูที่ทำทานเองง่ายๆ ก็จริง แต่การทำให้อร่อยนั้นถือว่ายากพอสมควร เพราะจะต้องใช้ส่วนผสมที่พอดี ส่วนข้าวต้องไม่อมน้ำมัน ดังนั้น เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามีสูตรลับในการทำข้าวผัดให้อร่อยมาฝากแม่บ้านมือใหม่ด้วยนะ แต่ก่อนอื่นต้องตามหาวัตถุดิบใช้ปรุงกันก่อนเลย ว่าแต่ข้าวผัดใส่อะไรบ้างตามไปดูกันได้เลย 

ข้าวผัดไข่
  1. ข้าวสวย 300 กรัม
  2. หมูสับ 100 กรัม
  3. คะน้า 2 ต้น
  4. มะเขือเทศ 1 ลูก
  5. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
  6. ซอสปรุงรส ½ ช้อนโต๊ะ
  7. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  8. น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  9. ซีอิ้วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
  10. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  11. พริกไทย 1 ช้อนชา
  12. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับการเตรียมวัตถุดิบทำข้าวผัดไข่ง่ายๆ ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำข้าวผัดให้อร่อยจะต้องใช้ข้าวสวยเรียงเม็ดนุ่มนิ่ม อย่าง ข้าวหอมมะลิเกรดพรีเมี่ยม ส่วนในขั้นตอนต่อมาจะเป็นวิธี ทำข้าวผัดไข่ ง่ายๆ ดังต่อไปนี้ 

ข้าวผัดไข่
  1. ขั้นตอนแรก นำข้าวหอมมะลิมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นใส่น้ำลงไปให้ได้ 1 ข้อมือ นำไปหุงให้สุก ในระหว่างรอข้าวสุก มาเตรียมหั่นมะเขื่อเทศ และหอมหัวใหญ่มาเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า และนำคะน้ามาล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นๆ ให้เรียบร้อย 
  2. ต่อมาให้นำกระทะมาตั้งไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย รอให้น้ำมันเดือด ใส่กระเทียม เจียวให้หอม ตามด้วยหมูสับ มะเขือเทศ และหอมหัวใหญ่ ผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ลงไป ผัดให้เข้ากัน ใส่ข้าวสวย และผักคะน้า ใส่ลงไปผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จานได้เลย 
ข้าวผัดไข่

การทำข้าวผัดไข่ด้วยตัวเองสามารถเพิ่มหมูสับได้ตามใจชอบ และผักคะน้าต้องไม่สุกมาก เพียงเท่านี้ก็จะได้ข้าวผัดรสชาติกลมกล่อม หอมละมุน เม็ดข้าวเรียงกันสวยงามไม่อมน้ำมันอีกด้วย สำหรับข้าวผัดไข่โบราณที่ทำเสร็จแล้วจะต้องรับประทานเลยไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป เพราะข้าวผัดเป็นเมนูที่เสียง่ายนั่นเอง 

ข้าวผัดไข่สูตรโบราณ ทำง่าย คุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ 

ข้าวผัดไข่

ข้าวผัดไข่เมนูอาหารจานโปรดที่อร่อยทานได้ไม่มีเบื่อ และยังทานได้ทุกวันอีกด้วย แถมวิธีทำข้าวผัดไข่ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่มีข้าวสวยก็ทำได้แล้ว ซึ่งเคล็บลับวิธีทําข้าวผัดไข่ ให้อร่อยนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่ใช้ข้าวสวยนุ่มๆ พร้อมปรุงรสให้กลมกล่อม อย่าใส่น้ำมันเยอะเกินไปก็จะได้ข้าวผัดสีเหลืองสวยงามหน้าตาน่าทานสุดๆ ที่สำคัญเมนูข้าวผัดยังเป็นเมนูที่อุดมไปด้วย โปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และยังมีวิตามิน โอเมก้าที่ช่วยบำรุงระบบประสาท และสมอง พร้อมทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

เผยสูตร ไข่พะโล้ หมูเนื้อนุ่มละลายในปาก หอมกลิ่นเครื่องเทศ น้ำพะโล้เข้มข้น

ไข่พะโล้

ไข่พะโล้ เป็นเมนูยอดฮิตของคนไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปจังหวัดไหน หรือภาคไหนของประเทศไทย เชื่อว่าจะต้องมีไข่ต้ม พะโล้หมูนุ่มๆ ขายตามตลาดนัด และร้านขายข้าวแกงอย่างแน่นอน สำหรับเมนูพะโล้ส่วนใหญ่นิยมใส่ไข่ต้ม และเนื้อหมูสามชั้นเคี่ยวจนเนื้อหมูเปื่อยนุ่ม และน้ำซุปเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องพะโล้อร่อยโดนใจชาวไทยทุกคน นอกจากนี้วิธี ทำ พะโล้ก็ง่ายมากๆ เพียงแค่มีเครื่องพะโล้ก็สามารถทำพะโล้ไข่ต้มทานอร่อยๆ เองที่บ้านได้แบบไม่อั้น

วิธีทำ ไข่พะโล้ หมูเนื้อนุ่ม น้ำพะโล้เข้มข้น หอมละมุน ทำง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ไข่พะโล้

มาต่อกันที่เมนูไข่พะโล้ที่หลายบ้านนิยมทำทานกันเป็นประจำ และยังเป็นเมนูสุดโปรดของแม่บ้านหลายคนที่มักจะทำทานกันในช่วงวันหยุด เพราะทำพะโล้เพียงหม้อเดียวก็สามารถทานได้ทั้งวัน แถมยังสามารถเอาไปฝากเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างมิตรภาพดีๆ ในหมู่บ้านได้อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังหาสูตรพะโล้ทำเองที่บ้านอยู่ตอนนี้ ต้องไม่พลาดกับสูตรพะโล้ หมูสามชั้นนุ่มละลายในปาก และน้ำพะโล้เข้มข้นอร่อยโดนใจ ในส่วนของวิธี ทํา ไข่ พะโล้ ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากทำได้สบายมาก 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ไข่พะโล้
  1. หมูสามชั้น 500 กรัม
  2. ไข่ไก่ 5 ฟอง
  3. กระเทียม 20 กลีบ
  4. เต้าหู้แข็ง 1 ก้อน
  5. พริกไทย ½ ช้อนชา
  6. รากผักซี 5 ราก
  7. น้ำตาลปิ๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำปลา 2 ½ ทัพพี
  9. ซีอิ้วดำ 1 ถ้วยตวง
  10. น้ำเปล่า 1 ลิตร

สำหรับใครที่ไม่ชอบน้ำซุปไข่พะโล้เข้มข้นเกินไปสามารถลดปริมาณซีอิ้วดำได้ตามใจชอบ และหากไม่ชอบเต้าหู้ก็ไม่ต้องใส่ได้เช่นกัน หลังจากที่เตรียมส่วนผสมของพะโล้เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมเสร็จแล้ว ต่อมาจะเป็นวิธี ทำ ไข่ พะโล้อย่างง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยาก

ไข่พะโล้
  1. ก่อนอื่นต้องนำไข่ไก่มาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วนำไปใส่ในหม้อต้มในน้ำเดือด รอประมาณ 5 นาที นำไปแช่ในน้ำสะอาดให้เย็น นำไข่มาปอกเปลือกออกให้เรียบร้อย
  2. นำหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้นๆ ต้องความต้องการได้เลย ต่อมาให้หม้อตั้งเตา นำเครื่องพะโล้อย่าง รากผักชี กระเทียม พริกไทย มาโขลกให้ละเอียด 
  3. ตั้งหม้อ และนำเครื่องพะโล้ลงไปผัดในน้ำมันจนหอม โดยใช้ไฟอ่อนๆ เสร็จแล้วตักออกมาพักไว้ก่อน ต่อมาให้น้ำเปล่าใส่หม้อแล้วนำไปตั้งไฟปานแรง ใส่น้ำตาลปิ๊บ ใส่เครื่องพะโล้ ใส่หมูสามชั้นที่เตรียมไว้ ทำการต้มไปเรื่อยๆ จนกว่าหมูจะสุก หลังจากนั้นลดไฟลงปานกลาง เคี่ยวหมูไปจนกว่าเนื้อหมูจะนุ่ม 
  4. นำเต้าหู้มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นนำไปทอดให้กรอบ ตักใส่หม้อพะโล้ ใส่ไข่ต้ม ตามด้วยซีอิ้วดำ ต้มต่อไปรอให้น้ำเดือด ปิดไฟได้เลย
ไข่พะโล้

หลังจากที่ได้ไข่พะโล้ หมูนุ่มเรียบร้อยแล้วให้นำผักชีโรยหน้าเพื่อความหอมมากขึ้น จากนั้นตักใส่ถ้วยพร้อมทานได้เลย ซึ่งต้องบอกเลยว่าพะโล้อาหาร ไทยสูตรนี้น้ำพะโล้จะมีความเข้มข้น และหวาน เค็ม รสชาติกลมกล่อม เมื่อนำมาทานกับข้าวสวยร้อนๆ จะยิ่งอร่อยลงตัวสุดๆ ดังนั้นหากใครชอบเมนู อาหาร ไทยอย่างพะโล้ไข่หมูนุ่มต้องลองทำทานเองสักครั้ง รับรองจะติดใจ 

เปิดเทคนิคต้มไข่พะโล้ ให้อร่อย ตามสูตรโบราณ มือใหม่ก็ทำได้ 

ไข่พะโล้

ถึงแม้ว่าไข่พะโล้จะเป็นอาหาร ไทย ยอด นิยมที่ทำง่ายก็จริง แต่จะทำให้อร่อยต้องมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างเครื่องพะโล้จะต้องนำมาผัด และเคี่ยวกับน้ำตาลปิ๊บ เพื่อให้น้ำตาลมีกลิ่นหอม ในส่วนหมูสามชั้นต้องเป็นหมูที่มีเนื้อมากกว่ามันหมูถึงจะอร่อย และในขั้นตอนต้มพะโล้จะต้องตุ๋นหมูประมาณ 45 นาที เพื่อให้เนื้อหมูมีความนุ่มมากขึ้นนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูพะโล้สุดแสนอร่อยน่าทานสุดๆ และที่สำคัญเมนูนี้ยังเป็นอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานกันเป็นประจำ เพราะรสชาติหวานละมุน ทำให้คนต่างชาติทานได้ และอิ่มอร่อยตลอดทั้งวัน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ทอดมันกุ้ง เมนูสุดปัง อาหารทานเล่น เนื้อกุ้งแน่นเด้ง กรอบนอกนุ่มใน

ทอดมันกุ้ง

หากพูดถึงเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยที่อร่อย และได้รับความนิยมที่สุดตลอดกาลต้องยกให้ ทอดมันกุ้ง ที่มาพร้อมกับความนุ่มกรุบกรอบหอมอร่อยทานได้แบบไม่อั้น อีกทั้งยังเป็นเมนูอาหาร ไทยที่น้องๆ หนูๆ ชอบทานอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะทานคู่กับซอส หรือทานแบบไม่ราดน้ำจิ้มก็อร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญเป็นเมนูอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานบ่อยๆ และขายดีมาก เรียกได้ว่าทำขายแทบไม่ทันเลยทีเดียว ส่วนใครที่สนใจอยากลองทำให้คนในครอบครัวทาน เรามีวิธี ทำ ทอดมัน กุ้งให้เหลืองกรอบ และไม่อมน้ำมันมาให้ได้ลองทำตามด้วยนะ

ขอนำเสนอวิธีทำ ทอดมันกุ้ง เนื้อแป้งเหลืองกรอบ ไม่อมน้ำมัน กลิ่นหอมชวนทาน

ทอดมันกุ้ง

กลับมาตามคำเรียกร้องกับการทำอาหารอย่างง่ายๆ ฉบับมือใหม่ และวันนี้ขอเสนอเมนูง่ายๆ อย่าง ทอดมัน กุ้ง เมนูอาหาร ไทย ยอด นิยมเนื้อแป้งกรุบกรอบสอดไส้กุ้งตัวโตๆ เนื้อหวานอร่อยเต็มคำ นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับการทอดแป้งไม่อมน้ำมันมาฝากอีกด้วย ในส่วนของสูตร ทอดมัน กุ้งที่จะมาแชร์เป็นอย่างง่ายรับรองว่าทำตามได้อย่างแน่นอน โดยขั้นแรกจะต้องเตรียมวัตถุดิบ และอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนดังนี้

ทอดมันกุ้ง
  1. กุ้งสับละเอียด 400 กรัม
  2. มันหมูบด 100 กรัม
  3. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
  4. รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
  5. มันกุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  7. พริกไทยป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  8. เกล็ดขนมปัง 2 ถ้วยตวง
  9. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
  10. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับวัตถุดิบมันกุ้งหากไม่ชอบทานสามารถไม่ใส่เป็นส่วนผสมของทอดมันกุ้งได้ตามใจชอบ ต่อมาจะเป็นวิธี ทํา ทอดมัน กุ้ง ง่ายๆ และใช้เวลาทำไม่นาน เมื่อพร้อมแล้วไปลุยกันเลย

ทอดมันกุ้ง
  1. นำกระเทียม รากผักชีมาโขลกให้เข้ากัน พักไว้ก่อน ต่อมานำกุ้งสับ และมันหมูสับละเอียดใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ใส่ลงไปเรียบร้อยแล้วลงไป ตามด้วยมันกุ้ง และพริกไทยป่น ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำพลาสติกแรปคลุมภาชนะไว้ และนำเข้าตู้เย็นใช้เวลาประมาณ 20 นาที 
  2. ต่อมาให้นำแป้งทอดกรอบเทใส่ถ้วย และตอกไข่ใส่ถ้วยตีให้พอแตก จากนั้นเตรียมเกร็ดขนมปังใส่ถาด พร้อมกับเตรียมน้ำสะอาดสำหรับไว้ชุบมือ และเตรียมภาชนะสำหรับวางวัตถุดิบที่ชุบเกร็ดขนมปังเสร็จแล้ว 
  3. นำเนื้อกุ้งมันหมูสับออกจากตู้เย็น นำมาปั้นเป็นก้อนแบนๆ หรือกลมๆ ก็ได้ตามใจชอบ จากนั้นนำมาคลุกใส่ในแป้งทอดกรอบ ชุบเกร็ดขนมปัง เสร็จแล้วนำมาวางในถาดที่เตรียมไว้
  4. นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันพืชลงไป เปิดไฟปานกลาง รอให้น้ำมันเดือด แล้วนำกุ้งชุบแป้งทอดใส่ลงไปทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน จัดวางใส่จานให้สวยงาม
ทอดมันกุ้ง

เมนูทอดมันกุ้ง ถือว่าเป็นเมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมที่สามารถทำทานได้ทุกวัน และยังสามารถทำไปฝากเพื่อนๆ ได้อีกด้วย ในส่วนของการทอดมัน กุ้ง สูตร โบราณจะต้องรอให้น้ำมันเดือดก่อน และไม่ควรใช้ไฟแรง เพราะจะทำให้แป้งไหม้ได้ แถมยังทำให้แป้งอมน้ำมันอีกด้วย สำหรับเคล็ดลับความอร่อยควรทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหวานอมเปรี้ยวจะช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากขึ้น

เมนูแนะนำแฮมห่อทอดมันกุ้ง รสชาติเข้มข้น กรอบอร่อย

ทอดมันกุ้ง

อีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำคือ แฮมห่อทอดมันกุ้ง เป็นเมนู อาหาร ไทยที่ทานง่าย และทำง่ายมากๆ โดยส่วนผสม และวัตถุดิบสามารถใช้ร่วมกับสูตรมันกุ้งทอดสูตรโบราณได้เลย จากนั้นนำมันหมู และกุ้งบดใส่เครื่องปรุงนวดให้เข้ากัน นำไปทอดให้กรอบ หลังจากนั้นเอาแฮมวางบนกระดาษไขตามด้วยทอดมันกุ้ง ม้วนเข้าหากันนำไปย่างให้สุก เสร็จแล้วนำมารับประทานได้ โดยรสชาติจะกลมกล่อมและหอมกลิ่นแฮมอร่อยสุดๆ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

เปิดเมนูเด็ดยอดนิยม แกงส้มชะอมกุ้ง รสจัดจ้าน หอมกลิ่นชะอมทอด

แกงส้มชะอมกุ้ง

แกงส้มชะอมกุ้ง ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารสุดคลาสสิกที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจุจบัน โดยเมนูนี้จะมีความพิเศษตรงที่มีการนำไข่ชะอมทอดมาเป็นส่วนประกอบหลักของแกงส้ม และใช้พริกแกงที่สดใหม่มีกลิ่มหอมเข้มข้น ทำให้รสชาติแกงส้ม ชะอม ทอดมีความกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำสูตรของแกงส้มชะอมให้แม่บ้านมือใหม่ได้ทำตามที่บ้าน หรือจะทำขายก็ขายดีได้กำไรตั้งแต่วันแรกแน่นอน 

ชวนมาดู! ขั้นตอนการทำ แกงส้มชะอมกุ้ง สูตรโบราณ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน 

แกงส้มชะอมกุ้ง

เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าเมนูอาหารพื้นบ้านอย่าง แกงส้ม ชะอมกุ้ง เป็นเมนูที่ทำยากอย่างนอน แต่แท้จริงแล้วแกงส้ม ชะอม ไข่ทอดทำไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งเครื่องพริกแกงส้มยังสามารถทำได้เองด้วย แถมยังใช้วัตถุดิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับคนที่ชอบทานแกงส้มเป็นพิเศษ เรามีสูตรการทำแกงส้ม ชะอมมาให้ได้ลองทำทานเล่นๆ ที่บ้านในช่วงวันหยุด โดยสูตรนี้ถือว่าเป็นสูตรที่ทำง่าย และรสชาติอร่อยกลมกล่อมตามฉบับอาหาร ไทยโบราณอีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของพริกแกงส้ม

  1. พริกจินดาแห้ง 7-8 เม็ด
  2. พริกชี้ฟ้าแห้งเม็ดใหญ่ 15 เม็ด
  3. กระชาย 5 หัว
  4. หอมแดง 10 หัว
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. เนื้อปลานิล 100 กรัม
แกงส้มชะอมกุ้ง

ส่วนผสมของแกงส้มที่ต้องเตรียม

  1. ชะอมเด็ดใบ 1 ถ้วยตวง
  2. พริกแกงส้ม ½ ถ้วยตวง
  3. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  4. น้ำเปล่า 5 ถ้วยตวง
  5. น้ำมันพืช 1 ขวด
  6. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลปิ๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วยตวง
  9. กุ้งสด 15 ตัว

เมื่อได้วัตถุดิบ และส่วนผสมของแกงส้มชะอมกุ้งเรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีการทำแกงส้ม หนึ่งในอาหาร ไทย ยอด นิยมฉบับมือใหม่ฝึกทำอาหาร โดยจะเริ่มจากเตรียมพริกแกงก่อนเพราะเป็นส่วนผสมแรกที่จะใช้ทำน้ำแกงนั่นเอง หากใครไม่อยากทำพริกแกงเองสามารถใช้แบบสำเร็จรูปก็ได้เช่นกัน

แกงส้มชะอมกุ้ง
  1. ขั้นตอนเตรียมพริกแกง เริ่มจากนำพริกชี้ฟ้าแดงแห้ง พริกจินดาแห้ง มาแกะเอาเม็ดพริกออก นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ให้นิ่ม จากนั้นนำมาโขลกให้ละเอียด ใส่หอมแดง กระชาย กะปิ และเนื้อปลานิลตำให้แหลกละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน
  2. ในลำดับต่อมาจะเป็นการทำไข่เจียว โดยนำไข่มาตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่ผักชะอม ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย นำกระทะมาตั้งเตา ใส่น้ำมันพืช รอให้น้ำมันร้อน ใส่ไข่ลงไป เจียวให้สุก เสร็จแล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ 
  3. นำหม้อแกงมาตั้งเตา ใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำเปล่าลงไป รอให้น้ำเดือด ใส่พริกแกงส้ม คนให้ละลาย ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก ใส่กุ้ง ต้มพอให้สุก ใส่ไข่เจียวลงไป รอให้น้ำเดือด ยกออกจากเตาได้เลย 
แกงส้มชะอมกุ้ง

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วกับเมนูแกงส้มชะอมกุ้งสูตรโบราณที่มีรสชาติ เปรี้ยว หวาน เค็ม อร่อยครบรส แถมยังมีกลิ่นหอมอบอวลของชะอมไข่ทอดนุ่มๆ ทานแล้วละมุนละไมสุดๆ ดังนั้นหากใครไม่อยากพลาดสูตรแกงส้มเมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมแสนอร่อยก็สามารถนำสูตรของเราไปทำทานได้เลย

รวมเคล็ด (ไม่) ลับ แกงส้มชะอมกุ้ง สูตรกลมกล่อม กำลังดี

แกงส้มชะอมกุ้ง

การทำแกงส้มชะอมกุ้งจะต้องใช้พริกแกงที่มีคุณภาพ และถ้าหากทำพริกแกงเองควรใช้เนื้อปลา อย่างเช่น ปลานิล ปลาซ่อน หรือจะเป็นเนื้อกุ้ง เพื่อต้องการให้น้ำแกงมีความเข้มข้น และรสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในขั้นตอนใส่น้ำเปล่าไม่ควรใส่เยอะเกินไปเพราะจะทำให้น้ำแกงใส รสชาติไม่อร่อย อีกทั้งไม่เป็นไปตามสูตรเมนู อาหาร ไทยโบราณอีกด้วย นอกจากนี้เมนูแกงส้มสูตรชะอมทอดยังเป็นอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานกันมากที่สุด ดังนั้นหากทำขายก็สามารถขายได้กำไรดี และลูกค้าเต็มร้านจนทำอาหารไม่ทันเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

อาหารชาววัง ต้มกะทิ สายบัว ใส่ปลาทู สูตรโบราณ กลิ่นหอมชวนชิม

ต้มกะทิ สายบัว

อีกหนึ่งเมนูอาหารของไทยที่หาทานยากมากในปัจจุบัน อย่าง ต้มกะทิ สายบัว ใส่ปลาทูเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้นหอมอร่อย ทานง่าย ไม่เผ็ดด้วย ดังนั้นเมนูต้ม สายบัวใส่ปลาทูจึงเป็นอาหารที่สามารถทานได้ทั้งครอบครัว และยังเป็นเมนูสุดโปรดของปู่ย่า ตายาย อีกด้วย อย่างไรก็ตามถึงแม้เมนูนี้จะไม่ค่อยมีขายตามร้านอาหารทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะทำทานเองไม่ได้ โดยสูตร และวิธีการทำแกง สายบัว ใส่ ปลา ทูนั้นง่ายมากๆ คนชอบทานเมนูไทยๆ ทำได้สบายมาก

วิธีทำ ต้มกะทิ สายบัว ใส่ปลาทู สูตรชาววัง รสชาติเข้มข้น หอมละมุน

ต้มกะทิ สายบัว

หากใครกำลังหาเมนูอาหารที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว และทานได้ทั้งวัน ขอแนะนำ ต้มกะทิสายบัว หนึ่งในอาหาร ไทยที่มีรสชาติเข้มข้น และมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งวิธี แกง สายบัว ใส่ ปลา ทูยังทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน และยังใช้เวลาทำไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยแต่อยากทำอาหารทานเองสุดๆ นอกจากนี้ยังใช้วัตถุดิบเพียงน้อยนิดดังนี้

ต้มกะทิ สายบัว
  1. สายบัว 100 กรัม
  2. ปลาทูนึ่ง 3 ตัว
  3. หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
  4. หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
  5. หอมแดง 5 หัว
  6. พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือ 1 ช้อนชา
  8. น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  10. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ

จากวัตถุดิบที่กล่าวมาข้างต้นนั้นสามารถหาได้ตามร้านขายของสดทั่วไป โดยเฉพาะสายบัวจะมีขายตามตลาดสด หรือถ้าบ้านไหนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมีสายบัวที่ขึ้นตามหนอง บึง ก็สามารถเก็บมาทำต้มกะทิ สายบัวได้แบบไม่อั้น ในส่วนขั้นตอนการทำเมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมอย่างแกงกะทิสายบัวจะง่ายเพียงใดไปดูกันเลย

ต้มกะทิ สายบัว
  1. ในขั้นตอนแรกนำปลาทูนึ่งมาแล่เอาก้างปลาออก เตรียมใส่ถ้วยไว้ ต่อมาให้นำสายบัวมาหักเป็นท่อนๆ เอาเส้นใยออกให้หมด หลังจากนั้นต้มน้ำให้เดือดใส่มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลาย ใส่สายบัวลงไป ทำการลวกให้สายบัวมีสีสวย แล้วตักออกพักไว้ก่อน
  2. จากนั้นมาเตรียมเครื่องแกง โดยนำหอมแดง กะปิ ใส่พริกไทยขาว มาใส่ในครกโขลกให้แหลกละเอียด นำหม้อสำหรับแกงมาตั้งเตา ใส่หางกะทิที่เตรียมไว้ลงไป เปิดไฟปานกลาง รอให้น้ำกะทิเดือด ใส่เครื่องแกงคนให้เข้ากัน ลดไฟให้อ่อนลง และใส่หัวกะทิลงไป คนให้เข้ากัน เสร็จแล้วตามด้วยเครื่องปรุงรสอย่าง น้ำมะขามเปียก เกลือ น้ำตาลปิ๊บ และใส่สายบัวลงไป จากนั้นใส่เนื้อปลาทูที่เตรียมไว้ คนให้ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน รอให้เดือด และปิดไฟ พร้อมยกหม้อออกจากเตา ตักแกงใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ต้มกะทิ สายบัว

ต้มกะทิ สายบัวที่ทำเสร็จใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมของกะปิอ่อนๆ และหากทานแกงที่ยังร้อนๆ กับข้าวสวยยิ่งเพิ่มความอร่อยฟินทุกคำ อีกทั้งแกงสายบัวยังเป็นเมนูอาหาร ไทย ยอด นิยมที่สามารถทานได้ทุกวัย เรียกได้ว่าทำแกงสายบัวใส่ปลาทูนึ่งแค่เมนูเดียวสามารถทานได้ทั้งบ้านเลยทีเดียว นอกจากนี้หากทานไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นไว้ทานในมื้อต่อไปได้อีกด้วย 

ประโยชน์ของเมนูต้มกะทิ สายบัว อาหารไทยโบราณ รสชาติอร่อยไม่มีเบื่อ 

ต้มกะทิ สายบัว

ต้มกะทิสายบัว เป็นเมนูที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยก่อนนำสายบัวมาทำอาหารจะต้องลอกเปลือก แล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือสักพักจะช่วยให้สายบัวไม่ดำ และหากใช้ปลาทูสดควรล้างด้วยน้ำมะขามเปียกจะช่วยดับกลิ่นคาวได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้ก็จะได้แกงสายบัวที่แสนอร่อยไม่เหม็นคาว สำหรับแกงสายบัวไม่เพียงแค่คนไทยนิยมทานเท่านั้น แต่ยังเป็นเมนูอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพอีกด้วย โดยเฉพาะสายบัวมีส่วนช่วยลดอาการเกร็งของลำไส้ และกระเพาะ ลดความเครียด แถมยังบรรเทาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี

อ่านบทความอื่นๆ: