Categories
เบเกอรี่

แจกสูตรขนม ชีสเค้กญี่ปุ่น ขนมเค้กก้อนกลม รสชาติหวาน หอมกลิ่นครีมชีส

ชีสเค้กญี่ปุ่น

หากพูดถึงขนมเค้กที่ทานแล้วอร่อยที่สุดจนต้องบอกต่อ คงหนีไม่พุ้น ขนม ชีสเค้กญี่ปุ่น หนึ่งในขนมเค้กที่ทานแล้วรู้สึกถึงความนุ่มละมุนของเนื้อเค้ก และรสหวานอร่อยกำลังดี นอกจากนี้ขนมเค้กชีสญี่ปุ่นสามารถทานรองท้องในระหว่างวัน และอิ่มนานอีกด้วย ดังนั้นหากใครไม่มีเวลาทานข้าวสามารถทานขนมเค้กสูตรนี้แทนได้อิ่มท้องทั้งวัน 

วิธีทำขนมสูตรขนม ชีสเค้กญี่ปุ่น กลิ่นครีมชีสเข้มข้น หอมละมุน 

ชีสเค้กญี่ปุ่น

สำหรับคนที่อยากทานชีสเค้กญี่ปุ่น แต่ไม่มีเวลาออกไปซื้อทาน วันนี้เรามีสูตรชีสเค้กญี่ปุ่นอย่างง่ายที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อชีสเค้กนุ่มๆ มาให้ได้ลองทำทานที่บ้านด้วยตัวเองในช่วงวันหยุดยาว หรือหากอยากลองทำเป็นขนมของฝากเพื่อนๆ หรือทำเป็นเค้กวันเกิดสไตล์โฮมเมคก็ได้เช่นกัน รับรองว่าขนมเค้กที่ได้นั้นรสชาติอร่อยเหมือนซื้อที่ร้านเบเกอรี่แน่นอน 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมทำไข่แดง

  1. แป้งข้าวโพด 50 กรัม
  2. ครีมชีส 150 กรัม
  3. น้ำมันรำข้าว 40 กรัม
  4. น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
  5. แป้งข้าวโพด 40 กรัม
  6. ไข่แดง 3 ฟอง
  7. น้ำมะนาว 15 กรัม
  8. นมสด 90 กรัม
  9. กลิ่นวนิลา ½ ช้อนชา
ชีสเค้กญี่ปุ่น

วัตถุดิบ และส่วนผสมของเมอแรงก์ไข่ขาว

  1. ไข่ขาว 3 ฟอง
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 40 กรัม

สำหรับส่วนผสมทั้งหมดในการทำ ชีสเค้ก ญี่ปุ่น 1 ปอนด์ ซึ่งสามารถทานได้ประมาณ 1-2 คน แต่ถ้าอยากทำมากกว่า 1 ปอนด์สามารถปรับปริมาณของส่วนผสมมากขึ้นกว่านี้ได้ และในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีทำชีสเค้กทำเองอย่างง่ายๆ ดังนี้ 

ชีสเค้กญี่ปุ่น
  1. ก่อนอื่นมาทำตัวเค้กกันก่อน โดยเริ่มจากนำครีมชีส น้ำมันรำข้าว นมสด และน้ำตาลไอซิ่ง มาเทใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนำไปอังกับน้ำเดือด ใช้ตะกร้อคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อทุกอย่างเข้ากันดีแล้วนำเอามาตักไว้ เสร็จแล้วใส่ไข่แดงที่เตรียมไว้ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  2. เมื่อได้ตีไข่แดงจนฟูเรียบร้อยแล้ว ให้ใส่แป้งข้าวโพดลงไปใช้ตะกร้อตะล่อมให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้ก่อน
  3. ในขั้นตอนต่อมาจะมาทำเมอแรงก์ไข่ขาว เริ่มจากนำไข่ขาวมาตี กับน้ำตาลไอซิ่งแบ่งใส่ 2 ครั้ง จากนั้นผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน และผสมจนกว่าไข่ดาวจะตั้งยอด หลังจากนั้นนำแมอแรงก์มาผสมกับไข่แดงที่เตรียมไว้ โดยทะยอยใส่ทีน้อย 
  4. เสร็จแล้วนำแป้งเค้กมาใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นเคาะเพื่อไล่ฟองอากาศ 1-2 ครั้ง เสร็จแล้มาเตรียมเตาอบ โดยนำถาดใส่น้ำวางไว้ในเตา หลังจากนั้นพิมพ์ขนมวางไว้ในถาด ทำการอบเวลาประมาณ 90 นาที ที่อุณหภูมิ 145 องศาเซลเซียส เปิดไฟบน-ล่าง 
  5. เมื่ออบเสร็จแล้วให้นำพิมพ์ออกมาจากเตาอบ ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นนำมาแช่เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ขนมเซตตัวแล้วค่อยนำมาตัดเป็นชิ้นๆ พร้อมทาน
ชีสเค้กญี่ปุ่น

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยกับขั้นตอนการทำขนมชีสเค้กญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมคที่มีเนื้อเค้กนุ่ม และเนื้อเนียนละเอียด ส่วนรสชาติหวานละมุนละไม หากได้ทานคู่กับชาจะช่วยให้ความหวานลดลง และรสชาติเข้ากันเป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครอยากลองทำชีสเค้กง่าย ๆ สามารถทำตามเรานำมาแชร์ได้เลย 

เคล็ดลับอบ ชีสเค้กญี่ปุ่น ให้อร่อย เนื้อนุ่มละลายในปาก หน้าเค้กเรียบเนียน

ชีสเค้กญี่ปุ่น

เชื่อว่าหลายคนมักจะมีปัญหาในการอบ ชีสเค้ก ญี่ปุ่น ไม่ให้หน้าขนมแตก และเนื้อเค้กไม่แห้งเกินไป ซึ่งวิธีที่จะทำให้หน้าเค้กไม่แตกนั้นตามสูตรชีสเค้กสไตล์โฮมเมคนั้นง่ายนิดเดียว โดยเริ่มแรกต้องปรับตู้อบอบขนมให้อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำสุดจะได้หน้าเค้กที่เรียบเนียน และเนื้อเค้กญี่ปุ่นเนียนนุ่ม หอมกลิ่นครีมชีส 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

Categories
เบเกอรี่

ขนมหวานแสนอร่อย บราวนี่ ฟัดจ์ เนื้อนุ่มแน่น ช็อคโกแลตเข้มข้น

บราวนี่ ฟัดจ์

มาเอาใจสายบราวนี่กันบ้างกับ ขนม บราวนี่ ฟัดจ์ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล สำหรับขนมบราวนี่ฟัดจ์ คือ ขนมที่มีเนื้อช็อคโกลแลต รสชาติหวาน เนื้อนุ่มฉ่ำ ที่มีความโดดเด่นด้วยกลิ่นช็อคโกแลตเน้นๆ อร่อยจนต้องขอทานเพิ่มสักชิ้นเลยทีเดียว และที่สำคัญขนมสูตรฟัดจ์ บราวนี่มีให้เลือกทานทั้งสูตหวานปกติ และสูตรหวานน้อย เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่อยากทานขนมแต่กำลังลดน้ำหนักสุดๆ ดังนั้นหากใครอยากลองทำขนมฟัดจ์บราวนี่ไว้ทานเล่นๆ วันนี้เรามีสูตร บราวนี่ฟัดจ์มาให้ได้ลองทำตามกัน

เปิดขั้นตอนการทำขนม บราวนี่ ฟัดจ์ เนื้อแน่น ทำง่ายๆ สไตล์โฮมเมค 

บราวนี่ ฟัดจ์

อีกหนึ่งขนมที่มักจะมีขายตามร้านคาเฟ่ และร้านขายเบเกอรี่ทั่วไปอย่างขนมบราวนี่ ฟัดจ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่มีเนื้อแน่น นุ่มละมุน ที่มาพร้อมช็อคโกแลตฉ่ำๆ เข้มข้น ทานคู่กับเครื่องดื่มอย่าง ชา กาแฟ หรือจะทานคู่กับไอศครีมซอสเบอรี่ยิ่งทำให้รสชาติของขนมอร่อยยกกำลังสองไปเลย เรียกว่าเป็นขนมที่สามารถทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ แต่ถ้าจะให้ซื้อขนมฟัดจ์บราวนี่ทานทุกวันคงจะเสียเงินมากเยอะมากเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้เราจะมาสอนวิธีทำ บราวนี่ สูตรบราวนี่ หนึบหนับ เนื้อแน่น มาให้คนที่ชอบบราวนี่ได้ลองทำดู ว่าแล้วไปดูกันเลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

บราวนี่ ฟัดจ์
  1. ดาร์คช็อคโกแลต 300 กรัม
  2. น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
  3. เนยจืด 20 กรัม
  4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  5. กลิ่นวนิลลา 3 ช้อนชา
  6. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  7. ผงโกโก้ 30 กรัม
  8. เกลือป่น 1 ½ ช้อนชา

สำหรับส่วนผสมของบราวนี่ ฟัดจ์จะเป็นส่วนผสมที่สามารถลดปริมาณส่วนผสมได้ตามใจชอบ ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่ชอบหวาน และอยากคุมน้ำหนักสามารถลดปริมาณลงตามที่ต้องการได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนม บราวนี่เนื้อฟัดจ์กับชิววี่ต่างกันยังไง ซึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ เนื้อสัมผัสของบราวนี่ชิววี่จะมีความเบากว่าชัดจ์บราวนี่นั้นเอง

บราวนี่ ฟัดจ์
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรก นำช็อคโกแลตที่เตรียมไว้มาแบ่งครึ่งออกมาละลายในไมโครเวฟ หรือถ้าไม่มีไมโครเวฟให้ละลายในน้ำร้อนแทนได้ เมื่อช็อคโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียวกันเรียบร้อยแล้ว นำมาพักไว้ให้เย็น
  2. นำเนย และน้ำตาลมาเทลงในภาชนะขนาดใหญ่ จากนั้นใส่เครื่องตีขนมตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่ลงไป ตามด้วยกลิ่นวนิลลา จากนั้นตีส่วนผสมให้เข้ากันประมาณ 1 นาที เสร็จแล้วเติมช็อคโกแลตที่ละลายเรียบร้อยลงไป ใส่แป้ง ผงโกโก้ และเกลือ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกรอบ
  3. หลังจากนั้นเติมส่วนผสมที่เป็นช็อคโกแลตก้อนที่หั่นไว้ลงไป ทำการคนตะล่อมๆ ให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้เทลงไปในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ทำการอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที 
  4. เมื่ออบขนมเสร็จแล้วให้นำขนมออกมาพักไว้ให้เย็น พร้อมทานได้ทันที 
บราวนี่ ฟัดจ์

ขนมบราวนี่ฟัดจ์หากทานตอนที่อบใหม่ขนมจะมีรสชาติหวานหอมละมุนลิ้นอร่อยสุดๆ นอกจากนี้ยังทำเป็นขนมที่ดูเหมือนจะทำยาก แต่แท้จริงแล้วทำง่ายนิดเดียว ส่วนบราวนี่เนื้อฟัดจ์ เป็นยังไง ต้องบอกเลยว่าขนมเนื้อแน่น และอัดแน่นไปด้วยช็อคโกแลตเข้มข้นจัดเต็ม

รวมเคล็ดลังทำขนมบราวนี่ฟัดจ์ให้อร่อย รสชาติหวานละมุน เนื้อแป้งนุ่มนิ่ม

บราวนี่ ฟัดจ์

สำหรับการทำ บราวนี่ฟัดจ์ เนื่อแป้งนุ่มนิ่ม ในขั้นตอนการผสมแป้งจะต้องนำแป้งมาร่อนให้เรียบร้อยจะทำให้เนื้อแป้งมีความเนียนมากขึ้น และต้องใช้น้ำทรายป่นในการทำขนมจะช่วยให้น้ำตาลละลายได้ดีมากขึ้น อีกทั้งฟัดจ์บราวนี่ อบกี่นาทีถึงจะทำให้สีสวยน่าทาน ควรอบประมาณ 20-25 นาที จะทำให้ขนมมีกลิ่นหอมและสีขนมสวยงามน่าทานสุดๆ นอกจากนี้เวลาเทขนมใส่พิมพ์จะต้องเกลี่ยให้เท่ากันจะทำให้ขนมสุก และเนื้อแป้งจะฟูอย่างสม่ำเสมอ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

Categories
เบเกอรี่

แนะนำสูตร บานอฟฟี่ หวาน นุ่ม หอมกลิ่นคาราเมล อร่อยไม่มีเบื่อ

บานอฟฟี่

สาย บานอฟฟี่ ไม่ควรพลาด เพราะวันนี้เราจะมาแชร์สูตร บานอฟฟี่ที่ทำง่ายๆ ขั้นตอนไม่ยาก แถมทำแล้วรสชาติอร่อยเหมือนไปทานที่ร้านเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถทำเป็นอาชีพเสริมก็สามารถสร้างกำไรได้ตั้งแต่เริ่มต้นขายขนมกันเลยทีเดียว หรือจะทำขนมสำหรับเป็นของฝากกับเพื่อน หรือคนพิเศษก็ได้ เพราะบานอฟฟี่ คือ ขนมเค้กที่มีรูปร่างหน้าสวยงาม แถมรสชาติอร่อยจนอดใจทานไม่ไหว ที่สำคัญเป็นขนมที่สามารถทานได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แถมยังทานได้ทุกวันอีกด้วย

แชร์วิธีการทำ บานอฟฟี่ อย่างง่าย มือใหม่ก็ทำได้ ทำง่ายไม่ยุ่งยาก 

บานอฟฟี่

ขนมเค้กบานอฟฟี่ ถือว่าเป็นขนมที่รสชาติหวาน หอมกลิ่นคาราเมลที่ยั่วยวนใจ จนไม่สามารถหยุดทานได้ อีกทั้งยังมีวิปปิ้งครีมที่นุ่มละลายในปากอร่อยสุดๆ ดังนั้นถ้าใครชอบทานขนมเค้กบานอฟฟี่ และอยากทำทานเองที่บ้าน วันนี้เรามีบานอฟฟี่ สูตรไหนอร่อย รสชาติหวานหอม ทำง่ายๆ และที่สำคัญวัตถุดิบ และส่วนผสมของขนมยังหาง่าย โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แถมราคาวัตถุดิบของขนมเค้กยังราคาไม่แพงอีกด้วย 

บานอฟฟี่

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียมของฐานขนม

  1. บิสกิต 300 กรัม
  2. เนยสดจืด 100 กรัม

วัตถุดิบ และส่วนผสมชั้นช็อกโกแลต

  1. ดาร์กช็อกโกแลต 120 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 130 กรัม
  3. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

ส่วนผสมของชั้นที่ 3 กล้วย และคาราเมล

  1. น้ำตาลทรายแดง ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลคาราเมล ½ ถ้วยตวง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. วิปปิ้งครีม 2/4 ถ้วยตวง
  5. เนยรสจืด 30 กรัม
  6. กล้วยหอม 3-4 ลูก
บานอฟฟี่

ส่วนผสม ชั้น 4 วิปปิ้งครีม

  1. วิปปิ้งครีม 200 กรัม
  2. กลิ้นวานิลลา ½ ช้อนชา

ส่วนผสม ชั้นที่ 5 ผงโกโก้

  1. ผงโกโก้ชนิดไม่หวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบของบานอฟฟี่เรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำ บานอฟฟี่ ง่ายๆ โดยขั้นตอนของเรานั้นจะไม่ซับช้อนมากนัก โดยวิธีทำมีดังต่อไปนี้

บานอฟฟี่
  1. เรามาเริ่มต้นทำขนมที่ชั้นที่ 1 กันเลย โดยเริ่มจากนำบิสกิตไปปั่น หรือใส่ถุงทุบให้ละเอียด จากนั้นเทเนยละลายลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วใส่ในเป็นรูปร่าง โดยเทใส่พิมพ์แล้วอัดให้แน่น นำไปแช่ในตู้เย็น 1 ชั่วโมง เพื่อให้ขนมเซตตัว
  2. หลังจากนั้นมาทำชั้นที่ 2 นำวิปปิ้งครีม และดาร์กซ็อกโกแลตไปทำให้ละลายด้วยไฟอ่อนๆ คนส่วนผสมให้ละลาย พอซ็อกโกแลตละลายดีให้ยกลงจากเตา เติมกลิ่นวานิลลา คนให้ข้ากันอีกรอบ จากนันนำบิสกิตที่แช่ตู้เย็นออกมา เทซ็อกโกแลตที่ทำการละลายใส่ลงไป จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้ขนมเชตตัวอีกรอบ
  3. ต่อมาจะมาทำขนมชั้นที่ 3 นำหม้อใส่น้ำ น้ำตาลคาราเมล และน้ำตาลทรายแดง กับเกลือ จากนั้นนำไปตั้งไฟปานกลาง เมื่อน้ำตาลละลายหมด จะได้ส่วนผสมที่เหนียว และมีกลิ่นไหม้เล็กน้อย เทวิปปิ้งครีมลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วยกออกจากเตา ใส่เนยสด และกลิ่นวานิลลา ทำการคนจนกว่าเนยจะละลายหมด พักไว้ให้เย็น
  4. นำกล้วยมาปลอกเปลือก นำไปเรียงในพิมพ์ จากนั้นราดด้วยคาราเมล จากนั้นนำไปแช่เย็นให้คาราเมบแข็งตัว สักพักนำมาใสวิปปิ้งครีม 
  5. ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการทำชั้นที่ 4 โดยการใส่วิปปิ้งครีมลงในอ่าง เติมกลิ่นวานิลลาลงไป เสร็จแล้วตีวิปปิ้งครีมให้ฟู นำไปเทใส่พิมพ์บิสกิต 
  6. หลังจากนั้นโรยผงโกโก้ลงไป นำเอาไปแช่ในตู้เย็นให้คาราเมล และวิปปิ้งครีมเซตตัว จากนั้นโรยด้วยผงโกโก้ เพียงเท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
บานอฟฟี่

เมื่อทำขนม เค้กบานอฟฟี่ เสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในตู้เย็นสักพัก เพื่อให้คาราเมล และวิปปิ้งครีมเซตตัวดีก่อน จากนั้นนำออกมาตัดเป็นชิ้นๆ ให้สวยงาม เพียงเท่านี้ก็จะได้เค้กบานอฟฟี่ที่มีรสชาติแสนอร่อยน่าทาน แถมวิธีทำบานอฟฟี่ ง่ายๆ ด้วยตัวเอง อยู่บ้านก็ทำได้ 

ชวนทำ บานอฟฟี่ ถ้วยจิ๋ว หอมอร่อยกำลังดี ไม่ต้องใช้เตาอบ 

บา นอฟ ฟี่ เป็นเมนูขนมเค้กที่สามารถทำได้หลายสูตร และอีกหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำอย่าง บานอฟฟี่ ถ้วยจิ๋ว เพียงแค่ใส่คุกกี้บด ตามด้วยทอฟฟี่คาราเมล และวิปปิ้งครีมใส่ในถ้วย เสร็จแล้วพร้อมเสิร์ฟได้เลย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งที่รสชาติอร่อยไม่แพ้กันอย่าง บานอฟฟี่โอริโอ้ โดย วิธีทํา บานอฟฟี่ โอริโอ้ นั้นง่ายมากๆ เพียงทำตามสูตรเรานำมาแชร์ได้เลย โดยเปลี่ยนจากบิสกิต เพียงเท่านี้ก็สามารถทานได้แล้ว 

บานอฟฟี่

บานอฟฟี่คือหนึ่งในเบเกอรี่ ที่มีวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ โดยสามารถทำเองมาสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองว่า เค้กบานอฟฟี่ ที่เป็นเบเกอรี่ทำเองจะมีความอร่อยถูกปากตัวเอง และคนในครอบครัว และที่สำคัญขนมชนิดนี้ยังเป็นเมนูเบเกอรี่ที่สามารถทำขายสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์ขนมหวาน สูตร ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อนุ่มเด้ง หอมกลิ่นเนยสด หวานละมุนลิ้น

ชิฟฟ่อนเค้ก

สำหรับใครที่เบื่อที่เบื่อเค้กธรรมดาแล้วอยากลองทานเค้กสูตรอื่นบ้างวันนี้เรามีอีกหนึ่งขนมเค้กที่เป็นที่นิยม และโปรดปรานของใครหลายคน นั่นก็คือ ชิฟฟ่อนเค้ก ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูขนมเค้กที่มีไขมันน้อย และรสชาติหวานละมุนละไมจนไม่สามารถหยุดทานได้ อีกทั้งยังชิฟฟ่อน เค้กเนื้อนุ่มฟูทานแล้วไม่เลี่ยน แถมยังอิ้มท้องนาน ถือว่าเป็นขนมเค้กที่สามารถทานเป็นเมนูรองท้องในวันที่เร่งรีบได้ดีสุดๆ และที่สำคัญขนมเค้กชิฟฟ่อนเป็นขนมที่ทำขายในร้านขายขนมชั้นนำทั่วไปที่ขายดีสุดๆ จนทำขายไม่ทันเลยทีเดียว และถ้าอยากลองทำขนมเค้กชิฟฟ่อนก็สามารถทำได้ เพราะขั้นตอน และสูตรที่ใช้ทำขนมนั้นไม่ยุ่งยากอีกด้วย

สอนวิธีทำ ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อเค้กนุ่มฟู ไขมันต่ำ อบอวลด้วยกลิ่นเนยสด

ชิฟฟ่อนเค้ก

เชื่อว่าหลายคนคนที่ชอบทาน ชิฟฟ่อน เค้ก อยากลองทำขนมเค้กชิฟฟ่อนทานเองที่บ้านดูบ้าง แต่แน่นอนว่าการทำเค้กสักชิ้นทุกคนคิดว่าต้องทำยาก และขั้นตอนยุ่งยากแน่เลย แต่แท้จริงแล้วขนมชิฟฟ่อนนั้นทำไม่ยากอย่างที่คิด แถมคนที่เป็นมือใหม่ฝึกทำขนมก็สามารถได้เช่นกัน ซึ่งสูตรชิฟฟ่อนมีให้เลือกทำหลากลหลายสูตรตามใจชอบ อาทิ สูตรชิฟฟ่อนวนิลา ซึ่งสูตรนี้ขนมจะมีกลิ่นหอมอบอวลไปด้วยดลิ่นวนิลาตัดกลับรสชาติหวานละมุนลิ้นสุดๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมอย่าง ชิฟฟ่อนเนยสด มีรสชาติหวานหอมกลิ่นเนยสด เรียกว่ายิ่งทานยิ่งหยุดไม่ได้กันเลยทีเดียว ว่าแต่วิธีทำขนมเค้ก ชิฟฟ่อนต้องมีส่วนผสมอะไรบ้างไปดูกันเลย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของขนมเค้ก 1 ปอนด์ 

ชิฟฟ่อนเค้ก

ส่วนผสมของไข่ขาว

  1. ไข่ขาว 3 ฟอง
  2. แป้งข้าวโพด 15 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 60 กรัม
  4. ครีมออฟทาร์มาร์ หรือน้ำมะนาว ½ ช้อนชา

ส่วนผสมของไข่แดง

  1. ไข่แดง 3 ฟอง
  2. แป้งเค้ก 70 กรัม
  3. น้ำมันพืช 30 กรัม
  4. นมข้นจืด 50 กรัม
  5. กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมของชิฟฟ่อนเค้ก สำหรับทำ สูตร ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อนุ่ม เรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อไปเป็นขั้นตอนการทำเค้กชิฟฟ่อนแบบไม่ยาก และใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากทำขนมทานเอง โดยวิธีทำมีดังต่อไปนี้

ชิฟฟ่อนเค้ก
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย เตรียมส่วนผสมของไข่แดง โดยเริ่มจากนำส่วนเทน้ำมันใส่หม้อ เปิดไฟปานกลาง รอให้น้ำมันร้อน ปิดไฟและยกออกจากเตา
  2. จากนั้นนำเค้กใส่ลงไปในหม้อน้ำมัน ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำแป้งเทใส่ภาชนะที่เตรียมสำหรับผสม ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน ใส่น้ำตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไปทีละฟอง และเติมกลิ่นด้วยวินิลลาตะล่อมให้เข้ากันและพักไว้ 
  3. ต่อมาเตรียมส่วนผสมของไข่ขาว โดยเริ่มจากนำไข่ขาวมาตีจนเป็นฟองหยาบ จากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปตีให้เข้ากันอีกรอบ ต่อมาให้เติมแป้งข้าวโพดลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง จนไข่ขาวตั้งยอด 
  4. นำส่วนผสมที่เป็นไข่ขาวบางส่วนผสมในส่วนผสมที่เป็นไข่แดง เสร็จแล้วตะล่อมเบาๆ จนเข้ากัน ตักส่วนผสมทั้งหมดลงไปในพิมพ์ที่ทาเนยไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำถาดเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที เมื่อได้อบเสร็จแล้วให้นำเค้กมาตัดแบ่งออกเป็น 6 ส่วน จากนั้นนำเค้กเข้าอบต่ออุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที 
  5. หลังจากอบเสร็จแล้ว นำกระดาษไขวางด้านบน และคว่ำหน้าขนมเค้กในถาดที่มีขนาดแบน จากนั้นพลิกกลับด้าน ตักใส่จานแล้วนำไปเสิร์ฟได้เลย
ชิฟฟ่อนเค้ก

เสร็จไปแล้วกับขั้นตอนการทำชิฟฟ่อนเค้ก ก้อนกลมที่มีกลิ่นหอมของเนยสด เนื้อนุ่มฟู รสชาติหวานละมุน นอกจากนี้ชิฟฟ่อนเค้ก คือ เค้กที่สามารถนำไปปรับสูตรที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความน่าทาน และมีความอร่อยมากขึ้น เรียกว่าเป็นเมนูเบเกอรี่ชวนทานสุดๆ 

แชร์เทคนิคทำชิฟฟ่อนเค้กให้น่าทาน เนื้อแป้งนุ่ม รสชาติหวานหอม 

ชิฟฟ่อนเค้ก

สำหรับเทคนิคการทำชิฟฟ่อนเค้ก ซึ่งวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ ให้มีเนื้อนุ่มนิ่ม เริกแรกให้นำมันที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปตั้งเตาให้หม้อร้อน หรือจะเอาน้ำมันเข้าเตาไมโครเวฟก็ได้เช่นกัน หลังจากนั้นใส่แป้งเค้กลงไปคนส่วนผสมให้เข้ากัน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะทำให้เค้กมีเนื้อนุ่มขึ้น เพราะไขมันจะช่วยเคลือบเม็ดแป้งไว้ เวลาใส่ส่วนผสมที่เป็นน้ำจะทำให้แป้งไม่จับตัวเป็นเม็ด และเหนี่ยวมากขึ้นนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมเบเกอรี่ที่มีเนื้อนุ่มฟู และที่สำคัญยังเป็นเมนูเบเกอรี่ทำเองได้ง่ายๆ ไม่ยาก 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

ที่สุดของความอร่อย มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ รสชาติเปรี้ยว หวาน อร่อยโดนใจ

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหนึ่งในเมนูมัฟฟินที่ไม่ว่าจะทานกี่ชิ้นก็อร่อยไม่มีเบื่ออย่าง มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ เนื้อแน่น นุ่มฟู รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เนื้อบลูเบอรรี่แบบจัดเต็ม หอมอร่อย เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากนี้ยังมี มัฟฟิน สูตรมัฟฟินบลูเบอรี่ครัมเบิ้ล ที่มีเต็มไปด้วยบลูเบอรรี่ฉ่ำๆ จัดเต็มทุกชิ้น และที่สำคัญใครที่กำลังอยากทำมัฟฟินไว้ทานเองที่บ้าน หรือมอบให้กับคนพิเศษ แต่ไม่มีเวลาไปเรียนทำขนม ดังนั้นเรามีสูตรทำมัฟฟิน เนื้อนุ่มละมุนลิ้นมาให้ได้ทำตามกัน

เปิดวิธีการทำ มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ เนื้อบลูเบอรรี่แบบจัดเต็ม ฟินทุกคำ 

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

บ้านไหนมีบลูเบอรรี่สดในตู้เย็น ทานไม่หมดไม่รู้จะไปทำอะไรทานดี ขอแนะนำเมนูขนมหวานยอดนิยม อย่าง มัฟฟินบลูเบอร์รี่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่หวานละมุนละไม ที่มาพร้อมกับรสชาติเปรี้ยวของบลูเบอรรี่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอบอวลของของเนยสดอร่อยจนเลยลืมนับปริมาณแคลลอรี่กันเลยทีเดียว ส่วนสูตรมัฟฟินจะนำมาแชร์นี้มีความพิเศษตรงที่เติมกลิ่นให้ขนมมีความหอมเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งวิธีการทำขนมก็ทำง่ายมากๆ เพียงมีเตาอบก็สามารถทำได้แล้ว อีกทั้งขนมทำเองยังสามารถปรับลดความหวานได้ตามใจชอบ พร้อมจัดเต็มด้วยบลูเบอรรี่แบบไม่อั้นกันเลยทีเดียว 

วัตถุ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่
  1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  2. นมสดรสจืด 100 กรัม
  3. แป้งเค้ก 200 กรัม
  4. ผงฟู 1 ช้อนชา
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  7. กลิ่นเมลม่อน 1 ช้อนชา
  8. บลูเบอรรี่สด 170 กรัม
  9. น้ำมันรำข้าว 100 กรัม

สำหรับส่วนผสมที่ใช้ทำขนม มัฟฟิน สูตรบลูเบอรรี่ หากชอบความหวานแบบจัดเต็มสามารถปรับเพิ่มอัตราส่วนของน้ำตาลได้ตามใจชอบ และหลังจากที่เตรียมวัตถุดิบทั้งหมดแล้ว ในส่วนขั้นตอนการทำขนมเบเกอรี่ง่ายๆ ดังนี้

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่
  1. ในขั้นตอนแรกเรามาเริ่มกันที่นำไข่ไก่มาตอกลงชาม และตีให้เข้ากัน เสร็จแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน หลัวจากนั้นเติมกลิ่นเลมอนลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตามด้วยน้ำมันรำข้าว นมสดรสจืด ทำการคนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. นำแป้งเค้ก มาผสมกับผงฟู และเกลือ จากนั้นเทใส่ส่วนภาชนะที่มีส่วนผสมอื่นๆ อยู่แล้ว เสร็จแล้วใช้เครื่องตีส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวเข้ากัน และเมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่บลูเบอรรี่ลสดที่ล้างน้ำเรียบแล้วใส่ในถ้วยพิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข หลังจากนั้นตำบลูเบอรรี่ให้แตกเบาๆ เสร็จแล้วตามด้วยแป้งเค้กที่ผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้วลงไปในถ้วยพิมพ์ จากนั้นโรยด้วยหน้าเค้กด้วยบลูเบอรรี่สด
  3. นำถาดขนมเข้าเตาอบที่อุณหถูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที เมื่อครบกำเวลาแล้ว ให้ใช้ไม้จิ้มขนมเค้กถ้าเนื้อเค้กไม่ติดไม้ออกมาแสดงว่าขนมสุกดีแล้ว นำถาดขนมออกมาจากเตาอบได้เลย และพักไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟได้เลย
มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

ขนมมัฟฟิน บลูเบอร์รี่ ที่ทำเสร็จใหม่ๆ จะมีความหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเลม่อน และกลิ่นเนยสด และมีเนื้อแป้งที่นุ่มฟู ผสมผสานกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของบลูเบอรรี่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งหน้าตาน่าทานจนอดใจไม่ไหวกันเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นเบเกอรี่อีกหนึ่งเมนูที่ต้องลองทำทาน เพราะสามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว โดยไม่ต้องไปซื้อทานที่ร้าน ที่สำคัญยังประหยัดเงินในกระเป๋าไปหลายบาทเลยทีเดียว 

ชวนทำ มัฟฟิน บลูเบอร์รี่รีครีมชีส หวานอร่อย หอมกลิ่นชีสเข้มข้น 

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ เป็นเมนูเบเกอรี่ที่หลายคนทานแล้วติดอกติดใจในความหวานตัดเปรี้ยวหน่อยๆ ทำให้สามารถทานขนมได้เยอะขึ้น เพราะรสชาติของขนมไม่เลี่ยน แถมยังหอมอร่อยฟินทุกชิ้น แถมยิ่งดป็นสูตรบลูเบอรรี่ทำเองจะยิ่งมีความอร่อยเพิ่มมากขึ้น แถมทานได้หลายชิ้น โดยไม่ต้องจ่ายแพงอีกด้วย และเรามีอีกหนึ่งสูตรเบเกอรี่ทำเองง่ายๆ อย่าง มัฟฟิน บลูเบอร์รี่รีครีมชีส ที่มีความโดดเด่นของชีสแบบจัดเต็ม ไม่เพียงเท่านั้น รสชาติของขนมยังอร่อยแบบเข้มข้นอีกด้วย 

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่

จบไปแล้วกับมัฟฟิน บลูเบอร์รี่ หนึ่งในเมนูมัฟฟินที่หาทานได้ในร้านขนมทั่วไป และยังเป็นเมนูขนมสุดโปรดของใครหลายคน เพราะรสชาติอร่อยไม่เหมือนขนมชนิดอื่น และเป็นขนมที่ทานแล้วไม่หยุดทานกันเลยทีเดียว ส่วนวิธีทำก็ง่ายมากๆ ไม่ยุ่งยากใหม่ทำได้แน่นอน

อ่านบทตวามอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตรขนม มัฟฟินกล้วยหอม เนื้อกล้วยจัดเต็ม หวานอร่อยกำลังดี

มัฟฟินกล้วยหอม

กล้วยหอม เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่คนไทยชอบทาน เพราะรสชาติของกล้วยหอมมีความหวาน หอม เนื้อแน่น ทานไม่ทุกวันไม่มีเบื่อ ส่วนบ้านไหนที่ปลูกกล้วยหอม แล้วทานไม่หมด จะทิ้งก็เสียดาย วันนี้มีขนมสูตรกล้วยมาให้ติดตาม นั่นก็คือ มัฟฟินกล้วยหอม เป็นขนมเค้กที่ใส่กล้วยหอม ทำให้ขนมมีกลิ่นหอมของกล้วย และเนื้อแป้งที่นุ่มเด้ง ส่วนเนื้อสัมผัสที่นุ่มอัดแน่นไปด้วยเนื้อกล้วยเน้นๆ อร่อยฟินทุกคำ ส่วนวิธีทำมีหลายคนคิดว่าจะทำยากมาก แต่แท้จริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด นอกจากนี้ยังสามารถทำขนมเค้กสูตรมัฟฟินกล้วยหอม ไร้แป้ง ซึ่งเป็นสูตรที่ไม่ใช้แป้งแต่จะใช้ข้าวโอ๊ตแทน เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพสุดๆ 

วิธีทำ มัฟฟินกล้วยหอม ให้อร่อย เนื้อเค้กนุ่มเด้ง เนื้อกล้วยจัดเต็ม

มัฟฟินกล้วยหอม

เชื่อว่าหลายคนคงเคยทาน มัฟฟิน กล้วยหอม ที่แสนอร่อยไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า วิธีทำมัฟฟิน กล้วยหอม นั้นง่ายมากๆ และขั้นตอนไม่ยุ่งยาก สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ฝึกทำขนมก็สามารถทำขนมชนิดนี้ได้ โดยรสชาติขนมที่ทำออกมานั้นมีความหวาน หอม เนื้อเค้กนุ่มนิ่ม แถมยังอัดแน่นไปด้วยเนื้อกล้วยหอมแบบจัดหนักจัดเต็ม ที่สำคัญขนมกล้วยหอมยังเหมาะสำคนรักสุขภาพอีกด้วย เพราะสามารถทำเป็นขนมกล้วยสูตรคลีน หรือสูตรไร้แป้ง แบบง่ายๆ แถมรสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์สูตร มัฟฟินกล้วยหอมหวานน้อยมาให้ทุกคนได้ติดตามกัน 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

มัฟฟินกล้วยหอม
  1. กล้วยหอมสุกหอม 200 กรัม
  2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  3. ผงฟู 1 ช้อนชา
  4. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  5. เบกิ้งโซดา 150 กรัม
  6. เกลือ ½ ช้อนชา
  7. เนยละลาย 50 กรัม
  8. แป้งอเนกประสงค์ 200 กรัม

สำหรับส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมนั้นเป็นของ สูตรมัฟฟินกล้วยหอม น้ำตาลน้อย แต่ถ้าใครที่ชอบความหวานปกติสามารถเติมน้ำตาลเพิ่มได้ ส่วนวิธีทำสามารถทำตามได้ดังนี้

มัฟฟินกล้วยหอม
  1. ขั้นตอนแรกนำกล้วยหอมมาบด โดยเลือกกล้วยหอมที่มีความสุกงอมมาปลอกเปลือก และบดกล้วยให้ละเอียด เมื่อกล้วยบดละเอียดแล้วพักไว้ก่อน หลังจากนั้นมาเตรียมเนยสด น้ำตาลทราย ไข่ไก่ลงไปตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน โดยใช้เครื่องทำขนม เสร็แล้วใส่กล้วยหอมที่ทำการบดไว้แล้วลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกรอบ 
  2. นำมาแป้ง และผงฟู เบกิ้งโซดา และเกลือป่น มาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง โดยเราจะไม่ใส่ทั้งหมดทีเดียว แต่จะแป้งเทใส่ 2 รอบ เพราะช่วยให้แป้งผสมเข้ากับส่วนผสมอื่นได้เร็วขึ้น
  3. เมื่อตีแป้งเป็นเนื้อเดียวกันเรียบร้อยแล้ว ให้นำมาตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ จากนั้นโรยหน้าด้วยซ็อกโกแลตชิพ นำไปอบในเตาอบที่อุณภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-25 นาที พร้อมเปิดไฟบน-ล่าง ตามด้วยพัดลม หลังจากที่อบเสร็จแล้ว ให้นำมาพักไว้บนตะแกรง เพียงเท่านี้ก็เป็นเสร็จเรียบร้อย
มัฟฟินกล้วยหอม

สำหรับวิธีทำขนมมัฟฟินกล้วยหอมให้มีความอร่อยมากขึ้น โดยก่อนนำมารับประทานให้นำขนมกล้วยหอมไปแช่ในตู้เย็นข้ามคืนจะช่วยให้เนื้อเค้กมีความชุ่มฉ่ำมากขึ้น และยังทำให้มีกลิ่นกล้วยหอมที่เข้มข้นขึ้น สำหรับสูตร มัฟฟินกล้วยหอมที่เรานำมาแชร์นั้นเป็นสูตรหวานน้อย ดั้งนั้นคนที่กลัวอ้วนสามารถทานเมนูขนมหวานชนิดนี้ได้แน่นอน เพราะขนมมีปริมาณแคลลอรี่น้อย แถมรสชาติยังอร่อยถูกใจทุกคำ เคี้ยวเพลินสุดๆ 

แนะนำขนมมัฟฟินกล้วยหอม สูตรข้าวโอ๊ต อร่อย และได้สุขภาพ

มัฟฟินกล้วยหอม

สำหรับใครรักสุขภาพ แต่อยากทานขนมหวานแสนอร่อย และมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ขอแนะนำมัฟฟินกล้วยหอม สูตรข้าวโอ๊ต รสชาติหวาน หอมกลิ่นกล้วย และข้าวโอ๊ตชัดเจน ส่วนวิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ โดยสามารถทำตามสูตรเบเกอรี่ขนมเค้กกล้วยหอมที่เรานำมาแชร์ได้เลย โดยเปลี่ยนจากแป้งอเนกประสงค์เป็นข้าวโอ๊ตปริมาณ 2 ถ้วย และ เปลี่ยนจากน้ำตาลทรายเป็นน้ำผึ้ง หรือสารให้ความหวานแทน และเพิ่มกรีกโยเกิร์ตอีก 1 ถ้วย เมื่อได้ส่วนผสมแล้วนำมาผสมให้เข้ากันตามขึ้นตอนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ได้เลย เสร็จแล้วจะได้ขนมเค้กกล้วยหอมสูตรข้าวโอ๊ตที่แสนอร่อยไม่เหมือนใคร แถมยังสามารถทำทานได้ทุกวัน พร้อมเป็นขนมหวานที่ทานรองท้องแล้วอิ่มนาน ไม่หิว ไม่อ้วนอีด้วย

มัฟฟินกล้วยหอม

ขนมมัฟฟินกล้วยหอมนั้น ถือว่าเป็นเบเกอรี่ทำเองได้ทุกวัน โดยไม่ต้องไปทานที่ร้านให้เสียเงิน แถมขนมเค้กที่ทำเองนั้นมีความอร่อยไม่แพ้ทานที่ร้านดังๆ อีกด้วย และที่สำคัญยังสามารถทำได้หลายสูตร ทั้งสูตรขนมเค้กกล้วยหอมหวานน้อย สูตรคลีน เพื่อสุขภาพก็สามารถทำได้หมด และอร่อยด้วย

Sagame เป็นเว็บไซต์เกมที่มีคุณภาพและน่าเล่นที่สุดในไทย มาร่วมสนุกกับเกมออนไลน์ที่น่าตื่นเต้นและไม่มีเหตุผลเพื่อออกไปเล่นที่อื่น

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตรขนมยอดฮิต มัฟฟินช็อคโกแลต หวาน หอมกลิ่นซ็อคโกแลต

มัฟฟินช็อคโกแลต

หากใครชอบทานซ็อคโกแลตเป็นประจำอยู่ วันนี้เรามีอีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่น่าสนใจอย่าง มัฟฟินช็อคโกแลต คือหนึ่งในขนมเค้กที่มีรสชาติหวานละมุนแบบเข้มข้น และอบอวลไปด้วยกลิ่นซ็อคโกแลตที่หอมสุดๆ เรียกว่าหากได้ลองทานแล้วจะต้องติดใจและอยากทานอีกแน่นอน อีกทั้งเนื้อแป้งของ มัฟฟิน ช็อกโกแลต มีความนุ่มฟูเคี้ยวเพลินสุดๆ รับรองว่าขนมชนิดนี้ต้องถูกใจหลายๆ คนอย่างแน่นอน และที่สำคัญยังเป็นขนมที่สามารถพกไปรับประทานที่บ้าน หรือที่ทำงานได้สะดวกอีกด้วย เพราะขนมถูกออกแบบให้เป็นถ้วยขนาดเล็กทำให้พกพาไปรับประทานได้สะดวก โดยไม่ต้องกลัวขนมจะเละอีกด้วย

เผยสูตร มัฟฟินช็อคโกแลต รสชาติอร่อย หวานละมุนละไม 

มัฟฟินช็อคโกแลต

เชื่อว่าหลายคนที่ชอบทานขนมเค้กอยากลองทานเมนูขนมชนิดอื่นดูบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะทานขนมอะไรดี ที่ทานแล้วไม่เลื่อนเกินไป และสามารถทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างชาเขียว กาแฟ ได้ด้วย ขอแนะนำ มัฟฟิน ช็อคโกแลต เนื้อนุ่มฟู รสชาติหวาน กลิ่นช็อคโกแลตจัดเต็มอร่อยทุกคำ และรูปร่างของขนมมีขนาดเล็กน่ารักสุดๆ ในส่วนของวิธีทำก็ง่ายๆ ไม่ยากสามารถทำเองได้ที่บ้าน ส่วนสูตรมัฟฟินช็อคโกแลตชิพที่ใช้ทำวันนี้เป็นสูตรอย่างง่าย โดยเริ่มแรกต้องเตรียมวัตถุดิยกันก่อนดังนี้

มัฟฟินช็อคโกแลต
  1. แป้งเค้ก 150 กรัม
  2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. น้ำตาลทราย 130 กรัม
  5. ผงฟู 1 ช้อนชา
  6. ผงโกโก้ 20 กรัม
  7. น้ำมันรำข้าว 100 กรัม
  8. ซ็อกโกแลตชิพ 140 กรัม
  9. กลิ่นวนิลลา ½ ช้อนชา
  10. น้ำเปล่า 90 กรัม

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบในการทำมัฟฟิน สูตรช็อคโกแลต เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากใครต้องการทำขนมในปริมาณเยอะกว่านี้สามารถเพิ่มอัตราส่วนของส่วนผสมได้ตามใจชอบ เสร็จแล้วในขั้นตอนต่อไปเราจะเข้าสู่ขั้นตอนช็อคโกแลตมัฟฟิน อย่างง่ายๆ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้ 

มัฟฟินช็อคโกแลต
  1. ในขั้นตอนแรกให้ใส่ไข่ไก่ และน้ำตาลในไปในชามที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อคนส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยเกลือ และกลิ่นวนิลลา ทำการตีส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำเปล่าลงไปตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
  2. นำแป้งเค้ก ผงโกโก้ และผงฟู มาร่อนใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ใส่ส่วนผสมของไข่ไก่ลงไป เสร็จแล้วตีส่วนผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ส่วนผสมเข้ากันเรียบร้อยแล้วให้นำน้ำมันรำข้าวใส่ลงไป และคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  3. เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาให้ใส่ซ็อกโกแลตชิพลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกรอบ จากนั้นเตรียมถาดรองขนมด้วยกระดาษไข พร้อมทั้งเตรียมพิมพ์ใส่ขนมมัฟฟินรองด้วยถ้วยคัพเค้ก เสร็จแล้วใส่แป้งที่เตรียมไว้ลงไป แค่ประมาณครึ่งถ้วย และโรยหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพ 
  4. จากนั้นนำถาดถ้วยมัฟฟินซ็อกโกแลต ใส่ลงไปในเตาอบ โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 170 องศาเซลเซีส ใช้ไฟบน-ล่าง และเปิดพัดลมเป็นเวลา 15 นาที เมื่อขนมอบเสร็จนำถาดขนมออกจากเตาอบ และนำมาพักไว้ให้เย็น 
มัฟฟินช็อคโกแลต

เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีทำขนมมัฟฟินช็อคโกแลต กับสูตรมัฟฟิน หนึ่งในเมนูเบเกอรี่ง่ายๆ ทำได้หลายชิ้น และรสชาติที่มีความหวานของขนมมัฟฟินละมุลลิ้น ส่วนเนื้อเค้กมีความนุ่มฟู หอมกลิ่นซ็อกโกแลตเข้มข้น และยิ่งทำเสร็จใหม่เนื้อแป้งจะนุ่มอร่อยเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นเบเกอรี่ที่ทำทานได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปซื้อที่ร้านให้เสียเวลาอีกด้วย

แชร์ความอร่อยมัฟฟินช็อคโกแลต เนื้อนุ่มฟู ทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ 

มัฟฟินช็อคโกแลต

มัฟฟินช็อคโกแลตเป็นหนึ่งในขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่มีการเผยแพร่ขนมมัฟฟินสู่ประเทศอเมริกา และมีการพัฒนาสูตรมาอย่างยาวนาน จนมาเป็นสูตรเบเกอรี่ ที่เรียกว่า ซ็อกโกแลตมัฟฟินในปัจจุบัน ซึ่งจุดเด่นของขนมชนิดอยู่ที่เนื้อแป้งมีความนุ่มฟู และตามกลิ่นซ็อกโกแลตแข้มข้นสุดๆ อีกทั้งรสชาติยังมีความโดดเด่นในเรื่องความหวานละมุนละไม จนไม่สามารถหยุดทานได้เลย และที่สำคัญยังเป็น เบเกอรี่ทำเองที่บ้านได้โดยไม่ต้องเรียนทำขนมให้เสียเวลาอีกด้วย

มัฟฟินช็อคโกแลต

มัฟฟิน ช็อคโกแลต คือเมนูเบเกอรี่ ขนมสุดโปรดของคนชอบทานซ็อกโกแลต เพราะเนื้อขนมมีความนุ่มละมุน ตัดกับความหอมของซ็อกโกแลตอร่อยลงตัวสุดๆ นอกจากนี้ยังเป็นเมนูมัฟฟิน ที่สามารทานคู่กับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชาเขียว กาแฟ เป็นต้น

เรียนรู้เกม ไฮโลไทย ที่นี่! อ่านเกี่ยวกับประวัติ, กติกา, วิธีเล่น และพบกับความสนุกสนานที่ไม่มีที่สิ้นสุดในเกมไฮโลไทย เข้ามาสนุกได้เลย!

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

ขอแนะนำ มัฟฟินข้าวโอ๊ต ขนมหวานเพื่อสุขภาพ แสนอร่อย

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

สำหรับใครที่ชอบรับประทานขนมหวานเป็นประจำ แต่กำลังลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้ ขอแนะนำเมนูขนมหวานแสนอร่อยทานได้ทุกวันไม่อ้วน แถมยังได้สุขภาพ นั่นก็คือ มัฟฟินข้าวโอ๊ต เป็นขนมยอดนิยมของกลุ่มรักสุขภาพ โดยขนมชนิดนี้มีทั้งสูตรมัฟฟินข้าวโอ๊ต ไมโครเวฟ และสูตรเตาอบ ซึ่งรสชาติของทั้งสองสูตรไม่มีความแตกต่างกัน ส่วนเนื้อเค้กมีความนุ่มนิ่มเคี้ยวเพลินสุดๆ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแชร์วิธีการทำมัฟฟินข้าวโอ๊ต ไร้แป้ง น้ำตาลน้อยให้คนรักสุขภาพได้ทำตามกัน

วิธีทำ มัฟฟินข้าวโอ๊ต อย่างง่าย น้ำตาลน้อย รสชาติหวานละมุน 

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

มาเอาสายสุขภาพกันบ้าง กับเมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพ อย่าง มัฟฟิน ข้าวโอ๊ต ขนมหวานที่คนรักสุขภาพนิยมทานกัน เพราะน้ำตาลน้อย ไร้แป้ง แถมยังมีแคลลอรี่ต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน อีกทั้งรสชาติของขนมมัฟฟินสูตรข้าวโอ๊ตยังสามารถทานได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย นอกจากนี้มัฟฟิน เพื่อสุขภาพยังทำง่ายๆ มือใหม่ก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังทำทานลองท้องก่อนออกกำลังกาย หรือระหว่างมื้อกลางวันก็อิ่มท้องเช่นกัน แต่ก่อนที่จะมาลงมือทำขนม เราต้องมีเตรียมวัตถุดิบกันก่อนดังนี้

มัฟฟินข้าวโอ๊ต
  1. ข้าวโอ๊ต 100 กรัม
  2. ผงฟู 30 กรัม
  3. อัลมอนด์ปั่นละเอียด 40 กรัม
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. นมสด 50 กรัม
  7. โยเกิร์ต 100 กรัม

สำหรับวัตถุที่เตรียมไว้ ถ้าบ้านอยากทาน มัฟฟิน คลีน สามารถเปลี่ยนจากน้ำตาลทราย เป็นสารให้ความหวานแทนได้ และเปลี่ยนจากนมสดเป็นนมอัลมอนแทน เพียงเท่านี้ก็สามารถทำขนมแบบคลีนๆ ได้แล้ว ส่วนขั้นตอนการทำขนมแบบง่ายๆ ตามฉบับมือใหม่หัดทำสามารถทำตามได้ดังนี้

มัฟฟินข้าวโอ๊ต
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย นำข้าวโอ๊ตมาปั่นให้ละเอียด จากนั้นผสมข้าวโอ๊ตที่ปั่นแล้วกับผงอัลมอนด์ ตามด้วยผงฟู ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  2. นำไข่ไก่มาตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้ตะกร้อมือ หรือเครื่องตีแป้งตีจนไข่จะเป็นฟอง เมื่อไข่เป็นฟองดีแล้วใส่น้ำตาล และเกลือลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นตามนมสด และโยเกิร์ต ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใส่ข้าวโอ๊ตที่ผสมทุกอย่างแล้วลงไป เสร็จแล้วตีส่วนผสมทุกอย่างให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ก่อน
  3. ในระหว่างที่รอให้แป้งเค้กเซตตัว ทำการเปิดตู้อบที่อุณหภูมิ 180 องศาองเซลเซียส หลังจากเปิดตู้เรียบร้อย นำแป้งเค้กใส่ในพิมพ์ นำไปอบประมาณ 20 – 30 นาที เสร็จแล้วนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็น และแกะออกจากพิมพ์ หรือจะจัดใส่จานเลยก็ได้เช่นกัน 
มัฟฟินข้าวโอ๊ต

จบไปแล้วกับวิธีการทำมัฟฟินข้าวโอ๊ต รสชาติหวาน หอมกลิ่นข้าวโอ๊ตแบบเต็มคำที่มาพร้อมกับความหวานละมุนละไม สำหรับใครที่อยากเพิ่มความอร่อยสามารถตกแต่งหน้าขนมด้วยอัลมอนด์สไลด์ เพื่อให้ขนมมีหอมเคี้ยวพลินๆ ฟินทุกคำ เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูเบเกอรี่เพื่อสุขภาพทานแล้วน้ำหนักไม่เพิ่ม คนลดน้ำหนักต้องลองทำทานกัน อีกทั้งยังสามารถทำได้ในปริมาณเยอะได้ และสามารถเก็บเข้าฟรีสไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน โดยที่เมื่ออยากรับประทานก็เอาออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง แล้วนำไปอุ่นด้วยเตาอบอุฯหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที หรือจะอุ่นในเตาไมโครเวฟ 12 นาทีก็ได้เช่นกัน

ประโยชน์ของข้าวโอ๊ต มัฟฟิน แคลน้อย อิ่มนาน 

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

มัฟฟินข้าวโอ๊ตไม่เพียงขนมทานเล่นเท่านั้นนแต่ยังเป็นอีกหนึ่ง เมนูเบเกอรี่ ที่มีปรโยชน์ต่อร่างกายเรียกว่าเป็นธัญพืชประเภทข้าวที่ทานได้สุขภาพไปเต็มๆ อาทิ ช่วยลดคลอเลสเตอรอล เสริมสร้างระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น ช่วยลดไขมันหน้าท้อง นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังอุดไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายคล่องมากขึ้น และที่สำคัญ ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย อุดมไปด้วยวิตามิน แมงกานีส ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี เป็นต้น ซึ่งประโยชน์ของธาตุเหล็กนอกจากจะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายแล้วยังมีส่วนช่วยกระตุ้นกระบวนการนำพาออกซิเจนผ่านร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น 

มัฟฟินข้าวโอ๊ต

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทำขนมอย่างง่าย ขอแนะนำ มัฟฟิน ข้าวโอ๊ต เมนูเพื่อสุขภาพที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น อีกทั้งขั้นตอนการทำเบเกอรี่ทำเองที่บ้านก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่มีเตาอบก็สามารถทำได้แล้ว นอกจากนี้ขนมสูตรข้าวโอ๊ตยังช่วยให้อิ่มท้องนานอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาทานอาหารเช้าสุดๆ และที่สำคัญทานได้ทุกวันมีเบื่อ และไม่อ้วน หุ่นสวย โดยไม่ต้องคุมอาหารเลยทีเดียว ดังนั้นเมนูขนมข้าวโอ๊ตมัฟฟิน เป็นอีกหนึ่งขนมหวานที่รักสุขภาพควรทานเป็นแทนขนมหวานทั่วไป เพราะไม่ต้องกังวลปริมาณแคลลอรี่ว่าจะเกินในแต่ละวันเลยทีเดียว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

แชร์สูตร (ไม่) ลับ ขนมชู ครีม ไส้ทะลัก หวานเข้มข้น หอมกลิ่นเนย ชวนทาน

ชู ครีม

หลายคนคงจะเคยเห็นขนม ชู ครีม ที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ขนมชนิดนี้มีที่ไปที่มาด้วยนะ สำหรับขนมชูครีม เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศษ แต่เดิมทีขนมมีชื่อเรียกว่า ชู อา คลเคร์ม โดยคำว่า ชู ในภาษาฝรั่งเศษมีความหมายว่า กะหล่ำปลี และคลเคร์ม หมายถึง ครีม นั่นเอง ซึ่งวิธีทำขนนมีสองขั้นตอน นั่นก็คือ ตั้นตอนอบแป้ง และขั้นตอนทำไส้ครีม จึงทำให้ขนมที่ความนุ่มนิ่มน่าทาน ต่อมาชาวฝรั่งเศษได้มีการเดินทางเข้ามาประเทศไทย และได้นำขนมชนิดมาเผยแพร่ในกับชาวไทยได้เป็นรู้จักกับขนมชนิดนี้ และปัจจุบันขนมชูครีม เป็นขนมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ชู ครีม

ชูครีม เป็นขนมก้อนกลมสุดน่ารัก แต่เต็มไปด้วยไส้ครีมแน่นๆ ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานเข้ม อบอวลไปด้วยกลิ่นเนยสดอร่อยทานได้ไม่มีเบื่อ และยังเป็นขนมที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านคาเฟ่ หรือร้านขนมทั่วไป แต่จะให้ไปซื้อทุกวันคงยากมาก หรือจะทำทานเองคงยากแน่นอน ซึ่งแท้จริงแล้วขนมชนิดนี้ทำไม่ยากอย่างที่คิด และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราจะพาทุกคนมาทำขนมชู ครีม ไส้ครีมเน้นๆ หวาน หอม อร่อยกำลังดี

ขั้นตอนทำ ชู ครีม รสชาติหวานจัดจ้าน เนื้อครีมเข้มข้น อร่อยจนต้องทำขาย! 

ชู ครีม

สำหรับใครกำลังหาขนมหวานรูปร่างสุดน่ารัก และอร่อยด้วย ต้องไม่พลาดกับชูครีม หรือ Choux Cream หนึ่งในขนมมีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ สุดน่ารัก ที่ซ่อนเนื้อครีมเยิ้มๆ เข้มข้นไว้ข้างในตัวขนมได้อย่างพอดี แถมรสชาติหวานอร่อยพอดี แถมยังเป็นขนมที่เคี้ยวเพลินสุดๆ ในส่วนวิธีทำนั้นก็ง่ายมาก หากอยากลองทำทานเองสักชิ้น วันนี้เรามีวิธีทำชูครีม ญี่ปุ่นสุดน่ารัก เน้นไส้ ไม่เน้นแป้ง ที่สำคัญสูตร ชู ครีม ญี่ปุ่น เนื้อครีมหวานเข้มข้น และยังเป็นขนมที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้อีกด้วย โดยก่อนที่จะเข้าขั้นตอนการทำขนม เรามาดูส่วนผสมแป้งขนมกันก่อน

ส่วนผสมแป้ง

  1. เนยสดชนิดจืด 80 กรัม
  2. แป้งเค้ก 70 กรัม
  3. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  4. เกลือ ½ ช้อนชา
ชู ครีม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของไส้ครีม

  1. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
  2. แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ
  3. ไข่แดง 5 ฟอง
  4. นมสด 400 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  6. วิปปิ้งครีม 150 ครีม
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

การทำชู ครีม แบบญี่ปุ่นแบบต้นตำรับจะมีส่วนผสมตามกล่าวมาข้างต้น ขนมชูครีมจะมีรสชาติหวานเข้มข้น แต่ถ้าไม่ชอบหวานสามารถลดปริมาณน้ำตาลลงได้ ซึ่งรสชาติที่ได้จะมีความกลมกล่อม และหอมกลิ่นเนยเหมือนต้นตำรับแน่นอน ส่วนวิธีทำนั้นสามารถทำตามได้ดังนี้

ชู ครีม
  1. นำหม้อมาตั้งเตา จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไป เปิดไฟปานกลางรอให้น้ำเดือด ใส่เนยสดชนิดจืดลงไป ตามด้วยเกลือป่น คนส่วนผสมให้เข้ารอให้เดือด ปิดไฟ และยกออกจากเตา 
  2. นำแป้งข้าวโพด และแป้งเค้กมาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ ผสมให้เข้ากัน ใส่ไปในหม้อเนย จากนั้นตอกไข่ไก่ลงไป ตีส่วนผสมทั้งหมดด้วยเครื่องตีขนมจนกว่าแป้งจะเป็นเนื้อเนียน พักไว้ก่อน
  1. หลังจากนั้น นำแป้งที่เตรียมก่อนหน้านี้ ตักใส่ถุงบีบลงในถาดอบขนม เป็นก้อนกลมๆ โดยจะต้องบีก้อนขนมให้มีขนาดเท่าๆ เพราะขนมจะสุกพร้อมกัน
  2. เมื่อบีบแป้งใส่ถาดจนหมดแล้ว นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที นำออกมาพักไว้ให้เย็น เพื่อรอใส่ไส้ครีมต่อไป
  3. ต่อมาเราจะมาทำไส้ครีม โดยเริ่มแรกนำแป้งข้าวโพด และแป้งเค้กมาร่อนในภาชนะที่เตรียมไว้ พักไว้ก่อน จากนั้นมาเตรียมหม้อใส่นมสดรสจืด รอให้เดือด ยกออกจากเตา
  4. นำไข่ไก่ ผสมกับน้ำตาลตีจนกว่าจะมีสีอ่อนๆ จากนั้นใส่แป้งที่เตรียมไว้ลงไป คนส่วนสผมให้เข้ากันอีกครั้ง 
  5. หลังจากนั้น นำน้ำตาลทราย และวิปปิ้งครีมมาตีจนส่วนผสมทั้งหมดฟู เทลงในส่วนผสมที่มีแป้งผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถุงแล้วนำไปบีบใส่แป้งชูครีมที่อบไว้ก่อนหน้านั้น
ชู ครีม

ชูครีม ที่ทำเสร็จแล้วจะมีลักษณะเป็นก้อนกลมสอดไส้ครีมนุ่มนิ่ม หอมกรุ่นไปด้วยทั่วห้องครัวเลยทีเดียว ขนมชูครีมสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ และยังเพิ่มรสชาติฉ่ำๆ อีกด้วย และก่อนที่จะนำมารับประทานต้องโรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่งบางๆ เพื่อเพิ่มรสชาติขนม และความสวยงาม 

เปิดความหลากหลาย แบบไม่รู้ลืม เบเกอรี่จากเมืองน้ำหอม สุดน่ารัก หลากรสชาติ

ชู ครีม

สำหรับขนมชู ครีมเป็นเมนูเบเกอรี่ยอดนิยมที่มีหลากสูตร โดยมีทั้งสูตรน้ำสะอาดเป็นส่วนผสมอย่างเดียว และสูตรที่ใข้น้ำ และนมสด ซึ่งทั้งสูตรจะให้ความอร่อยที่แตกต่างกัน และยังหลากหลายเวอร์ชั่นอีกด้วย อย่างเช่น ขนมชูครีมเนื้อแป้งกรุบกรอบ และเนื้อแป้งนุ่มนิ่ม อีกทั้งยังมีรสชาติ ไม่ว่าเป็น รสช็อกโกแลต หรือทำเป็นท๊อปปิ้ง โดยนำสตรอเบอรี่ มาตกแต่งกับขนมให้มีรสชาติอร่อยมากขึ้น

ชู ครีม

ดังนั้นจะเห็นว่าขนมชู ครีม เป็นขนมที่สามารถทานคู่กับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่ให้ความหอมกรุ่นละมุมละไม และในส่วนขั้นตอนการทำเบเกอรี่ง่ายนิดเดียว เพียงทำตามสูตรที่กล่าวมาข้างต้นก็สามารถทานได้เลย แถมเมนูเบเกอรี่ทำเองจะมีความหลากหลายเวอร์ชั่นไม่จำเจ ตามไสต์เบเกอรี่โฮมเมดที่มีความอร่อยไม่มีเบื่อ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
เบเกอรี่

ขนมอร่อยบอกต่อ! คุกกี้สิงคโปร์ รสชาติหวาน มัน อบอวลด้วยกลิ่นควันเทียนหอมกำลังดี

คุกกี้สิงคโปร์

หลายเชื่อว่าขนม คุกกี้สิงคโปร์ เป็นขนมจากประเทศสิงโปร์ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะแท้จริงล้วขนมชนิดนี้เป็นขนมไทย แต่ที่มีของชื่อขนมมาจากวัตถุดิบที่ใช้ทำขนมใช้แป้งมันสัมปะหลังเป็นส่วนผสม ซึ่งแป้งมันสัมปะหลังผลิตจากประเทศสิงคโปร์นั่นเอง สำหรับขนมคุกกี้ สิงคโปร์มีรสชาติหวาน มัน และมีกลิ่นควันเทียนหอมอบอวล ฟินสุดๆ แถมยังสามารถคู่กับเครื่องดื่มอย่าง ชา หรือกาแฟอร่อยอย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นขนมที่สามารถทานได้ทุกเวลาไม่มีเบื่อ แถมขนมคุกกี้ชนิดนี้ยังมีปริมาณแคลน้อยมาก เพียง 95 แคลลอรี่ เท่านั้น ทานเยอะแค่ไหนก็ไม่อ้วนแน่นอน

คุกกี้สิงคโปร์

คุกกี้ สิงคโปร์ ถือว่าเป็นขนมที่มีเนื้อแป้งกรุบกรอบเคี้ยวเพลินสุดๆ จนต้องขอเพิ่มเลยทีเดียว นอกจากรสชาติขนมจะอร่อยแล้ว รูปร่างหน้าตายังน่ารักอีกด้วย เรียกได้ว่าหากใครเห็นขนมชนิดจะต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน แต่ถ้าจะให้บ่อยๆ คงหมดเงินเป็นแน่ ดังนั้นวันนี้เรามีสูตรคุกกี้สิงคโปร์มาฝากทุกคนได้ลองทำตาม เผื่อใครอยากลองทำเล่นๆ ที่บ้าน รับรองว่าสูตรเรานำมาแชร์นั้นง่ายนิดเดียว แถมยังอร่อยเหมือนซื้อที่ร้านมาเลยทีเดียว 

วิธีทำ คุกกี้สิงคโปร์ ขนมยอดฮิต เนื้อแน่นกรุบกรอบ ทำง่ายๆ ได้ที่บ้าน 

คุกกี้สิงคโปร์

ขนมคุกกี้สิงคโปร์เป็นขนมที่มีความหวานละมุน ที่มาพร้อมกับกลิ่นควันเทียนที่หอมอบอวลอร่อยฟินทุกคำ นอกจากนี้เนื้อแป้งแน่น และกรุบกรอบเคี้ยวเพลินกันเลยทีเดียว นอจากนี้ขนมคุกกี้ สิงคโปร์ยังถูกนำมาเป็นขนมหวานตามงานเลี้ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง งานวันเกิด หรืองานเลี้ยงสังสรรค์อีกด้วย หากใครอยากลองทำขนมชนิดนี้ไว้ทานระหว่างมื้อ วันนี้เรามีวิธีทำคุกกี้สิงคโปร์ ง่ายๆ ที่บ้าน ซึ่งสูตรใช้ทำคุกกี้สิงคโปร์ สูตรดั้งเดิม รับรองว่าทำออกมาแล้วอร่อยแน่นอน

วัตถุดิบ และส่วนผสมของแป้งคุกกี้

  1. แป้งมัน 150 กรัม
  2. แป้งอเนกประสงค์ 300 กรัม
  3. เนยจืด 200 กรัม
  4. น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 150 กรัม
  5. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 50 กรัม
  6. เทียนอบขนม 1 แท่ง
  7. น้ำมันพืช 50 กรัม
คุกกี้สิงคโปร์

วัตถุ และส่วนผสมสำหรับทาหน้าขนม

  1. ไข่แดง 2 ฟอง
  2. เกลือป่น ½ ช้อนชา
  3. กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา

เมื่อเตรียมส่วนผสมของคุกกี้สิงคโปร์แล้ว ในขั้นตอนต่อมาเราจะมาทำเบเกอรี่อย่าง คุกกี้ สูตรสิงคโปร์ โดยมีขั้นตอนดังนี้

คุกกี้สิงคโปร์
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย นำเนยมาตีให้ฟูด้วยเครื่องตีขนม จากนั้นใส่น้ำตาลไอซ์ซิ่งลงไปตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ต่อมาให้นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ และแป้งมันร่อนลงในภาชนะที่เตรียมไว้ 
  2. นำแป้งที่ร่อนไว้แล้วใส่ในภาชนะที่ตีเนยไว้ โดยค่อยๆ เติมแป้งลงไป และน้ำมันพืชลงไปด้วย ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียว ตามด้วยไข่แดง เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  3. นำแป้งที่ได้มาทำการรีดให้แผ่นความประมาณ 1 เซนติเมตร นำพิมพ์กดลงไปบนแผ่นแป้งที่รีดไว้ จากนั้นนำไปวางบนถาดอบขนม โดยจะต้องขนมให้ห่างกันประมาณ 1 เซนติเมตร 
  4. นำเม็ดม่วงหิมะพานต์ผ่าครึ่ง นำไปวางบนแป้งคุกกี้ เสร็จแล้วทาไข่แดงลงไปบนหน้าขนม นำถาดอบเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 15 นาที พักไว้ให้เย็น
  5. นำขนมที่อบเสร็จแล้วนำมาอบควันเทียน เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำออกมาจัดใส่จาน เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมคุกกี้ สูตรสิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว
คุกกี้สิงคโปร์

คุกกี้ สิงคโปร์ ที่อบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีสีเหลืองสวยงาม รสชาติหวาน มัน เค็ม และหอมกลิ่นควันเทียน ส่วนเนื้อแป้งกรุบกรอบเคี้ยวเพลินจนหมดจาน เรียกได้ว่าเป็น เบเกอรี่ยอดนิยมที่มีวิธีการทำค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก และส่วนผสมมีเพียงน้อยสามารถทำได้แม้จะมีเวลาว่างเพียง 2-3 ชั่วโมงก็สามารถขนมสูตรดั้งเดิมได้

แชร์วิธีทำเบเกอรี่ง่ายๆ คุกกี้ สูตรสิงคโปร์ ขนมเทศกาลตรุษจีน

คุกกี้สิงคโปร์

คุกกี้สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งขนมที่นิยมทำในช่วงเทศกาลตุษจีน เพราะเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบ หอม หวาน และมีความเค็มหน่อยๆ ส่วนด้านบนของขนมถูกตกแต่งด้วยมะม่วงหิมพานต์ ทาเคลือบด้วยไข่แดงน่าทานสุดๆ สำหรับชนิดนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายขนมเจทั่วไปในท้องตลาด แต่ถ้าใครอยากลองเบเกอรี่ทำเองง่ายๆ อย่างคุกกี้ สูตรสิงคโปร์ เรามีสูตรมาให้ได้ลองทำตาม สำหรับสูตรนี้เราจะเปลี่ยนเนยสด เป็นเนยถั่วแทน แต่ส่วนผสมอื่นสามารถใช้ตามสูตรคุกกี้ สูตรสิงคโปร์ และวิธีทำสามารถทำตามที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย แต่ถ้าใครอยากให้ขนมคุกกี้สามารถเก็บไว้ได้นานๆ แนะนำให้ใช้น้ำมันปาล์มแทนน้ำมันหมู แต่ความหอมของขนมจะน้อยกว่าน้ำมันหมูนั่นเอง 

คุกกี้สิงคโปร์

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการทำขนมคุกกี้สิงคโปร์ที่หลายคนคิดว่าทำยากมากแน่ๆ แต่พอได้ทำเบเกอรี่โฮมเมดแล้ว ต้องบอกเลยว่าขนมสูตรนี้ทำง่ายมากๆ แถมยังสามารถได้ด้วยตัวเองที่บ้านอีกด้วย นอกจากนี้ขนมคุกกี้ที่ทำเสร็จแล้วสามารถนำมาเก็บไว้ทานได้อีกหลายวัน โดยที่รสชาติยังคงความอร่อย และกลิ่นหอมควันเทียนอบขนมเหมือนเดิม สำหรับใครอยากลองทำขนมสามารถทำตามสูตร และขั้นตอนเรานำมาให้ติดตามได้เลย เผื่อทำไว้ขายในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่สำคัญของไทย รายได้ปังแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ: